เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
Posted 15 January 2013 - 18:16
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
Posted 15 January 2013 - 18:16
Posted 15 January 2013 - 18:23
วอลแตร์
วอลแตร์ (ฝรั่งเศส: Voltaire; 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2237 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2321) เป็นนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีชื่อเดิมว่า ฟร็องซัว-มารี อารูเอ (François-Marie Arouet) เกิดที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2237 (ค.ศ. 1694) ในตระกูลคนชั้นกลาง
[แก้] ประวัติวอลแตร์เป็นคนมีการศึกษาดี ฉลาด มีไหวพริบ และมีความสามารถพิเศษทางวรรณศิลป์ เมื่อเขาเข้าศึกษาในโรงเรียนหลุยส์-เลอ-กร็อง (Louis-le-Grand) ที่มีชื่อของพระนิกายเยซูอิต ทำให้วอลแตร์มีความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ร่วมสมัย การเมือง ตลอดจนวรรณกรรมของนักเขียนกรีกโรมัน ซึ่งมีอิทธิพลทำให้เขามีรสนิยมแบบคลาสสิก เมื่อเขาจบการศึกษาวอลแตร์ก็ทำงานเป็นทนายความ แต่ความที่เขาเป็นคนหัวแข็งและชอบขบถ จึงไม่ชอบอาชีพนี้เลย เพราะเขาคิดว่าเป็นตำแหน่งที่ "ซื้อเอาได้" เขาอยากทำงานที่ "ไม่ต้องซื้อหา"
วอลแตร์หันมาเขียนหนังสืออย่างจริงจังเมื่ออายุได้ 20 ปี เขาชอบเขียนหนังสือประเภทเสียดสีสังคมอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะคบหาสมาคมกับชนชั้นสูงก็ตามแต่เขาก็ไม่ละเว้นที่จะโจมตีชนชั้นนี้ และในปี พ.ศ. 2260 (ค.ศ. 1717) เขาเขียนกลอนล้อเลียนผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จึงถูกส่งเข้าคุกบัสตีย์ ขณะที่อยู่ในคุกเขาเขียนบทละครโศกนาฏกรรมเรื่องแรกขึ้นชื่อ เออดิป (Œdipe) ในปี พ.ศ. 2261 (ค.ศ. 1718) เพื่อต่อต้านความเชื่อทางศาสนา ต่อต้านความเชื่อเรื่องโชคเคราะห์ และชะตาลิขิต และเพื่อเน้นความสำคัญทางเสรีภาพของมนุษย์ ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เมื่อนำออกแสดงภายหลังที่เขาพ้นโทษ ก็ส่งผลให้วอลแตร์มีฐานะทัดเทียมกับกอร์เนย (Corneille) และ ราซีน (Racine) นักเขียนบทละครโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 17 และทำให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างหรูหราในราชสำนัก ต่อมาเขาได้ใช้ชื่อ วอลแตร์ (Voltaire) ซึ่งเป็นชื่อที่เขาคิดขึ้นแทนชื่อเดิม
ในปี พ.ศ. 2269 (ค.ศ. 1726) วอลแตร์ถูกขังคุกอีกครั้ง เนื่องจากมีเรื่องพิพาทกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งคือ ดุ๊ก เดอ โรอ็อง-ชาโบ (Duc de Rohan-Chabot) เมื่อออกมาจากคุกเขาถูกเนรเทศไปอังกฤษ (พ.ศ. 2269 - 2271) ทำให้เขาได้มีโอกาสศึกษาปรัชญาของ จอห์น ล็อก (John Locke) นักปราชญ์ชาวอังกฤษและผลงานของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ที่มีอิทธิพลต่องานละครและผลงานอื่นของเขาในเวลาต่อมาเป็นอย่างมาก บทละครของวอลแตร์ที่ได้รับอิทธิพลจากเช็คสเปียร์ คือ Zaïre และ Brutus เพียงปีเดียวในประเทศอังกฤษ เขาก็มีผลงานเขียนเป็นภาษาอังกฤษชื่อ Essay Upon Epic Poetry นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2271 (ค.ศ. 1728) เขาก็ได้พิมพ์มหากาพย์ชื่อ La Henriade เพื่อสดุดีพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในฐานะกษัตริย์ที่ทรงขันติธรรมในด้านศาสนา เนื่องจากทรงเป็นผู้บัญญัติ “L’Edit de Nantes” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้สงครามระหว่างพวกคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ยุติลงได้ ซึ่งมหากาพย์นี้ไม่สามารถตีพิมพ์ในประเทศ ฝรั่งเศสเนื่องจากไม่เป็นที่พอใจของราชสำนัก รัฐสภา และพระสันตะปาปา
นอกจากนี้ วอลแตร์ยังนิยมความคิดของนิวตัน (Newton) นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก เขาแปลงานของนิวตัน และยังเขียนหนังสือว่าด้วยทฤษฎีของนักวิทยา-ศาสตร์ผู้นี้อีกหลายเล่ม วอลแตร์เห็นว่าแนวความคิดของนิวตันก่อให้เกิดการปฏิวัติในภูมิปัญญาของมนุษย์ เพราะนิวตันเชื่อว่าความจริงย่อมได้จากประสบการณ์และการทดลอง เขาไม่ยอมรับสมมติฐานใด ๆ โดยอาศัยสูตรสำเร็จโดยวิธีของคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว
เมื่อกลับประเทศฝรั่งเศสวอลแตร์ก็เขียนบทความโจมตีศาสนา เมื่อบาทหลวงปฏิเสธไม่ยอมทำพิธีให้กับนักแสดงละครหญิงซึ่งรับบทแสดงเป็นราชินีโจคาสต์ ในละครเรื่อง Œdipe นับตั้งแต่นั้นมาวอลแตร์จึงโจมตีเรื่องอคติ และการขาดขันติธรรมของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอยู่เสมอ แม้จะถูกตักเตือนและถูกข่มขู่จากผู้มีอำนาจเซ็นเซ่อร์งานเขียนของเขา แต่วอลแตร์ก็ไม่เคยเกรงกลัว นอกจากนี้เขายังเปิดโปงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง
เขาเกือบถูกจับอีกครั้งเมื่อพิมพ์หนังสือชื่อ จดหมายปรัชญา (Les Lettres philosophiques หรือ Lettres anglaises) ออกมาในปี พ.ศ. 2277 (ค.ศ. 1734) จดหมายปรัชญา มีทั้งความคิด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่เขียนด้วยโวหารที่คมคาย พร้อมด้วยการเสียดสีที่ถากถาง วอลแตร์วิพากษ์วิจารณ์ทั้งศาสนา การเมือง วิทยาศาสตร์ ปรัชญา และจบลงด้วยการวิจารณ์แบลส ปาสกาล (Blaise Pascal) นักคิดคนสำคัญทางด้านศาสนาในศตวรรษที่ 17 ผลงานชิ้นนี้ทำให้วอลแตร์กลายเป็นนักปราชญ์ที่ไม่เคยทำให้ผู้อื่นเบื่อ เป็นงานที่ลีลาการเขียนเฉพาะตัวของเขาเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และด้วยหนังสือเล่มนี้ทำให้เขาต้องหนีไปอยู่ที่วังซีเร (Cirey) ของมาดาม ดูว์ ชาเตอเล (Madame du Châtelet) ในแคว้นลอแรนน์ หล่อนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์และทรงความรู้ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันยาวนานถึง 17 ปี วอลแตร์รักหล่อนมาก นับว่าหล่อนเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญอีกคนหนึ่ง
ตลอดเวลาที่พักอยู่วังซีเร วอลแตร์จะเขียนหนังสืออยู่ไม่หยุด และจะสนใจศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์ด้วย เขามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ปรัสเซีย ซึ่งเขาได้กลายเป็นคนโปรดของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซีย (Frederic II roi de Prusse) ในปี พ.ศ. 2288 (ค.ศ. 1745) วอลแตร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักประวัติศาสตร์แห่งชาติ และปีต่อมาก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกบัณฑิตยสถานของฝรั่งเศส (l’Académie française) และยังได้รับบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางอีกด้วย จากการที่วอลแตร์เป็นคนที่มีความสามารถ เขาจึงได้กลายเป็นที่โปรดปรานของมาดาม เดอ ปงปาดูร์ (Madame de Pompadour) พระสนมเอกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แต่อย่างไรก็ตามชีวิตของเขาก็เริ่มตกอับ กล่าวคือเขาเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตในราชสำนักที่มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ การแก่งแย่งชิงดี ประจบสอพลอ อีกทั้งมาดาม เดอ ปงปาดูร์ ก็หันไปโปรดกวีคนใหม่คือ เครบียง (Crébillon) และยิ่งร้ายไปกว่านั้นในปี พ.ศ. 2292 (ค.ศ. 1749) มาดาม ดูว์ ชาเตอเล ก็ได้เสียชีวิตลง วอลแตร์จึงรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างมาก ชะตาชีวิตระหว่างปี พ.ศ. 2286-2290 นี้ นับเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งนวนิยายเชิงปรัชญาที่สำคัญ คือ ซาดิก (Zadig ou La Destineé) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2291 (ค.ศ. 1748)
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2293 (ค.ศ. 1750) เขาได้รับเชิญจากพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ให้ไปอยู่ในราชสำนัก ระหว่างที่พักอยู่ที่ราชสำนักเบอร์ลินเขาได้ตีพิมพ์ผลงานที่สำคัญสองเรื่อง คือ ศตวรรษพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Le Siècle de Louis XIV) และนิทานปรัชญาเรื่อง มีโครเมกา (Micromégas) ต่อมาไม่นานวอลแตร์กลับได้พบความผิดหวังในตัวพระองค์อย่างรุนแรง เพราะพระองค์ทรงเห็นวรรณคดีและปรัชญาเป็นเพียงเครื่องเล่นประเทืองอารมณ์เท่านั้น อีกทั้งพระองค์ทรงเล่นการเมืองด้วยความสับปลับ และเมื่อมีปัญหากับพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 2 วอลแตร์ก็ได้ไปตั้งรกรากอยู่ในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่คฤหาสน์เลเดลิส (Les Délices) และอยู่ที่นั่นกับหลานสาวชื่อมาดามเดอนี (Madame Denis) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันมาได้สิบปีแล้ว ในปี พ.ศ. 2300 วอลแตร์ซื้อคฤหาสน์ใหม่ที่แฟร์เน (Ferney) ในประเทศฝรั่งเศสติดชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ และเขาได้เริ่มเขียนนิทานปรัชญาเรื่อง ก็องดิดด์ หรือ สุทรรศนนิยม (Candide ou L’optimisme) ในปีต่อมา ซึ่งถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาอีกเรื่องหนึ่งเลยที่เดียว ผลงานชิ้นนี้ได้ยืนยันความเป็นปราชญ์ของวอลแตร์ ผู้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความคิดวิพากษ์ วิจารณ์ในศตวรรษที่18 ได้เป็นอย่างดี
ระหว่างในปี พ.ศ. 2305 – 2308 วอลแตร์ได้ช่วยเหลือครอบครัวกาลาส (Calas) โดยการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ ฌ็อง กาลาส ผู้เป็นบิดาซึ่งถูกตัดสินลงโทษจนเสียชีวิต จากข้อกล่าวหาว่าฆ่าลูกชายที่ประสงค์จะเปลี่ยนไปนับถือนิกายคาทอลิก เขาจึงได้เขียน บทความว่าด้วยขันติธรรม (Traité sur la tolérance)
ในปี พ.ศ. 2306 ซึ่งพูดถึงการยอมรับศาสนาที่แตกต่างกันออกไปเพื่อช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวกาลาส เหตุที่เขาเข้าไปช่วยเพราะเขาเห็นว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการลงโทษประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ และคำตัดสินใหม่ก็ทำให้ตระกูลกาลาสพ้นผิด ภรรยาและบุตรธิดาของฌอง กาลาสก็ได้รับทรัพย์สมบัติของตระกูลคืน จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้วอลแตร์เปรียบเสมือนวีรบุรุษแห่งตำนาน เป็นประทีปแห่งปัญญาที่ไม่เคยมีปัญญาชนคนใดเคยทำมาก่อน
ช่วงนี้วอลแตร์ก็ยังมีผลงานคือ ปทานุกรมปรัชญา (Le Dictionnaire Philosophique) ในปี พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) อีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะมีความขัดแย้งกับผู้คนจำนวนมาก เพราะความกล้าที่จะเสียดสีสังคมของเขา แต่ในตอนบั้นปลายชีวิตของวอลแตร์ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างทรงเกียรติ เมื่อเดินทางกลับมายังกรุงปารีส ซึ่งโรงละครกอเมดีฟร็องแซซ (La Comédie Française) จัดแสดงละครโศกนาฏกรรมเรื่องสุดท้ายที่วอลแตร์แต่งคือ อิแรน (Irène) เพื่อฉลองการกลับมาถึงกรุงปารีสของเขา โดยที่ช่วงก่อนการแสดง ช่วงสิ้นสุดแต่ละองค์ และช่วงจบการแสดง นักแสดงได้นำรูปปั้นครึ่งตัวของวอลแตร์ขึ้นบนเวที ฝูงชนก็ตบมือและส่งเสียงเรียกชื่อของเขาดังกึกก้อง
ศตวรรษต่อมาวิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) กล่าวว่า "วอลแตร์ คือ 1789" เพราะความคิดของวอลแตร์มีอิทธิพลต่อประชาชนผู้ลุกฮือขึ้นมาทำการปฏิวัติใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2332 จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เมื่อวอลแตร์เสียชีวิตไปในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2321 (ค.ศ. 1778) ขณะที่มีอายุได้ 84 ปีนั้น ทางศาสนาไม่อยากทำพิธีศพให้ แต่เมื่อประชาชนทำการปฏิวัติได้สำเร็จ ก็ได้นำอัฐิของเขาไปยังวิหารป็องเตอง (Le Panthéon) ในปี 1791 ในฐานะผู้ที่ประกอบคุณอนันต์ให้แก่ประเทศฝรั่งเศส
[แก้] ผลงานของวอลแตร์ผลงานของวอลแตร์มีจำนวนมากมาย หลากหลายประเภททั้งบทละคร นิยาย นิทานเชิงปรัชญา ประวัติศาสตร์ และบทกวี เขาได้รับยกย่องจากคนร่วมสมัยว่าเป็นนักเขียนบทละครชั้นนำและกวีชั้นนำ แต่ในปัจจุบันเขากลับเป็นที่ยกย่องในฐานะนักเขียนเชิงเสียดสี วิพากษ์วิจารณ์ (Le symbole de l’esprit critique) ผลงานของเขาส่วนใหญ่เป็นการเผยแพร่ความคิดทางปรัชญาไปสู่สาธารณชน เพื่อปลุกความคิดวิพากษ์วิจารณ์ให้แก่ชาวฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านความคิดระบบสถาบันแบบเก่า การต่อสู้เพื่อขจัดความอยุติธรรมในสังคม รวมทั้งความเชื่อที่งมงายและความบ้าคลั่งทางศาสนา นอกจากนี้เขายังส่งเสริมเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพและการแสดงความคิดเห็นอีกด้วย
[แก้] อิทธิพลของวอลแตร์ผลงานตลอดชีวิตของวอลแตร์ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความคิดวิพากษ์วิจารณ์” (L‘esprit critique) แก่ชาวฝรั่งเศสโดยรวม ความคิดวิพากวิจารณ์นี้ทำให้ชาวฝรั่งเศสตั้งคำถามต่อทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่ปรากฏในสังคมของตน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาบันการเมืองการปกครอง โดยเขาได้โจมตีระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สถาบันกษัตริย์ การใช้อำนาจตามอำเภอใจของกษัตริย์ สถาบันศาสนา โจมตีคำสอนความเชื่อที่งมงาย เป็นต้น
วอลแตร์ได้นำหลักการใช้เหตุผล (L’esprit scientifique) มาแพร่หลายให้แก่ประชาชน เพื่อมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการใช้เหตุผลแก้ปัญหา และรู้จักคิดพิจารณาก่อนจะเชื่ออะไรง่าย ๆ เขาใช้ผลงานของเขามาเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวความคิดทางปรัชญาและนำไปสู่สาธารณชน เพื่อทำให้ประชาชนได้เห็นได้เข้าใจและตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้น ซึ่งแนวคิดและความรู้เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกับแสงสว่างทางปัญญาให้แก่ประชาชน วอลแตร์จึงเป็นผู้ที่มีส่วนทำให้ประชาชนมีเสรีภาพทางความคิดและทำให้ผู้คนสนใจการเมืองการปกครองแบบอังกฤษ
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าวอลแตร์มีอิทธิพลต่อคริสตวรรษที่ 18 เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและศาสนา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “การปฏิวัติฝรั่งเศส พ.ศ. 2332”
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
Posted 15 January 2013 - 18:29
โห พวกควายแดงนี่ อวยกราบแม้กระทั่งไอ้ไปก์ ลูกอีโง่เชียวหรือ
Posted 15 January 2013 - 18:31
เหนือ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมี สนธิ ลิ้มทองกุล
(ไม่ทราบมาร์ค ไปขอโทษลิ้มหรือยัง)
Posted 15 January 2013 - 18:35
POPULAR
เหนือ แม้ว ยังมี ศาล
เหนือ สมัคร ยังมี ยมบาล
เหนือ สมชาย ยังมี เจ๊ ด
เหนือ ยิ่งลักษณ์ ยังมี หมอหน้าสวยเมียพี่แสน และมิเชลเมียโอบาม่า
เหนือ โอ๊ค ยังมี ปลื้ม หลีกภัย
เหนือ ไปป์ ยังมี น้องปราง เวชชาชีวะ
แต่ที่เหนือ หมีเพิ่งบ้า ก็คือ ฝ่าเท้า เพราะทำตัวเป็นขี้ตีนตระกูลชิน อย่างภักดีที่สุด
Edited by ดอกปีบ, 16 January 2013 - 16:35.
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
Posted 15 January 2013 - 18:36
เหนือแม้ว ยังมีสนธิับัง
เหนืออีปู ยังมีเมียเสี่ยแสน
เหนืออีโอ๊ก ยังมีชวนนท์
Posted 15 January 2013 - 18:37
เหนือสนธิ ยังมีทักษิณ
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
Posted 15 January 2013 - 18:39
ที่แน่ๆ ไอ้ไปก์ น่าจะฉลาดกว่าพวกควายแดง (เท่านั้น)
Posted 15 January 2013 - 18:48
เหนือ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมี สนธิ ลิ้มทองกุล
(ไม่ทราบมาร์ค ไปขอโทษลิ้มหรือยัง)
เค้าโกรธกันเรื่องอะไรอ่ะ?
Posted 15 January 2013 - 19:21
ไม่รู้ รู้แต่ผมอยู่เหนือทุกคน
จบนะ
Posted 15 January 2013 - 19:41
เออ ช่างตั้งนะ ว่างจัด
Posted 15 January 2013 - 19:43
ขี้ข้า หาทางช่วยนาย โดยการตั้งกระทู้ ได้แค่นี้หรือ
เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้
ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม
Posted 15 January 2013 - 19:50
เหตุที่กระทรวงพานิชย์อนุมัติให้ขึ้นราคาอาหารสัตว์
ตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา
เพราะว่าสัตว์บางประเภท
กินมากไป
และควายทั้งหลายกินเลอะเทอะมากขึ้น
จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาอาหารสัตว์
Posted 16 January 2013 - 03:15
เหนือ แม้ว ยังมี ศาลเหนือ สมัคร ยังมี ยมบาล
เหนือ สมชาย ยังมี เจ๊ ด
เหนือ ปู ยังมี เมียพี่แสน และมิเชล
เหนือ โอ๊ค ยังมี ปลื้ม หลีกภัย
เหนือ ไปป์ ยังมี น้องปราง เวชชาชีวะ
แต่ที่เหนือ หมีเพิ่งบ้า ก็คือ ฝ่าเท้า เพราะทำตัวเป็นขี้ตีนตระกูลชิน อย่างภักดีที่สุด
สมเป็นนางสิงห์แห่งซาฮาร่า!
Posted 16 January 2013 - 03:25
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
คำพูดนี้มีหลักฐาน หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้เป็นจริงได้บ้างครับ
คือ เอาจริงๆๆ มาร์กเนี่ยคุณสมบัติเทพ แต่โดนขวางมากกว่านะผมว่า ดูจากการศึกษา แล้วก็อะไรหลายๆอย่าง อาจจะสู้ทักษินไม่ได้ เรื่องการบริหาร หรือการซื้อใจคน เท่าที่ดู แต่คนอื่นที่ยกมานะ ก็แค่การเกทับ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอันใดเลย
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
Posted 16 January 2013 - 03:26
ที่แน่ๆ ไอ้ไปก์ น่าจะฉลาดกว่าพวกควายแดง (เท่านั้น)
ผมว่าอย่าไปลากน้องเค้ามาเลยครับ เด็กให้อยู่ส่วนเด็กดีกว่า
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
Posted 16 January 2013 - 03:31
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
นับภาษาอะไร..กับ
เหนือเมฆ2 ยังมี ทรราช สั่งแบน
................ เอ . คนทำแบบนี้ได้มันเลวจริงๆแฮะ ....
Edited by whiskypeak, 16 January 2013 - 03:34.
ถูกใจเสื้อแดง ของแพงไม่ว่า โดนโกงไม่ด่า ขอแค่ตระกูลชินนรกเป็น นายก พอ..
Posted 16 January 2013 - 06:04
เหนือทักษิณ ยังมีเหลิมดาวเทียม
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
Posted 16 January 2013 - 08:36
เหนือทุกคน คือความตาย!!!
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป
เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี
คนดีไม่มีวันตาย...
Edited by Axis Kernel, 16 January 2013 - 09:03.
Posted 16 January 2013 - 08:39
Posted 16 January 2013 - 08:45
เห็นคุยแต่เรื่องเหนือๆ ตอบทีได้หรือยัง "ทำไมเหนือเมฆโดนแบน"
Posted 16 January 2013 - 09:30
"ใครบางคน…คงจะกลัว อำนาจมืด...จากใครบางคน”
ถ้ามันใช่จริงๆ ทำแบบนั้นจริงๆ ก็สมควรที่คนจะด่าจะประณาม แต่นี่ก็รู้ๆแก่ใจว่ามันไม่ใช่ มันหลายเรื่องมาแล้ว ที่ยกเอาเรื่องไม่มีไม่จริงมาโจมตีกัน จนเกิดความแตกร้าวเสียหายแก่ประเทศ พอพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ ประเทศก็เสียหายไปแล้ว คนก็แตกร้าวไปแล้ว เอาคืนอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่าคนทำกลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย
มันไม่ใช่แค่เรื่องความเกลียดชังส่วนตัวเล็กๆ ที่ไม่ชอบก็ด่าก็โจมตีกันไป แต่มันกระทบกระเทือนถึงประเทศและคนในประเทศ สำนึกรักประเทศมันต้องมีในฐานะเป็นคนไทย โดยส่วนตัวจะรักใครชอบใครก็รักไป แต่อย่านำความรักส่วนบุคคลส่วนตัว ไปฆ่าประเทศ มันเห็นแก่ตัว ประเทศเป็นของคนทั้งประเทศไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า รักแค่ไหนสำคัญต่อเราแค่ไหนก็ตายได้ แต่จะปล่อยให้ประเทศตายเพราะความรักของเราไม่ได้ เพราะต่อให้ใครตาย ลูกหลานข้างหลังก็ยังมีประเทศอยู่ แต่ถ้าประเทศตายก็จบวันนี้ วันหน้าก็ไม่ต้องหวังว่าลูกหลานจะมีประเทศอยู่ เกลียดชังกันก็นำแต่เรื่องที่เป็นจริงและพิสูจน์แล้วหรือพิสูจน์ได้มานำเสนอให้คนทราบเพื่อแก้ไขเท่านั้น
แต่อย่านำเรื่องที่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่ ยังพิสูจน์ลำบาก แถมเป็นเรื่องเปราะบางกระทบกระเทือนอาจสามารถทำให้ประเทศเสียหายได้ กระทบกระเทือนเป็นวงกว้าง มาระบายความโกรธแค้นส่วนตัว หรือที่แล้วมายังเสียหายไม่หนำใจ กะจะให้ไม่มีประเทศไทยเลยใช่ไหม แค้นประเทศอะไรขนาดนั้น ประเทศไปทำอะไรให้
ที่กำลังทำลายอยู่อย่างหน้ามืดตามัวไม่ใช่ทักษิณ แต่เป็นคนไทยและประเทศไทย ตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา ประเทศทรุดลงเรื่อยๆเพราะอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่ใช่เพราะใครโกง แต่เป็นเพราะเราพร้อมใจกันรุมทำลายประเทศตัวเองระบายความแค้นส่วนตัวต่างหาก พอเริ่มทำก็มองออกทันทีว่าส่วนตัวล้วนๆ เพราะไม่ได้ทำในช่วงประเทศย่ำแย่ แต่เลือกทำในช่วงประเทศดีที่สุด แถมทำเรื่องเสียหายที่สุดทั้งนั้น
อยากชนะทางการเมือง มันไม่ใช่ทำแบบนี้ ทำแบบนี้มีแต่แสวงหาความพ่ายแพ้แก่ตนเอง และความหายนะให้ประเทศ เข้าใจว่าก็คงดูออกว่ามันไม่ใช่ แต่ไม่สามารถระงับความโกรธแค้นเกลียดชังในใจได้ ก็เลยทำมันทุกอย่างโดยไม่คิดถึงผลที่เกิดกับประเทศแม้แต่น้อย ประเทศจะเป็นยังไง ข้าก็ต้องชนะ สามารถคงอำนาจและความได้เปรียบตลอดไป
ใครแพ้ก็แพ้ไป ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเทศต้องชนะอย่างเดียว ใครตายก็ตายไป เพราะเป็นเรื่องปกติที่คนต้องตาย แต่ประเทศต้องอยู่ แบบนั้นต่างหากเขาเรียก"สำนึกรักประเทศ" แต่ประเภท ประเทศจะเป็นยังไงข้าก็ต้องชนะอย่างเดียว ประเทศตายได้ แต่ข้าต้องอยู่ตลอดไป นั่นเขาเรียกว่า"สำนึกรักตัวเอง" ไม่ใช่สำนึกรักประเทศ
Posted 16 January 2013 - 09:31
โอ้....สุดยอดขี้ข้า
เพราะเหนือคำบรรยายทั้งป่วง
(สงสัยจริง ๆ ว่า จขทก มันมีชีวิตอยู่ได่ด้วยอะไร)
Posted 16 January 2013 - 09:37
กระทู้การเมือง....
Posted 16 January 2013 - 09:47
คำพูดของใครหรือครับ
ขอที่มาอ้างอิงด้วย
ไม่ใช่พูดมาลอยๆ
แล้วบอกตัวเองว่า ท่าจะจริง
Posted 16 January 2013 - 09:51
เปลี่ยนชื่อ.......จาก หมี...........เป็น หมา เถอะ...............
ไม่ใช่หมาธรรมดาซะด้วย...........เพราะเป็น "หมาขี้เรื้อนเห่าแทนไอ้แม้ว" อีกต่างหาก
Posted 16 January 2013 - 10:28
Posted 16 January 2013 - 17:35
ที่แน่ๆเหนือหัวหมีเพิ่งมาฯ มีสมองกลวงๆบรรจุขี้เลื่อยอยู่เต็มถึงตั้งกระทู้แบบนี้ได้
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”
Posted 16 January 2013 - 17:54
ฮ่าๆๆ เฉกเช่นดียวกับ เหนือหอย มีแต่ หมี หรือเปล่า
Posted 16 January 2013 - 21:10
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
ปรามาสผู้อื่นอยู่เสมอ จะทำให้จิตใจตกต่ำ
Posted 16 January 2013 - 22:25
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
เหนือสิ่งอื่นใด คือ ทักษิณ
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 16 January 2013 - 22:34
Posted 16 January 2013 - 22:58
ที่แน่ๆ ไอ้ไปก์ น่าจะฉลาดกว่าพวกควายแดง (เท่านั้น)
ผมว่าอย่าไปลากน้องเค้ามาเลยครับ เด็กให้อยู่ส่วนเด็กดีกว่า
ไม่น่าจะมาบอกผมนะ คนที่ลากลูกอีโง่มาเล่นข่มคนอื่นเค้าน่ะไม่ใช่ผม ผมแค่ลากลูกอีโง่ มาโต้กลับพวกควายแดงกลับเท่านั้น
Posted 16 January 2013 - 23:18
ที่แน่ๆ ไอ้ไปก์ น่าจะฉลาดกว่าพวกควายแดง (เท่านั้น)
ผมว่าอย่าไปลากน้องเค้ามาเลยครับ เด็กให้อยู่ส่วนเด็กดีกว่า
ไม่น่าจะมาบอกผมนะ คนที่ลากลูกอีโง่มาเล่นข่มคนอื่นเค้าน่ะไม่ใช่ผม ผมแค่ลากลูกอีโง่ มาโต้กลับพวกควายแดงกลับเท่านั้น
เอาจริงๆ คือ อยากเสวนา กับคนที่คุึยรู้เรื่องนะครับ เลยไม่อยากไปยุ่งกับ จขกท
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
Posted 17 January 2013 - 12:50
เหนือทุกคน คือความตาย!!!
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป
เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี
คนดีไม่มีวันตาย...ใช่ๆแม้วมีคุณงามความดีมากมาย....เห็นกันยู๋
Posted 17 January 2013 - 12:59
แต่สรุปว่า............ไม่มีใครอยู่เหนือ "กรรม"
Posted 17 January 2013 - 13:01
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
พรรคควายๆที่ไหนน้า ไม่เคยชนะทั้งจำนวน สส. และชนะเลือกตั้งผู้ว่าเมืองหลวงมาตั้งนานแล้ว
เอ พรรคควายๆที่ไหนน้าาาาาาาาาา
Posted 17 January 2013 - 13:16
จริงด้วย..เหนือฟ้า.ยังมีฟ้า....เหนือห่า.ยังมีเหว...เหนือเลว.
ยังมีร้าย...เหนือควาย.ยังมีเขา. เหนือเหง้า.ยังมีโคตร.----
เหนือโฉด.ยังมีชั่ว...เหนือมั่ว.ยังมีมาก...เหนือกาก.ยังมีตะกอน..
เหนือบ่อน.ยังมีเจ้ามือ.....เหนือคำเล่าลือ.ยังมีคำเลวร้าย...
( เหนือคนนอนหงาย...ก็มีคนนอนคว่ำ ) กลิ๊ววววววววววววว
Posted 17 January 2013 - 14:18
เหนือมาร์ค ยังมี แม้ว
เหนือมาร์ค ยังมี สมัคร
เหมือมาร์ค ยังมี สมชาย
เหนือมาร์ค ยังมี ยิ่งลักษณ์
เหนือมาร์ค ยังมี โอ๊ค
เหนือมาร์ค ยังมี น้องไปป์
................ เอ . คำพูดนี้ถ้าจะจริงแฮะ ....
ไอ้ที่ยกตัวอย่างมาข้างบนเนี่ย พวกฝั่งขวาน่ะตกเก้าอี้ไปแล้วสามรายนะ
เจตนาจะบอกว่าสามรายข้างล่างก็จะโดนอีหรอบเดียวกัน คือไม่ได้ลงจากเก้าอี้แบบปกติธรรมดา คือโดนถีบลง ใช่ป่ะ
แก้ไข เปลี่ยนจากคำว่า ตัว เป็นคำว่า ราย
Edited by chalard, 17 January 2013 - 14:23.
Posted 17 January 2013 - 16:08
...เหนือ สมชาย ยังมี เจ๊ ด
ประเด็นนี้ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะขนาด/น้ำหนักของร่างกาย
Posted 17 January 2013 - 16:21
เหตุที่กระทรวงพานิชย์อนุมัติให้ขึ้นราคาอาหารสัตว์ตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา
เพราะว่าสัตว์บางประเภท
กินมากไป
และควายทั้งหลายกินเลอะเทอะมากขึ้น
จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาอาหารสัตว์
ไม่จริงครับ เพราะสัตว์ประเภทนั้นที่คุณอ้างถึงไม่ได้กินอาหารสัตว์ครับ มันดูดี มีชาติตระกูลเกินไป
สัตว์นั้นเป็นสัตว์ประเภทไพร่ ต้องกินหญ้ากับขรี้เจ้าของเท่านั้น
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
Posted 18 January 2013 - 03:21
อื้ม .... โอ๊คเขาฉลาดจะตาย เขาจบ ป.ตรี จุฬาธรรมศาสตร์ ป.โท ม.ฮ๊อกวอร์ด ที่เขมร ตอนนี้กำลังศึกษา ป.เอก ที่ มหาลัยทักษิณ ครับ
โอ็คเขาก็ฉลาดสมกับเป็นลูกนายใหญ่อ่ะ ผมว่าเรื่องการศึกษา อภิสิทธิ์สู้ไม่ได้นะ
0 members, 0 guests, 0 anonymous users