‘ไร้รอยต่อ’ = กินรวบประเทศไทย
สารส้ม
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพลพรรค พยายามจะสร้างวาทกรรม“ไร้รอยต่อ”
นัยแฝงเร้น คือ การถักทออำนาจเต็มผืนแผ่สยายคลี่ปกคลุมแผ่นดินไทย
สยบภายใต้อำนาจระบอบทักษิณเบ็ดเสร็จ เพื่อ “ไร้รอยต่อ”ในเชิงอำนาจการเมือง
1) รัฐบาลที่มีหัวใจประชาธิปไตยไม่สามารถจะอ้างเยี่ยงนี้
สะท้อนวิธีคิดที่มองว่า ใครไม่ใช่พรรคพวก ไม่ใช่ขี้ข้า ก็จะถูกรัฐบาลมองอย่างแบ่งแยก เลือกปฏิบัติ
ประชาชนจะไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่ หากไม่ยอมเลือกคนของรัฐบาลเข้ามากุมอำนาจ
แท้จริง นี่คือวิธีคิดแบบ “กินรวบประเทศไทย”
2) ถ้าสังคมไทยยอมรับวาทกรรมเยี่ยงนี้ การกระจายอำนาจก็เป็นเรื่องไร้ค่า ไร้ความหมาย
เพราะการกระจายอำนาจ คือ การสร้างพื้นที่ให้ท้องถิ่นได้วาดลวดลายของตนเอง
ขัดแย้งกับวิธีคิด “ไร้รอยต่อ” ของระบอบทักษิณ
3) หากวิธีคิดแบบ “ไร้รอยต่อ” เป็นเรื่องดีจริงๆ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ควรยกเลิกการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ
นายก อบต. นายก อบจ. นายกเทศบาล นายกเมืองพัทยา หรือแม้แต่ผู้ว่าฯ กทม.
คงจะต้องให้อำนาจรัฐบาลแต่งตั้งคนของตัวเองออกไปปกครองทั่วผืนแผ่นดินไทย ไม่ต้องเลือกตั้งหลายครั้ง ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะมีคนของพรรคการเมืองอื่นนอกจากพรรครัฐบาลกุมอำนาจการบริหารในท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ
ผู้สมัครอิสระ ยิ่งสมควรห้ามเด็ดขาด เพราะจะสร้างความแปลกแยก สร้างรัฐอิสระ
4) วิธีคิด “ไร้รอยต่อ” สะท้อนมุมมองที่ไม่เห็นหัวประชาชนในพื้นที่หัวเมืองต่างๆ
มองกรุงเทพฯ เสมือนหนึ่ง “เมืองประเทศราช” ของระบอบทักษิณ
จะต้องไป “ตีเมืองขึ้น”
ต้องให้คนของตนเอง พรรคพวกตนเอง บริวารลิ่วล้อ หรือขี้ข้าของทักษิณได้ขึ้นปกครองเท่านั้น
5) นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรรู้สึกละอายที่จะร่วมสมคบกับผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ใช้วาทกรรม “ไร้รอยต่อ” เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ทางการเมือง
เป็นการจงใจเอาเปรียบคู่แข่งพรรคอื่นๆ รวมทั้งผู้สมัครอิสระ
เพราะผู้อื่นไม่ใช่ “ขี้ข้าทักษิณ”
นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามจะแสดงออกว่าตนเองเข้าไปช่วยหาเสียง “นอกเวลาราชการ” จึงถือว่ามิได้ใช้ตำแหน่งนายกฯ ไปเอื้อประโยชน์แก่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย
การอ้างแบบนี้ ตื้นเขิน บกพร่อง และไม่ถูกต้อง
เพราะเจตนารมณ์แท้จริงที่กฎหมายห้าม คือ ห้ามใช้อำนาจรัฐ ตำแหน่ง สถานะความเป็นรัฐบาลหรือความเป็นนายกฯ เข้าไปเอื้อประโยชน์ทางการเมืองแก่ผู้สมัครพรรคพวกตน หรือสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ เลือกปฏิบัติ
การอาศัยความเป็นรัฐบาลไปเอื้อประโยชน์แก่ผู้สมัคร มิใช่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น
มันไม่ใช่เรื่องห้าม ด.ญ.ยิ่งลักษณ์กินขนมในชั้นเรียน ก็เลยจะฉวยจังหวะกินเสียนอกห้องเรียน
ประเด็นสำคัญไม่ใช่ดูว่า กระทำเวลาใด ในหรือนอกเวลาราชการ แต่จะต้องดูที่พฤติกรรมว่ามีลักษณะอาศัยสถานะแห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีหรือความเป็นรัฐบาล ไปใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคของตนหรือไม่? เช่น ถ้าสั่งกลไกรัฐให้ช่วยผู้สมัครของตน แม้จะสั่งนอกเวลาราชการก็จะต้องผิด เป็นต้น
ตรงกันข้าม ถ้าลำพังแค่ไปช่วยเดินหาเสียง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ด้วยกัน ย่อมกระทำได้
แต่พฤติการณ์ที่ปรากฏในเวลานี้ คือการเอาสถานะความเป็นรัฐบาลทุ่มเข้าไปช่วยผู้สมัครของพรรคการเมืองตนเองหาเสียงแบบเต็มๆ โดยบอกเป็นนัยว่า รัฐบาลจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อประชาชนเลือกคนของพรรครัฐบาลเข้ามามีอำนาจในกทม.เท่านั้น
ทั้งๆ ที่ รัฐบาลควรจะต้องแสดงออกว่าตนเองพร้อมทำงานกับใครก็ตามที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม. ไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองใด หรือจะเป็นผู้สมัครอิสระก็ตาม
6) ตัวอย่าง “ไร้รอยต่อ” ปรากฏในความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
เป็นสายสัมพันธ์ผลประโยชน์ตระกูลนักการเมืองข้ามชาติแบบ “ไร้รอยต่อ”
ระบอบทักษิณกับระบอบฮุนเซ็น ผสานเป็นทองแผ่นดินเดียวกัน
เรือล่มในหนองทองไม่ไปไหน
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถูกใช้เป็น “สินสอดการเมือง” เชื่อมร้อยสายสัมพันธ์ส่วนตัวของนักแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองสองตระกูลใหญ่
ระบอบฮุนเซ็นของกัมพูชา ถึงขั้นสนับสนุนขบวนการล้มล้างรัฐบาลไทยที่ไม่ใช่พวก “ระบอบทักษิณ” ในช่วงปี 2553 ยิงอาวุธสงครามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เกิดการปะทะ ตอบโต้ตามแนวชายแดน
ระบอบทักษิณของไทย ถึงขั้นยกพวกไปร้องเพลงสดุดีฮุนเซ็นถึงกัมพูชา สื่อนัยกระทบสถาบันเบื้องสูงของไทย เอาผลประโยชน์ของตระกูลนักการเมืองมากำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของคนทั้งชาติ
สุดท้าย... วาทกรรม “ไร้รอยต่อ” ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์และพลพรรคเพื่อไทย แท้ที่จริงคือขบวนการ “กินรวบประเทศไทย” สถาปนาอำนาจระบอบทักษิณปกคลุมเต็มผืนแผ่นดินไทย
คนกทม.จะอยู่อย่างไท หรือเยี่ยงขี้ข้า... เลือกเอา!
http://www.naewna.co.../columnist/4983
เหอๆๆ...ผมสบายใจอย่างหนึ่งแล๊ะ ที่ได้ยิน "เหลิมเมารัก"
ออกมาฟันธงว่า "เสาไฟฟ้าจูดี้" เข้าวินแน่นอน...
Edited by Suraphan07, 18 January 2013 - 08:56.