สารภาพติดอาวุธ! ‘ธิดา’อ้างแค่ปืนสั้น-M67ฆ่าทหาร-นิรโทษต้มมวลชน
“ธิดา” โต้คำสั่งศาล อ้างเสื้อแดงปราศจากอาวุธ ไม่มีใครพกพามาป้วนเปี้ยนในที่ชุมนุม แต่สารภาพมีการพกอาวุธปืนสั้น ทั้งยอมรับทหารตายเพราะ M67 สภากระทู้เดือด “นิพิฏฐ์” บี้คดีก่อการร้าย “เหลิม” ยืนกรานเรียกร้อง ปชต.ไม่ผิดกฎหมาย ขณะที่พ.ร.ก.นิรโทษฯ ส่อต้มมวลชน “ยิ่งลักษณ์” ส่ายหน้าบอกไม่รู้เรื่อง "วราเทพ" ตอกย้ำไม่เข้าข่ายมาตรา 184 แฉแกนนำ นปช.รู้แก่ใจรัฐบาลไม่เล่นด้วย แค่ขายผ้าเอาหน้ารอด
คำสั่งของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ให้การเสียชีวิตของนายบุญมี เริ่มสุข เนื่องจากถูกยิงเข้าบริเวณช่องท้องด้วยกระสุนปืนขนาด .223 ช่วงการชุมนุมของเสื้อแดงเมื่อปี 53 แต่ไม่ระบุว่าใครเป็นผู้ยิง เพราะทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มผู้ชุมนุม (เสื้อแดง) ต่างมีอาวุธที่ใช้กระสุน .223 ยิงตอบโต้กัน
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคม ถึงเรื่องนี้ว่า ที่คำสั่งศาลระบุว่า หาผู้ยิงไม่ได้นั้น เพราะการทำสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่รัดกุมพอ ขณะที่ขั้นตอนการสืบคดีมีการเปลี่ยนทนายความ ซึ่งทนายความคนเดิมอาจจะไม่ได้มีการดูแลคดีอย่างรอบคอบ
“ส่วนที่คำสั่งศาลระบุด้วยว่ามีการยิงตอบโต้ระหว่างทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ดิฉันยืนยันว่าในกลุ่ม นปช.ไม่มีการพกพาอาวุธสงคราม ไม่มีใครถือมาเดินป้วนเปี้ยน มีเต็มที่ก็แค่อาจจะพกอาวุธปืนสั้นเท่านั้น” นางธิดาระบุ
เธอโต้แย้งคำสั่งศาลที่ระบุว่า บาดแผลการถูกยิงของเจ้าพนักงานเป็นชนิดเดียวกับนายบุญมีนั้นว่า “ดิฉันยืนยันว่าไม่มีทหารถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ขนาด .223 มีแต่ที่ถูกยิงด้วยเอ็ม 67 (ระเบิดขว้าง) ซึ่งอยู่คนละจุดกับที่นายบุญมีถูกยิง”
ประธาน นปช.กล่าวด้วยว่า ฝ่ายตรงข้ามจะเอาคำพิพากษาคดีนายบุญมีไปใช้เล่นงานนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งจะใช้อ้างได้ว่ากลุ่มประชาชนมีอาวุธ จึงอยากฝากให้ดีเอสไอได้ทำสำนวนการเสียชีวิตของนายบุญมีใหม่ด้วย
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมมีอาวุธมือและใช้อาวุธปืนทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ โดยถาม น .ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่นายกฯ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ชี้แจงแทน
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เมื่อปี 2555 คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้รายเสนอรายงานสรุปในประเด็นหนึ่งว่า ชายชุดดำมีจริง และเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชน ปรากฏว่าเมื่อ คอป.ได้มีข้อเสนอออกมา ร.ต.อ.เฉลิมบอกเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2555 ว่า ข้อเสนอของ คอป.ไม่มีผูกพันตามกฎหมาย เว้นเสียแต่จะเป็นคำสั่งของศาลถึงจะปฏิบัติตาม และย้ำอีกว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่เข้าข่ายการก่อการร้าย
“ดังนั้น เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งชันสูตรพลิกศพนายบุญมี เริ่มสุข ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 แล้วว่าไม่ได้มาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่มีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ยิงปืนกระสุน .223 ใส่เจ้าหน้าที่รัฐ ร.ต.อ.เฉลิมจะดำเนินการอย่างไร”
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ที่สำคัญในปีที่มีการชุมนุม รัฐบาลในเวลานั้นได้ขอให้ศาลพิจารณาว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงผิดต่อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งศาลก็มีความเห็นออกมาว่าเป็นการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนของประชาชน กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก่อนที่ต่อมาจะมีการดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้ายกับแกนนำการชุมนุม เมื่อเป็นอย่างนี้ แกนนำในการชุมนุมที่อยู่ในรัฐบาลเวลานี้ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร
ร.ต.อ.เฉลิมชี้แจงว่า กรณีของนายบุญมี ศาลยังไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำการ ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ ทำให้สำนักอัยการและพนักงานสอบสวนต้องไต่สวนเพิ่มเติมตามขั้นตอนต่อไป และคำสั่งของศาลที่ออกมาไม่ใช่คำพิพากษา เป็นเพียงคำสั่งตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 และถ้านายนิพิฏฐ์มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม ก็นำขึ้นไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ ส่วนคดีก่อการร้าย ก็มีการฟ้องในศาลแล้ว จะให้รัฐบาลไปดำเนินการอะไรในเมื่อศาลยังไม่ได้ตัดสิน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่ได้เข้าข่ายความผิดการก่อการร้าย เพราะตาม พ.ร.บ.การก่อการร้าย ก็ระบุว่าถ้าเป็นลักษณะของการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งความเห็นส่วนตัวของตนถือว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่มีความผิด ส่วนความเห็นของ คอป.ก็ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เป็นแค่ความเห็นประกอบการพิจารณาต่อไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการฟ้องดำเนินคดีกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และพวกรวม 4 คน กรณีถูกตั้งข้อกล่าวหาพร้อมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศอฉ. ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ว่าจะยื่นต่อศาลโดยตรงในสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน แต่ได้พิจารณาคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เรื่องทางธุรการเท่านั้น
“การยื่นฟ้องครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งหากดีเอสไอยังยืนยันที่จะดำเนินการอย่างนี้ ก็จะเจออีกหลายคดี เพราะพนักงานสอบสวนที่ทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีอีกหลายคดี จึงอยากเตือนว่าถ้ามีธงทางการเมือง หรือมีการสั่งการแล้วไม่ยึดหลักกฎหมาย สุดท้ายคนสั่งการไม่รับผิดชอบด้วยแต่คนทำจะโดนหมด”
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การฟ้องคดีของทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้น ตนขอน้อมรับและเคารพในการดำเนินการของท่าน ในเมื่อตัดสินใจดำเนินการฟ้องคดีตนนั้นก็จะไม่ขอโต้แย้ง และยืนยันว่าในการดำเนินการทั้งหมด เป็นการปฏิบัติโดยชอบในหน้าที่พนักงานสอบสวน ยืนยันว่าไม่กังวลเรื่องการถูกฟ้อง แต่กังวลว่าลูกน้องจะถูกฟ้องไปด้วย
สำหรับการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาอันถึงที่สุด และผู้ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2550 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2554 โดยไม่รวมถึงบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงเวลาดังกล่าวนั้น
ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่า “ไม่รู้เรื่องเลย ยังไม่เคยคุยเลย พ.ร.ก.อะไรเหรอ” เธอกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าสงสัย เมื่อถูกผู้สื่อข่าวตั้งคำถามถึงข้อเรียกร้องของแกนนำเสื้อแดง
ขณะที่ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่มีการพูดคุยกันและตนยังไม่ทราบรายละเอียดของแนวทางนี้ แต่ในความเห็นส่วนตัว หลักการและเงื่อนไขของการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม กำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญมาตรา 184 เช่น จะต้องมีเรื่องของการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ความปลอดภัยของประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติต่างๆ และเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เข้าข่ายการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายวราเทพ กล่าวว่า การพูดกันโดยที่ยังไม่ได้หารือกัน หากพูดออกไปอาจจะเกิดความสับสนได้ ดังนั้นจึงขออนุญาตว่า หากมีการหารือและรับข้อมูลแล้ว น่าจะได้ความเห็นและมีความชัดเจนมากขึ้น ถึงแม้รัฐบาลจะสามารถออก พ.ร.ก.ได้
“แต่ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่าเข้าตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ส่วนกรณีของ นปช.เรียกร้องให้ออก พ.ร.ก. จะว่าเร่งด่วนหรือไม่ คงยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นเนื้อหาสาระของร่างเลย” นายวราเทพกล่าว
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ โดยกล่าวแต่เพียงว่า ยังไม่เห็นเรื่องนี้ ต้องดูรายละเอียด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงพาณิชย์ และเป็นแกนนำ นปช. กล่าวถึงร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ที่จะนำเสนอให้ ครม.ว่า เราเชื่อมั่นว่าประชาชนที่ต้องคดีความทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และสีเสื้ออื่นๆ ไม่ได้มีพื้นฐานชีวิตเป็นอาชญากร เมื่อต้องคดีความน่าจะได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรม จึงเห็นว่าการหยิบยื่นโอกาสทางกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ต้องคดีทางการเมือง จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ หากเราตัดในส่วนของแกนนำของทุกกลุ่มออกไปได้ จะลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้มาก
“การยื่นร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ได้มีการปรึกษาหารือกับนักกฎหมายระดับครูอาจารย์หลายคน เห็นว่า สามารถนำเสนอและนำไปสู่ผลบังคับใช้ได้ ส่วนที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถอภิปรายหรือตีความในตัวบทกฎหมายกันได้ ไม่ใช่ความขัดแย้ง” นายณัฐวุฒิกล่าว และว่า ส่วนกำหนดเวลาที่จะยื่นร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมให้นายกฯ เบื้องต้นยังไม่มีการนัดหมายกัน
นางธิดาให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีนายกฯ ต่อร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมของแกนนำเสื้อแดงว่า “ก็ไม่เป็นอะไร อย่าเพิ่งถาม ให้ท่านพูดออกมาก่อนแล้วค่อยมาถามก็ได้ แต่ท่านคงสนใจเรื่องผู้ว่าฯ กทม.ตอนนี้อยู่ก็ได้ เลยยังไม่ทราบเรื่อง”
ส่วนที่นายวราเทพระบุว่า พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ไม่เข้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา184 นั้น ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดก่อน แล้วนักข่าวค่อยมาถามใหม่ แต่เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว
แหล่งข่าวเผยว่า ในการหารือของแกนนำ นปช. ก่อนจะเสนอร่างพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้คณะรัฐมนตรีนั้น มีการประเมินกันแล้วว่ารัฐบาลคงไม่เอาด้วยแน่นอน เพราะนอกจากจะไม่เข้าข่ายเป็นเรื่องเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 แล้ว ยังจะถูกโจมตีด้วยว่ามุ่งช่วยเหลือคนเสื้อแดง แต่เหตุที่แกนนำต้องเสนอ เพราะต้องการเอาใจเสื้อแดงเพื่อรักษาฐานมวลชนเท่านั้น.
*************************************************************
สุดท้าย "การโกหก" ก็ไม่อาจปกปิด "ความจริง" ได้ตลอดไป
Edited by Ricebeanoil, 19 January 2013 - 08:07.
