ความจริงถึงจะสงสาร แต่ปัญหาชาวโรฮิงญาไม่ควรเป็นปัญหาของไทยเลย ควรจะเป็นปัญหาของพม่ากับบังคลาเทศด้วยซ้ำ
แต่อย่างว่าแหละประเทศไทยเป็นประเทศขี้สงสาร เลยถูกสั่งให้รับภาระเต็มๆจาก UNHCR และสงสัยทำไมไม่กล้าสั่งบังคลาเทศบ้างซึ่งยังมีการยอมรับชาวโรฮิงญามากกว่าพม่าอีก (ชาวโรฮิงญาในบังคลาเทศได้รับการยอมรับเป็นพลเมืองนะ จากบทความของเวปประชาไทที่แปะไว้)
แล้วเรื่องการตั้งค่ายอพยพเนี่ยมีปัญหามาก (เคยดู เคยฟังจากข่าว จากสารคดีที่มีคนทำเกี่ยวกับปัญหาค่ายอพยพจากพม่า) ทั้งเรื่องของผู้อพยพเอง ปัญหาเงินอุดหนุนจากUN เคยอ่านเจอเค้าบอกว่ายูเอ็นไม่ได้ให้ความช่วยเหลือร้อยเปอร์เซนตฺ์นะ แค่อุดหนุน ส่วนที่ขาดก็ต้องให้ประเทศที่เป็นที่ตั้งศูนย์รับผิดชอบเอง (เคยสงสัยเหมือนกันทำไม UNHCR ไม่เข้ามาขอใช้พื้นที่แล้วใช้อำนาจในฐานะเข้ามาดูแลเอง ทีเรื่องการเมืองประเทศอื่นๆนี่ก็ดันหาเรื่องยุ่งไปทั่ว ที่เรื่องพรรค์นี้ก็ทำให้มันผ่านๆไปซะงั้น)
ปล. จริงผมไม่ค่อยชอบองค์กรของยูเอ็นสักองค์กร ส่วนใหญ่ชอบออกแนวมาสั่งการ ให้สมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่จะชอบสั่งเจ้ากี้เจ้าการ กับประเทศกำลังพัฒนา เพราะยูเอ็นเหมือนจะเป็นองค์กรใหญ่แต่อำนาจจริงก็คือก็อยู่ใต้เหล่าประเทศพัฒนาแล้วทางตะวันตก (ดูอย่างหลายกรณีที่อเมริกายุ่งเกี่ยวยูเอ็นก็ห้ามอะไรไม่ได้ พูดประท้วงพอเป็นพิธีรักษาหน้าเฉยๆ) ซึ่งแน่หล่ะมันก็ไม่อยากรับผิดชอบด้วยหรอก มันแค่ชอบสั่งวางอำนาจแค่นั้น) และทำงานสร้างภาพหลอกชาวโลกไปวันๆ ว่า "ยูเอ็นเป็นกลาง ทำงานเพื่อมนุษยธรรม เพื่อผดุงความยุติธรรมของโลกใบนี้" (ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมตอนสาลยการชุมนุมเสื้อแดงใหม่ๆ องค์กรมนุษยธรรมของยูเอ็นถึงแสดงท่าทีเห็นใจเสื้อแดงมากในตอนแรก แต่ตอนนี้แทบไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ เพราะเหตุการณืการชุมนุมเสื้อแดงมันดังทั่วโลกเลยขอเกาะกระแสสร้างภาพขององค์กรเท่านั้น )
ปล.๒ ไม่ใช่แค่นี้หรอก อย่าง UNESCO ก็มีปัญหา ผมฟังจากนักวิชาการบ้านเราบางคนเริ่มคิดว่าเป็น มรดกโลกมันดีจริงหรือ? (ลองหาอ่านจากในเนทดูน่าจะมีคนเขียนไว้บ้างนะ)
ปล.๓ (เข้าเรื่องอีกที) แต่ผมว่าผมอาจจะเห็นด้วยในการรับชาวโรฮิงญามาดูแลไว้ ถ้ามีนโยบายรองรับโดยการผลักดันกาสรสีชาดที่สำนึกรัก "พ่อ" ออกไปอยู่กับพ่อของมัน หรือไปอยู่กับเพื่อนพ่อของมัน เพื่อลดภาระความรับผิดชอบ (๑ล้าน กับเกือบ ๑๖ ล้านหรืออาจเหลือไม่ถึง ความรับผิดชอบของรัฐฯต่อประชากรมันต่างกันเห็นๆ)