วันนี้( 21 ม.ค.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดินออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลโลกกรณีเขาพระวิหารว่า ก็ชุมนุมกันไป ประชาชนทุกคนคงรักชาติ แต่อยากให้รักอย่างถูกต้อง ซึ่งมีกฎ กติกาอยู่ ปัญหา คือเขายังไม่เข้าใจ และตนคงจะไปห้ามไม่ได้ เพราะจะตำหนิตนว่าไม่รักชาติทั้งนี้มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง และ อย่าให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย หรือให้ใครนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องอื่น โดยอย่านำไปเป็นคดีการเมืองต่อไป ตนคิดว่าคนละเรื่อง ในส่วนที่เขารักชาติโดยบริสุทธิ์ใจ ไปห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะ นี้ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ กระบวนการของศาลโลกซึ่ง เขามีสิทธิ์ไปฟ้องต่อศาล เราก็ต้องรอคำตัดสินว่าจะออกมาอย่างไร จะเข้าข่ายว่าเป็นคดีเก่าที่เกี่ยวข้องกับอาณาเขต เส้น อาณาเขตที่ใกล้เคียงพื้นที่เขตแดนหรือไม่ และศาลจะรับพิจารณาหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของศาล ซึ่งหากรับแล้วจะติดสินอย่างไร ก็ต้องต่อสู้กันตามกระบวนการ ขณะนี้ทุกคนร่วมกันต่อสู้ จะชนะหรือแพ้ ก็ต้องรอฟัง จากนั้นก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป บางอย่างพูดไม่ได้เลยในวันนี้ อีก เรื่องคือมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งตนจำเป็นต้องพูด เพราะมีผลกระทบกับตน และทหาร โดยมาตรการดังกล่าวเกิดจากการละเมิดข้อ5 ของเอ็มโอยู 43 ที่ ระบุว่าพื้นใดที่มีปัญหาในสองประเทศนั้น ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยไม่มีการดัดแปลงก่อสร้าง เมื่อมีฝ่ายใดละเมิดก็มีการประท้วงที่ผ่านมาประท้วงกันไปหลายสิบครั้งแล้วก็ รบกัน ซึ่งเอ็มโอยูฉบับนี้ไม่ได้เป็นการยอมรับเส้นเขตแดน
เมื่อถามย้ำว่า ได้ มีการเตรียมพร้อมหรือไม่ หากศาลโลกตัดสินว่า พื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พร้อมมาตลอด ทหารเขาพร้อมหมดแล้ว แต่ตนคาดหวังว่าจะไม่ตัดสินออกมาอย่างนั้น เพราะจะเป็นปัญหา เพราะไทยก็ถือแผนที่ของเรา ถ้า เขาถือแผนที่ของเขา แล้วเราต้องปฏิบัติตามหรือไม่ ก็ต้องไปว่ากัน รัฐบาลก็ต้องเรียกฝ่ายความมั่นคงมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร ขณะนี้อยากให้ทุกคนร่วมกันคิดร่วมกันทำ
“อย่าลืมว่าเรารบมากี่ ครั้งแล้ว ปี 2554 เรารบมา ตายไปหลายคน ทุกคนก็ภูมิใจว่าเขารักษาแผ่นดินไว้ได้ กองทัพบกมีหน้าที่ในการรักษาพื้นที่ทางบกทั้งหมด 5 พันกว่ากิโลเมตร เขาพระวิหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องดูแล แต่เป็นจุดที่มีความสำคัญและเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ถือเป็นพื้นที่ความขัดแย้งแต่อย่าเรียกเป็นอย่างอื่น ต่างคนก็ต้องต่อสู้ในหนทางที่สันติก่อน ถ้ารบกันมันง่าย แต่คนที่ได้รับความสูญเสียคือประชาชน เพราะทหารเป็นธรรมดาเราทำใจได้ แต่ประชาชนที่สูญเสียจะทำอย่างไร ก็ ว่ากันใหม่ เพราะอาวุธสมัยใหม่รุนแรงขึ้น ส่วนใหญ่ทหารมีเครื่องป้องกันตนเอง แต่ชาวบ้านไม่มี และประชาชนตามแนวชายแดนก็จะไม่สงบสันติ ก็ต้องไปถามเขาด้วยว่าจะเอาอย่างไร แต่ท้ายสุดแผ่นดินเป็นส่วนที่เราต้องรักษาไว้ให้ได้ ต้องเริ่มด้วยกฎหมายก่อน เรื่องกำลังใช้เมื่อไหร่ก็ใช้ได้ ไม่ต้องห่วง เราก็พร้อมอยู่แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลักลอบเข้าประเทศไทยของชาวโรฮิงญาว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ที่ผ่านมาทุกลมมรสุมสงบลงในซีกฝั่งทะเลอันดามันก็จะมีการลักลอบเข้าเมืองมา โดยตลอด ทุกปีจะมีการลักลอบเข้าประมาณ 200-300 คน โดยเดินทางเข้ามาบริเวณชายฝั่งเพื่อลัดเลาะไปยังประเทศอื่น ซึ่งไทยไม่ได้เป็นประเทศปลายทาง แต่เมื่อเข้ามาแล้วทางไทยก็จะให้การดูแลเรื่องมนุษยธรรม เพราะตามหลักการกลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่ในสถานะผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ใช่หลบหนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายไทยมีความชัดเจน หากกลุ่มชาวโรฮิงญาขึ้นฝั่งไทยแล้วจะต้องถูกดำเนินคดีก่อนที่จะส่งตัวกลับ ประเทศต้นทาง โดยมีการกำหนดชัดเจนตามนโยบายของรัฐบาล..