คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:47
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:51
คนพวกนี้ไม่พากันบรมโง่อย่างเดียว ยังพากันงมงายอีก พวกสาวกโกเต๊กแช่แข็ง
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:52
อ่านๆ ดูเหมือนกรณีคล้ายๆ กัน ประมาณว่าแกนนำหลอกให้เผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลาง แล้วโดนจับเข้าคุก
แล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศร้องเพลงประมาณว่า ช่างแม่มัน
และยังมีอะไรอีกน๊า-- ประมาณว่าคุณพายเรือส่งถึงฝั่งแล้ว คราวนี้ผมจะเดินเองบ้าง
อะไรประมาณนี้มั้งครับ
/人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:53
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:55
รอ @กรกช @phat21 มาแถลงไข
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:01
ขี้ข้าแม้วแมร่งเยอะจริงๆ รึใครจะเถียง
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:05
POPULAR
ประเด็นก็คือ คนที่รวมตัวกันมีหลายกลุ่มครับ คุณกาก
ในเวลานั้น สิ่งที่เป็นพิษสำหรับประเทศนี้ คือนายกเลวชาติ ที่ชื่อทักษิณ
ดังนั้น การรวมตัวกันของกลุ่มคนหลากหลาย
เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปจากตำแหน่งบริหารสูงสุด
ไม่น่าเป็นสิ่งเลวครับ
โดยเฉพาะ ถ้าเทียบกับการเผาบ้านเผาเมือง ปล้นแผ่นดิน
ปล้นรถ ปล้นเซเว่น (แต่ไม่ยักเอาหนังสือไปอ่านหาความรู้ใส่สมองกลวงๆ)
เผาศาลากลาง ขโมยเพชร ฯลฯ
ผมคงจะต้องเถียงแทนคนทั้งหมดว่า ใช่ว่าทุกคนจะเป็นสาวกแป๊ะไปหมด
ไม่เช่นนั้น คงไม่ได้ชื่อว่า เป็นพันธมิตร ซึ่งหมายความถึงการรวมตัวกัน
หากจะเทียบกับการเป็นสาวกแดง ที่ทำอะไร คิดอะไร ตามแกนนำบอก
เชื่อทุกสิ่งที่แกนนำพูด แม้ให้ไปกินขี้ ดมขี้ก็ยังรู้สึกหอม
ดังนั้น ต้องพยายามทำความเข้าใจและแยกให้ออก
ระหว่างการรวมตัวกันของคนหมู่มาก ในนามพันธมิตร
กับขยะกากเดนโจรเผาบ้านเผาเมือง ในนามโจรเสื้อแดง
ความเป็นคนมันต่างกัน
เพราะคน มันไม่กินและดมขี้แกนนำ
นี่วิชาการสุดแล้ว ดังนั้น หากจะเถียงข้างๆ คูๆ โดยไม่มีอะไรมาหักล้างคำพูดของผม
ก็อย่าเกรียนตอบให้อายสุนัขนะครับ
แต่ผมรู้
คนอย่างคุณ ทำได้อยู่ 2 อย่าง
อย่างแรก ถ้าไม่เกรียนตอบแบบไม่มีเนื้อหาวิชาการใดๆ ตามที่คุณเรียกร้องให้ใครๆ ทำ
คุณก็หายหัว เหมือนทุกกระทู้ที่คุณเคยเป็นตามสั น ดาน
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:18
ไร้สาระจริงๆ พวก "ควายแดง"
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:19
รอ phat21 มาตอบครับ ขอให้สิทธิ์ phat21 มาตอบก่อน
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:22
รู้สึกจะเป็นวิชาเกินแล้ว
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:25
Edited by Somebody, 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:26.
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:30
คำถามง่ายๆ แต่ตอบกันไม่ออกเลยวุ๊ย ... แถซ้าย แถขวา อยู่นั่นล่ะ
อ๋อ...... ไม่กล้าประจานตัวเอง ((( ว่างั้น )))
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:31
ไม่รู้ดิครับว่าทำไม
รู้แต่ว่าวันนี้ไอ้แม้วอยู่เมืองไทยไม่ได้
ก็แปลกเนอะ...ว่ากลัวอะไรเหรอ
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:32
.
..
(((((((((((((((( จริงฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ )))))))))))))))))))))))
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:38
ไม่รู้ดิครับว่าทำไมรู้แต่ว่าวันนี้ไอ้แม้วอยู่เมืองไทยไม่ได้
ก็แปลกเนอะ...ว่ากลัวอะไรเหรอ
จะมีอะไรนอกจากกลัวตายเท่านั้น
ถึงมันกลับมาได้ก็ตายอยู่ดี ไม่มีวันได้อยู่เป็นสุขหรอก
เชื่อเถอะคนแบบไอเหลี่ยมมีอีกหลายคนที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อสังหารมัน
ขอแค่มีโอกาสเท่านั้น
ควายแดงแมงยังโง่บรมคิดว่าถ้าเอานายมันกลับมาได้แล้วจะได้อยู่เป็นสุข ฝันลมๆแล้งๆไปเหอะ
ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:41
ผมฮากว่า คุณหมีเหม็น ซะอีกนะครับ
บิดาควายแดงของท่านยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศเลยมิใช่เหรอครับนั่น
ดิ้นพลาดๆ เพื่อไอ้หน้าเหลี่ยมต่อไปเถอะ หึหึ
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:27
คิดว่าจริงป่าวครับ....คุณเอ๊ย ในทางวิชาการถ้าพูดถึงเรื่องความโง่ม่มีใครสู้นางยิ่งลักได้หรอกครับ
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
Edited by Et tu Brute?, 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:30.
It's us against the world
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:14
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:27
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
กระทู้พรรค์นี้ มีแต่ไอ้ตู่ ไอ้เต้น ไอ้กี๊ร์ หมอเหวง เจ๋ง ดอกจิก จิรายุ หมวดเจ็บ ลูกโอ๊ค ธิดาแดง บัตรเติมเงินอื่นๆ จึงจะคุย'แบบวิชาการ'กับ"ผู้พิชิตสนามฯ"ได้........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:37
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
อย่างพี่ใช่ป่ะ ครับ ที่โดนล้างสมอง เห็นมีอยู่คนเดียว อ่ะที่ คิดถึงชาวเสื้อเหลืองยุึคนั้น
เจ็บใจใช่ไมล่ะครับ ฮาฮา ที่ตัวเองโดนหลอก เสียใจด้วยจริงๆนะครับ
อันนี้คุยกับแบบวิชาการเลยนะ
พี่บอกว่า ตัวเอง บรมโง่
ฮาฮา
อีกอย่าง ถ้าบอกว่า ตอนนั้นขับไล่ทักษิน บรมโง่
งั้นคนที่โง่อย่างบรม ก็ต้องดิ้นเป็นธรรมดาครับ ที่ฝ่ายตัวเองแพ้ อีกฝ่าย
ฮาดีแหะ
ไม่ทราบว่าพี่ นี้เหลืองหรือแดงครับ จะได้ติชมได้เข้ากับเหตุการณ์ ว่าแต่ล่ะเหตุการณ์มีข้อดีข้อเสีย อย่างไรต่อประชาชน คนธรรมดา
ที่ระอา กับพฤติกรรม ของพวกคลั่ง สี ทั้งสองฝ่าย
ปล อีก
วิชาการ ก็ต้อง คุยกับในแบบที่พี่คุยใช่ไหมครับ งั้นที่ผมร่ายย ยาวมานี้ก็วิชาการเหมือนกันนั้นล่ะ
พี่อย่าเจ็บใจเลย อย่าว่าตัวเองเลยครับ ที่บ้านให้อภัยแล้ว ฮาฮา
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:45
...
(((((((((((((((( จริงฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ )))))))))))))))))))))))
ฮาจริงครับ
ดูบรรดาแดงในบอร์ดแล้วก็ฮาจริงๆๆ นะ
แต่ล่ะคน แต่ล่ะกระทู้ บอกลักษณะนิสัยของฝ่ายตัวเองอย่างดี
แปลกแต่จริง ที่อยู่้ในบอร์ดอีกฝ่าย น่าจะโต้แย้งอีกฝ่ายอย่างมีหลักการณ์
แต่หลายไอดีกลับ มาแบบนี้ แล้วจะให้ใครเชื่อได้ไงว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงคิดนั้น มันมีคุณประโยชน์ต่อประเทศ
ก็แค่การเข้ามา แถ เข้ามากวน ฝ่ายตรงข้าม
อย่างนี้ ไปเรื่อยเปื่อย เหมือนเด็กน้อยที่ร้องให้เอาของเล่นเลยนะครับ อิอิ
ปล การกระทำมันทำให้คนทั่วไปที่เค้าก็ไม่ได้ชอบนักการเมืองคนไหนเป็นพิเศษ พอเห็นการกระทำของฝ่ายนี้ไป
ก็คงมีความคิดคล้ายๆกันว่า คุณภาพประชาการประเทศของเรามันแย่ลงจริงๆ ทำัตัวเหมือนเกรียนในโลกออนไลน์ที่ไม่มีใครเห็นหน้าก็จะแสดงสันดานของตนออกมาโดยไม่มีจริยธรรมกำกับได้ง่าย กว่าโลกความจริงๆ นั้นก็คือการกระทำในโลกออนไลน์ก็แสดงตัีวตนบางอย่าง ของคนได้ดีเหมือนกันนะ
ว่า คุณภาพไอดีเสื้อแดง เป็นแบบไหน ไม่ได้บอกว่าคนที่ชอบ ปชป หรือคนอื่นดีนะ
แต่พอเจอคนเสื้อแดงหลายๆ คนเข้าไปในการตังกระทู้ ตั้งความเห็น แล้วก็ปลงว่าประเทศเรามันหมดหวังแล้ว ถ้ามีประชากรแบบนี้เยอะ ^^
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 05:11
phat ไปไหน หรือ ติดสอบอยู่
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:31
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 08:27
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในการเคลื่อนไหวของแนวร่วมกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และปัญญาชนตีสองหน้า เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 อาวุธทางการเมืองที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของพวกเขาคือ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นก่อกระแส ไปจนถึงรัฐประหาร 19 กันยายน แล้วก็ยังถูกใช้ต่อมาอีกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร
คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิชาการรัฐศาสตร์-คอลัมนิสต์ที่เป็นพวกขวาจัด อิงแอบอยู่กับสถาบันจารีตประเพณีมาต่อต้านประชาธิปไตย ปฏิเสธทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัฒน์ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เป็นการจงใจผสมปนเปทางความคิดด้วยการจับเอาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2540 ตลอดจนสถาบันการเมืองประชาธิปไตยทั้งหมด มาผูกติดกับตัวบุคคลนักการเมือง แล้วตั้งฉายาแบบเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" ชูขึ้นเป็นเป้าโจมตี บิดเบือน ใส่ร้าย โดยมิเพียงทำลายตัวบุคคล แต่มุ่งโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญทั้งหมด แล้วโยนบาปไปให้นักการเมือง ปกปิดความจริงที่ว่า พวกจารีตนิยมนั่นแหละที่เป็นปัจจัยขัดขวางประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย
ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" อ้างว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้มีนักการเมืองชนะเลือกตั้งเข้ามาเกาะกุมระบบการเมือง แล้วใช้อำนาจไปทำลายประชาธิปไตย ละเมิดรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชน แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลไม่ทำงาน รวมถึงการซื้อเสียงหลอกลวงประชาชน และนโยบายเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จที่กอบโกยประโยชน์เข้าสู่พวกตน ผลก็คือ แม้จะยังมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกนักการเมืองครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ
ฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ "ได้ถูกทำลาย" หรือ "ถูกรัฐประหารโดยทักษิณ" ไปนานแล้วก่อนวันที่ 19 กันยายน
ระบอบการเมืองที่ว่านี้แหละ ที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ"
ตรรกะ "ระบอบทักษิณ" ดังกล่าว ได้แพร่กระจายดุจเนื้องอกมะเร็งร้ายไปสู่นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส สมาชิกวุฒิสภาปีกขวาจัด สื่อสารมวลชน และนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกใช้เป็นคำด่าทอเพื่อปลุกอารมณ์เกลียดชังคลุ้มคลั่งอย่างไร้เหตุผลในหมู่มวลชนจำนวนหนึ่ง ก่อเป็นการประท้วง ยั่วยุ สร้างความรุนแรงให้เป็นวิกฤตการเมือง ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ทีละขั้นตอนโดยพวกจารีตนิยม กระทั่งสำเร็จเป็นรัฐประหาร 19 กันยายนตามต้องการ
เป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ต้นของแนวร่วมจารีตนิยม-ราชการ และปัญญาชนขวาจัดคือ ต้องการโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อปกปิดเป้าประสงค์ที่แท้จริง พวกเขาจึงต้องใช้กุศโลบายเอาตัวบุคคลนักการเมืองมาเป็นเปลือกห่อหุ้มปิดบังระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ไว้ แล้วเรียกเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" จากนั้นก็โจมตี ใส่ไคล้ บิดเบือน ป้ายสี ด้วยข้อมูลเท็จต่างๆ นานา ผสมกับการปลุกอารมณ์คลั่งชาติอย่างสุดขั้ว ทำให้นักการเมืองที่ถูกใช้ห่อหุ้มรัฐธรรมนูญอยู่นั้นกลายเป็น "อภิทรราชและมหาอสุรกายจากนรก" "จอมขายชาติ" และ "พวกจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์"
จากนั้น ก็ชูคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ซึ่งเนื้อแท้คือการเรียกร้องให้โค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง และนี่เป็นความชั่วร้ายประการหนึ่งของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เพราะมันอำพรางเป้าประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องการทำลาย ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจจากระบบการเมืองและรัฐธรรมนูญไปที่ตัวบุคคลนักการเมือง ทำให้ผู้คนหลงเข้าใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการ "ขับไล่ทักษิณและทำลายเครือข่ายระบอบทักษิณ" ไม่ใช่การโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ นับเป็นอุบายที่ได้ผล สามารถหลอกใช้ปัญญาชนส่วนหนึ่งที่อ่อนหัดได้ เพราะคนพวกนี้คิดว่า ตนต้องการประชาธิปไตย แต่เกลียดชังนักการเมืองทุจริต พอได้ยินคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ก็พากันตื่นเต้น ตะลีตะลานวิ่งตามด้วยกลัวว่าจะ "ตกขบวน" กระโดดเข้าร่วมขับไล่ทักษิณกันอย่างคึกคัก โดยเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า พวกตนกำลัง "ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยการขับไล่นักการเมืองทุจริต และจะโค่นล้มทักษิณลงได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ"
.....บรมโง่.....
แต่หารู้ไม่ว่า การโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" ก็คือการโค่นล้มประชาธิปไตย
ฉีกรัฐธรรมนูญ และรื้อฟื้นระบอบเผด็จการอำนาจนิยมแบบเปิดเผยของพวกจารีตนิยมขึ้นมาอีกครั้ง
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังถูกใช้เป็นตรรกะที่สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐประหาร เพราะในเมื่อระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ได้ถูกละเมิดหรือทำลายไปก่อนแล้วโดยทักษิณ และในเมื่อ "ระบอบทักษิณ" เป็นเผด็จการทรราชย์ของนักการเมืองที่ทุจริตและขายชาติ รัฐประหาร 19 กันยายนจึงไม่ใช่การโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการ "โค่นล้มระบอบทักษิณที่เป็นเผด็จการและทุจริต" รัฐประหาร 19 กันยายนจึงมี "ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนรัฐประหารทั้งปวงในอดีต" ไม่ใช่ "รัฐประหารที่เลว" หากแต่เป็นรัฐประหารที่ "จำเป็นและเลี่ยงไม่ได้" เพื่อโค่นล้มเผด็จการของนักการเมืองและเพื่อ "ปฏิรูปการเมือง" นำมาซึ่งการเมืองที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์และปราศนักการเมืองชั่วอีกต่อไป
และนี่คือตรรกะเลวร้ายที่บรรดาปัญญาชนขวาจัด ปัญญาชนเดือนตุลา รวมถึงนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส ล้วนใช้เป็นเหตุผลดาหน้ากันออกมาสนับสนุนรัฐประหารกันอย่างครึกครื้นและไร้ยางอาย แม้แต่พวกปัญญาชนตีสองหน้า โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสบางคนด้านประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็ยังใช้ตรรกะดังกล่าวมาแก้ตัวว่า "ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ถึงอย่างไร รัฐประหารยังเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ"
อัปลักษณ์ทางตรรกะมาถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อเราได้เห็นบทความ คอลัมน์หนังสือพิมพ์ และการเสวนาอภิปรายของคอลัมนิสต์ นักวิชาการ และราษฎรอาวุโส ที่ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้กับเผด็จการ พากันสาธยายว่า บัดนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นในการเมืองไทยแล้วคือ ระบอบรัฐประหารของคณะทหารที่มีปืนอยู่ในมือและปกครองด้วยประกาศ คำสั่งและกฎอัยการศึกในขณะนี้ กลับ "สุภาพอ่อนโยน" ไม่เป็นเผด็จการ คุมระบบราชการไม่ได้ และไม่สามารถใช้อำนาจรุนแรงเด็ดขาดได้เท่ากับ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จได้ทั้งๆ ที่มีรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า กลุ่มทุนการเมืองนั้นแยบยลและเลวร้ายเพียงใดเพราะ "สามารถเป็นเผด็จการได้ด้วยการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย" ฉะนั้น ระบอบรัฐประหาร 19 กันยายนจึง "ไม่เป็นเผด็จการ" หากแต่เป็น "ประชาธิปไตยปฏิรูป" หรืออย่างมากก็เป็นแค่ "เผด็จการครึ่งใบ"
คนที่อ้างว่า "รัฐประหารเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ" ก็เพื่อผัดหน้าทาแป้ง ปกปิดใบหน้าปีศาจของระบอบเผด็จการทหาร คนพวกนี้มีทัศนะ แนวคิด และมาตรฐานประชาธิปไตยที่บิดเบือนกลับตาลปัตรอย่างแท้จริง เพราะภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยในมาตรฐานสูงเท่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่ก็พอจะถือได้ว่า "เป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก" สำหรับการเมืองไทยตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา อันเนื่องมาจากคุณลักษณะที่ก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญ 2540 จริงอยู่ว่า ผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองฝ่ายบริหารมีอำนาจมาก คุมรัฐสภาผ่านการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากที่เหนียวแน่น มีอิทธิพลสูงต่อองค์กรอิสระผ่านวุฒิสภา ทั้งดำเนินมาตรการบางอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อประชาธิปไตย (เช่น สงครามปราบยาเสพติด) แต่สถาบันการเมืองประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็ยังคงทำงานต่อไปได้ และยังสามารถทำการตรวจสอบถ่วงดุลได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังมีพรรคฝ่ายค้าน สื่อมวลชนอิสระ ตลอดจนสถาบันตุลาการที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล
แต่การยอมรับว่า "สถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกกระทบกระเทือนและหมิ่นเหม่" นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการสรุปว่า "รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกทำลายไปแล้ว" เราจึงได้เห็นสื่อสารมวลชนทุกแขนง แม้แต่สื่อของรัฐเอง ต่างรุมโจมตีรัฐบาลไทยรักไทยได้ต่อเนื่องยาวนาน มีการชุมนุมประท้วงที่ล่วงละเมิดกฎหมายและสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นมากที่สุด ทั้งยั่วยุด่าทอ และท้าทายให้เกิดความรุนแรงที่ยืดเยื้อยาวนาน โดยที่รัฐบาลไทยรักไทยตกเป็นฝ่ายรับและไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย นี่ละหรือ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการทรราชเบ็ดเสร็จจากขุมนรก!
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังบิดเบือนเนื้อแท้ของระบบการเมืองไทยก่อน 19 กันยายนให้เป็นระบบการเมืองที่นักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้ว แม้แต่ระบอบรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังเป็นเพียงเปลือกนอกของระบอบอำนาจนิยมแฝงเร้นของพวกจารีตนิยมที่ยึดกุมอำนาจรัฐจริงมาตั้งแต่รัฐประหาร16 กันยายน 2500 โดยมีเปลือกนอกสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเลือกตั้งเท่านั้น เพียงแต่ว่า ในช่วง 4 ปีแรกของรัฐบาลไทยรักไทย อำนาจของพวกจารีตนิยมได้แฝงเร้นมากขึ้นและปล่อยให้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้แสดงผลสะเทือนทางประชาธิปไตยออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่ในที่สุด พวกจารีตนิยมก็ทนไม่ได้ ต้องกระโดดออกมาในที่โล่งแจ้งอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและฉีกเปลือกที่เป็นรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้ง
ข้อนี้เห็นได้จากความจริงที่ว่า รัฐบาลไทยรักไทยได้เริ่มสูญเสียอำนาจจริงไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2549 เมื่อกลุ่มจารีตนิยมเคลื่อนไหวอย่างลับๆ โดยด้านหนึ่ง ก็สนับสนุนการชุมนุมประท้วงขับไล่บนท้องถนน และให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้ง สร้างเป็นสถานการณ์วิกฤตนอกสภา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในระบบการเมืองและราชการ ก็เข้าแทรกแซงหน่วยงานรัฐบาล ทหารตำรวจ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนของรัฐ ไปจนถึงสถาบันตุลาการ ทำให้รัฐบาลไทยรักไทยเป็นอัมพาตและตายไปทีละส่วน
รัฐประหาร 19 กันยายนเป็นเพียงการตัดสายใยชีวิตการเมืองอันบอบบางที่เหลืออยู่เป็นเส้นสุดท้ายของรัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้น ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ก็คือ มันปิดบังความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ร่มเงาแห่งอำนาจแฝงเร้นของกลุ่มจารีตนิยมตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา รัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกชุดล้วนอ่อนแออย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลไทยรักไทยซึ่งเข้มแข็งยิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้งในอดีตด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังอ่อนแอและไร้พลังโดยสิ้นเชิงในการต่อกรกับอำนาจจารีตนิยม
เนื้อแท้ของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังมีนัยว่า ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุรากเหง้าของพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมือง ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงเป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตยและการเมืองแบบเลือกตั้ง โดยมองว่า ประชาธิปไตยไม่ว่าที่ไหนในโลก แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนเลวทรามทั้งสิ้น คือผลิตแต่นักการเมืองเลวๆ ขึ้นสู่อำนาจทั้งนั้น เพราะมองไปทางไหน ประเทศใด ก็เห็นแต่นักการเมืองในลักษณะดังกล่าว
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงมีลักษณะร่วมกันคือ เกลียดชังต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกลียดชังตะวันตก ประณามระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศเหล่านั้นว่า "จอมปลอม เป็น "ประชาธิปไตยสามานย์" คนพวกนี้เชื่อในลัทธิชนชั้นผู้นำและระบอบอภิสิทธิ์ชน เชื่อว่า การเมืองต้อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" และ "ผู้นำต้องมีคุณธรรมจริยธรรม" ซึ่งเอาเข้าจริงก็ล้วนคลุมเครือ เป็นอัตวิสัย และจอมปลอม เพราะในท้ายสุด "คนดี มีคุณธรรมจริยธรรม" ที่สมควรมีอำนาจปกครองในความคิดของพวกเขาก็คือ พวกเขาเองนั่นแหละที่มีทั้งชาติ วงศ์ตระกูล ทรัพย์ ภูมิปัญญา การศึกษา และ "คุณธรรมจริยธรรม" เพียบพร้อม และมีจำนวนคนน้อยนิดบนสุดยอดปิรามิดของสังคม
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า ในเมื่อผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นนำจากตระกูลสูงส่งเพียงใด เป็นสกุลผู้ดีสืบเนื่องมานับร้อยปี หรือสามัญชนและนักการเมืองทั่วไป ทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เห็นแก่ประโยชน์ตนกันทั้งนั้น ล้วนชอบใช้อำนาจ ไม่ชอบถูกตรวจสอบ ไม่ชอบข้อจำกัดทางกฎหมาย มักเล่นพรรคเล่นพวก และมีแนวโน้มทุจริตถ้ามีโอกาส
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด
เราจะเห็นความบิดเบี้ยวของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ได้ชัดเจนเมื่อนำตรรกะเดียวกันไปใช้ในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา เราก็จะได้วาทกรรม "ระบอบบุชง เพราะจอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ทั้งให้ดักฟังโทรศัพท์ชาวอเมริกันโดยศาลไม่รับรอง กักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อ่าวกวนตานาโมนานนับปีโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา และมีข่าวพัวพันกับนักลอบบี้ที่ทุจริต ส่วนรองประธานาธิบดิกเชนีย์ก็ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตมาตั้งแต่ชนะเลือกตั้งสมัยแรก แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา ก็ยังทำอะไรบุชไม่ได้ ฉะนั้น ทางออก "ที่เลียงไม่ได้" ก็คือ ต้องให้กองทัพสหรัฐฯ ออกมาก่อรัฐประหารขับไล่บุชและฉีกรัฐธรรมนูญ!? ส่วนในอังกฤษ เราก็จะมี "ระบอบแบลร์" เพราะโทนี่ แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ถูกหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอังกฤษ ใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทน นำประเทศเข้าสู่สงครามอิรักโดยไม่ฟังเสียงประชามตินอกสภา ในขณะที่ภริยาก็เคยถูกกล่าวหาว่า รับประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ไร้น้ำยาเพราะพรรคแรงงานของนายแบลร์มีเสียงข้างมาก "เป็นเผด็จการรัฐสภา" ฉะนั้น ทางออกคือ ต้องเรียกร้องขอ "นายกฯมาตรา 7" จากพระราชินีอลิซาเบ็ธ หรือให้ฝ่ายทหารออกมาทำรัฐประหาร!?
แต่ความชั่วร้ายประการสำคัญที่สุดของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" คือ มันเบี่ยงเป้าบิดประเด็นไปจากต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทย โดยจับเอานักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 และสถาบันประชาธิปไตยทั้งหมด มาผสมปนเปกันเข้าแล้วขึงพืดขึ้นบนตะแลงแกง ให้เป็นเป้าของการด่าทอ ทุบทรมาน โบยตี ฟันแทงต่างๆ ด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง ให้ผู้คนเข้าใจว่า นี่แหละคือต้นเหตุแห่งความฉิบหายทางการเมืองตลอดหลายปีมานี้ ทั้งที่ต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทยคือ พวกจารีตนิยม ซึ่งผูกขาดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
http://prachatai.com...l/2007/02/11453
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 08:57
อ่า... งั้นทั่นผู้พิชิต ก็ควร เอาบทความ ข้างต้น มาแปะไว้ตั้งแต่สิครับ
ว่ามีบทความอ้างอิง เชิงวิชาการ วิเคราะ วิแคะ กันมาแล้ว
ไม่ใช่มาพูดถามลอยๆ แล้วมาถามหาวิชาการจากคนอื่น ตั้งกระทู้ไม่รอบคอบเลยนะครับ
เอ๊ะ ตลกแหะ ตรงคำที่ลงท้ายว่า
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด
ทำไมผมนึกถึงพวกเสื้อแดงแหะ... แล้วไหนคือความเห็นส่วนตัวของ ทั่นผู้พิชิตล่ะครับ??
แค่เอาบทความคนอื่นมาแปะ เท่านั้นเอง
อ๋อ ผมยอม โง่แบบนี้ดีกว่าครับ ถ้าฉลาด แล้วงมงาย หลงเชื่อกลุ่มคนบางกลุ่ม
เชิญภูมิใจในความฉลาดนั่นเลยครับ
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:00
พันธมิตรถูกหลอกสนธิหลอกใช้?
งั้นช่วยถามคนเสื้อแดงด้วยกันหน่อยว่า ที่ลำบากกันทุกวันนี้ ติดคุกแล้วไม่มีใครเพิ่มทุนประกัน
ไม่มีหมาแดง ส.ส. รมต. มาช่วยรับรองเอาตำแหน่งประกันตัวออกมา
อยากได้อะไร ก็ต้องไปกรอกใบหาเสียง กาเบอร์ให้ผู้สมัครเพื่อไทยทุกระดับก่อน
ถ้ากาไม่พอ แพ้เขา ก็ต้องรอไปก่อน
ถามว่า เคยคลำศีรษะตัวเองบ้างไหมว่ามี เขาแดงๆ โผล่หรือเปล่า?
Edited by Rarm41, 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:04.
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:30
ออกมาชุมนุมไม่ผิดกฎหมาย แต่โดนแกนนำลากไปทำความผิด ทั้งควายแดงควายเหลือง ผิดกฎหมาย อันนี้ โง่บรม
ทั้งเหลืองทั้งแดง มีกรณีที่ ประชาชนไปชุมนุม และสาวก ติดคุกไปกี่หลายแล้ว ????
เหลือง ก็กรณี NBT
แดง ก็กรณีเผาบ้านเผาเมือง
แต่ถ้าในเรื่องความโง่ คิดว่าควายแดงโง่กว่า สมัยนั้นคนออกไปไล่แม้ว มีหลายกลุ่ม ที่รวมตัวเป็น พธม สุดท้าย แป๊ะหางออก คนก็ถอนตัวออกมาเยอะแยะ ไม่เอาด้วย เหลือ เหลืองแท้ๆ ไม่เท่าไร
แต่ควายแดงนี้ซิ โดนเขาหลอกไปทำผิดกฎหมาย โดนเขาหลอกไปเผาบ้านเผาเมือง ติดคุก ก็แล้ว ไรก็แล้ว ก็ยังไม่เลิกโง่ ยังโง่ ให้เขาหลอกต่อไป ไหนจะเรื่องสองมาตราฐาน ไพร่ อำมาตย์ ปืนแตกจะกลับบ้าน วันนี้แกนนำแดงได้ดิบได้ดี แต่สาวก ก็อยู่กันเหมือนเดิม
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:36
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
================================ บทความพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ"
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในการเคลื่อนไหวของแนวร่วมกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และปัญญาชนตีสองหน้า เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 อาวุธทางการเมืองที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของพวกเขาคือ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นก่อกระแส ไปจนถึงรัฐประหาร 19 กันยายน แล้วก็ยังถูกใช้ต่อมาอีกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร
คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิชาการรัฐศาสตร์-คอลัมนิสต์ที่เป็นพวกขวาจัด อิงแอบอยู่กับสถาบันจารีตประเพณีมาต่อต้านประชาธิปไตย ปฏิเสธทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัฒน์ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เป็นการจงใจผสมปนเปทางความคิดด้วยการจับเอาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2540 ตลอดจนสถาบันการเมืองประชาธิปไตยทั้งหมด มาผูกติดกับตัวบุคคลนักการเมือง แล้วตั้งฉายาแบบเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" ชูขึ้นเป็นเป้าโจมตี บิดเบือน ใส่ร้าย โดยมิเพียงทำลายตัวบุคคล แต่มุ่งโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญทั้งหมด แล้วโยนบาปไปให้นักการเมือง ปกปิดความจริงที่ว่า พวกจารีตนิยมนั่นแหละที่เป็นปัจจัยขัดขวางประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย
ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" อ้างว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้มีนักการเมืองชนะเลือกตั้งเข้ามาเกาะกุมระบบการเมือง แล้วใช้อำนาจไปทำลายประชาธิปไตย ละเมิดรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชน แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลไม่ทำงาน รวมถึงการซื้อเสียงหลอกลวงประชาชน และนโยบายเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จที่กอบโกยประโยชน์เข้าสู่พวกตน ผลก็คือ แม้จะยังมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกนักการเมืองครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ
ฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ "ได้ถูกทำลาย" หรือ "ถูกรัฐประหารโดยทักษิณ" ไปนานแล้วก่อนวันที่ 19 กันยายน
ระบอบการเมืองที่ว่านี้แหละ ที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ"
ตรรกะ "ระบอบทักษิณ" ดังกล่าว ได้แพร่กระจายดุจเนื้องอกมะเร็งร้ายไปสู่นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส สมาชิกวุฒิสภาปีกขวาจัด สื่อสารมวลชน และนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกใช้เป็นคำด่าทอเพื่อปลุกอารมณ์เกลียดชังคลุ้มคลั่งอย่างไร้เหตุผลในหมู่มวลชนจำนวนหนึ่ง ก่อเป็นการประท้วง ยั่วยุ สร้างความรุนแรงให้เป็นวิกฤตการเมือง ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ทีละขั้นตอนโดยพวกจารีตนิยม กระทั่งสำเร็จเป็นรัฐประหาร 19 กันยายนตามต้องการ
เป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ต้นของแนวร่วมจารีตนิยม-ราชการ และปัญญาชนขวาจัดคือ ต้องการโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อปกปิดเป้าประสงค์ที่แท้จริง พวกเขาจึงต้องใช้กุศโลบายเอาตัวบุคคลนักการเมืองมาเป็นเปลือกห่อหุ้มปิดบังระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ไว้ แล้วเรียกเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" จากนั้นก็โจมตี ใส่ไคล้ บิดเบือน ป้ายสี ด้วยข้อมูลเท็จต่างๆ นานา ผสมกับการปลุกอารมณ์คลั่งชาติอย่างสุดขั้ว ทำให้นักการเมืองที่ถูกใช้ห่อหุ้มรัฐธรรมนูญอยู่นั้นกลายเป็น "อภิทรราชและมหาอสุรกายจากนรก" "จอมขายชาติ" และ "พวกจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์"
จากนั้น ก็ชูคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ซึ่งเนื้อแท้คือการเรียกร้องให้โค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง และนี่เป็นความชั่วร้ายประการหนึ่งของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เพราะมันอำพรางเป้าประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องการทำลาย ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจจากระบบการเมืองและรัฐธรรมนูญไปที่ตัวบุคคลนักการเมือง ทำให้ผู้คนหลงเข้าใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการ "ขับไล่ทักษิณและทำลายเครือข่ายระบอบทักษิณ" ไม่ใช่การโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ นับเป็นอุบายที่ได้ผล สามารถหลอกใช้ปัญญาชนส่วนหนึ่งที่อ่อนหัดได้ เพราะคนพวกนี้คิดว่า ตนต้องการประชาธิปไตย แต่เกลียดชังนักการเมืองทุจริต พอได้ยินคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ก็พากันตื่นเต้น ตะลีตะลานวิ่งตามด้วยกลัวว่าจะ "ตกขบวน" กระโดดเข้าร่วมขับไล่ทักษิณกันอย่างคึกคัก โดยเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า พวกตนกำลัง "ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยการขับไล่นักการเมืองทุจริต และจะโค่นล้มทักษิณลงได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ"
.....บรมโง่.....
แต่หารู้ไม่ว่า การโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" ก็คือการโค่นล้มประชาธิปไตย
ฉีกรัฐธรรมนูญ และรื้อฟื้นระบอบเผด็จการอำนาจนิยมแบบเปิดเผยของพวกจารีตนิยมขึ้นมาอีกครั้ง
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังถูกใช้เป็นตรรกะที่สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐประหาร เพราะในเมื่อระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ได้ถูกละเมิดหรือทำลายไปก่อนแล้วโดยทักษิณ และในเมื่อ "ระบอบทักษิณ" เป็นเผด็จการทรราชย์ของนักการเมืองที่ทุจริตและขายชาติ รัฐประหาร 19 กันยายนจึงไม่ใช่การโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการ "โค่นล้มระบอบทักษิณที่เป็นเผด็จการและทุจริต" รัฐประหาร 19 กันยายนจึงมี "ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนรัฐประหารทั้งปวงในอดีต" ไม่ใช่ "รัฐประหารที่เลว" หากแต่เป็นรัฐประหารที่ "จำเป็นและเลี่ยงไม่ได้" เพื่อโค่นล้มเผด็จการของนักการเมืองและเพื่อ "ปฏิรูปการเมือง" นำมาซึ่งการเมืองที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์และปราศนักการเมืองชั่วอีกต่อไป
และนี่คือตรรกะเลวร้ายที่บรรดาปัญญาชนขวาจัด ปัญญาชนเดือนตุลา รวมถึงนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส ล้วนใช้เป็นเหตุผลดาหน้ากันออกมาสนับสนุนรัฐประหารกันอย่างครึกครื้นและไร้ยางอาย แม้แต่พวกปัญญาชนตีสองหน้า โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสบางคนด้านประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็ยังใช้ตรรกะดังกล่าวมาแก้ตัวว่า "ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ถึงอย่างไร รัฐประหารยังเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ"
อัปลักษณ์ทางตรรกะมาถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อเราได้เห็นบทความ คอลัมน์หนังสือพิมพ์ และการเสวนาอภิปรายของคอลัมนิสต์ นักวิชาการ และราษฎรอาวุโส ที่ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้กับเผด็จการ พากันสาธยายว่า บัดนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นในการเมืองไทยแล้วคือ ระบอบรัฐประหารของคณะทหารที่มีปืนอยู่ในมือและปกครองด้วยประกาศ คำสั่งและกฎอัยการศึกในขณะนี้ กลับ "สุภาพอ่อนโยน" ไม่เป็นเผด็จการ คุมระบบราชการไม่ได้ และไม่สามารถใช้อำนาจรุนแรงเด็ดขาดได้เท่ากับ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จได้ทั้งๆ ที่มีรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า กลุ่มทุนการเมืองนั้นแยบยลและเลวร้ายเพียงใดเพราะ "สามารถเป็นเผด็จการได้ด้วยการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย" ฉะนั้น ระบอบรัฐประหาร 19 กันยายนจึง "ไม่เป็นเผด็จการ" หากแต่เป็น "ประชาธิปไตยปฏิรูป" หรืออย่างมากก็เป็นแค่ "เผด็จการครึ่งใบ"
คนที่อ้างว่า "รัฐประหารเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ" ก็เพื่อผัดหน้าทาแป้ง ปกปิดใบหน้าปีศาจของระบอบเผด็จการทหาร คนพวกนี้มีทัศนะ แนวคิด และมาตรฐานประชาธิปไตยที่บิดเบือนกลับตาลปัตรอย่างแท้จริง เพราะภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยในมาตรฐานสูงเท่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่ก็พอจะถือได้ว่า "เป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก" สำหรับการเมืองไทยตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา อันเนื่องมาจากคุณลักษณะที่ก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญ 2540 จริงอยู่ว่า ผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองฝ่ายบริหารมีอำนาจมาก คุมรัฐสภาผ่านการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากที่เหนียวแน่น มีอิทธิพลสูงต่อองค์กรอิสระผ่านวุฒิสภา ทั้งดำเนินมาตรการบางอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อประชาธิปไตย (เช่น สงครามปราบยาเสพติด) แต่สถาบันการเมืองประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็ยังคงทำงานต่อไปได้ และยังสามารถทำการตรวจสอบถ่วงดุลได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังมีพรรคฝ่ายค้าน สื่อมวลชนอิสระ ตลอดจนสถาบันตุลาการที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล
แต่การยอมรับว่า "สถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกกระทบกระเทือนและหมิ่นเหม่" นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการสรุปว่า "รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกทำลายไปแล้ว" เราจึงได้เห็นสื่อสารมวลชนทุกแขนง แม้แต่สื่อของรัฐเอง ต่างรุมโจมตีรัฐบาลไทยรักไทยได้ต่อเนื่องยาวนาน มีการชุมนุมประท้วงที่ล่วงละเมิดกฎหมายและสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นมากที่สุด ทั้งยั่วยุด่าทอ และท้าทายให้เกิดความรุนแรงที่ยืดเยื้อยาวนาน โดยที่รัฐบาลไทยรักไทยตกเป็นฝ่ายรับและไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย นี่ละหรือ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการทรราชเบ็ดเสร็จจากขุมนรก!
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังบิดเบือนเนื้อแท้ของระบบการเมืองไทยก่อน 19 กันยายนให้เป็นระบบการเมืองที่นักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้ว แม้แต่ระบอบรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังเป็นเพียงเปลือกนอกของระบอบอำนาจนิยมแฝงเร้นของพวกจารีตนิยมที่ยึดกุมอำนาจรัฐจริงมาตั้งแต่รัฐประหาร16 กันยายน 2500 โดยมีเปลือกนอกสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเลือกตั้งเท่านั้น เพียงแต่ว่า ในช่วง 4 ปีแรกของรัฐบาลไทยรักไทย อำนาจของพวกจารีตนิยมได้แฝงเร้นมากขึ้นและปล่อยให้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้แสดงผลสะเทือนทางประชาธิปไตยออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่ในที่สุด พวกจารีตนิยมก็ทนไม่ได้ ต้องกระโดดออกมาในที่โล่งแจ้งอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและฉีกเปลือกที่เป็นรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้ง
ข้อนี้เห็นได้จากความจริงที่ว่า รัฐบาลไทยรักไทยได้เริ่มสูญเสียอำนาจจริงไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2549 เมื่อกลุ่มจารีตนิยมเคลื่อนไหวอย่างลับๆ โดยด้านหนึ่ง ก็สนับสนุนการชุมนุมประท้วงขับไล่บนท้องถนน และให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้ง สร้างเป็นสถานการณ์วิกฤตนอกสภา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในระบบการเมืองและราชการ ก็เข้าแทรกแซงหน่วยงานรัฐบาล ทหารตำรวจ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนของรัฐ ไปจนถึงสถาบันตุลาการ ทำให้รัฐบาลไทยรักไทยเป็นอัมพาตและตายไปทีละส่วน
รัฐประหาร 19 กันยายนเป็นเพียงการตัดสายใยชีวิตการเมืองอันบอบบางที่เหลืออยู่เป็นเส้นสุดท้ายของรัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้น ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ก็คือ มันปิดบังความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ร่มเงาแห่งอำนาจแฝงเร้นของกลุ่มจารีตนิยมตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา รัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกชุดล้วนอ่อนแออย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลไทยรักไทยซึ่งเข้มแข็งยิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้งในอดีตด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังอ่อนแอและไร้พลังโดยสิ้นเชิงในการต่อกรกับอำนาจจารีตนิยม
เนื้อแท้ของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังมีนัยว่า ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุรากเหง้าของพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมือง ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงเป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตยและการเมืองแบบเลือกตั้ง โดยมองว่า ประชาธิปไตยไม่ว่าที่ไหนในโลก แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนเลวทรามทั้งสิ้น คือผลิตแต่นักการเมืองเลวๆ ขึ้นสู่อำนาจทั้งนั้น เพราะมองไปทางไหน ประเทศใด ก็เห็นแต่นักการเมืองในลักษณะดังกล่าว
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงมีลักษณะร่วมกันคือ เกลียดชังต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกลียดชังตะวันตก ประณามระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศเหล่านั้นว่า "จอมปลอม เป็น "ประชาธิปไตยสามานย์" คนพวกนี้เชื่อในลัทธิชนชั้นผู้นำและระบอบอภิสิทธิ์ชน เชื่อว่า การเมืองต้อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" และ "ผู้นำต้องมีคุณธรรมจริยธรรม" ซึ่งเอาเข้าจริงก็ล้วนคลุมเครือ เป็นอัตวิสัย และจอมปลอม เพราะในท้ายสุด "คนดี มีคุณธรรมจริยธรรม" ที่สมควรมีอำนาจปกครองในความคิดของพวกเขาก็คือ พวกเขาเองนั่นแหละที่มีทั้งชาติ วงศ์ตระกูล ทรัพย์ ภูมิปัญญา การศึกษา และ "คุณธรรมจริยธรรม" เพียบพร้อม และมีจำนวนคนน้อยนิดบนสุดยอดปิรามิดของสังคม
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า ในเมื่อผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นนำจากตระกูลสูงส่งเพียงใด เป็นสกุลผู้ดีสืบเนื่องมานับร้อยปี หรือสามัญชนและนักการเมืองทั่วไป ทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เห็นแก่ประโยชน์ตนกันทั้งนั้น ล้วนชอบใช้อำนาจ ไม่ชอบถูกตรวจสอบ ไม่ชอบข้อจำกัดทางกฎหมาย มักเล่นพรรคเล่นพวก และมีแนวโน้มทุจริตถ้ามีโอกาส
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด
เราจะเห็นความบิดเบี้ยวของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ได้ชัดเจนเมื่อนำตรรกะเดียวกันไปใช้ในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา เราก็จะได้วาทกรรม "ระบอบบุชง เพราะจอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ทั้งให้ดักฟังโทรศัพท์ชาวอเมริกันโดยศาลไม่รับรอง กักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อ่าวกวนตานาโมนานนับปีโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา และมีข่าวพัวพันกับนักลอบบี้ที่ทุจริต ส่วนรองประธานาธิบดิกเชนีย์ก็ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตมาตั้งแต่ชนะเลือกตั้งสมัยแรก แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา ก็ยังทำอะไรบุชไม่ได้ ฉะนั้น ทางออก "ที่เลียงไม่ได้" ก็คือ ต้องให้กองทัพสหรัฐฯ ออกมาก่อรัฐประหารขับไล่บุชและฉีกรัฐธรรมนูญ!? ส่วนในอังกฤษ เราก็จะมี "ระบอบแบลร์" เพราะโทนี่ แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ถูกหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอังกฤษ ใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทน นำประเทศเข้าสู่สงครามอิรักโดยไม่ฟังเสียงประชามตินอกสภา ในขณะที่ภริยาก็เคยถูกกล่าวหาว่า รับประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ไร้น้ำยาเพราะพรรคแรงงานของนายแบลร์มีเสียงข้างมาก "เป็นเผด็จการรัฐสภา" ฉะนั้น ทางออกคือ ต้องเรียกร้องขอ "นายกฯมาตรา 7" จากพระราชินีอลิซาเบ็ธ หรือให้ฝ่ายทหารออกมาทำรัฐประหาร!?
แต่ความชั่วร้ายประการสำคัญที่สุดของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" คือ มันเบี่ยงเป้าบิดประเด็นไปจากต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทย โดยจับเอานักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 และสถาบันประชาธิปไตยทั้งหมด มาผสมปนเปกันเข้าแล้วขึงพืดขึ้นบนตะแลงแกง ให้เป็นเป้าของการด่าทอ ทุบทรมาน โบยตี ฟันแทงต่างๆ ด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง ให้ผู้คนเข้าใจว่า นี่แหละคือต้นเหตุแห่งความฉิบหายทางการเมืองตลอดหลายปีมานี้ ทั้งที่ต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทยคือ พวกจารีตนิยม ซึ่งผูกขาดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
http://prachatai.com...l/2007/02/11453
อย่าอายครับพี่ที่ถูกหลอก
ถึงจะเจ็บใจแค่ใหนก็ยอมรับมาเหอะครับ
ว่าตัวเองโดนหลอกเลยเจ็บใจ เลยมาหาพวกที่ไปด้วยแล้วโดนหลอก แต่ส่วนมากหายากนะครับ แบบไปชุมนุมโดยแค่เชื่อแต่แกนนำแบบพี่เลยเจ็บใจแบบนี้
คราวหลังก็หัด ไปชุมนุมโดยไปรับฟัง อะไรไม่ดีก็อย่าทำครับ ไปด้วยใจที่ต้องการทำสิ่งดี อะไรไม่ดี ถึงแกนนำสั่งก็อย่าไปเชื่อครับ
อิอิ
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:31
อย่าอายครับพี่ที่ถูกหลอกถึงจะเจ็บใจแค่ใหนก็ยอมรับมาเหอะครับ
ว่าตัวเองโดนหลอกเลยเจ็บใจ เลยมาหาพวกที่ไปด้วยแล้วโดนหลอก แต่ส่วนมากหายากนะครับ แบบไปชุมนุมโดยแค่เชื่อแต่แกนนำแบบพี่เลยเจ็บใจแบบนี้
คราวหลังก็หัด ไปชุมนุมโดยไปรับฟัง อะไรไม่ดีก็อย่าทำครับ ไปด้วยใจที่ต้องการทำสิ่งดี อะไรไม่ดี ถึงแกนนำสั่งก็อย่าไปเชื่อครับ
อิอิ
55555555
คนโง่ มักจะไม่ยอมดูโง่อยู่คนเดียว
แต่มักจะทำอะไรโง่ๆ
เพื่อให้คนอื่นดูโง่เท่าหรือมากกว่าตน
แต่ที่สุด
ก็กลายเป็นโง่ซ้ำซาก
บนซากอัปยศของตัวเอง
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:45
ควาย ก็คือควายวันยังค่ำ
ให้กินใบแป๊ะก๊วย เป็นไร่ๆ ก็คงไม่ช่วยไรได้
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:09
โธ่เอ้ย ไอ้พวกลูกกะหรี่
ถ้าผมเจอ สมศักดิ์ เจียม ผมจะเรียกเขาอย่างนี้ครับ
แยก ดี ชั่ว ไม่ออก โง่จุงเบย
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:54
แปลกที่กระทู้นี้ phat21 ไม่มา
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:03
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
================================ บทความพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ"
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.............ดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
มีบทความของคนนี้ ที่เกี่ยวกับเสื้อแดงเผากรุงไหมครับ
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:37
อยากดูเครื่องบินรบดริฟท์กลางอากาศในกระทู้นี้ครับ
ดริฟท์กลางรันเวย์ก็ได้ครับ
Edited by อู๋ ฮานามิ, 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:37.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:22
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
================================ บทความพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ"
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในการเคลื่อนไหวของแนวร่วมกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และปัญญาชนตีสองหน้า เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 อาวุธทางการเมืองที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของพวกเขาคือ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นก่อกระแส ไปจนถึงรัฐประหาร 19 กันยายน แล้วก็ยังถูกใช้ต่อมาอีกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร
คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิชาการรัฐศาสตร์-คอลัมนิสต์ที่เป็นพวกขวาจัด อิงแอบอยู่กับสถาบันจารีตประเพณีมาต่อต้านประชาธิปไตย ปฏิเสธทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัฒน์ วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เป็นการจงใจผสมปนเปทางความคิดด้วยการจับเอาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2540 ตลอดจนสถาบันการเมืองประชาธิปไตยทั้งหมด มาผูกติดกับตัวบุคคลนักการเมือง แล้วตั้งฉายาแบบเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" ชูขึ้นเป็นเป้าโจมตี บิดเบือน ใส่ร้าย โดยมิเพียงทำลายตัวบุคคล แต่มุ่งโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญทั้งหมด แล้วโยนบาปไปให้นักการเมือง ปกปิดความจริงที่ว่า พวกจารีตนิยมนั่นแหละที่เป็นปัจจัยขัดขวางประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย
ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" อ้างว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้มีนักการเมืองชนะเลือกตั้งเข้ามาเกาะกุมระบบการเมือง แล้วใช้อำนาจไปทำลายประชาธิปไตย ละเมิดรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชน แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลไม่ทำงาน รวมถึงการซื้อเสียงหลอกลวงประชาชน และนโยบายเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จที่กอบโกยประโยชน์เข้าสู่พวกตน ผลก็คือ แม้จะยังมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกนักการเมืองครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ
ฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ "ได้ถูกทำลาย" หรือ "ถูกรัฐประหารโดยทักษิณ" ไปนานแล้วก่อนวันที่ 19 กันยายน
ระบอบการเมืองที่ว่านี้แหละ ที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ"
ตรรกะ "ระบอบทักษิณ" ดังกล่าว ได้แพร่กระจายดุจเนื้องอกมะเร็งร้ายไปสู่นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส สมาชิกวุฒิสภาปีกขวาจัด สื่อสารมวลชน และนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน คำว่า "ระบอบทักษิณ" ถูกใช้เป็นคำด่าทอเพื่อปลุกอารมณ์เกลียดชังคลุ้มคลั่งอย่างไร้เหตุผลในหมู่มวลชนจำนวนหนึ่ง ก่อเป็นการประท้วง ยั่วยุ สร้างความรุนแรงให้เป็นวิกฤตการเมือง ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ทีละขั้นตอนโดยพวกจารีตนิยม กระทั่งสำเร็จเป็นรัฐประหาร 19 กันยายนตามต้องการ
เป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ต้นของแนวร่วมจารีตนิยม-ราชการ และปัญญาชนขวาจัดคือ ต้องการโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อปกปิดเป้าประสงค์ที่แท้จริง พวกเขาจึงต้องใช้กุศโลบายเอาตัวบุคคลนักการเมืองมาเป็นเปลือกห่อหุ้มปิดบังระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ไว้ แล้วเรียกเหมารวมว่า "ระบอบทักษิณ" จากนั้นก็โจมตี ใส่ไคล้ บิดเบือน ป้ายสี ด้วยข้อมูลเท็จต่างๆ นานา ผสมกับการปลุกอารมณ์คลั่งชาติอย่างสุดขั้ว ทำให้นักการเมืองที่ถูกใช้ห่อหุ้มรัฐธรรมนูญอยู่นั้นกลายเป็น "อภิทรราชและมหาอสุรกายจากนรก" "จอมขายชาติ" และ "พวกจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์"
จากนั้น ก็ชูคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ซึ่งเนื้อแท้คือการเรียกร้องให้โค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง และนี่เป็นความชั่วร้ายประการหนึ่งของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เพราะมันอำพรางเป้าประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องการทำลาย ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจจากระบบการเมืองและรัฐธรรมนูญไปที่ตัวบุคคลนักการเมือง ทำให้ผู้คนหลงเข้าใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการ "ขับไล่ทักษิณและทำลายเครือข่ายระบอบทักษิณ" ไม่ใช่การโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ นับเป็นอุบายที่ได้ผล สามารถหลอกใช้ปัญญาชนส่วนหนึ่งที่อ่อนหัดได้ เพราะคนพวกนี้คิดว่า ตนต้องการประชาธิปไตย แต่เกลียดชังนักการเมืองทุจริต พอได้ยินคำขวัญ "โค่นล้มระบอบทักษิณ" ก็พากันตื่นเต้น ตะลีตะลานวิ่งตามด้วยกลัวว่าจะ "ตกขบวน" กระโดดเข้าร่วมขับไล่ทักษิณกันอย่างคึกคัก โดยเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า พวกตนกำลัง "ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยการขับไล่นักการเมืองทุจริต และจะโค่นล้มทักษิณลงได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ"
.....บรมโง่.....
แต่หารู้ไม่ว่า การโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" ก็คือการโค่นล้มประชาธิปไตย
ฉีกรัฐธรรมนูญ และรื้อฟื้นระบอบเผด็จการอำนาจนิยมแบบเปิดเผยของพวกจารีตนิยมขึ้นมาอีกครั้ง
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังถูกใช้เป็นตรรกะที่สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐประหาร เพราะในเมื่อระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ได้ถูกละเมิดหรือทำลายไปก่อนแล้วโดยทักษิณ และในเมื่อ "ระบอบทักษิณ" เป็นเผด็จการทรราชย์ของนักการเมืองที่ทุจริตและขายชาติ รัฐประหาร 19 กันยายนจึงไม่ใช่การโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการ "โค่นล้มระบอบทักษิณที่เป็นเผด็จการและทุจริต" รัฐประหาร 19 กันยายนจึงมี "ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนรัฐประหารทั้งปวงในอดีต" ไม่ใช่ "รัฐประหารที่เลว" หากแต่เป็นรัฐประหารที่ "จำเป็นและเลี่ยงไม่ได้" เพื่อโค่นล้มเผด็จการของนักการเมืองและเพื่อ "ปฏิรูปการเมือง" นำมาซึ่งการเมืองที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์และปราศนักการเมืองชั่วอีกต่อไป
และนี่คือตรรกะเลวร้ายที่บรรดาปัญญาชนขวาจัด ปัญญาชนเดือนตุลา รวมถึงนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส ล้วนใช้เป็นเหตุผลดาหน้ากันออกมาสนับสนุนรัฐประหารกันอย่างครึกครื้นและไร้ยางอาย แม้แต่พวกปัญญาชนตีสองหน้า โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสบางคนด้านประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็ยังใช้ตรรกะดังกล่าวมาแก้ตัวว่า "ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ถึงอย่างไร รัฐประหารยังเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ"
อัปลักษณ์ทางตรรกะมาถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อเราได้เห็นบทความ คอลัมน์หนังสือพิมพ์ และการเสวนาอภิปรายของคอลัมนิสต์ นักวิชาการ และราษฎรอาวุโส ที่ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้กับเผด็จการ พากันสาธยายว่า บัดนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นในการเมืองไทยแล้วคือ ระบอบรัฐประหารของคณะทหารที่มีปืนอยู่ในมือและปกครองด้วยประกาศ คำสั่งและกฎอัยการศึกในขณะนี้ กลับ "สุภาพอ่อนโยน" ไม่เป็นเผด็จการ คุมระบบราชการไม่ได้ และไม่สามารถใช้อำนาจรุนแรงเด็ดขาดได้เท่ากับ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จได้ทั้งๆ ที่มีรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า กลุ่มทุนการเมืองนั้นแยบยลและเลวร้ายเพียงใดเพราะ "สามารถเป็นเผด็จการได้ด้วยการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย" ฉะนั้น ระบอบรัฐประหาร 19 กันยายนจึง "ไม่เป็นเผด็จการ" หากแต่เป็น "ประชาธิปไตยปฏิรูป" หรืออย่างมากก็เป็นแค่ "เผด็จการครึ่งใบ"
คนที่อ้างว่า "รัฐประหารเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ" ก็เพื่อผัดหน้าทาแป้ง ปกปิดใบหน้าปีศาจของระบอบเผด็จการทหาร คนพวกนี้มีทัศนะ แนวคิด และมาตรฐานประชาธิปไตยที่บิดเบือนกลับตาลปัตรอย่างแท้จริง เพราะภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยในมาตรฐานสูงเท่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่ก็พอจะถือได้ว่า "เป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก" สำหรับการเมืองไทยตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา อันเนื่องมาจากคุณลักษณะที่ก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญ 2540 จริงอยู่ว่า ผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองฝ่ายบริหารมีอำนาจมาก คุมรัฐสภาผ่านการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากที่เหนียวแน่น มีอิทธิพลสูงต่อองค์กรอิสระผ่านวุฒิสภา ทั้งดำเนินมาตรการบางอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อประชาธิปไตย (เช่น สงครามปราบยาเสพติด) แต่สถาบันการเมืองประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็ยังคงทำงานต่อไปได้ และยังสามารถทำการตรวจสอบถ่วงดุลได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังมีพรรคฝ่ายค้าน สื่อมวลชนอิสระ ตลอดจนสถาบันตุลาการที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล
แต่การยอมรับว่า "สถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกกระทบกระเทือนและหมิ่นเหม่" นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการสรุปว่า "รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกทำลายไปแล้ว" เราจึงได้เห็นสื่อสารมวลชนทุกแขนง แม้แต่สื่อของรัฐเอง ต่างรุมโจมตีรัฐบาลไทยรักไทยได้ต่อเนื่องยาวนาน มีการชุมนุมประท้วงที่ล่วงละเมิดกฎหมายและสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นมากที่สุด ทั้งยั่วยุด่าทอ และท้าทายให้เกิดความรุนแรงที่ยืดเยื้อยาวนาน โดยที่รัฐบาลไทยรักไทยตกเป็นฝ่ายรับและไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย นี่ละหรือ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นเผด็จการทรราชเบ็ดเสร็จจากขุมนรก!
วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังบิดเบือนเนื้อแท้ของระบบการเมืองไทยก่อน 19 กันยายนให้เป็นระบบการเมืองที่นักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้ว แม้แต่ระบอบรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังเป็นเพียงเปลือกนอกของระบอบอำนาจนิยมแฝงเร้นของพวกจารีตนิยมที่ยึดกุมอำนาจรัฐจริงมาตั้งแต่รัฐประหาร16 กันยายน 2500 โดยมีเปลือกนอกสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเลือกตั้งเท่านั้น เพียงแต่ว่า ในช่วง 4 ปีแรกของรัฐบาลไทยรักไทย อำนาจของพวกจารีตนิยมได้แฝงเร้นมากขึ้นและปล่อยให้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้แสดงผลสะเทือนทางประชาธิปไตยออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่ในที่สุด พวกจารีตนิยมก็ทนไม่ได้ ต้องกระโดดออกมาในที่โล่งแจ้งอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและฉีกเปลือกที่เป็นรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้ง
ข้อนี้เห็นได้จากความจริงที่ว่า รัฐบาลไทยรักไทยได้เริ่มสูญเสียอำนาจจริงไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2549 เมื่อกลุ่มจารีตนิยมเคลื่อนไหวอย่างลับๆ โดยด้านหนึ่ง ก็สนับสนุนการชุมนุมประท้วงขับไล่บนท้องถนน และให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้ง สร้างเป็นสถานการณ์วิกฤตนอกสภา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในระบบการเมืองและราชการ ก็เข้าแทรกแซงหน่วยงานรัฐบาล ทหารตำรวจ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนของรัฐ ไปจนถึงสถาบันตุลาการ ทำให้รัฐบาลไทยรักไทยเป็นอัมพาตและตายไปทีละส่วน
รัฐประหาร 19 กันยายนเป็นเพียงการตัดสายใยชีวิตการเมืองอันบอบบางที่เหลืออยู่เป็นเส้นสุดท้ายของรัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้น ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ก็คือ มันปิดบังความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ร่มเงาแห่งอำนาจแฝงเร้นของกลุ่มจารีตนิยมตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา รัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกชุดล้วนอ่อนแออย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลไทยรักไทยซึ่งเข้มแข็งยิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้งในอดีตด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังอ่อนแอและไร้พลังโดยสิ้นเชิงในการต่อกรกับอำนาจจารีตนิยม
เนื้อแท้ของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ยังมีนัยว่า ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุรากเหง้าของพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมือง ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงเป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตยและการเมืองแบบเลือกตั้ง โดยมองว่า ประชาธิปไตยไม่ว่าที่ไหนในโลก แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนเลวทรามทั้งสิ้น คือผลิตแต่นักการเมืองเลวๆ ขึ้นสู่อำนาจทั้งนั้น เพราะมองไปทางไหน ประเทศใด ก็เห็นแต่นักการเมืองในลักษณะดังกล่าว
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" จึงมีลักษณะร่วมกันคือ เกลียดชังต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกลียดชังตะวันตก ประณามระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศเหล่านั้นว่า "จอมปลอม เป็น "ประชาธิปไตยสามานย์" คนพวกนี้เชื่อในลัทธิชนชั้นผู้นำและระบอบอภิสิทธิ์ชน เชื่อว่า การเมืองต้อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" และ "ผู้นำต้องมีคุณธรรมจริยธรรม" ซึ่งเอาเข้าจริงก็ล้วนคลุมเครือ เป็นอัตวิสัย และจอมปลอม เพราะในท้ายสุด "คนดี มีคุณธรรมจริยธรรม" ที่สมควรมีอำนาจปกครองในความคิดของพวกเขาก็คือ พวกเขาเองนั่นแหละที่มีทั้งชาติ วงศ์ตระกูล ทรัพย์ ภูมิปัญญา การศึกษา และ "คุณธรรมจริยธรรม" เพียบพร้อม และมีจำนวนคนน้อยนิดบนสุดยอดปิรามิดของสังคม
พวกนิยมวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า ในเมื่อผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นนำจากตระกูลสูงส่งเพียงใด เป็นสกุลผู้ดีสืบเนื่องมานับร้อยปี หรือสามัญชนและนักการเมืองทั่วไป ทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เห็นแก่ประโยชน์ตนกันทั้งนั้น ล้วนชอบใช้อำนาจ ไม่ชอบถูกตรวจสอบ ไม่ชอบข้อจำกัดทางกฎหมาย มักเล่นพรรคเล่นพวก และมีแนวโน้มทุจริตถ้ามีโอกาส
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง "ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง" แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด
เราจะเห็นความบิดเบี้ยวของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" ได้ชัดเจนเมื่อนำตรรกะเดียวกันไปใช้ในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา เราก็จะได้วาทกรรม "ระบอบบุชง เพราะจอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ทั้งให้ดักฟังโทรศัพท์ชาวอเมริกันโดยศาลไม่รับรอง กักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อ่าวกวนตานาโมนานนับปีโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา และมีข่าวพัวพันกับนักลอบบี้ที่ทุจริต ส่วนรองประธานาธิบดิกเชนีย์ก็ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตมาตั้งแต่ชนะเลือกตั้งสมัยแรก แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา ก็ยังทำอะไรบุชไม่ได้ ฉะนั้น ทางออก "ที่เลียงไม่ได้" ก็คือ ต้องให้กองทัพสหรัฐฯ ออกมาก่อรัฐประหารขับไล่บุชและฉีกรัฐธรรมนูญ!? ส่วนในอังกฤษ เราก็จะมี "ระบอบแบลร์" เพราะโทนี่ แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ถูกหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอังกฤษ ใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทน นำประเทศเข้าสู่สงครามอิรักโดยไม่ฟังเสียงประชามตินอกสภา ในขณะที่ภริยาก็เคยถูกกล่าวหาว่า รับประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ไร้น้ำยาเพราะพรรคแรงงานของนายแบลร์มีเสียงข้างมาก "เป็นเผด็จการรัฐสภา" ฉะนั้น ทางออกคือ ต้องเรียกร้องขอ "นายกฯมาตรา 7" จากพระราชินีอลิซาเบ็ธ หรือให้ฝ่ายทหารออกมาทำรัฐประหาร!?
แต่ความชั่วร้ายประการสำคัญที่สุดของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ" คือ มันเบี่ยงเป้าบิดประเด็นไปจากต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทย โดยจับเอานักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 และสถาบันประชาธิปไตยทั้งหมด มาผสมปนเปกันเข้าแล้วขึงพืดขึ้นบนตะแลงแกง ให้เป็นเป้าของการด่าทอ ทุบทรมาน โบยตี ฟันแทงต่างๆ ด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง ให้ผู้คนเข้าใจว่า นี่แหละคือต้นเหตุแห่งความฉิบหายทางการเมืองตลอดหลายปีมานี้ ทั้งที่ต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทยคือ พวกจารีตนิยม ซึ่งผูกขาดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
http://prachatai.com...l/2007/02/11453
ไม่ได้ถูกหลอกไรได้หรอกถูกทางแล้วละ ไม่งั้นไอ้ทักษิณจะครอบงําประเทศนี้ยาวและประเทศจะยิ่งเสียหายหนักกว่าเดิมการขับไล่แม้วคราวนี้ได้เผยตัวตนไอ้แม้วมากขึ้นว่ามันชั่วร้ายเลวทรามยังไงสร้างความตื่นตัวมากขึ้น ทักษิณเข้ามาก็แปรรูป ปตทําราคาพลังงานแพงและจุดไฟใต้นี่ละผลงานไอ้แม้ว
แต่น่าเสียดายที่เราล้มเหลวปราบไอ้แม้วหลังแม้วไป ก็มีไอ้สนธิบังเละขิงเน่า และไอ้หล่อและเทือก ไอ้ คู่หูนี้แหละที่ล้มเหลวไร้ความสามารถทิ้งโอกาสในการจัดการแม้วแบบสิ้นเชิง สนธิไม่ได้ถูกหลอกไรแต่ถูก คมช ปชป หลอกต่างหาก
ผมเราไม่ได้ยึดติด ปชต หรือเลือกตั้งเราเน้นเรื่องการมองประเทศประชาชนไม่ใช่ให้ประชาชนที่ถูกทักษิณยัดเยียดด้านเดียวอ้าง ปตช แต่เบื้องหลังคือการทําลายการตรวจสอบ เพิ่มอํานาจนักการเมือง โดยแอบอ้างเลือกตั้ง ใช้เงินครอบงําสื่อ ทําลายการรับรู้ของคนจน เพื่อจะได้ครอบงํา อย่างเบ็ดเสร็จไม่ใช่ประชาธิปไตย ทักษิณ คือเผด็จการพลเรือนที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเลวร้ายกว่าเผด็จการทหาร เผด็จการทหารไทยหรือรัฐบาลจากการแต่งตั้งสรรหาต่างหากที่พาชาติไทยเจริญรุ่งเรืองได้ ต่างจากนักเลือกตั้งที่เข้ามาแต่คอรัปชั่นถอนทุน ตัวผมถึงได้เลิกศรัทธาระบอบปชต อย่างสิ้นเชิง
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:23
ที่ทหารต้องรัฐประหารเพราะความเป็นเผด็จการทรราชของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทั้งนั้นความ ความเลวของ นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งล้วน ชาติชายต้องไปเพราะคอรัปชั่นนั้นละ ดูประเทศปากีสถานดิ ปชตไปไม่ได้นักการเมืองโกงประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่พอใจกับระบบประชาธิปไตยที่มันตันเขาเรียกหาทหารมารัฐประหารทั้งนั้น
Edited by phat21, 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:24.
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:24
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
================================ บทความพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ"
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.............ดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
มีบทความของคนนี้ ที่เกี่ยวกับเสื้อแดงเผากรุงไหมครับ
มีแต่คำสารภาพจากศาสดาโกเต๊กของพวกคุณล่ะคับ อ่านเอานะ เรารู้ว่านายพากันเจ็บ จิ๊ดๆๆ
คลิปวีดิโอ "สนธิ" พูดถึง "สุรยุทธ์" ในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน
นี่คือ คำพูด(จากใจ) สนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี ในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง ASTV ดังนี้
“ผมถึงบอกว่ามันเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันเวรกรรมจริงๆ ที่เราต้องมาเจอกับความซื่อบื้อความงี่เง่า
ความหน่อมแน้ม ความเกียร์ว่าง ความอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ นั้น
ก็ได้หลอกใช้ หลอกใช้ประชาชนในการต่อสู้กับ คุณทักษิณ
เพื่อผลักดันให้คุณสุรยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ
แล้วผลที่เห็นก็เป็นอย่างนี้ ผมมีความเห็นเพียงเท่านี้” สนธิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มี คำพูดของ "สนธิ" ได้ถูกถอดออกมาแสดงในเว็บไซต์ Manager ครั้งแรกว่า ...
“มันเป็นเวรเป็นกรรมที่เราต้องมาเจอกับความหน่อมแน้มของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งที่ได้หลอกใช้ประชาชนให้ขับไล่
พ.ต.ท.ทักษิณออกไปแล้ว ก็ดัน พล.อ.สุรยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี” สนธิ กล่าว
หลังจากนั้นได้ทำการแก้ไขข้อความดังกล่าวใหม่ เป็นดังเช่นคำพูดในเทปวีดิโอ
ทั้งนี้ หลังจากที่ สนธิ ได้ออกมาเปิดปากพูดดังกล่าวแล้ว ก็มีคนโพสต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และอยากให้ สนธิตอบคำถามที่ว่า
... ก่อนที่ คมช. และคุณสุรยุทธ์ จะเข้ามา ใครเป็นคนหลอกประชาชนให้ออกมาไล่คุณทักษิณ ... คุณสนธิ ช่วยตอบได้ไหม?
http://hilight.kapook.com/view/10591
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:31
ขอโทษนะครับ ทั่นผู้พิชิต
เห็นว่า ขอคุย แบบวิชาการ
แล้วอะไรคือวิชาการ ของประเด็นนี้ล่ะครับ
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
แล้ว ตัวคุณเอง มีหลักวิชาการ วิเคราะห์หลักฐานอ้างอิงมารองรับ ความคิดคุณล่ะครับ
ลองเสนอมาก่อนสิครับ ถึงจะให้คนอื่นคุยด้วยวิชาการ ในเมื่อตัวคุณเอง ยังเริ่มคำถามว่า คิดว่าจริงไหม
แล้วถ้าคนอื่นมาตอบแค่ว่า ไม่จริง!! ต้องหาหลักฐานอ้างอิงอะไรมาขัดแย้ง ชี้ใหคุณเห็นหรือครับ??
หรือวิชาการของคุณก็คือ ใครๆก้รู้??
ประเด็นนี้คือการถูกหลอกใช้ให้ออกมาป่วนชาติบ้านเมือง
นี้ไงครับวิชาการ พวกอ่อนหัดอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้ฉลาด Vv
================================ บทความพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :ความชั่วร้ายของวาทกรรม "ระบอบทักษิณ"
Thu, 2007-02-01 02:31
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.............ดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
มีบทความของคนนี้ ที่เกี่ยวกับเสื้อแดงเผากรุงไหมครับ
มีแต่คำสารภาพจากศาสดาโกเต๊กของพวกคุณล่ะคับ อ่านเอานะ เรารู้ว่านายพากันเจ็บ จิ๊ดๆๆ
คำสารภาพของสนธิ - หลอกใช้ประชาชน?คลิปวีดิโอ "สนธิ" พูดถึง "สุรยุทธ์" ในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน
นี่คือ คำพูด(จากใจ) สนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์นายกรัฐมนตรี ในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง ASTV ดังนี้
“ผมถึงบอกว่ามันเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันเวรกรรมจริงๆ ที่เราต้องมาเจอกับความซื่อบื้อความงี่เง่าความหน่อมแน้ม ความเกียร์ว่าง ความอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ นั้น
ก็ได้หลอกใช้ หลอกใช้ประชาชนในการต่อสู้กับ คุณทักษิณ
เพื่อผลักดันให้คุณสุรยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ
แล้วผลที่เห็นก็เป็นอย่างนี้ ผมมีความเห็นเพียงเท่านี้” สนธิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มี คำพูดของ "สนธิ" ได้ถูกถอดออกมาแสดงในเว็บไซต์ Manager ครั้งแรกว่า ...
“มันเป็นเวรเป็นกรรมที่เราต้องมาเจอกับความหน่อมแน้มของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งที่ได้หลอกใช้ประชาชนให้ขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณออกไปแล้ว ก็ดัน พล.อ.สุรยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี” สนธิ กล่าว
หลังจากนั้นได้ทำการแก้ไขข้อความดังกล่าวใหม่ เป็นดังเช่นคำพูดในเทปวีดิโอ
ทั้งนี้ หลังจากที่ สนธิ ได้ออกมาเปิดปากพูดดังกล่าวแล้ว ก็มีคนโพสต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และอยากให้ สนธิตอบคำถามที่ว่า... ก่อนที่ คมช. และคุณสุรยุทธ์ จะเข้ามา ใครเป็นคนหลอกประชาชนให้ออกมาไล่คุณทักษิณ ... คุณสนธิ ช่วยตอบได้ไหม?
http://hilight.kapook.com/view/10591
สัสเขาหมายถึงพลเอกสุรยุทธ์ที่ไม่ได้ทําหน้าที่จัดการกวาดล้างพวกทักษิณและลิ่วล้อตะหากมันเลี้ยงไข้มากกว่าจะจัดการแถมไอ้ คมชบ้าปล่อยให้แก๊งแม้วลงเลือกตั้งอีกถ้ากันไม่ให้กลุ่มแม้วลงเลือกตั้งคงจบไปแล้ว สุรยุทธ์มันหน่อมแหน้มเรื่องนี้ไง อย่ามามั่วถ้ามีรัฐบาลที่เด็ดขาดกว่านี้ทักษิณไม่เหลือแล้วโว้ย
ตอบ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:44
แล้วคำที่สนธิพูดว่า ก็ได้หลอกใช้ หลอกใช้ประชาชนในการต่อสู้กับ คุณทักษิณมันหมายความว่าไง น้องphat21
คุยกับพี่ดีๆเพราะๆสุภาพๆมีหลักวิชาเกินด้วยนะจ๊ะ
ถึงผมจะพูดหยาบแต่ไม่ใช้ความรุนแรงเผาบ้านเมืองแบบพวกเสื้อแดงละวะ 5555555555555555
หลอกหมดนั้นละพอได้อํานาจไม่จัดการกวาดล้างไอ้แม้วนี่ละหลอก
เสื้อแดงสีแดงคือเสนียด*** พันธมิตรพบความ***ของแก๊งแม้วไม่พอต้องมาเหนื่อยกับพวกไม่ทําหน้าที่อีกเฮ้อ
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 06:28
ในที่สุด "ผู้สันทัดกรณี" ตัวจริงให้เกียรติมาตอบกระทู้นี้
ผู้พิชิตสนามบิ๊นนนนน คงต้องหาข้อมูลแน่นๆมาสู้กับน้อง phat21 ล่ะนะ
เพราะน้องเขารู้ลึกรู้จริงเรื่องพันธมิตรที่สุดในเสรีไทยแห่งนี้แล้ว
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 06:39
มวยถูกคู่
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:08
ในที่สุด "ผู้สันทัดกรณี" ตัวจริงให้เกียรติมาตอบกระทู้นี้
ผู้พิชิตสนามบิ๊นนนนน คงต้องหาข้อมูลแน่นๆมาสู้กับน้อง phat21 ล่ะนะ
เพราะน้องเขารู้ลึกรู้จริงเรื่องพันธมิตรที่สุดในเสรีไทยแห่งนี้แล้ว
มิน่าphat21วิจารณ์อะไร ก็มีแต่สราดเลื้อยคลานเต็มไปหมด คนอื่นโง่ เลว ต้วเองดีเลิศตายละ
การใช้ภาษา ก็แสดงถึงวุฒิภาวะและนิสัยของคนๆนั้นด้วย
Edited by Manners, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:12.
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:29
บักแม้วสบประมาทแป๊ะลิ้มว่า"พวกหมาเห่าที่สวนลุม"...จนกระทั่งทุกวันนี้ บักแม้วโดนแรงเห่าของหมาเป็นคนจรเร่ร่อนหาทางกลับบ้านไม่เจอ...
Edited by คนกรุงธน, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:30.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:36
อ้าว.....ไหงกลายเป็นมวยล้มไปแล้วล่ะ
อุตส่าห์ตามมาเชียร์
ว้า ตลาดวายซะงั้น
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:47
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
ตอนนี้แป๊ะโกเต๊ก ก็กลับมาเลียไข่แม้ว
เหมือนเดิมแล้วนะ
แต่คนที่ถูกแม้วหลอกให้มาประท้วงแล้วถูกยิงตาย นะ แม้วจ่ายเงินให้ชาวบ้านเค้าทุกคนหรือยัง
แบบนี้คนที่ถูกแม้วหลอกมาตาย ก็น่าสงสารกว่ามากนะ
ตัวแม้ว นั่งกินไวน์สบายใจเฉิบ
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:03
"หลอกหมดนั้นละ" คำพูดนี้ของน้อง phat21 rep 41
คงเป็นสิ่งยืนยันและยอมรับชัดเจนแล้วว่า
คนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น .....มันพากัน"บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปิดกระมู้ ประกาศชัยชนะะะะะะะ ครั้งที่ 193
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:53
เลวจริงๆ
ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:34
คิดว่าจริงป่าวครับ....
กับคนที่เคยออกมากู้ชาติต่อต้านขับไล่ทักษิณเมื่อก่อนนั้น
.....มันพากัน "บรมโง่"........ ถูกแป๊ะลิ้มล้างสมองหลอกใช้
ปล. ขอคุยแบบวิชาการนะคับ เกรียนๆไปมู้อื่นเลย
ตอนนี้แป๊ะโกเต๊ก ก็กลับมาเลียไข่แม้ว
เหมือนเดิมแล้วนะ
แต่คนที่ถูกแม้วหลอกให้มาประท้วงแล้วถูกยิงตาย นะ แม้วจ่ายเงินให้ชาวบ้านเค้าทุกคนหรือยัง
แบบนี้คนที่ถูกแม้วหลอกมาตาย ก็น่าสงสารกว่ามากนะ
ตัวแม้ว นั่งกินไวน์สบายใจเฉิบ
ไอ้แมลงสาปชาติชั่วเอ้ย ยังหน้าด้านพูดเรื่องสนธิจับมือไอ้แม้วอีกหรือวะ ทั้งๆที่มันยืนยันทั้งคําพูดหลักฐานแล้วว่าไม่ได้ไปจับมือไอ้แม้วเลย และสนธิประกาศชัดว่าไม่เอาพรรคแม้วแล้วไม่เอาไอ้มาร์คด้วยเข้าใจปะ หาไอ้มาร์คทําไรก็ไม่ผิดเหมือนไอ้แม้วที่พล่ามใช่ไหมครับ
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 3 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน