Jump to content


Photo
- - - - -

ลดการบ้านคือคำสั่งเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ?


  • Please log in to reply
141 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 ชามู

ชามู

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,296 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:40

วันนี้มีโอกาสแว่บเข้ามา สรท.เลยขอตอบกระทู้นี้

 

ในฐานะผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้นประถมปลาย ที่ดูแลเด็กที่บ้านทำการบ้าน ขอยกมือเห็นด้วยกับนโยบายนี้

 

ทุกวันนี้ เด็กๆมีการบ้านมากมายมหาศาลจริงๆ

1 การบ้านที่ต้องทำทุกวัน พวกแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์  ท่องศัพท์ ภาษาอังกฤษ แบบฝึกหัดภาษาไทย แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ สังคม สุขศึกษา ดนตรี นาฏศิลป์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี  วาดเขียน ปั้นดินน้ำมัน ฯลฯ เหมือนที่เราๆท่านๆเคยเรียนกันมา

 

2 บันทึกรักการอ่าน อย่างน้อยต้องมีการสรุปเนื้อหาหนังสือที่อ่านในหนึ่งวันมาหนึ่งเล่ม พร้อมตอบคำถาม

  • อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร
  • ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
  • มีข้อสงสัยอะไร
  • มีข้อเสนอแนะอะไร

ทุกคำถามต้องตอบ ห้ามเว้นไว้โดยเด็ดขาด

 

3 ใบงาน หรือ worksheet ทุกครั้งที่จบหน่วยการเรียนรู้ในแต่ละวิชาต้องทำแผนผังความคิด ตกแต่งระบายสีให้สวยงาม พร้อมตอบคำถาม

  • ใบงานนี้ให้ความรู้อะไร
  • อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร
  • ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
  • มีข้อสงสัยอะไร
  • มีข้อเสนอแนะอะไร
  • กิจกรรมที่นักเรียนทำแล้วคิดว่าดีเด่นในหน่วยการเรียนรู้นี้คืออะไร

และลองมาดูว่า วิชาที่ต้องทำใบงานมีอะไรบ้าง

  • คณิตศาสตร์
  • ภาษาไทย (หลักภาษา วรรณคดี)
  • ภาษาอังกฤษ
  • สังคม -ประวัติศาสตร์
  • สังคม - ภูมิศาสตร์
  • สังคม - พุทธศาสนา
  • วิทยาศาสตร์
  • สุขศึกษา
  • การงานอาชีพ เทคโนโลยี (ใบงาน +  งานฝีมือ)
  • ดนตรี นาฏศิลป์ (ใบงาน + การแสดงหน้าห้อง)
  • ทัศนศิลป์ (ใบงาน +งานศิลปะ)

 

ในหนึ่งเทอม หนึ่งวิชาจะโดนอย่างน้อย 5 -6 ใบงาน คูณ จำนวนวิชาเข้าไปดู แล้วจะรู้ว่ามันมากแค่ไหน

 

การบ้านเยอะมากกกกกก.... โดยเฉพาะใบงานที่เป็นภาระมาก และเกินกว่าสมัยที่เราเคยเรียน

 

ใบงาน เป็นแนวทางที่ รร. ต้องยึดถือตามนโยบายกระทรวงศึกษา หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ถ้าลดใบงานลงได้ จะดียิ่ง

 

4  ยังมีรายงานยิบย่ิอยให้ทำในรายสัปดาห์คือ บันทึกจิตอาสา (เป็นกลุ่ม)  และบันทึกความดี (รายบุคคล)

 

5 แถมการบ้านวิชา คอมพิวเตอร์ ภาษาจีน ที่เรียนเสริม

 

เยอะ กว่าสมัยก่อน เยอะ

 

 

ขอไม่เถียงกับใครนะครับ อยากเสริมคุณ asawinee เท่านั้น

 

 

ผมเรียนโรงเรียนวัดฝรั่งมาตั้งแต่ ป 1 ยัน มศ.5

 

ลูกผมตอนนี้ ก็มาเรียนโรงเรียนเดียวกันกับผม อยู่ป.6 แล้ว

 

ผมนั่งเทียบปริมาณการบ้านชองผมในวันนั้น กับของลูกในวันนี้

 

ยืนยันครับ ว่า มากกว่าแต่ก่อนจริงๆ

 

ทุกวันนี้ ลูกผมพอกลับถึงบ้านห้าโมงกว่า ก็ต้องเริ่มทำการบ้านเลย

กว่าจะเสร็จก็สามทุ่ม สี่ทุ่ม (พักกินข้าวเย็นครึ่งชม.)

 

ผมจำได้ ลูกผมตอนป.3 - 4 กลับมาบ้าน ยังมีเวลาเหลือที่จะเตะบอล ขี่จักรยานเล่นก่อนฟ้ามืด

 

ปริมาณการบ้านลูกผมวันนี้ป.6 ก็เท่ากับที่ผมเคยทำตอนอยู่ มศ.1 มศ.2 แล้ว

เจอสมการ 100 ข้อ เรขาคณิต อังกฤษ Grammar 300 ข้อ  Comprehension สี่ห้าเรื่อง ต้องอ่านแล้วสรุป

ที่บอกมาบรรทัดบนนี่ มีทุกวันนะครับ

แค่นี้ ผมยังจะอ้วกเลย

 

แต่นี่ของลูกผม ป.6 มากกว่าผมอีก

บางที ก็สงสารลูกจริงๆ ครับ


Edited by ชามู, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:49.

ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ ใจดี

#52 isa

isa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 447 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:41

จริงๆแล้วก็เห็นด้วยนะครับ เรื่องของการลดการบ้านเด็ก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดของเด็กจบลงในชั่วโมงเรียนมากกว่า
แต่วางแผนให้ดีๆว่าวิชาความรู้ใดที่เป็นภาคบังคับ วิชาความรู้ใดที่เป็นความรู้เสริม ไม่รู้ก็ได้ แต่รู้ก็ดี
เพราะช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ ความรู้พัฒนามากแบบก้าวกระโดด และความรู้ในทางโลกนั้น มันงอกไม่รู้จักจบ
อย่างเรื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อสิบกว่าปีก่อน มีแค่เขียนโปรแกรมภาษาเบสิค แอสเซมบลี้ ภาษาซี ฟอร์แทรน แค่นี้ก็เยอะแล้ว
แต่ปัจจุบันมีสารพัด ทั้งคอมฯกราฟฟิคส์ อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ระบบ ฯลฯ เรียนกันไม่รู้จักจบ

หรือความรู้คณิตศาสตร์ เราก็เรียนกันเยอะกว่าที่จำเป็นต้องใช้ อย่างวิชาตรรกศาสตร์ True-False เรียนกันช่วงม.ต้นหรือประถมปลายนี่แหละ
ผมมาใช้เอาจริงๆตอนเรียนหัดเขียนโปรแกรมโน่นแน่ะ ที่ใช้กันจริงๆก็แค่บวก ลบ คูณ หาร บัญญัติไตรยางค์ ฯลฯ

นอกจากนี้การเรียนรู้ การวัดผล การสอบของเรา ทำให้เกิดนักท่องจำ ไม่ใช่นักคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
ดอกเตอร์เมืองไทยส่วนใหญ่จึงยิ่งเรียนยิ่งสูงยิ่งแคบ เพราะสมองคนมีจำกัดเกินกว่าที่จะท่องอะไรไว้ได้หมด จริงๆแล้ว
การเรียนรู้ที่ดีจะต้องเริ่มด้วยการปูพื้นฐาน ยั่วให้อยากรู้ สอนให้รู้วิธีเข้าหาแหล่งความรู้เพิ่มเติม รู้จักวิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้
มาใช้ได้จริง นั่นก็คือเรียนแล้วต้องรู้ภาพรวม รู้รอบ รู้กว้าง ขณะเดียวกันก็รู้วิธีที่จะเจาะเข้าหาข้อมูลเฉพาะด้านเพื่อการรู้ลึก
และเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหาความรู้แวดล้อมประเภทอื่น เพื่อนำออกมาใช้ปฏิบัติการจริงได้ นั่นคือต้องรู้หลากหลายด้วย

นอกจากนี้ ข้อเสียของการรู้แบบท่องจำอย่างเดียว ก็คือทำให้สังคมเพศไทยเอียงกระเท่เร่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ง่ายๆก็คือเพศหญิงนั้นเป็นเพศที่มีความจำดีกว่าเพศชาย เพราะการทำงานของสมองเพศหญิงจะกระจายไปทั่วสมอง
และมีพัฒนาการด้านภาษาดีกว่า ขณะที่เพศชายการทำงานของสมองจะเป็นจุด จึงเหมาะกับงานเพ่งสมาธิเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะด้านมากกว่า
แต่การศึกษาแบบเน้นท่องจำตลอดมา ทำให้เพศหญิงเบียดเพศชายออกไปจากกระบวนการศึกษาระดับกลางๆ
ถ้าลองสังเกตดูจะพบว่าแม้ในมหาวิทยาลัยคณะที่เคยเป็นของผู้ชายล้วนๆอย่างวิศวะ หรือนิติฯ ปัจจุบันก็มีผู้หญิงเข้าไปเบียดกว่าครึ่ง

ผลเสียก็คือในแง่ของการทำงาน บุคลิกการทำงานที่มีผู้หญิงเป็นหัวหน้า จะเน้นเชิงรับมากกว่าเชิงรุก ทำให้องค์กรหลายๆอย่างของเรา
ขาดการบุกเบิกในด้านใหม่ๆ และในด้านสังคม กลายเป็นว่าคนชั้นกลางจบการศึกษาสูงๆมีสัดส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ซึ่งกลายเป็นปัญหาในการเลือกคู่เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ กลายเป็นว่าสัดส่วนผู้หญิง-ชาย กลายเป็น 7 ต่อ 1 ทั้งๆที่อัตราการเกิด
ไม่ได้ต่างถึงขนาดนั้น แต่ระดับการศึกษากับระดับสังคมกลายเป็นการลดตัวเลือกลง นั่นคือเราจะมีคนโสดมากขึ้น
มีเยาวชนชั้นกลางรุ่นใหม่น้อยลง และมีปัญหาเรื่องชู้สาวมากขึ้น ตลอดจนถึงการแต่งงานข้ามประเทศ ซึ่งเปิดโอกาส
ให้คนต่างชาติเข้ามาฉวยประโยชน์ทรัพยากรบ้านเราโดยใช้ประโยชน์จากค่าเงินที่ต่างกันมากขึ้น

อย่างไรก็ดี นโยบายนี้ของเพื่อไทย ผมก็ว่ามันตื้นๆไป แค่หาคะแนนเสียงจากเด็กๆ เพราะการจะเปลี่ยนโครงสร้างการศึกษา
ให้ทุกอย่างจบที่โรงเรียนน่ะ มันเป็นงานช้างที่ต้องคิดรอบด้านมากกว่านี้เยอะครับ

#53 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:41

 

 

ทำเป็นแต่ ด่ารัฐบาลที่ไม่ได้เลือกมาจริงๆ...

 

เคยเห็นการบ้านเด็กสมัยนี้หรือป่าว... ไอ้ที่เยอะๆมันไม่ใช่ ทำโจทย์เลข 10 ข้อ 

แต่มันเป็น ใบงานที่ต้องเขียนๆๆ    ดีไม่ดี ระบายสี ให้เต็มแผ่น 

ดีไม่ดีเจอรายงาน..   ซึ่งก็แค่ลอกหนังสือมา...     

 

โทษนะครับ... การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มีนะครับ...  

ผมไม่เห็นไอ้รัฐบาล คนดี มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย..     หรือ มันกลัวเด็กจะฉลาด คิดนอกกรอบกันหมด แล้ว มันหลอกไม่ได้

น่า แปลก ที่ รัฐบาล คนหนีคุก..  คิดจะ  ทำโน่นทำนี่...   เยอะแยะไปหมด...

 

โทษนะครับ.. เด็กมีหลายแบบ...  ไอ้ที่เห็นว่าไม่มีการบ้าน..  ถามว่าไม่มีจริงหรือไม่...

ไปถามเด็กแว้น. สก๊อย์..   การบ้าน ไม่เคยมีครับ...

ไปถามเด็กเรียนสิครับ...   

:D

 

งั้นก็ไม่เกี่ยวสิครับ ว่ามีการบ้านมีมากมีน้อย   

 

พึีงรู้นะครับว่าเดี๋ยวนี้การทำการบ้าน เนี่ยไม่ต้องใช้สมอง  ผมว่าผมก็อยู่ห้องเด็กเรียนนะ แต่ไม่เห็นการบ้านมันจะเยอะอะไร สักสิบกว่าปีที่แล้ว 

 

ถึงจะไม่ค่อยทำเอง แต่ไปลอกเพื่อนที่มันเป็นหมออยู่ตอนนี้ ก็เหอะ (ที่บอกเพื่อให้มีหลักฐานว่าผมก็อยู่ห้องเด็กเรียนนะ ฮาฮา)

 

ผมว่าปัญหามันไม่ใช่การบ้านเยอะหรืออะไรหรอก ปัญหาคือคุณภาพการบ้าน ถ้าจากที่พี่บอกนะ 

 

นั้นก็คือปัญหาจากหลักสูตร หรือปัญหาจากการสอน ไม่ใช่ปัญหาจากการมีการบ้าน เยอะน้อย 

 

อันนี้ผมอยากรู้จริงๆครับ

 

 

การแก้ปัญหาตรงนี้มีผลอะไรกับการเรียนการสอนบ้าง

 

หรือมีผลอะไรกับการศึกษาบ้าง

 

เราแก้กันตรงจุดหรือเปล่า

 

แก้กันที่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง หรือปลายเหตุหรือเปล่า ครับ 

 

ถูกครับ คุณภาพมีส่วน...  ตอนนี้ที่เป็นคือ ไม่มีคุณภาพ และ เยอะ... 

 

ผมว่าเรื่องนี้ถ้าท่านไม่มีคนรู้จักเรียนอยู่ ประถม -  มัธยมต้นในช่วงนี้...  ท่านจะเข้าใจได้ยากว่า  การบ้านเยอะ

มันเยอะแค่ไหน...  เอาเป็นว่า ถ้าตอนนีท่านทำงานแล้ว...    ท่านเอา ประสพการณ์สมัยท่านเรียนมา ใช้ไม่ได้ครับ..

ท่าน ลองอ่าน ความเห็น #11  ก่อน อั้นนั้นคือสิ่งที่ เด็กต้องเจอทุกคน แทบทุกโรงเรียน ในปัจจุบัน...

 

ตัวอย่างนึงของ งานที่ไม่ใช้สมอง...

"รักการอ่าน"  ถ้าท่านไม่เคยรู้ว่าคืออะไร...   ไม่แปลกหรอกครับ ที่ท่านจะแย้งผม...  เอาเป็นว่าผมเข้าใจท่าน...

เด็กประถม แทบทุกโรงเรียน ต้องทำส่ง  มันแค่บอกว่า  เด็กอ่านหนังสืออะไรนอกเหนือจากหนังสือเรียน... 

มีที่ให้ใส่ ประมาน 30 - 40 เรื่อง...    เนื่องจาก เด็กเรียน ก็อยากทำได้ครบ..  แทนที่จะอ่าน...   ก็ต้องมาหาชื่อหนังสือ

ใส่ลงไปแล้วบอกว่า อ่านแล้ว...    คนไหนฉลาดหน่อย ก็ เอาของเพือนมาใส่บ้าง ของปีที่แล้วมาใส่บ้าง..

แบบนี้ใช้ สมองป่าวครับ...    

 

การบ้านแบบนี้ แก้ปัญหา เด็กไม่อ่านหนังสือได้หรือไม่.. . คิดดูเอาเอง...  เด็กที่อ่าน เค้าก็อ่านอยู่แล้ว... 

เด็กที่ไม่อ่าน มันก็แค่ ลอกเด็กที่อ่าน...  แล้วมันก็ไม่อ่านเหมือนเดิม... 

 

ในเมื่อท่านอยู่ห้องเด็กเรียน... ผมถามหน่อยว่า

ท่านเก่งได้เพราะทำเอง  หรือ โดนบังคับให้ทำครับ...   

ท่านว่า ระหว่าง เด็กที่ต้องเสียเวลาระบายสีใบงานให้สวยงาม กับ เด็กที่มีเวลาลองทำโจทย์ปัญหา 1 ข้อ

แบบไหนจะทำให้เด็กไปอยู่ห้องเก่งได้ครับ..

 

นี่ไม่นับโอกาสที่เด็กจะได้ไปออกกำลังกาย  วิ่งเล่นตามประสา หมดไปกับการทำการบ้านที่ไม่ได้ใช้สมอง...  

:D

 

ตกลงลิมิตการบังคับใช้มาที่ประถม - มัธยมต้นแล้วสินะ

แต่นี่มันคุณเฮ็นเขียนคนเดียว

 

เนื้อข่าวว่าอย่างไร?

" "ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
หรือต้นเดือนพ.ค.เป็นต้นไปเด็กไทยเด็กทุกคนในทุกระดับชั้นจะมีภาระการเรียน
ในห้องเรียนลดน้อยลง"

 

คิดว่า ลดการบ้าน ใช้ไม่ได้ในหลักสูตรที่มีการแข่งขันสูงมาก ต้องปรับทั้งหมดก่อนค่ะ

ใครหลงทางไปหลงระเริงทำการบ้านน้อย...คิดเอา

 

ระดับอื่นเผอิญ ผมไม่ทราบ... ผมไม่มีความเห็น... ผมพูดเฉพาะสิ่งที่รู้

:D


"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#54 dec9h

dec9h

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 239 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:42

แหม ๆ เห็น กระทู้นี้แล้ว อยากตอบมาก ๆ ครับ

 

เพราะเพิ่ง เจอกับตัวไปหมาด ๆ

 

อะไรน่ะเหรอครับ แบบฝึกหัด ไง

 

ผมเรียน เขียน code อยู่ อ่านมานานแล้วล่ะ

 

5 เดือนกว่า ได้ละ อ่าน code ของชาวบ้าน ทำความเข้าใจ มากกว่า 250 class ได้ละ

 

ลองเขียนตามชาวบ้านดู ก็ เออ อย่างนี้นะ อย่างนี้นะ

 

 

แต่พอมาลองเขียนเอง ห้ามลอก

 

พระเจ้า ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

เหมือนคุณ เข้าถ้ำมืด ๆ อะ มองไม่เห็นทาง คลำไปเรื่อยอะ

 

เดี๋ยวตัน ๆ ตลอด จะออกจากถ้ำยังไง

 

จะหาทางกลับไป ก็ได้อยู่นะ แต่มันเสียศักดิ์ศรี ยอมได้ไง

 

เดี๋ยวใครจะหาว่า ดีแต่ลอกการบ้านคนอื่น พอทำเอง ทำไม่เป็น

 

เอาน่ะ แก้มันอยู่นั่นอะ 3 วัน แน่ะ เพื่อน ๆ

 

ตาลาย เพราะไล่ไปทีละบรรทัด คิดวิธีแก้ ตั้งเป็น 10 แบบ

 

มาแก้ได้ ในแบบสุดท้าย (ก็แน่ล่ะ แก้ได้แล้ว จะหาทางแก้ทำไมอีก)

 

 

ผมกล้ายืนยัน นั่งยัน นอนยัน ถ้าไม่ทำการบ้าน แบบฝึกหัด ด้วยตัวเอง (ห้ามลอก เด็ดขาด)

 

ไม่มีวันเป็น

 

เห็นท่านโพสเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมมาหลายครั้งแล้วครับ สอบถามว่าสายไหนได้ไหมครับ เท่าที่เห็นท่านโพสจะเป็นสาย Java  เผื่อมีข้อสงสัยที่ไม่เคยทำจะได้ขอปรึกษาเป็นการส่วนตัว (เพราะผมก็เริ่มจะเล็ง java ไว้เหมือนกัน) เพราะเรื่องบางเรื่องต้องศึกษาจาก ebook ภาษาอังกฤษ ผมเองก็งูๆปลาๆ งมเอาเดาเอา เผื่อแนะนำกันได้ครับ ผมเป็นสาย PHP, jquery ,json , Mysql , Webservice แล้วก็ดูแลพวก Network ระบบ Authentication ของ linux ตระกูล slackware (แต่ก็ไม่ค่อยแม่นคำสั่งเท่าไรพอทำได้ครับ) 


Edited by dec9h, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:45.


#55 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:43

ครู  ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  มีสิทธิ์อะไรมาให้การบ้านห๊าาาาาาาาา



#56 nunoi

nunoi

    เด็กข้างถนน

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,745 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:44

 

ทำเป็นแต่ ด่ารัฐบาลที่ไม่ได้เลือกมาจริงๆ...

 

เคยเห็นการบ้านเด็กสมัยนี้หรือป่าว... ไอ้ที่เยอะๆมันไม่ใช่ ทำโจทย์เลข 10 ข้อ 

แต่มันเป็น ใบงานที่ต้องเขียนๆๆ    ดีไม่ดี ระบายสี ให้เต็มแผ่น 

ดีไม่ดีเจอรายงาน..   ซึ่งก็แค่ลอกหนังสือมา...     

 

โทษนะครับ... การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มีนะครับ...  

ผมไม่เห็นไอ้รัฐบาล คนดี มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย..     หรือ มันกลัวเด็กจะฉลาด คิดนอกกรอบกันหมด แล้ว มันหลอกไม่ได้

น่า แปลก ที่ รัฐบาล คนหนีคุก..  คิดจะ  ทำโน่นทำนี่...   เยอะแยะไปหมด...

 

โทษนะครับ.. เด็กมีหลายแบบ...  ไอ้ที่เห็นว่าไม่มีการบ้าน..  ถามว่าไม่มีจริงหรือไม่...

ไปถามเด็กแว้น. สก๊อย์..   การบ้าน ไม่เคยมีครับ...

ไปถามเด็กเรียนสิครับ...   

:D

 

งั้นก็ไม่เกี่ยวสิครับ ว่ามีการบ้านมีมากมีน้อย   

 

พึีงรู้นะครับว่าเดี๋ยวนี้การทำการบ้าน เนี่ยไม่ต้องใช้สมอง  ผมว่าผมก็อยู่ห้องเด็กเรียนนะ แต่ไม่เห็นการบ้านมันจะเยอะอะไร สักสิบกว่าปีที่แล้ว 

 

ถึงจะไม่ค่อยทำเอง แต่ไปลอกเพื่อนที่มันเป็นหมออยู่ตอนนี้ ก็เหอะ (ที่บอกเพื่อให้มีหลักฐานว่าผมก็อยู่ห้องเด็กเรียนนะ ฮาฮา)

 

ผมว่าปัญหามันไม่ใช่การบ้านเยอะหรืออะไรหรอก ปัญหาคือคุณภาพการบ้าน ถ้าจากที่พี่บอกนะ 

 

นั้นก็คือปัญหาจากหลักสูตร หรือปัญหาจากการสอน ไม่ใช่ปัญหาจากการมีการบ้าน เยอะน้อย 

 

อันนี้ผมอยากรู้จริงๆครับ

 

 

การแก้ปัญหาตรงนี้มีผลอะไรกับการเรียนการสอนบ้าง

 

หรือมีผลอะไรกับการศึกษาบ้าง

 

เราแก้กันตรงจุดหรือเปล่า

 

แก้กันที่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง หรือปลายเหตุหรือเปล่า ครับ 

 

ถูกครับ คุณภาพมีส่วน...  ตอนนี้ที่เป็นคือ ไม่มีคุณภาพ และ เยอะ... 

 

ผมว่าเรื่องนี้ถ้าท่านไม่มีคนรู้จักเรียนอยู่ ประถม -  มัธยมต้นในช่วงนี้...  ท่านจะเข้าใจได้ยากว่า  การบ้านเยอะ

มันเยอะแค่ไหน...  เอาเป็นว่า ถ้าตอนนีท่านทำงานแล้ว...    ท่านเอา ประสพการณ์สมัยท่านเรียนมา ใช้ไม่ได้ครับ..

ท่าน ลองอ่าน ความเห็น #11  ก่อน อั้นนั้นคือสิ่งที่ เด็กต้องเจอทุกคน แทบทุกโรงเรียน ในปัจจุบัน...

 

ตัวอย่างนึงของ งานที่ไม่ใช้สมอง...

"รักการอ่าน"  ถ้าท่านไม่เคยรู้ว่าคืออะไร...   ไม่แปลกหรอกครับ ที่ท่านจะแย้งผม...  เอาเป็นว่าผมเข้าใจท่าน...

เด็กประถม แทบทุกโรงเรียน ต้องทำส่ง  มันแค่บอกว่า  เด็กอ่านหนังสืออะไรนอกเหนือจากหนังสือเรียน... 

มีที่ให้ใส่ ประมาน 30 - 40 เรื่อง...    เนื่องจาก เด็กเรียน ก็อยากทำได้ครบ..  แทนที่จะอ่าน...   ก็ต้องมาหาชื่อหนังสือ

ใส่ลงไปแล้วบอกว่า อ่านแล้ว...    คนไหนฉลาดหน่อย ก็ เอาของเพือนมาใส่บ้าง ของปีที่แล้วมาใส่บ้าง..

แบบนี้ใช้ สมองป่าวครับ...    

 

การบ้านแบบนี้ แก้ปัญหา เด็กไม่อ่านหนังสือได้หรือไม่.. . คิดดูเอาเอง...  เด็กที่อ่าน เค้าก็อ่านอยู่แล้ว... 

เด็กที่ไม่อ่าน มันก็แค่ ลอกเด็กที่อ่าน...  แล้วมันก็ไม่อ่านเหมือนเดิม... 

 

ในเมื่อท่านอยู่ห้องเด็กเรียน... ผมถามหน่อยว่า

ท่านเก่งได้เพราะทำเอง  หรือ โดนบังคับให้ทำครับ...   

ท่านว่า ระหว่าง เด็กที่ต้องเสียเวลาระบายสีใบงานให้สวยงาม กับ เด็กที่มีเวลาลองทำโจทย์ปัญหา 1 ข้อ

แบบไหนจะทำให้เด็กไปอยู่ห้องเก่งได้ครับ..

 

นี่ไม่นับโอกาสที่เด็กจะได้ไปออกกำลังกาย  วิ่งเล่นตามประสา หมดไปกับการทำการบ้านที่ไม่ได้ใช้สมอง...  

:D

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

 

อันนี้ผมอยากทราบครับ "รักการอ่าน" 

 

อันนี้คือหลักสูตรที่ทางครูต้องทำให้นักเรียนทุกคนทำใช่ไหมครับ เป็นนโยบายใช่หรือเปล่าครับ

 

อันนี้ผมพึ่งรู้จริงๆ ผมว่าจริงๆมันก็มีประโยนช์นะ ถ้าไม่มีการกะเกณ์ว่าต้องเท่าไร หรือแค่เป็นการส่งเสริม แต่ไม่ต้องไปบังคับ (จากที่พี่อธิบายมานะครับ) 

 

ปล พอจะมีรายละเอี่ยดเพิ่มเติมไหมครับ 

 

ส่วนเรื่องการบ้าน ในข่าวก็ไม่ได้บอกว่าเป็นการบ้านแบบไหนนะครับ เลยไม่ทราบว่าที่ให้ลดเนี่ยคือการบ้านแบบไหน 

 

ปล สอง ส่วนคำถาม 

 

เด็กที่ต้องเสียเวลาระบายสีใบงานให้สวยงาม กับ เด็กที่มีเวลาลองทำโจทย์ปัญหา 1 ข้อ

 

ผมอยากเป็นเด็กที่ระบายสีสวยงามนะ แหะๆๆ อยู่กับตัวเลขจนเอียน --"


กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่ 

 

 


#57 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:47

กลับบ้านตอนเย็น ตะโกนถามหลายวันอนุบาลหนึ่ง" กาด การบ้านเสร็จยังลูก" "การบ้านเสร็จแย้วค่ะ " เสียงหลานตอบกลับบ้าน
 

เราก็จะกลับไปตรวจดู บางวัน ยังไม่ได้ทำเลย เสร็จตรงไหนฟ่ะ ริขี้เกียจแต่เล็ก(ขี้เกียจเหมือนน้าเลยอ่ะ -_- ) 
 

จริงๆ แล้วช่วงประมาณ 5-15 ปี ที่ผ่านมา การบ้านเยอะมากนะสำหรับเด้กนักเรียน ที่ออฟฟิศ ลูกแม่บ้านกลับมา พวกเราว่างๆ ก็จะช่วยสอน บางที เรายังโห เยอะมาก ถ้าจำไม่ผิดก็ตรงช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอนนั่นแหละ

รุ่นเรา อย่างมากก็จะเป็นการทบทวนวิชาที่เรียนมา สมัยประถม ก็จะมีวิชา เลข ภาษาไทย สังคมเป็นหลัก อังกฤษมีเฉพาะวันที่มีเรียน เยอะไหม ก้ไม่ถึงกับเยอะ ทำเต็มที่ไม่เกินชม. โรงเรียนวัดไม่ไกลจากบ้านนัก
พอขึ้นมัธยม ก็จะมีวิชาหลากหลายขึ้น แต่ก้ไม่ได้เรียนซ้ำวิชาเดิมกันทุกวัน จึงสลับวิชาที่ต้องทำการบ้าน ส่วนรายงานก็จะบอกล่วงหน้าให้ทำ อย่างน้อยๆ ก็ล่วงหน้า สองอาทิตย์  บางที บอกต้นเทอม ส่งก่อนสอบมิดเทอม ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะมาปั่นในส่งในช่วงอาทิตย์สุดท้าย (คุรๆ เคยผ่านช่วงนั้นมา อย่าหลบตาเลยชิส์ <_< )
 

ก็อย่างที่บอก หลังจากรุ่นเราพ้นมัธยมไป ก็สิบกว่าปี การบ้านบ้าเลือดมาก



#58 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:49

โรงเรียนเอกชนน่ะแหละตัวดี ครูประจำวิชาแข่งกันให้การบ้าน

โรงเรียนรัฐบาล ไม่ค่อยเยอะหรอก

ยิ่งตามชนบท ที่ครูสอนประจำชั้น การบ้านไม่เยอะรับรอง


การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#59 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:51

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพสเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมมาหลายครั้งแล้วครับ สอบถามว่าสายไหนได้ไหมครับ เผื่อมีข้อสงสัยที่ไม่เคยทำจะได้ขอปรึกษาเป็นการส่วนตัว เพราะเรื่องบางเรื่องต้องศึกษาจาก ebook ภาษาอังกฤษ ผมเองก็งูๆปลาๆ งมเอาเดาเอา เผื่อแนะนำกันได้ครับ ผมเป็นสาย PHP, jquery ,json , Mysql , Webservice แล้วก็ดูแลพวก Network ระบบ Authentication ของ linux ตระกูล slackware (แต่ก็ไม่ค่อยแม่นคำสั่งเท่าไรพอทำได้ครับ) 

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ 5 เดือนกว่าครับ จาก tutorial ของ oracle ครับผม (ไม่มีเงินลงเรียนครับ)

 

ยัง งู ๆ ปลา ๆ เหมือนคุณ ล่ะครับ

 

เป็น basic พื้นฐานเลยครับ

 

ถ้าคุณถามผม เกี่ยวกับ หัวข้อ basic ไล่ตั้งแต่ field variable พื้น ๆ แบบนี้

 

ไปจนถึง generic ผมอาจพอตอบได้บ้าง เพราะตรง basic นี่ ผมอ่านสองรอบ

 

แต่ถ้า มาถึงบทตั้งแต่ essential คือเริ่ม ตั้งแต่ I/O เป็นต้นไป

 

ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้ครับ เพราะยอมรับว่า ตั้งแต่ essential มา ผมยังต้องการแบบฝึกหัด อีกมาก

 

ไม่คิดว่าจะเป็นในเร็ว ๆ นี้ หรอกครับ ประมาณ 5-6 ปี น่าจะได้

 

อ้อ ผมแนะนำ เพิ่มเติม นะครับ thenewboston.org

 

มี video tutorial ทุกภาษา ครับ ผมเองเรียน กับ ตา bucky อยู่เหมือนกัน

 

ของผมเรียน beginner อยู่เลย ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแหละครับ

 

แต่อาศัยดูภาพ ประกอบเอา เพราะ ตา bucky แกใช้ eclipse เหมือนผมเป๊ะ


Edited by ทรงธรรม, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:07.

ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#60 A DESIGN FOR LIFE

A DESIGN FOR LIFE

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 273 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:52

ถ้าระดับอนุบาลถึงประถมช่วงชั้นที่1 การบ้านอาจจะเป็นรูปแบบนึง อาจมีวาดภาพระบายสีให้เต็มแผ่น :D มากหน่อย  แต่คงไม่ถึงขั้นไม่ใช้สมองมั๊งครับ ชั้นสูงๆต่อมาแบบฝึกหัดก็คงเปลี่ยนไปตามอายุสมองของเด็กที่โตขึ้น  ผมว่าผมไม่เคยเห็นการบ้านอันไหนไม่ได้ใช้สมองนะครับ ถ้าใครเคยทำแบบฝึกหัดที่ไม่ใช้สมองลองบอกผมที 



#61 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:59

ไม่จริงค่ะ การระบายสีของเด็กอนุบาลเป็นการช่วยพัฒนาสมองค่ะ การโยงความเหมือน,ความต่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสมอง (ถ้าให้เด็กทำเองนะ) เวลาเด็กระบายสี สมองจะสั่งให้มือทำ นะคะ



#62 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:01

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ ...

ขออนุญาต.. แนะนำหนังสือ...
ด้วยความรู้ระดับงูๆปลาๆของผมนะครับ...

เล่มนี้เลยครับ...

 

ปล. แก๊ง ออฟ โฟว์ เก่งจริงๆคร้าาาบบ....

 

lrg.jpg


Edited by chaidan, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:05.

ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#63 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:03

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ ...

ขออนุญาต.. แนะนำหนังสือ...
ด้วยความรู้ระดับงูๆปลาๆของผมนะครับ...

เล่มนี้เลยครับ...

lrg.jpg

 

โหลดจากไหนละท่าน ?



#64 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:07

 

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ ...

ขออนุญาต.. แนะนำหนังสือ...
ด้วยความรู้ระดับงูๆปลาๆของผมนะครับ...

เล่มนี้เลยครับ...

 

โหลดจากไหนละท่าน ?

ลองหาใน 4share ก็ได้ครับ....
เล่มนี้คนใช้กันเยอะ....

หาไม่ยากครับ...

:lol:


ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#65 หนูอ้อย

หนูอ้อย

    นักเขียนหน่อมแน้ม

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,215 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:09

คำสั่งนี้ของสพฐ.ไม่รอบด้านที่บังคับใช้ให้เป็นการทั่วไปทุกระดับชั้น

ออกมาเดี่ยวๆไม่ปรับปรุงอย่างอื่นๆเลย เช่นกติกาการแข่งขัน หลักสูตร ฯลฯ

ห่วยมาก ถ้าเปรียบกับการตัดผม อันนั้นเราไม่ค้านเพราะไม่เกี่ยวตรงๆกับการเรียน


 AMAZING  coup d'etat  , THAILAND ONLY ..  :ph34r:  


#66 นายตัวเกร็ง

นายตัวเกร็ง

    Monkey Godfather Lv.3

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,901 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:11

 

 

 

 

 

ทำเป็นแต่ ด่ารัฐบาลที่ไม่ได้เลือกมาจริงๆ...

 

เคยเห็นการบ้านเด็กสมัยนี้หรือป่าว... ไอ้ที่เยอะๆมันไม่ใช่ ทำโจทย์เลข 10 ข้อ 

แต่มันเป็น ใบงานที่ต้องเขียนๆๆ    ดีไม่ดี ระบายสี ให้เต็มแผ่น 

ดีไม่ดีเจอรายงาน..   ซึ่งก็แค่ลอกหนังสือมา...     

 

โทษนะครับ... การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มีนะครับ...  

ผมไม่เห็นไอ้รัฐบาล คนดี มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย..     หรือ มันกลัวเด็กจะฉลาด คิดนอกกรอบกันหมด แล้ว มันหลอกไม่ได้

น่า แปลก ที่ รัฐบาล คนหนีคุก..  คิดจะ  ทำโน่นทำนี่...   เยอะแยะไปหมด...

 

โทษนะครับ.. เด็กมีหลายแบบ...  ไอ้ที่เห็นว่าไม่มีการบ้าน..  ถามว่าไม่มีจริงหรือไม่...

ไปถามเด็กแว้น. สก๊อย์..   การบ้าน ไม่เคยมีครับ...

ไปถามเด็กเรียนสิครับ...   

:D

 

 

เอาอีกแล้ว...อยากรู้จริงๆว่าเมกา สวิส เยอรมันไม่มีการบ้านจริงๆหรือว่าจินตนาการ? ขอหลักฐานหน่อยได้ไหมฮะ

 

อ่านให้มันครบๆ หน่อย..

 การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มี

 

:D

 

พอดีการเว้นวรรคของ @hentai ค่อนข้างจะน่าปวดหัวนะ

"การบ้านไม่ใช่สมอง"หรือ"การบ้านไม่ใช้สมอง" ครับเอาให้แน่

การเขียนแบบนี้มันก็ยังบ่งบอกว่า อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน ไม่มีการบ้านอยู่ดี

หรือว่าผมต้องไปเรียนภาษาไทยใหม่?

 

"การบ้านไม่ใช้สมอง"  

ผมพิมพ์ผิดเอง ขออภัย...  ท่านไม่ต้องไปเรียนภาษาไทยใหม่ แต่ผมต้อง...  :D

 

 

โรงเรียนไหนให้การบ้านไม่ใช้สมองมาให้เด็กทำครับ ช่วยบอกชื่อหน่อยได้ไหม

 

แต่เท่าที่ผมเรียน ไม่เคยมีการบ้านที่ไม่ใช้สมองครับ

 

ผมว่า คุณเลีย รบ นี้เกินไปแล้วล่ะ ตอนแรกผมยังไม่สนใจ รบ เลย สนใจแต่ สพฐ เห็นคุณแสดงความเห็นแบบนี้แล้วคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ 

 

สงสัย รบ นี้มันคงกลัว เด็กฉลาดทันมัน 

 

ผมว่าไอ้คนที่ไม่ได้ใช้สมองทำการบ้านเนี่ย วัน ๆ คงเอาแต่ลอกน่ะสิ

โทษนะครับ...  ความคิดแบบนี้ ต่อให้ ม้ากคิดจะทำ .. ผมก็เลีย 

ผมก็พูดเหมือน ตอนนี้ ทุกประการไม่เปลี่ยนแปลง...       อย่าเอาจริตตัวเองมาใส่คนอื่น... 

 

ท่านเรียนมากี่ปีแล้วครับ.. เคยทำ รักการอ่านหรือไม่...  เคยเห็นคนทำหรือไม่..

เคยระบายสีใบงานให้สวยงานหรือไม่...     ถ้าไม่เคย...

 

ท่านไม่เข้าใจหรอกครับ..  ว่า การบ้านไม่ใช้สมองคืออะไร...    :D

 

ผมมีหนังสือนอกเวลานะ อ่านแล้วสรุปใจความและข้อคิดแล้วไปรายงานหน้าห้องอ่ะ

การระบายสีไม่ใช้สมอง? คุณกำลังดูถูกศิลปินทั่วโลกว่าไม่ใช้สมองนะครับ

ศิลปินก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยอย่างนี้แหละ แต่คุณอาจจะมองเป็นเรื่องไร้สาระ

แต่ก็มีคนหลายคนมองว่ามันโคตรสำคัญ


เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<


#67 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:12

 

 

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ ...

ขออนุญาต.. แนะนำหนังสือ...
ด้วยความรู้ระดับงูๆปลาๆของผมนะครับ...

เล่มนี้เลยครับ...

 

โหลดจากไหนละท่าน ?

ลองหาใน 4share ก็ได้ครับ....
เล่มนี้คนใช้กันเยอะ....

หาไม่ยากครับ...

:lol:

 

ผมถามไปอย่างนั้นละครับ ผมจัดการโหลด all head first collection แล้ว

แต่ดูรายการแล้วไม่มีเล่มนี้ เลยโหลดเพิ่มซะ ETA = 5 min.  ;)



#68 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:17

 

 

 

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 

ผมถามไปอย่างนั้นละครับ ผมจัดการโหลด all head first collection แล้ว

แต่ดูรายการแล้วไม่มีเล่มนี้ เลยโหลดเพิ่มซะ ETA = 5 min.  ;)

ผมมองว่า design patterns มีความสำคัญมากครับ...
บ้างที่เราอ่าน  OO พื้นฐานไม่เข้าใจ...

แต่มาเห็นการใช้งานจริงๆใน DP ก็จะ อ่อ ได้เลยทันทีครับ...

 

ปล. code ที่อ่านยากๆ ลองเอา DP ไปแกะดูนะครับ... จะเห็นภาพเลยที่เดียว...

where ๆ ก็ whereๆ แล้ว ขออนุญาต แนะนำอีกเล่มนะครับ... อันนี้ original เลยครับ...

Design_Patterns_cover.jpg


Edited by chaidan, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:25.

ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#69 nunoi

nunoi

    เด็กข้างถนน

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,745 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:23

 

 

 

ตอบคุณ dec9 th ครับ

 

เห็นท่านโพส...

 ผมเรียน java ครับ เพิ่งเรียน มาหมาด ๆ ...

ขออนุญาต.. แนะนำหนังสือ...
ด้วยความรู้ระดับงูๆปลาๆของผมนะครับ...

เล่มนี้เลยครับ...

 

โหลดจากไหนละท่าน ?

ลองหาใน 4share ก็ได้ครับ....
เล่มนี้คนใช้กันเยอะ....

หาไม่ยากครับ...

:lol:

 

ผมถามไปอย่างนั้นละครับ ผมจัดการโหลด all head first collection แล้ว

แต่ดูรายการแล้วไม่มีเล่มนี้ เลยโหลดเพิ่มซะ ETA = 5 min.  ;)

 

 

อันนี้ไม่รู้มีประโยชน์หรือเปล่านะครับ คือถ้าเราต้องการหนังสือเล่มไหน ลองค้นหาด้วย หมายเลข ISBN แล้วตามด้วยคำ .pdf  

 

ส่วนหมายเลข ISBN หรือหนังสือที่น่าสนใจ ลองหาได้ที่อเมซอนครับ แหะๆๆ น่าจะเป็นประโยชน์บ้าง


กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่ 

 

 


#70 OHM_DGO

OHM_DGO

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 703 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:31

22205_296833437105673_1522645606_n.jpg

ใช่ซี่ เกียรตินิยมออกฟอร์ดมันก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว 0.0

#71 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:35

เอางี้เลยดีกว่ามั้ย ไม่บังคัับแต่งกาย ไม่บังคับทรงผม ไม่บังคับเ้ข้าเรียน ไม่บังคับการบ้าน

ไม่มีคะแนนเก็บ ไม่มีคะแนนความประพฤติ ไม่มีคะแนนจิตพิสัย ไม่มีคะแนนช่วยเหลือ

 

สอบวิชาละ 100 ข้อ 100 คะแนน

เกณฑ์ผ่านที่ 90 คะแนนขึ้นไป ต้องผ่าน "ทุกวิชา" ไม่เช่นนั้นคือ "ตก" ต้องเรียนใหม่ "ทั้งหมด" ไม่ใช่แค่วิชาที่ตก

ไม่มีตัดเกรด 1 2 3 4  มีแค่ "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน"

สอบไม่ผ่าน ซ้ำชั้น ไม่จบ ให้เรียนซ้ำจนกว่าจะจบ

 

ให้มันสะใจกันไปเลย 

 

ไม่บังคับแล้วนี่ อิสระแล้วนี่ เสรีแล้วนี่ ไม่เครียดแล้วนี่ ได้ตามต้องการทุกอย่างแล้วนี่ เมิงจะโง่เหมือนเดิมไม่ได้! ต้องฉลาดขึ้นเท่านั้น!!

ไม่เช่นนั้น ถือว่า ที่เรียกร้องมาทั้งหมด คือ ข้อเรียกร้องควายๆ ของเด็กโง่ ขี้เกียจ สมองกลวง หัวขี้เลื่อย ไม่มีความรับผิดชอบ

การให้อิสระ ไม่มีผลสัมฤทธิ์ที่ดี!!  คือ ความล้มเหลว!! และโง่เ่ง่าเต่าถุึยของพวกนักวิชาการและพวกผู้ดูแลระบบการศึกษาของไทย!!!

 

อยากจะเอามาเทียบกับระบบเดิมๆ เลยอยากรู้เหมือนกัน! วัดกันไปเลย!!

อันไหนมันจะทำให้คนมัน เป็นคนที่ "เก่งและดี" ได้มากกว่ากัน

 

เบื่อครับ


Edited by ดาร์ค สวอน, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:36.

ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#72 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:36

22205_296833437105673_1522645606_n.jpg

ใช่ซี่ เกียรตินิยมออกฟอร์ดมันก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว 0.0

 

ถูกต้องครับ "ตามใจทุกเรื่องไม่ได้" ต้องพิจารณากันไป

ถึงตอนนี้ผมว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหน ผมรู้ว่ามีหลายคนบ่น

แต่ฟังจากอาจารย์เก่าผม ท่านว่าเด็กไม่ยอมทำการบ้าน

ตีก็ไม่ได้ ทำโทษก็ไม่ได้ ให้ซ้ำชั้นก็ไม่ได้

 

ผมเลยคิดว่า แล้วแต่โรงเรียนหรือเปล่าครับ

 

ถ้าเป็นเรื่องจริง ปัญหามันหนักกว่า เรื่องทรงผม แต่ดันไป

สนใจเรื่องผมก่อนเรื่องการเรียน สมกับเป็นพรรคเผาเมืองจริงๆ



#73 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:38

22205_296833437105673_1522645606_n.jpg

ใช่ซี่ เกียรตินิยมออกฟอร์ดมันก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว 0.0

 

ถูกต้องครับ "ตามใจทุกเรื่องไม่ได้" ต้องพิจารณากันไป

ถึงตอนนี้ผมว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหน ผมรู้ว่ามีหลายคนบ่น

แต่ฟังจากอาจารย์เก่าผม ท่านว่าเด็กไม่ยอมทำการบ้าน

ตีก็ไม่ได้ ทำโทษก็ไม่ได้ ให้ซ้ำชั้นก็ไม่ได้

 

ผมเลยคิดว่า แล้วแต่โรงเรียนหรือเปล่าครับ

 

ถ้าเป็นเรื่องจริง ปัญหามันหนักกว่า เรื่องทรงผม แต่ดันไป

สนใจเรื่องผมก่อนเรื่องการเรียน สมกับเป็นพรรคเผาเมืองจริงๆ

 

ลูกผมทำการบ้านเสร็จ เจอแบบฝึกหัดสอบเข้า ม.1 อีกวันละยี่สิบข้อ ไม่บังคับ ไม่ทำก็ไม่ได้เล่น x-short แค่นั้น


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#74 bluetoffee

bluetoffee

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 633 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:40

ทำงานอยู่เจอเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่จบมามีปัญหาคือไม่ค่อยสู้งาน

หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ไม่ค่อยรับผิดชอบ

ยิ่งมาฝึกนิสัยนี้ตั้งแต่เด็กๆ อนาคตแย่แน่ๆ



#75 ชามู

ชามู

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,296 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:54

ไม่จริงค่ะ การระบายสีของเด็กอนุบาลเป็นการช่วยพัฒนาสมองค่ะ การโยงความเหมือน,ความต่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสมอง (ถ้าให้เด็กทำเองนะ) เวลาเด็กระบายสี สมองจะสั่งให้มือทำ นะคะ

 

 

เห็นด้วยครับ....  ขอเสริมว่านอกเหนือจากที่คุณกุ้งบอกมา

การระบายสีด้วยดินสอสี ยิ่งระบายมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อมัดเล็กเท่านั้น

เจ้าตัวเล็กผม ตอนอนุบาลชอบระบายสีมาก ระบายสีได้ชัด เข้ม บาง ได้ดั่งใจ

ทุกวันนี้ เขาเรียนเปียโน เขาไม่มีปัญหาเรื่องนิ้วไม่มีแรงกดคีย์เลย

 

อย่างว่าแหละครับ คุณกุ้ง ไอ้คนที่กระแนะกระแหนเรื่องระบายสีเต็มแผ่น แล้วแถมยังบอกว่ามันจะพูดเฉพาะเรื่องที่มันรู้เนี่ย

 

สุดท้ายแ้ล้ว ผมว่า มันพูดเฉพาะเรื่องที่มันคิดไปเองว่ามันรู้ หรือเปล่าเนี่ย?


ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ ใจดี

#76 PPPP58

PPPP58

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 243 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:57

ตอนแรก เลิกไว้ผมเกรียน

ตอนนี้ ลดการบ้าน ครูคนไหนให้การบ้านหนักมากก็มาร้องเรียนได้

 

ต่อไป คงไม่ต้องให้นักเรียนเข้าเรียน  เรียนผ่านสไกป์ได้

ต่อไป คงเอาใจนร.ด้วยการเลือกครูสอนได้  ไม่พอใจครูคนไหน-เด็กสั่งได้

ต่อไป คงลดการตัดเคิร์ฟของเกรด  เด็กจะได้เอกันเยอะขึ้น จะได้มีกำลังใจ

ต่อไป กระตุ้นเด็กให้มาเรียนด้วยการให้ extra credit กับเด็กที่ลงทะเบียนเรียน (คือไม่ต้องมาเรียนก็ได้ แค่ลงทะเบียน เราก็จะกราบแทบเท้า)

 

ผู้ใหญ่รัฐบาลนี้ ขยันทำแต่เรื่องอุบาทว์ ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ

 

 

ต้องเอาใจน้องไปป์ หน่อยซิคับ ลูกอยากได้ยังไงเดี๋ญวแม่จัดให้ อิอิ



#77 คนทุกที่

คนทุกที่

    ชนชั้นกลาง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,480 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:58

หาว่าวาดรูปไม่ใช้สมอง งี้มาต่อยกันเลยดีกว่าไหม คุณคิดว่ากว่าเด็กศิลป์แต่ละคนจะจบมาได้มันง่ายเหรอ วิชาที่เรียนมีทั้งศาสตร์และศิลป์นะคุณ ตอนอยู่ช่างศิลป์ผึ้งต้องเรียนทั้งวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ปรัชญา กว่าจะวาดออกมาได้แต่ละรูปต้องคิดแล้วคิดอีก ถ้าไม่รู้จริงอย่าพูดดีกว่า



#78 orogaros

orogaros

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,204 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:21

จำได้ลางๆ ว่า  ตอนประถมก็โดนการบ้านคณิตวันหละร้อยข้อ  ภาษาไทย  ท่องศัพท์อังกษ  สังคม

รวมๆ ก็เยอะเหมือนกัน  แต่ก็ไม่ทราบนะครับว่าเด็กสมัยนี้เยอะมากหรือแตกต่างขนาดไหน

 

แต่โดยรวมแล้วรัฐบาลไม่ควรกำหนดนโยบายแบบนี้ออกมา  จะมากหรือน้อยก็ให้ผู้ปกครองใช้ดุลพินิจ

แล้วไปปรึกษาครูที่โรงเรียนแทนเองจะดีกว่า  เพราะถ้ามันเยอะจนเกินไปผู้ปกครองจะทราบเอง

 

แล้วอย่างกรณีของคุณ เห็นไต  บอกว่าประเทศโน้นอย่างนั้นอย่างนี้   ท่านทราบได้อย่างไร

ช่วยอธิบายเพื่อเป็นวิทยาธาน  กับผมหน่อยเถอะครับ  แล้วเขาทำแบบไหน

 

แต่ที่แน่ๆ  ผมอ่านการ์ตูนหลายๆ เรื่องของญี่ปุ่น  จะเห็นได้ว่าขนาดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนจะมีการบ้านด้วย

แต่ของไทยผมว่างยาวตลอดฤดูร้อนถึงขั้นเอาความรู้คืนครูเลยหละครับ



#79 MOD X

MOD X

    Moderator

  • Moderators
  • 4,393 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:22

 

 

 

 

 

ทำเป็นแต่ ด่ารัฐบาลที่ไม่ได้เลือกมาจริงๆ...

 

เคยเห็นการบ้านเด็กสมัยนี้หรือป่าว... ไอ้ที่เยอะๆมันไม่ใช่ ทำโจทย์เลข 10 ข้อ 

แต่มันเป็น ใบงานที่ต้องเขียนๆๆ    ดีไม่ดี ระบายสี ให้เต็มแผ่น 

ดีไม่ดีเจอรายงาน..   ซึ่งก็แค่ลอกหนังสือมา...     

 

โทษนะครับ... การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มีนะครับ...  

ผมไม่เห็นไอ้รัฐบาล คนดี มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย..     หรือ มันกลัวเด็กจะฉลาด คิดนอกกรอบกันหมด แล้ว มันหลอกไม่ได้

น่า แปลก ที่ รัฐบาล คนหนีคุก..  คิดจะ  ทำโน่นทำนี่...   เยอะแยะไปหมด...

 

โทษนะครับ.. เด็กมีหลายแบบ...  ไอ้ที่เห็นว่าไม่มีการบ้าน..  ถามว่าไม่มีจริงหรือไม่...

ไปถามเด็กแว้น. สก๊อย์..   การบ้าน ไม่เคยมีครับ...

ไปถามเด็กเรียนสิครับ...   

:D

 

 

เอาอีกแล้ว...อยากรู้จริงๆว่าเมกา สวิส เยอรมันไม่มีการบ้านจริงๆหรือว่าจินตนาการ? ขอหลักฐานหน่อยได้ไหมฮะ

 

อ่านให้มันครบๆ หน่อย..

 การบ้านไม่ใช่ สมอง แบบนี้ เมกา สวิส เยอรมัน ไม่มี

 

:D

 

พอดีการเว้นวรรคของ @hentai ค่อนข้างจะน่าปวดหัวนะ

"การบ้านไม่ใช่สมอง"หรือ"การบ้านไม่ใช้สมอง" ครับเอาให้แน่

การเขียนแบบนี้มันก็ยังบ่งบอกว่า อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน ไม่มีการบ้านอยู่ดี

หรือว่าผมต้องไปเรียนภาษาไทยใหม่?

 

"การบ้านไม่ใช้สมอง"  

ผมพิมพ์ผิดเอง ขออภัย...  ท่านไม่ต้องไปเรียนภาษาไทยใหม่ แต่ผมต้อง...  :D

 

 

โรงเรียนไหนให้การบ้านไม่ใช้สมองมาให้เด็กทำครับ ช่วยบอกชื่อหน่อยได้ไหม

 

แต่เท่าที่ผมเรียน ไม่เคยมีการบ้านที่ไม่ใช้สมองครับ

 

ผมว่า คุณเลีย รบ นี้เกินไปแล้วล่ะ ตอนแรกผมยังไม่สนใจ รบ เลย สนใจแต่ สพฐ เห็นคุณแสดงความเห็นแบบนี้แล้วคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ 

 

สงสัย รบ นี้มันคงกลัว เด็กฉลาดทันมัน 

 

ผมว่าไอ้คนที่ไม่ได้ใช้สมองทำการบ้านเนี่ย วัน ๆ คงเอาแต่ลอกน่ะสิ

โทษนะครับ...  ความคิดแบบนี้ ต่อให้ ม้ากคิดจะทำ .. ผมก็เลีย 

ผมก็พูดเหมือน ตอนนี้ ทุกประการไม่เปลี่ยนแปลง...       อย่าเอาจริตตัวเองมาใส่คนอื่น... 

 

ท่านเรียนมากี่ปีแล้วครับ.. เคยทำ รักการอ่านหรือไม่...  เคยเห็นคนทำหรือไม่..

เคยระบายสีใบงานให้สวยงานหรือไม่...     ถ้าไม่เคย...

 

ท่านไม่เข้าใจหรอกครับ..  ว่า การบ้านไม่ใช้สมองคืออะไร...    :D

 

 

ผมว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องการใช้สมองมากกว่านะครับ

อีกอย่างผมไม่สนใจหรอกว่า รบ ไหนมันจะทำหรือไม่ทำ ผมสนใจว่า พวกลูก ๆ หลาน ๆ ผมในอนาคตมันจะโง่ลงจากนโยบายนี้ก็แค่นั้นเอง อย่าเอา ไอ้สิ่งที่คุณเรียกว่า จริต มาใช้กันคนอื่นดีกว่า คือมันไม่ได้ทำให้คนใช้ดูฉลาดหรือดูดีขึ้นน่ะครับ

 

การทำการบ้านมันไม่ได้ฝึกการใช้สมองฝึกการคิดอย่างเดียว แต่มันฝึกอย่างอื่นด้วย


Edited by some one, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:29.

---------------------------------------


#80 เกลียดคุณแม้วจังครับ

เกลียดคุณแม้วจังครับ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,190 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:31

ตอนแรก เลิกไว้ผมเกรียน

ตอนนี้ ลดการบ้าน ครูคนไหนให้การบ้านหนักมากก็มาร้องเรียนได้

 

ต่อไป คงไม่ต้องให้นักเรียนเข้าเรียน  เรียนผ่านสไกป์ได้

ต่อไป คงเอาใจนร.ด้วยการเลือกครูสอนได้  ไม่พอใจครูคนไหน-เด็กสั่งได้

ต่อไป คงลดการตัดเคิร์ฟของเกรด  เด็กจะได้เอกันเยอะขึ้น จะได้มีกำลังใจ

ต่อไป กระตุ้นเด็กให้มาเรียนด้วยการให้ extra credit กับเด็กที่ลงทะเบียนเรียน (คือไม่ต้องมาเรียนก็ได้ แค่ลงทะเบียน เราก็จะกราบแทบเท้า)

 

ผู้ใหญ่รัฐบาลนี้ ขยันทำแต่เรื่องอุบาทว์ ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ

 

อีกหน่อย ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนก็ได้มั้ง

อยากได้เกรดอะไรก็ใส่เอาเองเลย



#81 MOD X

MOD X

    Moderator

  • Moderators
  • 4,393 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:34

ตอนแรก เลิกไว้ผมเกรียน

ตอนนี้ ลดการบ้าน ครูคนไหนให้การบ้านหนักมากก็มาร้องเรียนได้

 

ต่อไป คงไม่ต้องให้นักเรียนเข้าเรียน  เรียนผ่านสไกป์ได้

ต่อไป คงเอาใจนร.ด้วยการเลือกครูสอนได้  ไม่พอใจครูคนไหน-เด็กสั่งได้

ต่อไป คงลดการตัดเคิร์ฟของเกรด  เด็กจะได้เอกันเยอะขึ้น จะได้มีกำลังใจ

ต่อไป กระตุ้นเด็กให้มาเรียนด้วยการให้ extra credit กับเด็กที่ลงทะเบียนเรียน (คือไม่ต้องมาเรียนก็ได้ แค่ลงทะเบียน เราก็จะกราบแทบเท้า)

 

ผู้ใหญ่รัฐบาลนี้ ขยันทำแต่เรื่องอุบาทว์ ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ

 

อีกหน่อย ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนก็ได้มั้ง

อยากได้เกรดอะไรก็ใส่เอาเองเลย

 

 

ต่อไปอาจจะถึงขั้น ยกเลิกวันครูน่ะครับ

เมื่อก่อนเรายังคิดเสมอว่าครูคือครูเป็นผู้มีพระคุณช่วยสอนสั่ง แต่เด็กเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามองครูว่าเป็นลูกจ้างหรือเปล่าถ้ามองแบบนี้ก็นรกส่งมาเกิดล่ะ


---------------------------------------


#82 best

best

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 741 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:35

บางคห.ก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ

#83 Maruay

Maruay

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 286 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:40

ในความเห็นผม ขอติติงเรื่องการกำหนดนโยบายการศึกษาของรัฐบาล

ผมคิดว่าในแง่ของวิชาการแล้ว การจะกำหนดนโยบายอะไรสักอย่างควรมีการศึกษาข้อมูลหรือวิจัยอย่างจริงจังเสียก่อนนะครับ
เพราะเมื่อกำหนดนโยบายไปปฏิบัติโดยขาดการศึกษาวิจัยผลกระทบที่ตามมาแล้ว แทนที่จะทำให้เกิดผลดีอาจเกิดผลเสียได้ครับ

ผมยอมรับว่าการมอบหมายการบ้านหรืองานให้เหมาะสมกับระดับและพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยเป็นสิ่งจำเป็น เด็กควรเรียนรู้ทักษะทางกายและความจำก่อน (รู้ เข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์) ตามแต่ละระดับ ยกตัวอย่างลูกผมที่เรียนโรงเรียนอินเตอร์
เค้าจะมอบหมายการบ้านแค่วันจันทร์เท่านั้น และเป้าหมายชัดเจนว่า งานชิ้นนี้จะสร้างทักษะ หรือพัฒนาการด้านใดให้กับลูกเรา เช่น วัยเด็กอนุบาล ก็วาดเขียน ฝึกการจับดินสอ และทักษะการมอง การใช้สี ผนวกกับจินตนาการ

ก็คงต้องกลับมาที่โจทย์ว่า ก่อนยกเลิกนโยบายนี้ ได้มีการศึกษาอย่างจริงจังแล้วหรือไม่ครับ ว่า การบ้านยุคนี้มันมากเกินไปหรือไม่? (เอาผลการวิจัยเชิงวิชาการจริง ๆ ที่ไม่ใช่ความรู้สึกนะครับ) อย่างน้อยในวงการศึกษา การจะทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษาควรมีเหตุผล และระบบการศึกษาก่อนเสนอทางแก้ปัญหาจริงมั้ยครับ
"To every man upon this earth, Death cometh soon or lateAnd how can man die better Than facing fearful odds."มนุษย์ทุกคนบนโลก ล้วนต้องพบกับความตายไม่ว่าช้าหรือเร็วจะมีอะไรดีไปกว่าการตายที่ห้าวหาญ

#84 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:46

:lol: ไม่แปลกใจ ที่ว่าเสื้อแดง แม้วป้อนไรมาก็เชื่อหมด
 

ควายเอ๊ยยยย

การพัฒนาสมองก้าวแรกของเด็กเล็ก คือการฝึกประสาทสัมผัส ให้เด็กระบายสี ก็คือการฝึกสมองอย่างหนึ่ง หลานเรา ชอบสีเขียวเป็นพิเศษ จะเลือกหยิบสีเขียวก่อน ไม่ว่าจะอยู่ห่างจากมือตัวเองแค่ไหน คือคิดแล้วไง จะใช้สีอะไร และระบายส่วนไหนของรูปภาพด้วยสีอะไร ( สมองเป็นตัวสั่งการนะ ไม่ใช่กะเพาะอาหาร) ฝึกจินตนาการของเด็กนี่ก็พัฒนาสมอง
 

การคิดเลข บวกเลข ก็พัฒนาสมอง
ท่องสูตรคูณหลังเลิกเรียน ก็นี่พัฒนาความจำ (จากสมองอีก)
ขนาดใช้มือหยิบอาหารเข้ามา ยังต้องมีคำสั่งจากสมองเลยไม่งั้นทำไม่ได้
 

การบ้านที่ครูให้เด็ก คือการพัฒนาสมอง รวมถึงการทบทวนสิ่งที่เรียนมา
แล้วการบ้านที่ครูให้มาอะไร คือการบ้านไม่ใช้สมองบ้าง
 

ปลูกถั่วเขียว ก็ยังใช้สมองเลย ว่าต้องเอาวางให้แดดส่องนะ ต้องรดน้ำแต่ไม่ให้เยอะ เดี๊ยวตาย (มันมาจากสมองทั้งนั้น) เคยคิดว่าจะเอาถั่วงอกไปหลอกครูด้วยซ้ำ :lol:  ขี้เกียจปลูกไง แต่ไม่กล้า


Edited by koong, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:04.


#85 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:51

การบ้านไม่ใช้สมอง  :lol:  :lol:  :lol:



#86 Lucy Van Pelt

Lucy Van Pelt

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 525 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:54

หลานผมปีนี้อยู่ม.4 จะขึ้นม.5 แล้ว คงคุยได้นะครับ 

 

ช่วงประถม การบ้านไม่เยอะมาก เพราะเห็นกลับบ้านมา นั่งทำไปเรื่อยๆถึงประมาณหกโมงก็เสร็จ 

 

ช่วงม.ต้น ได้เรียนโรงเรียนรัฐบาล ผมสังเกตดู การบ้านบางทีก็เยอะ บางทีก็ไม่เยอะครับ สลับกันไป แต่ที่ผมคิดว่าไม่ไหวจริงๆคือสัดส่วนครูต่อนักเรียนมัน 50 ต่อ 1 ห้องหลานผมนี่ 52 คน ตอนประชุมผู้ปกครองแค่จะให้เด็กเลิกคุยกันในห้องนี่ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะสอนให้ทุกคนเข้าใจหรอก เอาแค่สอนให้ทันหลักสูตรก็แทบแย่แล้ว อันนี้ผมถามตรงๆจากครูที่โรงเรียนเลย เพราะฉนั้นเวลาไปประชุมผู้ปกครองทีไร ครูจะย้ำเสมอว่าให้ช่วยกันดูแลลูกหลานตัวเองให้ดีๆ

 

ส่วนช่วงม.ปลายนี่ผมว่าได้ความเคยชินจากม.ต้นมา คือไม่พอกการบ้าน มาถึงก็ทำให้เสร็จไป มีมากน้อยสลับกันไป ไม่เห็นว่ามากจนกระทั่งทำถึงสองทุ่มสามทุ่ม ส่วนมากไม่เกินทุ่มนึงก็เสร็จ

 

แต่ที่ผมไม่เข้าใจ ตั้งแต่ม.ต้นแล้ว คือเรียนเสร็จแล้วเก็บสมุด บางทีเสาร์อาทิตย์ผมอยากจะดูว่าเรียนไปถึงไหนแล้ว ปรากฏหลานบอกว่าสมุดครูเก็บไปแล้ว เลยงงๆว่าทำไม

 

โดยสรุปแล้วผมว่าหลักสูตรและการเรียนการสอนปัจจุบันนี่ใช้ได้นะครับ การบ้านก็มีมากน้อยสลับกันไป ช่วงมากๆก็ถือว่าเป็นการฝึกความอดทน แต่วิธีการสอนยังไม่ตรงกับจุดประสงค์เท่าไหร่ คือหนังสือเรียนสมัยใหม่นี่ผมยอมรับเลยว่าเขียนใช้ได้ แต่การสอนเองที่ไม่รู้ว่าครูไม่เข้าใจจุดประสงค์ในหัวข้อการเรียน หรือเด็กมันเยอะไปจนกระทั่งสอนไม่ไหวกันแน่ เลยทำให้ได้จากหนังสือไม่ครบ

 

ถ้าคิดจะบูรณาการนี่ผมว่าทำโรงเรียนเพิ่ม ให้เงินเดือนครูเพิ่ม เอาสองอย่างนี่ก่อน หลักสูตรปัจจุบันยังไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ เนื้อหาอาจจะปรับปรุงให้ทันสมัยบ้าง แต่วิธีการปัจจุบันก็ยังใช้ได้

 

ดูการบ้านหลานมาสิบกว่าปีตั้งแต่อยู่ประถม 99% ของการบ้านที่เอากลับมาทำนี่มีประโยชน์นะครับ สมัยเด็กๆมีระบายสี อาจจะดูว่าไม่มีประโยชน์ จริงๆมีเรื่องการฝึกกล้ามเนื้อของเด็ก โตขึ้นมาหน่อยมีเรื่องการฝึกความจำ บางคนบอกว่าบ้านเราใช้จำๆๆๆๆ ไม่ใช้ความเข้าใจ จริงๆความจำก็สำคัญนะครับ เหมือนกับกีฬาที่ต้องมีทั้งกำลังและทักษะ บางอย่างต้องจำไปก่อน แล้วมันจะเข้าใจไปเองก็มี 

 

เอาแค่ของไทยก่อน ของอเมริกันว่างๆค่อยคุยอีกที ผมก็ถามเอาจากเพื่อนๆที่ลูกๆเค้ากำลังเรียนนี่แหละ มีหลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน



#87 kuuga

kuuga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,008 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:55

แจกแท๊ปเล็ต  >>> เด็กๆ จะได้เอาเวลาไปเล่นมากกว่าเรียน

เลิกไว้เกรียน >>>> เปิดโอกาศ โดดเรียนสบายๆ 

ลดการบ้าน >>> ลดการฝึกหัดให้เกิดความรับผิดชอบ

 

สุดท้ายเด็กไทยที่จะต้องโตเป็นผู้ใหญ่จะโง่ลง และควบคุม ชักจูงง่ายขึ้น  


กระบือ=ควาย มีค่า มนุษย์มีค่า = ควาย ไร้ค่า

#88 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:56

ขั้นแรก ก็ทำลายระบบเศรษฐกิจ กู้ให้ชาติล่มจม ขั้นต่อมา ทำลาย ระบบ การศึกษา ให้ไร้ระเบียบ ไร้สมอง แล้วขั้นต่อไปล่ะ?
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#89 หนูอ้อย

หนูอ้อย

    นักเขียนหน่อมแน้ม

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,215 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:09

หลานผมปีนี้อยู่ม.4 จะขึ้นม.5 แล้ว คงคุยได้นะครับ 

 

 

ดูการบ้านหลานมาสิบกว่าปีตั้งแต่อยู่ประถม 99% ของการบ้านที่เอากลับมาทำนี่มีประโยชน์นะครับ สมัยเด็กๆมีระบายสี อาจจะดูว่าไม่มีประโยชน์ จริงๆมีเรื่องการฝึกกล้ามเนื้อของเด็ก โตขึ้นมาหน่อยมีเรื่องการฝึกความจำ บางคนบอกว่าบ้านเราใช้จำๆๆๆๆ ไม่ใช้ความเข้าใจ จริงๆความจำก็สำคัญนะครับ เหมือนกับกีฬาที่ต้องมีทั้งกำลังและทักษะ บางอย่างต้องจำไปก่อน แล้วมันจะเข้าใจไปเองก็มี 

 

ข้อสอบมีทั้งแบบ seen และ unseen

สำหรับเด็กที่ไบร้ท์ระดับโอลิมปิกเจอโจทย์ใหม่ๆแค่ใช้หางตามองขีดๆเขี่ยๆสักพักก็แก้โจทย์ออกแล้ว

แต่เด็กที่ปานกลาง รักดี มีความขยัน การทำซ้ำอาศัยความจำบ้างก็สามารถพัฒนาขีดความสามารถจากโจทย์ seen

ความเข้าใจจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางการปฏิบัติ(นั่นคือการทำการบ้าน ทำโจทย์) และทำให้หวังผลถึงคะแนนได้

คือไม่ต้องเทพมากก็ไปไกลได้  ซึ่งมันก็เป็นรางวัลตอบแทนสำหรับผู้มีความพยายาม

 

ที่สพฐ.จะมาออกภาคบังคับให้ลดสิ่งที่มีประโยชน์โดยไม่มีการจำแนกระดับชั้นถือว่าไม่พิจารณาให้รอบด้านมากกว่าค่ะ


 AMAZING  coup d'etat  , THAILAND ONLY ..  :ph34r:  


#90 แอบดูที่รูเดิม

แอบดูที่รูเดิม

    ขาประจำอำเช็ด!!!

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,025 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:58

ไม่หัดทำเอง ไม่รู้จักฝึกฝน ไม่มีวันเข้าใจครับ -_-


ทำอาชีพยาม เงินเดือนน้อย ไม่ค่อยมีปัญหากะใคร

#91 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:05

เท่าไหร่ถึงเยอะ  เท่าไหร่ถึงน้อยครับ

ถ้าแบบง่ายๆแต่มี ร้อยข้อ

กับแบบ ยากโคตรๆ แต่มีข้อเดียว   อันไหนดีกว่า

 

ผมตอบไม่ได้หรอกครับ  เพราะ  มันไม่ได้ใช้เพียงจำนวนหรือ ปริมาณในการตัดสิน 

คิดแบบง่ายๆนะ  ครู 1 คน ให้การบ้านนักเรียน 1 ชิ้น (ความยาก ความง่าย ก็เป็นอีกเรื่องนะครับ)

วันๆนึงเด็กเรียน 8 คาบ หรือ 5-6 วิชา ก็จะได้การบ้าน มาอย่างน้อย 5-6 ชิ้น 

ผมว่าต่อวัน มันก็เยอะนะ  เพราะครูต่างคนก็ต่างให้  ครูเขาไม่ได้ถามกันหรอก

คือผมว่าลดจำนวนวิชา ที่เรียนแต่ละวันลง   การบ้านมันก็ลดลงเองแหละ  

ไม่ต้องมาสั่งครูแบบนี้หรอก



#92 charlie24

charlie24

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,017 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:35

ถ้านางยกทำการบ้านมากๆ คงไม่พูดผิดบ่อยๆ



#93 redfrog53

redfrog53

    เกิดที่รัสเซีย มาโตที่ สรท.

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 25,221 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:57

คงเอา OAI เป็นเกณฑ์์ ต่อไปลูกหลานจะได้ถือว่าฉลาดมั่ง


Posted Image

#94 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:02

กลัวเด็กคนอื่น ถ้าได้ทำการบ้านเยอะ ๆ เดี๋ยวจะฉลาดเกิด ลูกนางยก มั้ง


"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#95 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:38

การบ้านทุกวิชาต้องใช้สมองคิดทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ไปลอกใครมา แล้วส่งครู


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#96 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:42

ทั้งหมดนี้เกิดจากลูกชายของแม่นางหนึ่งกลับบ้านไปบอกแม่ว่า

 

"แม่ฮะ ครูให้การบ้านเยอะจัง ทำไมต้องมีการบ้านเยอะอย่างนี้ด้วย"

 

"แม่จะปล่อยให้ลูกของแม่ทุกข์ทรมานกับการบ้านอย่างนี้หรือครับ?"

 

"ทำไมครูถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองอย่างนี้ครับแม่?"

 

"แม่ครับ ลูกไม่ยอมนะ แม่ต้องจัดการให้ลูกด้วย"

 

"แม่ทำได้ครับ แม่ทำได้ ลูกเชื่ออย่างนั้น"

 

 

 

 

 

 

รุ่งขึ้นก็เกิดเรื่อง...


Edited by ม่านน้ำ, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:42.

Posted Image


#97 ParaDon

ParaDon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,946 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:50

ต่อไปคงวัดคะแนนด้วย LEVEL ใคร winner  เอาไป 4 ที่เหลือเฉลี่ยไปตามด่าน ชักจะไปกันใหญ่ อยากสบายให้เรียนที่บ้านแล้วไปสอบเทียบเอา


" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "


#98 tifosi

tifosi

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 280 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:04

ตอนแรก เลิกไว้ผมเกรียน

ตอนนี้ ลดการบ้าน ครูคนไหนให้การบ้านหนักมากก็มาร้องเรียนได้

 

ต่อไป คงไม่ต้องให้นักเรียนเข้าเรียน  เรียนผ่านสไกป์ได้

ต่อไป คงเอาใจนร.ด้วยการเลือกครูสอนได้  ไม่พอใจครูคนไหน-เด็กสั่งได้

ต่อไป คงลดการตัดเคิร์ฟของเกรด  เด็กจะได้เอกันเยอะขึ้น จะได้มีกำลังใจ

ต่อไป กระตุ้นเด็กให้มาเรียนด้วยการให้ extra credit กับเด็กที่ลงทะเบียนเรียน (คือไม่ต้องมาเรียนก็ได้ แค่ลงทะเบียน เราก็จะกราบแทบเท้า)

 

ผู้ใหญ่รัฐบาลนี้ ขยันทำแต่เรื่องอุบาทว์ ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ

 

อีกหน่อย ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนก็ได้มั้ง

อยากได้เกรดอะไรก็ใส่เอาเองเลย

 

ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ ตามหลักประชาธิปไตยและศาสนาจานบิน เกรดมันต้องซื้อเอาครับถึงจะถูกต้อง ใครจ่ายเยอะได้เกรดเยอะมันถึงจะยุติธรรม



#99 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:43

ผมเชื่อครับว่า คนไม่ทำการบ้าน เอาแต่ลอกเค้า จะโง่กว่าเด็กที่ทำการบ้านเอง สรุปแล้ว ถ้าการบ้านน้อย เรียนก็น้อย จะฉลาดได้ยังไง 



#100 ดอกปีบ

ดอกปีบ

    ^-^นางสิงห์สีฟ้า^-^

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,681 posts

ตอบ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 18:48

221841_491289717583908_798417261_n2.jpg

ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน