“ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้...เราจะยึดกรุงเทพให้ได้..พี่น้องชาวอุบลต้องเป็นกำลังใจและช่วยกันทุกทาง...” ทักษิณ ชินวัตร...อุบลราชธานี...
ขณะที่ผมกำลังรถติดดักดานอยู่ที่เพชรเกษม บางแค แล้วแหงนดูโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง ใจก็ครุ่นคิดว่าจะมีรถเมล์ใหม่มาวิ่งรอกรับส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม กับตลาดบ้านผมได้หรือไม่ สายตาก็เล็งแลเหม่อลอยไปตามป้ายหาเสียงผู้ว่า กทม.ของผู้สมัครทั้งหลายว่า มีใครที่จะคิดพัฒนามหานครที่ผมอยู่ได้จริงๆบ้าง ก็ไม่เห็นที่ซึ่งจะพึ่งพาได้สักเท่าใด มีพูดกันแต่ของถูกคือรถเมล์ฟรีกับรถไฟฟ้าราคากันเองเท่านั้น ส่วนการปฏิรูประบบการเดินทางใหม่ทั้งระบบ กลับไม่คิดไม่เห็นกันเลย
ระหว่างที่ขบคิดอยู่ หูก็ได้ยินข่าววิทยุข้างต้นว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่อยู่ถึงดูไบ กำลังสไกป์ข้ามโลกมาหาเสียงให้คนอุบลราชธานีมาช่วยกันเลือกผู้ว่าฯให้คนกรุงเทพด้วย สมองผมก็แทบจะหยุดคิดไปเลย ทำไมพรรคการเมืองไทยถึงมีหัวหน้าตัวจริงที่อยู่เมืองไทยไม่ได้ แล้วทำไมมีอะไรถึงไม่หาเสียงกับคน กทม.ตรงๆ โผล่ไปขอเสียงจากคนเมืองอุบลได้อย่างไร อีกหน่อยเลือก นายก อบจ.อุบล ก็จะขอให้คนกรุงเทพฯช่วยสนับสนุนด้วยอย่างนั้นหรือ? คำตอบต่อคำถามนี้ ดูให้ดีก็มีอยู่ในคำประกาศของคุณทักษิณแล้วที่ว่า “ เราจะยึดกรุงเทพให้ได้”
การเลือกตั้งท้องถิ่นกลายเป็นศึกยึดเมืองเพื่อชนะสงครามระดับชาติได้อย่างไร ก็เป็นข้อที่ผมจะขอวิเคราะห์มาเสนอ ในทำนองปุจฉา – วิสัชนา ไปโดยลำดับดังนี้
“การเมือง” สองสายพันธุ์ ?
ถาม “ระบบ” ผู้แทน เมื่อเอามาใช้ในสังคมไทย กับสังคมตะวันตกแล้ว ทำงานต่างกันอย่างไร
ตอบ สังคมเราเป็นสังคมอุปถัมภ์ มีแต่การพึ่งพา พรรคพวก และบุญคุณ การเมืองไทยจึงเป็นการแย่งอำนาจเพื่ออำนาจ ไม่ใช่เพื่อทำภารกิจส่วนรวมใด ใครแจกอะไรได้มากที่สุด มีพวกมากที่สุดก็เอาอำนาจไปส้องเสพได้
ถาม แล้วการเมืองในสังคมตะวันตกเป็นอย่างไร
ตอบ แดนค้าขายในสังคมของเขามีผู้ประกอบการจริงๆเต็มไปหมด รัฐบาลโผล่มาค้าข้าว สั่งขึ้นค่าแรงเอาง่ายๆไม่ได้ สำหรับแดนส่วนตัวของผู้คนเขานั้น ก็มีความเป็นปัจเจกสูง สองแดนนี้จึงเข้มแข็งยังผลจำกัดให้การเมืองในสังคมแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องของ “เมือง”คือใช้อำนาจไปทำงานเพื่อส่วนรวมจริงๆ จะมา สร้างพวก ซื้อคะแนน แจกของขวัญประชานิยม จนชนะเลือกตั้งได้อำนาจไปลอยๆ อย่างบ้านเราไม่ได้ การเมืองบ้านเราแท้จริงแล้ว จึงเป็น “การอำนาจ” มากกว่า หาใช่ “การดูแลบ้านเมือง” แบบตะวันตกไม่
ถาม “ระบอบทักษิณ” เป็นการเมืองแบบดูแลบ้านเมือง หรือไม่
ตอบ เป็น “การอำนาจ”เหมือนเดิม ต่างกว่าเดิมตรงที่มีศักยภาพในการแจกและสร้างพวกได้สูงกว่าพรรคการเมืองเก่าๆมาก ใช้ทั้งประชานิยม ใช้ทั้งเงิน ใช้ทั้งสื่อ ได้ครบเครื่องพอยึดข้าราชการะดับสูงได้หมด ก็ติดปีกเลย ส่วนเนื้องานที่ทุ่มเทพัฒนาบ้านเมืองอย่างจริงจังนั้น ผมไม่เห็น เห็นแต่แจกแท๊ปเล็ต แต่ไม่คิดเรื่องปฏิรูปการศึกษา เห็นขึ้นค่าแรง 300 บาทข้าว 15,000 แต่ไม่คิดเรื่องปฏิรูปการผลิต เห็นจะสร้างระบบขนส่งใหม่แต่ไม่คิดเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค แดนคิดที่จำกัดอย่างนี้ จึงสร้างการเมืองใหม่ที่แท้จริงไม่ได้จากผู้ว่า กทม.ไปสู่ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ ?
ถาม “การอำนาจ” ที่มีศักยภาพสูงเช่นระบอบทักษิณนี้ ทำให้เกิดแรงปฏิกิริยาในสังคมได้อย่างไร
ตอบ มันมีลักษณะ “ยึดครอง”สูง ซื้อผู้นำจากทุกถิ่นฐานมาขังไว้ในพรรค ส่งเป็น สส.แล้ว คอยยกมือตามสั่ง จำนวน สส.น้อยไปหน่อยก็ซื้อพรรคเล็กมาควบเข้าด้วยกันเสียเลย ได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องยึดกระทรวง ยึดกรม ยึดรัฐวิสาหกิจ เขตเลือกตั้งไหนที่ชนะ ก็เฝ้าทำนุบำรุงสร้างหมู่บ้านหรือสาขาพร้อมเงินเดือนให้แกนนำจนมีฐานแน่นหนา เขตไหนไม่ชนะก็ต้องเจาะให้ได้ ทุกอย่างมันต้องยึดให้ได้ให้หมด ไม่เว้นแม้แต่การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
ถาม เห็นเขาโยนเรื่องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้สถาบันการศึกษา ไปศึกษาให้ความเห็นก่อนมิใช่หรือ ต้องรอความเห็นอีก 3 เดือนเห็นจะได้นะครับ
ตอบ นั่นเป็นแค่การพักเรื่องไว้ระยะหนึ่งเท่านั้น คุณทักษิณเขาต้องการชนะประชามติ เพื่อเป็นชัยชนะทางการเมืองปูทางสู่การกลับบ้านด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ให้จงได้ ซึ่งตรงนี้มันทำให้เขาต้อง “ยึดกรุงเทพฯ”ให้จงได้
ถาม ใครมันจะยึดกรุงเทพฯได้ ยึดอย่างไร ยึดไปทำไม ผมไม่เข้าใจ
ตอบ คุณต้องคิดแบบทักษิณให้ได้ เขาถือเอาหีบเลือกตั้งเป็นหีบศักดิ์สิทธิ์ พันธมิตรชุมนุมขับไล่เพราะขายชินคอร์ปให้ต่างชาติไม่เสียภาษี แทนที่จะลาออกให้เบอร์ 2 ขึ้นมาเป็นแทน เขาก็กลับยุบสภาเพื่อให้หีบเลือกตั้งฟอกผิดให้
คุณเข้าใจไหม..ในความคิดของคุณทักษิณนั้น เขายึดมั่นว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อชนะเลือกตั้ง และถ้าชนะเลือกตั้งแล้วก็ทำได้ทุกอย่าง นี่คือการเมืองแบบ”การอำนาจ”ที่ชัดเจนที่สุด...
ถาม เพระฉะนั้นถ้าชนะเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ คุณทักษิณต้องลุยประชามติต่อไปอย่างแน่นอน เช่นนั้นหรือ
ตอบ เป็นเช่นนั้น...เขาดึงสนามเลือกตั้ง กทม.มาเป็นของพรรคแล้วไม่เห็นหรือ จนกลุ่มการเมืองท้องถิ่นจริงๆอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ ต้องถอยออกไป ให้มืออาชีพและสรรพกำลังของพรรคพร้อมฐานมวลชนมาบี้ประชาธิปัตย์ให้ตายคาหีบเลือกตั้งให้ได้
ถาม ดูๆแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็มิได้สำเหนียกรู้หรือปรับตัว รับการรุกเข้ามาทั้งพรรคทั้งมวลชนของเพื่อไทยเลย
ตอบ เห็นด้วยครับ...ประชาธิปัตย์ยังคงมอบให้ สก.,สข.,และ สส.ท้องถิ่น เป็นตัวหนุนเช่นการเลือกตั้งผู้ว่าตามปกติ ทั้งๆที่ควรจะหาผู้สมัครใหม่พร้อมทีมงานที่มีแรงดึงดูด มีภาพพจน์แรงกว่าคุณชายสุขุมพันธุ์ ก็ไม่ทำ ไม่เหมือนเพื่อไทยที่คิดเป็นพรรค วางแผนและระดมพลได้อย่างเป็นขั้นตอน จนเริ่มยึดกุมเกมส์ได้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เลือกตั้งผู้ว่า กทม.’56 : ศึกเสาไฟฟ้า?
ถาม ไปๆ มาๆ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ ก็หนีไม่พ้นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งว่า ใครจะเอาหรือไม่เอาทักษิณ
ตอบ ส่วนหนึ่งของเกมส์มันเป็นอย่างนั้น แต่ฝ่ายเพื่อไทยเขาก็พยายามซ่อนสีแดงไว้มิดชิดเลยเพราะรู้ว่าคนกรุงยังโกรธเรื่องเผาเมืองอยู่ เขาหันไปชูผู้สมัครทีหน้าตาดี ร่างกายแข็งแรงประเปรียวกระโดดเกาะรถขยะได้ โดดลงเวทีสูง 1.30 เมตรก็ได้ พร้อมรัฐบาลที่ไร้รอยตะเข็บเป็นสำคัญ
ถาม เสียงตัดสินอยู่ที่ตรงไหนบ้าง
ตอบ เสียงเพื่อไทยนั้นมีจัดตั้งเป็นของตนอยู่แล้ว เสียงประชาธิปัตย์เองก็มีเสียงจัดตั้งของตนเช่นกัน แล้วสมทบด้วยเสียงไม่เอาทักษิณอีกก้อนหนึ่ง ตัวตัดสินจะอยู่ที่เสียงไม่เอาทักษิณว่า จะนอนอยู่กับบ้านหรือออกมาเลือกประชาธิปัตย์
ถาม ผู้ชนะจะได้คะแนนเกินกึ่งหรือไม่
ตอบ ไม่มีทาง...คะแนนรวมผู้สมัครอิสระ คะแนนเพื่อไทย คะแนน ปชป. น่าจะใกล้กัน คะแนนแรกจะต่ำสุด สองคะแนนหลังน่าจะห่างกันไม่มาก
ถาม คงได้ลุ้นกันทั้งประเทศเลยเป็นแน่
ตอบ การเลือกตั้งครั้งนี้... มันถูกทำให้กลายเป็นการเมืองระดับชาติไปแล้วครับ คุณทักษิณถึงได้ไปขอให้แฟนๆที่อุบลช่วยกันลุ้นด้วย เข้าทำนองคิดเป็นชาติแต่ลุยเอาชนะเป็นท้องถิ่นไปนั่นเอง...
http://www.siamrath....ึดกรุงเทพให้ได้
วิเคราะห์ได้ดีนะขอรับ กระพ๊มว่า... ในฐานะที่ไม่มีสิทธิเลือกก็ขอให้ กทม. โชคดีขอรับ... กระพ๊มไม่ได้เป็นฝ่าย ปชป. แต่กระพ๊ม... ไม่อยากให้ไอ้เดรัจฉานหน้าเหลี่ยมมันสมหวังขอรับ...
Edited by wat, 31 January 2013 - 17:16.