ตำหนวดด้วยหละกล้าไหม เหอๆ
ปฏิบัติการ120วัน ปิดตำนาน'กำนันเป๊าะ'
ปฏิบัติการ 120 วัน ในการสะกดรอยติดตามจับกุมกำนันเป๊าะ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ กำนันตำบลเสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี และคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว ซึ่งศาลตัดสินจำคุกทั้ง 2 คดีรวมกว่า 30 ปี โดยชุดปฏิบัติการพิเศษของกองปราบปราม ถือว่าเป็นผลงานลือลั่นแห่งปี
รู้กันอยู่ว่า "กำนันเป๊าะ" นั้นเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในแวดวงการเมืองไทยเพราะมีบุตรชายเป็นทั้งรัฐมนตรีและนักการเมืองท้องถิ่น
หลังจากต้องคำพิพากษาจำคุก มีข่าวว่ากำนันผู้ทรงอิทธิพลรายนี้หลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชาและเดินทางไปไกลถึงออสเตรเลีย จนเรื่องราวของเขาเงียบหายไปหลายปี
กระทั่งกลับมามีกระแสเล่าลือต่างๆ อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา มีข่าวแจ้งจากสายเข้ามาถึงหู พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่า มีผู้พบเห็นกำนันเป๊าะกลับเข้ามาในพื้นที่ จ.ชลบุรี โดยพักอาศัยที่บ้านย่านบางแสน
"คุณตามาอยู่ที่บ้าน" เสียงที่ทำให้คนในวงแคบๆ ของ จ.ชลบุรี รับรู้ด้วย
คำสั่งสนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษเพื่อตามแกะรอยจึงเริ่มขึ้นทันที
เดือนตุลาคม 2555 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรอำพราง (Undercover) และการสะกดรอยจากประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ถูกเรียกตัวมาใช้งานทันที โดยลงหาข่าวและฝังตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรีโดยเน้นพื้นที่และเครือข่ายทางธุรกิจ โรงแรม ซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ชายหาดบางแสน ซึ่งเป็นอาณาจักรสำคัญของกำนันผู้นี้ เบาะแสข้อมูลข่าวต่างๆ เริ่มเข้ามาสู่ชุดปฏิบัติการพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บข้อมูลรถต้องสงสัยกว่า 60 คัน ที่วนเวียนเข้าออกในบ้านต้องสงสัย บางส่วนเป็นรถที่ใช้อยู่ในพรรคการเมือง หลายคันเป็นรถของบรรดาเครือญาติและคนใกล้ชิด
เมื่อตรวจสอบลงลึกพบว่า มีรถที่น่าจะเกี่ยวข้องกับกำนันเป๊าะทั้งสิ้น 6 คัน
แผนจู่โจมจับกุมจึงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทันที
รถยนต์ทั้ง 6 คัน ถูกชุดสืบสวนติดตามสะกดรอย โดยมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งฝังตัวกลมกลืนอยู่ใกล้กับบ้านเป้าหมาย มีการวางแผนอำพรางอย่างแนบเนียน กระทั่งทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายถึงขนาดใครคือ คนส่งข้าวส่งน้ำ
ขณะเดียวกัน ชุดสะกดรอยยังติดตามและจดบันทึกการเข้าออกว่ารถแต่ละคันเดินทางไปไหนเวลาเท่าไร ใครเป็นผู้ใช้รถ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรวบรวมข้อมูลเก็บเข้าแฟ้มลับ
มีข้อมูลสำคัญยืนยันว่า ผู้ต้องคำพิพากษารายนี้มีโรคประจำตัวและกำลังป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ทางด้านหนึ่งตำรวจชุดสืบสวนกองปราบฯ ยังพบว่า ที่ผ่านมาเป้าหมายได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยใช้ชื่อปลอมคือ นายกิม แซ่ตั้ง
หน่วยปฏิบัติการพิเศษจึงประชุมลับเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาติดตามแกะรอยมานานเกือบ 120 วัน มีการประเมินความเสี่ยงถึงจุดอ่อนจุดแข็งเป้าหมายและพื้นที่ได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ และแผนงานครั้งนี้ถูกแบ่งเป็นชั้นความลับอย่างดี โดยชุดติดตามจะทราบข้อมูลไม่เท่ากันเพื่อกันแผนปฏิบัติการลับรั่วไหลและความปลอดภัย
กระทั่งก่อนถึงวันที่ 30 มกราคม 2556 เพียง 1 วัน มีข้อมูลเชื่อได้ว่า กำนันเป๊าะ จะเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าว แผนการจับกุมผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออกจึงเริ่มขึ้น มีการวางกำลังปิดล้อมเส้นทางที่เชื่อว่ารถของกำนันเป๊าะผ่านหรือหลบหนี ไล่เรียงตั้งแต่เขตเมืองชลบุรี พัทยา อ.แถลง จ.ระยอง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และเส้นทางที่หลบหนีเข้าประเทศเพื่อนบ้านได้ในพื้นที่ จ.ตราด และจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือ เส้นทางมอเตอร์เวย์ขาเข้า-ออก ตั้งแต่ด่านพานทอง ลาดกระบัง บูรพาวิถี ถ.สุขุมวิท จนถึงโรงพยาบาลที่กำนันเป๊าะเข้ารักษาตัว
เช้ามืดวันนั้นหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้รับการยืนยันจากชุดติดตามว่า กำนันเป๊าะ ใช้รถเล็กซัส ทะเบียน ฎฎ 9579 เป็นพาหนะผ่านเข้าด่านมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าโรงพยาบาลเป้าหมาย
คำสั่งให้รอถูกกระจายออกไป เนื่องจากการจู่โจมจับกุมในโรงพยาบาลอาจมีเหตุร้ายและชาวบ้านจะได้รับอันตรายจนถึงช่วงสายวันที่ 30 มกราคม เมื่อรถเป้าหมายเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้ากลับ จ.ชลบุรี ระหว่างที่รถชะลอช่วงด่านลาดกระบัง ชุดจู่โจมพร้อมอาวุธครบมือจึงเข้าปิดล้อมแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งนายสมชาย ยินยอมให้จับแต่โดยดี
หลังจากสิ้นอิสรภาพก็ถูกนำตัวเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น แต่เจ้าตัวก็ปิดปากเงียบไม่ได้พูดหรือขออะไรจากชุดจับกุมเป็นพิเศษ
บ่ายวันเดียวกัน กำนันผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออกก็ถูกนำตัวส่งเข้าเรือนจำปิดตำนานคดีที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งในแวดวงยุทธจักรของเมืองไทย
http://www.komchadlu...กำนันเป๊าะ.html