สื่อมวลชนอาวุโส “มานิจ สุขสมจิตร” ชี้ 2 สาเหตุประกาศลาออกจากนายกสภา มรภ.สวนดุสิต บอกรับไม่ได้กับผลโพลเอาใจนักการเมือง และการรับจ้างจัด 108 เวที แก้รัฐธรรมนูญ 2550
นายมานิจ สุขสมจิตร สื่อมวลชนอาวุโส อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กล่าวกับสำนักข่าวอิศราถึงกรณีได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2530 ว่า เพราะจุดยืนการทำงานต่างกัน หลังจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ไปรับจัดเวทีสานเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 108 เวที ของรัฐบาล ซึ่งตนคงเห็นด้วยไม่ได้
“รัฐธรรมนูญปี 2550 ผมมีส่วนร่างมากับมือ และผมคิดว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีฉบับหนึ่ง เพราะไปอุดช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ให้นายทุนเข้ามากอบโกย หรือเข้ามาโกงประเทศ หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่นักการเมืองจะเข้ามาล้วงลูก มีการห้ามเอาไว้หมด ฉะนั้น การล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมคงเห็นด้วยไม่ได้”
เมื่อถามถึงอะไร คือ ฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ต้องตัดสินใจประกาศลาออกนั้น นายมานิจ กล่าวว่า คือ การทำผลโพล มีการตั้งคำถาม ซึ่งก็อ่านออกว่า ทำโพลขึ้นมาเพื่ออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 มีการไปสำรวจว่า โลกแตกแล้วอยากให้ใครมีชีวิตอยู่ จนสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ทำโพลเพื่อเอาใจ เรื่องนี้เป็นที่มาที่รับไม่ได้ จึงพิจารณาตัวเอง จากกันด้วยดี
นายมานิจ กล่าวว่า อธิการบดีได้ยับยั้งการลาออก แต่ตนก็ตอบไปว่า “หากผมอยากอยู่ต่อ คงไม่ลาออก ผมแถลงลาออกในที่ประชุม ทุกคนก็ปรบมือให้ ซึ่งที่ปรบมือให้ผมก็ไม่รู้เขาชอบหรือเปล่า ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีแนวร่วม หรือใครที่ลาออกตามผม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากลาออกแล้ว มีผลโพลอะไรที่เห็นว่า แปลกๆ ออกมาบ้างหรือไม่ นายมานิจ กล่าวว่า ก็มีคำถามอะไรแปลกออกมาอยู่ในโพลเรื่อยๆ เช่น การพิจารณาเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูจากอะไร เป็นต้น ตนไม่ได้ดูในรายละเอียด
ทั้งนี้ ผลโพลที่ถูกสังคมวิพาษ์วิจารณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่มาของเหตุผลการลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ของนายมานิจนั้น "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามข่าวกระแสข่าววันสิ้นโลก หรือ วันโลกแตก ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 จำนวน 1,461 คน ระหว่างวันที่ 12-18 ธันวาคม 2555
หนึ่งในคำถาม ดังกล่าว ถามว่า “7 นักการเมืองไทย” ที่ประชาชนอยากให้รอด ถ้าหาก “วันสิ้นโลก” เป็นจริง
อันดับ 1 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 32.35%
อันดับ 2 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 19.48%
อันดับ 3 ทักษิณ ชินวัตร 12.86%
อันดับ 4 ชวน หลีกภัย 10.66%
อันดับ 5 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 9.92%
อันดับ 6 เฉลิม อยู่บำรุง 9.19%
อันดับ 7 บรรหาร ศิลปอาชา 5.54%
http://www.isranews....ข่าว/item/19204