ความประทับใจที่มีต่อในหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
หรือ ในหลวงที่ชนชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้ทรงเป็นเสมือนพ่อของแผ่นดิน
เป็นคุณพ่อที่คอยห่วงใยดูแลทุกข์สุขลูกๆ ทุกคน
ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งนี้จะร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วหล้า
ตลอดระยะเวลา 60 ปี
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์นั้นพระองค์ได้ประกอบพระราชกรณียกิจในทุกด้าน
ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สุขและความเจริญรุ่งเรืองแก่ราษฎรของพระองค์
ครอบคลุมในทุกภูมิภาค ซึ่งทำให้เกิดโครงการต่างๆ นับพันโครงการ นอกจากนี้
ยังได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อตั้งเป็นกองทุน
เพื่อสนับสนุนกิจการต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
จากการที่พระองค์ได้ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร
ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นจริงและทรงตระหนักถึงปัญหาอันแท้จริงของราษฎร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของเกษตรกร อาทิ การขาดแคลนแหล่งน้ำ การเพาะปลูกไม่ได้ผล
หรือการขาดแคลนที่ดินทำกิน
ก็ทรงได้สร้างแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆให้แก่ชาวเกษตรกรและด้วยพระราชดำริอย่างผู้มองกาลไกลทำให้ปัญหาสามารถแก้ไขได้จริงในระยะยาวบวกกับวิธีการที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาได้แม้ในเกษตรกรระดับล่างจึงทำให้ความเป็นอยู่ของชาวเกษตรกรได้รับการฟื้นฟูและมีชีวิตที่ดีขึ้น
ดังเช่น แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้น 3 หลักใหญ่ๆ คือ
ให้รู้จักการพึ่งพาตนเอง การพอเพียงและพอประมาณ และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาทรงตระหนักว่า
การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศชาติ
นอกจากการรับโรงเรียนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์แล้ว
ยังทรงจัดตั้งโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารหลายแห่ง
รวมถึงการพระราชทานทุนการศึกษาสำหรับเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์
ทั้งระดับมัธยมและอุดมศึกษา และเมื่อนิสิตนักศึกษาเหล่านี้ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
พระองค์ยังได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก่บัณฑิตที่ได้ร่ำเรียนด้วยความวิริยะอุตสาหะ
ด้วยการเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตร
และพระบรมราโชวาทเพื่อชี้แนะแนวทางการปฏิบัติงานและดำเนินชีวิตในสังคมแก่บัณฑิตที่จบการศึกษานอกจากนั้นแล้วพระองค์ทรงส่งเสริมในด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างจริงจัง
ทรงศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ และ ได้นำมาใช้ประยุกต์กับโครงการตามพระราชดำริต่างๆ
อาทิ การทำฝนหลวง การทำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
การประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการเกษตรการออกแบบและต่อเรือใบ รวมถึงประยุกต์เป็นการต่อเรือของกองทัพเรือ
การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์กังหันน้ำการนำเทคโนโลยี
การสื่อสารดาวเทียมมาใช้ในการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้นซึ่งพระองค์ได้ทรงริเริ่มให้มีการแก้ไขปัญหาต่างๆ
อย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจากการพัฒนาปรับปรุงระบบชลประทาน
การพัฒนาปรับปรุงดินให้อุดมสมบูรณ์ การตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
การเลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภคและจำหน่าย
การส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวกันในรูปของสหกรณ์ การจัดตั้งธนาคารโค กระบือ
การเข้าร่วมกิจการด้านศิลปาชีพ
พระราชกรณียกิจต่างๆมากมายนี้เองที่สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่มีความเฉลียวฉลาดและมีศักยภาพในทุกๆด้าน
ทั้งนี้เนื่องมาจากพระองค์ทรงกระทำการงานใดๆ ด้วยความขยันอดทน มีความมานะอุตสาหะ
ตรากตรำทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เช่นในด้านดนตรีด้วยพระอัจฉริยภาพส่วนพระองค์
ประกอบกับการฝึกฝนด้วยพระองค์เองอย่างสม่ำเสมอ
ทำให้พระองค์ถือเป็นนักดนตรีผู้มีฝีมือระดับสูง
ทรงมีพระปรีชาสามารถในการเป่าโซปราโนแซ็กโซโฟนได้อย่างดีเยี่ยม และ
พระองค์ยังเคยทรงแซ็กโซโฟนและแคลริเน็ต โต้ตอบกับนักดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงของโลก
นอกจากนี้ยังมีด้านการถ่ายภาพ งานจิตกรรมปัตติมากรรม งานวรรณกรรมและการแปล
มีผลงานมากมายที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ที่มีเนื้อหาสอนใจแฝงข้อคิดคติธรรมที่มีคุณค่า
และ อ่านและเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ซึ่งจะทำให้สามารถพิจารณาหาแนวดำเนินชีวิตที่เป็นมงคลได้ เช่น เรื่อง “สุนัขทรงเลี้ยง” และ “เรื่อพระมหาชนก” เป็นต้น
มิใช่จะมีแต่ชนชาวไทยเท่านั้นที่สรรเสริญและชื่นชมพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ หลายประเทศ
ทั้งในทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ
เพื่อเจริญพระราชไมตรีระหว่างประเทศไทย กับบรรดามิตรประเทศเหล่านั้น
ที่มีความสัมพันธ์อันดีอยู่แล้ว ให้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศใด จะทรงนำความปรารถนาดีของประชาชนชาวไทย
ไปยังประเทศต่างๆ นั้นด้วย และเมื่อประมุขของประเทศต่างๆ เดินทางมาเยือนประเทศไทย
พระองค์ทรงต้อนรับด้วยสันถวไมตรีอันอบอุ่น ยังความปลาบปลื้มและประทับใจแก่พระราชอาคันตุกะเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง
ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างไกลมากยิ่งขึ้น
นับว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างมหาศาล
จากความสามารถ
และพระมหากรุณาธิคุณมากมายนับไม่ถ้วนนี้เองทำให้ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใด ก็ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและมีความปลื้มปิติใจ
นำพระองค์เป็นแบบอย่างและแนวทางในการดำเนินชีวิต คือ
มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงานต่าง ๆ อุตสาหะ อดทนทำงานนั้นๆจนเสร็จสิ้น
ไม่ท้อถอยต่อการงานที่ยากลำบาก ดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ และพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสให้ประชาชนรู้จัก
ประหยัดอดออม ใช้จ่ายอย่างพอเพียงและใช้จ่ายด้วยความจำเป็น ถือเอาประโยชน์เป็นหลัก
โดยการที่นำพระองค์เองเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชน คือการกระทำอย่างมีส่วนร่วม
มิใช่การออกคำสั่งอย่างเผด็จการ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสอนให้พสกนิกรของพระองค์
รักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่คณะ
มีความสามัคคี ปรองดองและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ไม่เบียดเบียนกันหรือทะเลาะเบาะแว้งกันและใช้กำลังในการแก้ปัญหา
ควรพูดคุยปรับความเข้าใจกันให้ดี ดังพระราชดำรัชที่ว่า “ประเทศชาติจะอยู่ได้ก็ด้วยความสามัคคี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ไม่ปัดขาปัดแข้งกัน หรือ อิจฉาริษยากัน
ทำเช่นนั้นก็จะทำให้เมืองไทยอยู่ต่อไปได้อย่างที่เคยอยู่มาเป็นหลายศตวรรษมาแล้ว
ไม่มีใครที่จะมาล้มเราได้ ถ้าเราไม่ล้มตนเอง” และ
พระราชดำรัชที่ว่า “ถ้าจะเอาความปรองดองเป็นหลัก
ก็เชื่อว่าเราจะทำอย่างไร ๆ ก็ตาม ก็จะไม่เสียชาติ และไม่ เสียความสงบของส่วนรวม”
ตลอดเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย
อย่างมิได้หยุดพัก การทำงานหนักของพระองค์นี้
ยังมีบุคคลผู้หนึ่งที่คอยช่วยเหลือพระองค์อยู่เคียงข้างเสมอมา คือ สมเด็จพระราชินี
ทรงเป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและถวายการปรนนิบัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นับตั้งแต่ทรงพระประชวรจาก รถพระที่นั่งประสบอุบัติเหตุในต่างประเทศ
จนกระทั่งทรงหายจากประชวร
และในโอกาสที่เสด็จนิวัติพระนครเพื่อเข้าสู่พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสและบรมราชาภิเษก
สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้ทรงวางพระทัยให้เป็นผู้ถวายการปฏิบัติแทนพระองค์ตลอด
ด้วยความซื่อสัตย์กตัญญู และจงรักภักดี
เป็นที่ประจักษ์แก่ข้าราชบริพารที่โดยเสด็จทุกคน
พระบรมราชินีนาถมักทรงบำเพ็ญพระองค์เช่นเดียวกับราษฎรสามัญชน ขณะพระองค์ทรงอยู่ในพระราชพิธี
หรือทรงต้อนรับทูตานุทูตต่างประเทศ
ก็จะทรงวางพระองค์และพระอิริยาบถตามตำแหน่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
แต่ในยามว่างพระราชกิจ ก็ทรงวางพระองค์เป็นกันเองกับคนทั่วไป
แม้นผู้ใดบังเอิญได้เฝ้าฯ ในขณะกำลังเสวยอยู่ ก็มักจะได้รับ พระราชทานเลี้ยงอยู่เสมอ
ด้วยความรักและเมตตาอย่างบริสุทธิ์ใจ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าเจ้าอยู่หัวและพระราชินีนาถที่เป็นเสมือนความรักของบุพการีที่มีให้ต่อลูก
คือการรักอย่างไม่มีเงื้อนไข รักอย่างไม่มีสิ่งใดมาเปรียบ
และรักอย่างไม่หวังผลตอบแทน หวังเพียงให้ลูกได้เติบโตขึ้นเป็นบุคลที่มีศักยภาพ
และเป็นคนดีของประเทศชาติ ก็เพียงพอแล้ว ทุกคน
อาจรู้จักในความรักของผู้เป็นบิดาที่ถนุถนอมลูกในอ้อมอกของตนเป็นอย่างดี “ความรัก”ของในหลวง ก็เป็นเช่นนั้น
แต่ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่
เป็นความรักที่มีไว้เพื่อราษฎรกว่าหกสิบล้านคน เป็นความห่วงใยที่มีให้แด่คนมากมาย
เป็นการปกป้องที่มีต่อทุกชีวิต
พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีพระคุณและสำคัญยิ่งต่อแผ่นดินสยาม
บางคนอาจพูดพร่ำมากมายว่ารักพระองค์ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราสามารถทำได้
เพื่อให้เป็นเครื่องแสดงว่า เรารักในหลวงจริง อย่ารักในหลวงแต่ปาก
แต่ขอให้รักด้วยใจเป็นเบื้องต้น รักด้วยการรับใช้พระองค์
ไม่จำเป็นต้องเป็นการปรนนิบัติรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด
แต่เราจะรับใช้พระองค์อยู่ห่างๆ ด้วยการปฎิบัติตนเป็นคนดีของประเทศชาติ
