Jump to content


Photo
- - - - -

"จม.ลับ"เงื่อนงำรายงานเผาเมืองไม่เปิดเผย


  • Please log in to reply
8 replies to this topic

#1 ครุฑดำ

ครุฑดำ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,056 posts

Posted 12 February 2013 - 15:13

"จม.ลับ"เงื่อนงำรายงานเผาเมืองไม่เปิดเผย



        

54A561F646DB40C0B660FC1051F5561C.jpg


        

    

    

    

    

โดย....ทีมข่าวการเมือง


    

            

ภายหลัง นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม
ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า
ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่คลี่คลายสถานการณ์การชุมนุมคนเสื้อแดง
ได้เขียนบันทึก”ประชาชนได้อะไรจากการนิรโทษกรรม…ในวันนี้”
โดยมีการเสนอแนะทางออกต่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรม(จากรายงานพิเศษโพสต์ทูเดย์
ออนไลน์เมื่อวันที่ 8 ก.พ.56 http://bit.ly/YYB3qD
)   กระทั่งที่ประชุมสภาอย่างไม่เป็นทางการซึ่งมีนายเจริญ จรรย์โกมล
รองประธานสภาเชิญตัวแทนจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แกนนำคนเสื้อแดง
ได้หยิบยกข้อเสนอของนิชาร่วมหารือด้วย 


ปรากฎว่าบันทึกของนิชา ยังนำมาซึ่งจดหมายฉบับหนึ่ง จาก นพ.ชูชัย ศุภวงศ์
อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ส่งถึงนิชา
โดยเนื้อหาบอกเล่าถึงเบื้องหลังรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์คนเสื้อ
แดงเผาเมือง ที่ถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงยังไม่มีการเผยแพร่!?! 
โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ขอนำรายละเอียดเสนอ ดังนี้  


คุณนิชาครับ


ผมอ่านบันทึกล่าสุดของคุณนิชา
ที่เขียนทักท้วงถึงความพยายามที่จะผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมในขณะนี้แล้ว
ผมอดไม่ได้ที่จะขอแสดงความชื่นชมในความแข็งแกร่งของคุณนิชาที่แสดงความกล้า
หาญในการถามหาความจริงและความจริงใจจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ทั้งที่ยังคงเป็นข้าราชการที่สามารถจะถูกกลั่นแกล้งใดๆ
ก็ได้จากฝ่ายการเมือง
และเป็นข้อเสนอที่ผมคิดว่าได้ก้าวข้ามความสูญเสียของคนที่รักไปถึงการต้อง
การให้สังคมได้เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต
เพื่อมิให้ความรุนแรงต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้เป็นสังคมที่ปลอดภัย
ปลอดความรุนแรงแก่ลูกแก่หลานในอนาคต


ผมเห็นว่าคุณนิชามีสิทธิอันชอบธรรมอย่างยิ่ง
ในฐานะของคนที่สูญเสียคนที่เป็นที่รักซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การ
ชุมนุมของ นปช. ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553
ที่จะเรียกร้องจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบถึงสิ่งที่เป็นความจริง ความถูกต้อง
ซึ่งไม่ต่างกับคุณแม่ของน้องเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์
แม้จะเป็นผู้สูญเสียจากคนละฟากฝั่งและมีวิธีการถามหาความจริงที่แตกต่างกัน
แต่ในสาระสำคัญของการเรียกร้องว่าอะไรเกิดขึ้นกับการสูญเสียของสามีและลูก
และการต้องมีผู้รับผิดชอบต่อการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่มีความชอบธรรม
และเป็นหน้าที่ของทุกองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคมจะต้อง
ดำเนินการโดยสุจริต ไม่บิดพลิ้วจากความเป็นจริง
อย่างกล้าหาญและมีความเที่ยงธรรม


ผมเห็นเช่นกันว่า
กระบวนการปรองดองที่ขณะนี้กำลังพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นโดยใช้การนิรโทษ
กรรมนั้น ไม่มีทางที่จะสร้างความปรองดองที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในสังคมไทยได้

เพราะการปรองดองที่แท้จริงไม่เพียงแต่การทำให้ฝ่ายขัดแย้งอยู่ร่วมกันได้โดย
สันติ แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ความรุนแรงกลับมาเกิดขึ้นใหม่อีกในสังคมไทย


การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องยอมรับการนิรโทษกรรมโดยไม่มีกระบวนการต่อ
เนื่องอย่างจริงใจ และจริงจังโดย อ้างเหตุของความปรองดองเป็นเพียง
“สิ่งฉาบหน้า”
ความพยายามที่จะปิดหน้าประวัติศาสตร์และบังคับให้ทุกฝ่ายลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมไม่คิดว่าการที่สังคมไม่ตระหนักถึงความทุกข์ระทม
ความขมขื่นของผู้สูญเสียหรือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
เขาเหล่านั้นพร้อมที่จะลืมและก้าวไปสู่หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์และทิ้งความ
เจ็บปวดสูญเสียให้เป็นอดีต


เหตุการณ์ความรุนแรงในสังคมไทยที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เดือนตุลาคม 2516 และ 2519 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
หรือแม้แต่ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
และการชุมนุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า
หากไม่สามารถเยียวยาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม
ไม่เยียวยาบาดแผลที่บาดลึกทางจิตใจของผู้ที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด
ไม่สามารถทำให้คู่ขัดแย้งเข้าใจร่วมกันได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตและยอมรับ
ร่วมกันถึงสาเหตุหรือความผิดพลาด
ไม่มีการแก้ไขความอยุติธรรมที่มีอยู่ในเชิงโครงสร้างและสถาบันก็อย่าได้หวัง
ว่าเราจะมองไปในอนาคตว่าจะเกิดความสมานฉันท์ การให้อภัย
และทำให้ผู้ได้รับผลกระทบและผู้สูญเสียสามารถดำเนินชีวิตต่อไปอย่างปกติใน
สังคมได้ โดยไม่รู้สึกว่าต้องแบกรับความขมขื่นของการเป็นผู้ถูกกระทำ
สังคมไทยก็ไม่มีทางหนีพ้นจากวงจรของความรุนแรงที่จะกลับมาอีก...


กับดักสำคัญที่เป็นอุปสรรคในกระบวนการสร้างความปรองดองที่แท้จริงให้เกิด
ขึ้นได้ในสังคมไทยคือ
การไม่ทำความจริงให้ปรากฏเพื่อที่จะนำไปสู่ความรับผิดชอบของบุคคลที่มีส่วน
ทำให้เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรม อย่างน้อยที่สุด ได้แสดงความเสียใจ
ขอโทษโดยสำนึกและรับผิดต่อการกระทำของตนที่นำความสูญเสียมาสู่ผู้อื่นและ
สังคม


การนิรโทษกรรมโดยไม่ทำให้ความจริงปรากฏเสีย
ก่อนเท่ากับว่าเป็นการทำให้ผู้สูญเสียหรือผู้ถูกกระทำอยู่ในฐานะเดียวกับผู้
กระทำความผิด นั่นคือ ผู้กระทำความผิด “ปราศจาก”
โทษหรือไม่ต้องรับโทษจากการกระทำที่ละเมิดต่อผู้อื่น
ในที่สุดแล้วสังคมเองก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ความรุนแรง
ที่เกิดขึ้น
ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและผมคิดว่าก็คงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เพราะผู้กระทำผิดย่อมย่ามใจว่าจะกระทำอะไรก็ได้หากได้มาซึ่งอำนาจรัฐ
แล้วก็ค่อยมีการ นิรโทษกรรมกันภายหลัง


องค์กรใดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ
หรือองค์กรอิสระที่มีหน้าที่แล้วไม่ดำเนินการ ไม่ว่าจะด้วยเจตนา
ขาดความสามารถ ขาดประสิทธิภาพ ขาดเจตนารมณ์มุ่งมั่นทางการเมือง
และยิ่งแสดงอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวจากความขมขื่นของผู้สูญเสียที่รอคอยความ
จริงอย่างคุณนิชา หรือคุณแม่ของน้องเกด ผมเห็นว่าเป็นการ “สมยอม”
ให้ผู้กระทำผิดอยู่อย่างลอยนวล


ในเหตุการณ์การชุมนุมของ นปช. ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553
มีหลักฐานต่างๆ มากมายแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่ามี “เจตนา”
ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น


มีกลไกของรัฐ 2 องค์กรที่ทำหน้าที่ค้นหาความจริงในเรื่องนี้
คือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
และได้ดำเนินการต่อมาจนถึงสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี  
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา สองปีหลังเหตุการณ์การชุมนุมของ
นปช. องค์กร Human Rights Watch
ได้ออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งตั้งคำถามถึงรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงของทั้ง
กสม. และ คอป. ที่ยังไม่แล้วเสร็จ บัดนี้ รายงานของ คอป.
ได้ออกมาแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2555 ดังที่ทราบกัน


จึงมีคำถามว่าเหตุใดรายงานของ กสม. จึงไม่แล้วเสร็จเสียที
ผมในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในขณะนั้น
ต้องทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีพนักงานเจ้าหน้าที่ 30
คนและผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกอีก 4 คน
(เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
อัยการและทนายความอาวุโสที่เป็นที่เชื่อมั่นในเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน)
เป็นที่ปรึกษา
ได้ร่วมกันวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดที่มี โดยประธาน
กสม. ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานหลายครั้ง


และในขณะเดียวกัน กสม. ยังได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจอีก 3 ชุด
เมื่อคณะทำงานฯ ได้จัดทำร่างรายงานแล้วเสร็จ ประธาน กสม.
ได้เชิญประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจทั้งสามชุดร่วมกับ กสม. เมื่อวันที่ 29
พฤษภาคม 2554 หลังจากนั้น ประธาน กสม. ได้ให้มีการประชุม กสม.
นัดพิเศษในวันที่ 29 มิถุนายน 2554 เพื่อพิจารณาร่างรายงานที่คณะทำงานฯ
ได้ปรับแก้ตามข้อเสนอแนะจากที่ประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมเป็นการเฉพาะ


ในการประชุมครั้งนั้น ฝ่ายเลขานุการได้อ่านร่างรายงานทีละบรรทัด
ที่ประชุมได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมในบางประเด็นโดยไม่มีการคัดค้านร่างรายงาน
ทั้งฉบับ และประธาน กสม.
มอบให้ฝ่ายเลขานุการไปปรับแก้ตามความเห็นของที่ประชุม
และให้นัดประชุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 6 กรกฎาคม 2554 ซึ่งประธาน กสม.
บอกกับผมว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย
โดยที่ได้พูดในที่ประชุมและนอกห้องประชุมว่ารายงานฉบับนี้ทำให้ประธาน กสม.
สู้หน้าใครต่อใครได้ ซึ่งมีพยานบุคคลสามารถยืนยันในเรื่องนี้


เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2554
ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือก
ตั้ง ในการประชุม กสม. วันที่ 6 กรกฎาคม
ได้ปรากฏเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือ
มีกรรมการท่านหนึ่งได้นำความเห็นจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการที่ไม่ได้เกี่ยว
ข้องกับการพิจารณาเรื่องนี้มาเสนอต่อที่ประชุม
เพื่อคัดค้านร่างรายงานฉบับที่คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ 3 ชุดและ กสม.
ได้พิจารณาร่วมกันและได้ให้ความเห็นมาแล้ว
ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบรักษาความลับทางราชการเพราะได้นำร่างรายงาน
ที่เป็นเอกสารราชการประทับตราลับไปแจกในที่ประชุมคณะอนุกรรมการที่กรรมการ
ท่านนั้นเป็นประธานแต่ไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องนี้


นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีกรรมการท่านอื่นๆ
ก็ได้บอกให้ไปทบทวนร่างรายงานใหม่
กรรมการท่านหนึ่งถึงกับพูดว่าหากรายงานออกไปเช่นนี้
กรรมการต้องไปขึ้นศาลทั่วประเทศ
ทั้งที่ในการประชุมก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ให้ความเห็นในลักษณะดังกล่าว
กรรมการบางท่านก็เสนอให้กลับไปให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจทั้ง 3
ชุดพิจารณาใหม่อีก ทั้งที่ในการประชุมร่วมของคณะอนุกรรมการทั้งสามชุด
ประธาน กสม.
ก็ได้กล่าวขอบคุณคณะอนุกรรมการทั้งหมดไปแล้วและว่าจะไม่มีการประชุมคณะ
อนุกรรมการเฉพาะกิจอีก
ผมได้ยืนยันว่าขั้นตอนของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจทั้งสามชุดได้สิ้นสุดลงแล้ว


แต่ก็มีกรรมการที่ยืนยันความคิดเช่นเดิม ทั้งยังไปให้ข่าวต่อในสื่อต่างๆ
ทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์
และทางโทรทัศน์ว่ารายงานที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนนั้น กสม. ยังไม่ได้พิจารณา
เป็นเพียงอยู่ในชั้นของสำนักงานหรือคณะทำงานฯเท่านั้น
ซึ่งต่อมามีความพยายามปกปิดหรือทำให้ความจริงคลาดเคลื่อนไป
โดยไม่มีการเปิดเผยความจริงต่อสาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา


คุณนิชาครับ


หลังจากที่ผมในฐานะเลขาธิการ กสม.
และผู้อำนวยการสำนักที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานถูกย้ายออกไป
ยังมีการประชุมพิจารณาร่างรายงานอีกกว่าสิบครั้ง จนบัดนี้ รวมเวลา 1 ปี 6
เดือนที่ร่างรายงานถูกปฏิเสธจากที่ประชุม กสม.
ก็ยังไม่มีรายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเหตุการณ์ดังกล่าวของ
กสม. ปรากฏต่อสาธารณะ
กสม.ทั้งคณะคงต้องตอบคำถามต่อสาธารณชนและผู้สูญเสียให้ได้ว่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
มีอะไรที่เป็นสาระสำคัญต่างจากร่างรายงานเดิมที่ควรจะได้รับการเผยแพร่และทำ
ความจริงให้ปรากฏแก่สังคมมานานมากแล้ว


การที่คุณนิชาเรียกร้องต่อสาธารณะอย่างสุภาพ
ด้วยความอดทนเพื่อให้ความจริงได้ปรากฏทั้งทางส่วนบุคคลและผ่านสื่อเป็นระยะๆ
เป็นความมานะมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ที่ต้องสูญเสีย
และจะเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมไทยในอนาคต


ผมทำได้เพียงเสนอความจริงให้สังคมได้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่ผ่านมาใน
ส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับตัวผมเอง
ที่เหลือจากนี้เป็นเรื่องกลไกที่เกี่ยวข้องจะต้องออกมาชี้แจงความจริงต่อไป
ขอเพียงมีส่วนแม้เล็กน้อยในการทำหน้าที่ใช้ฝ่ามือแหวกเมฆหมอกแห่งความเท็จ
ที่ปกคลุมทั่วแผ่นดินสยาม
ให้แสงสว่างได้เล็ดลอดออกมาได้บ้างเท่านั้นดูเพิ่มเติม

http://www.posttoday...เมืองไม่เปิดเผย


เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"


#2 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

Posted 12 February 2013 - 15:49

ผมสงสารคุณนิชาจริงๆ ถ้านิรโทษกรรมให้คนที่ทำผิด คนที่ต้องสูญเสียคนที่เป็นที่รักไป เค้าจะต้องทรมาน ทุกข์ใจขนาดไหน ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นได้เลย 



#3 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

Posted 12 February 2013 - 15:50

   อ่านมากตาลาย. อ่านหัว-ท้าย ก็พอ...เฮ้อออออ>>>>>>>>

 

>>> แมกเมฆ เขมือบหล้า...........ชะชี้หน้า  หนาหนานะ.
.....ทุเรศ  เศษสวะ....................ขยะเหม็น  เล่นการเมือง

 

>>> ศพโซ  โถ บัดซบ.............กระเดือกงบ  พบหลายเรื่อง

.....ซ่อนแซก  แดกเนืองเนือง.......เปลืองทรัพย์แสน ทั้งแผ่นดิน

 

>>> คนช่วย ดูจืดชืด..................ดังเดือนมืด หมดทุกถิ่น

.....ซาตาน  มารเกาะกิน..............สินสิ้นซาก กากกาลี...ฯลฯ

 

 

 

>>>>>>๑๒//๒//๕๖ <<<<<<
 



#4 Et tu Brute?

Et tu Brute?

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,529 posts

Posted 12 February 2013 - 16:32

อ่านแล้วสังเวชใจมาก ถ้าความจริงไม่ปรากฎ
คนทำผิดไม่ต้องรับผิด นี่จะเป็นวิถีการเมืองของไทยไปตลอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีวันจบสิ้น

It's us against the world


#5 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

Posted 12 February 2013 - 17:12

ขอบพนะคุณคุณหมอ ที่นำความลับซ่อนเร้นมาเปิดเผยครับ

"กรรมการเปลี่ยนไปทันทีที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง"

ทิ้งให้เหยื่อที่สูญเสียและทุกข์ระทม ต้องเผชิญกับความขมขื่นในฐานะเหยื่อ โดยตนเองได้ดิบได้ดีกับอำนาจใหม่

 

ระยำเหลือเกินในความเป็นคน

 

 

ปล. ใครช่วยบอกอักษรชื่อกรรมการพวกนั้นให้ผมทีได้มั้ยครับ


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#6 สมพร

สมพร

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 746 posts

Posted 12 February 2013 - 18:17

ถ้าจะให้เชื่อว่าท่านรุ่มเกล้าโดนทหารด้วยกันฆ่า
ก็ต้องทำให้ภรราท่านเชื่อก่อน

โดนระเบิดข้วาง ก็ไม่ใช่จะเป็นพวกเดียวกันฆ่า

#7 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

Posted 12 February 2013 - 18:41

ผมทราบแล้วครับ ว่าใครคือ "กรรมการขายวิญญาณ" ที่นพ.ชูชัยเกริ่นถึง

http://www.khaosod.c...zBORFV4Tnc9PQ==

 

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ 

ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นข่าวแล้วก็สงสัยว่าสื่อเอาข้อมูลมาจากไหน จึงต้องมีแถลงการณ์ออกมา 

ขอชี้แจงว่าหลังจากมีข้อมูลรั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการฯ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาร่วมพิจารณา และไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการ 9 ชุด อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด

สำหรับขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการฯ ต่อกรณีนี้นั้น เริ่มจากเชิญผู้ที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ทุกฝ่าย ทั้ง นปช. หน่วยงานรัฐ และสื่อมวลชนมาให้ข้อมูลและส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยด้วย 

ขณะนี้ได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วและอยู่ในขั้นตอนการเขียนรายงาน ซึ่งต้องพิจารณาใช้ถ้อยคำให้เหมาะสม 

เบื้องต้นทราบว่ารายงานฉบับจริงของคณะกรรมการฯ ไม่ตรงกับที่สื่อเผยแพร่ออกมา และไม่ได้ระบุเป็นข้อๆ ส่วนจะออกมาเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์เมื่อไร ต้องถามจากประธานคณะกรรมการฯ ตนไม่สามารถให้คำตอบได้ 

ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อรายงานฉบับสมบูรณ์ออกมาย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องระวัง หรือให้ความสำคัญเป็นพิเศษ 

คดีนี้เหมือนคดีด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ที่ทำอยู่ จึงให้ความสำคัญเท่ากัน เพียงแต่สังคมอาจให้ความสนใจมากกว่าปกติ



นพ.แท้จริง ศิริพานิช 

ร่างรายงานผลการตรวจสอบของอนุกรรมการฯ ที่ออกผ่านสื่อไปนั้นไม่ใช่ของจริง เป็นของเก่าที่เคยออกข่าวไปก่อนหน้านั้นและมีคนนำเผยแพร่อีก ซึ่งได้มีการตรวจสอบแล้วแต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำมาเผยแพร่ 

ส่วนที่บอกว่าเป็นของอนุกรรมการฯ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ที่ กสม.ทั้ง 7 คน ต้องเป็นผู้พิจารณาเองเท่านั้น

ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาและยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งต้องรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน หากไม่ครบก็จะมีการร้องขอไปยังหน่วยงานต่างๆ และเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามจนกว่าจะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ โดยไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ว่าจะออกมาเมื่อใด แต่จะเร่งทำให้เร็วที่สุด

ในส่วนของการตรวจสอบและข้อสรุปจะแยกเป็นกรณีและเป็นช่วงเหตุการณ์ โดยมีข้อเสนอแนะในตอนท้ายของรายงาน เช่น การเพิ่มเติมกฎหมายและการกำหนดขอบเขตเกี่ยวกับการชุมนุมและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ 

แต่คงจะไม่เหมือนกับรายงานดังกล่าวที่ออกมา 

หากผลการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว จะมีการแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนทันที



วิสา เบ็ญจะมโน 

สิ่งที่หลุดออกมาเป็นการนำของเก่าที่เคยเป็นข่าวแล้วมาลง ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ และไม่ใช่ข้อมูลที่รอเสนอกรรมการชุดใหญ่พิจารณา 

รายงานที่นำมาลงเป็นเรื่องเก่า ข้อมูลเก่าของระดับคณะทำงานที่เคยรั่วออกไปตอนที่ยังพิจารณาไม่เสร็จมาแล้วครั้งก่อน แล้วนำไปลง สิ่งที่ กสม.ทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างที่เห็น จึงออกแถลงการณ์เพื่อความชัดเจน 

หลังคณะทำงานทำเสร็จแล้วเห็นว่ายังต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมอีก จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยกรรมการทั้งคณะได้ลงมาพิจารณา และมีผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วย 

รายงานได้ทำมาไกลแล้วซึ่งอยู่ในชั้นการประมวลข้อมูล ร้อยเรียงเรื่องและดูเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่แต่จะพยายามว่าจะไม่ชักช้า เรียกว่าตอนนี้พร้อมที่จะร้อยเรียงเป็นรายงานตามประเด็นที่ตั้งไว้ แล้วจึงจะทำเป็นผลสรุปออกมา 

จากนั้นจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมกันพิจารณา เป็นการประชุมใหญ่อีกครั้งหลังจากร่วมพิจารณากันมาแล้วระยะหนึ่งเพื่อหาผลสรุปก่อนเผยแพร่ เพื่อความสมบูรณ์ รอบคอบ รอบด้าน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีหลายมุม 

หลังจากสรุปเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์แล้ว กรรมการ 7 คน ลงนามในรายงานการตรวจสอบ ก็ถือเป็นรายงานที่สมบูรณ์ เผยแพร่ได้ 

เข้าใจว่าต้องพิมพ์เป็นรูปเล่ม ส่วนหนึ่งคือกรรมการต้องตอบไปยังผู้ร้องเรียน และเสนอความเห็นเชิงนโยบายว่าภาครัฐควรดำเนินอย่างไร ส่วนจะพิมพ์แจกหน่วยงานใดบ้างยังไม่สามารถตอบได้ 


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#8 ant

ant

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,081 posts

Posted 12 February 2013 - 19:04

   อ่านมากตาลาย. อ่านหัว-ท้าย ก็พอ...เฮ้อออออ>>>>>>>>

 

>>> แมกเมฆ เขมือบหล้า...........ชะชี้หน้า  หนาหนานะ.
.....ทุเรศ  เศษสวะ....................ขยะเหม็น  เล่นการเมือง

 

>>> ศพโซ  โถ บัดซบ.............กระเดือกงบ  พบหลายเรื่อง

.....ซ่อนแซก  แดกเนืองเนือง.......เปลืองทรัพย์แสน ทั้งแผ่นดิน

 

>>> คนช่วย ดูจืดชืด..................ดังเดือนมืด หมดทุกถิ่น

.....ซาตาน  มารเกาะกิน..............สินสิ้นซาก กากกาลี...ฯลฯ

 

 

 

>>>>>>๑๒//๒//๕๖ <<<<<<
 

ตามนั้นครับ


ตราบที่สูอยู่-กิน..แผ่นดินไทย ตราบโคตรเหง้าสูใช้แผ่นดินนี้ตราบศพสูฝังใต้..ไทยปฐพี สูไม่มีสิทธิ์ยํ่ายี.." พระเจ้าแผ่นดิน "

#9 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

Posted 13 February 2013 - 12:20

  ตอนนี้  เป็นตอนที่ชื่อว่า ( สาดโคลน +

 ปัดสวะ )  แกนนำ จะพูดอะไรก็ได้

เพื่อให้......ความสะอาด  เกิดกับตน......

( ในนี้  สรท.ก็มีเสื้อแดง หลายคน )

คิดไงบอกกันมั่งนะ.....เจ้จินจ๋า..........






0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users