สื่อต่างประเทศตั้งคำถามถึงนโยบาย “รับจำนำข้าว” ในราคาสูงลิ่ว
เพื่อหวังผลทางการเมืองของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และพรรคเพื่อไทย
โดยระบุนโยบายประชานิยมดังกล่าวอาจนำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่ภาวะ “ล้มละลาย”
ชี้ชาวนาไทยเห็นแก่ผลประโยชน์ที่นักการเมืองเสนอให้
โดยไม่คิดถึงผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ริช เคลเลอร์
บรรณาธิการของเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารด้านการเกษตรชื่อดัง “เอจี
โปรเฟสชันแนล” เผยแพร่บทความชิ้นล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (11)
โดยตั้งข้อสงสัยถึงนโยบายรับจำนำข้าวในราคาสูงเกินความเป็นจริงของรัฐบาลไทย
ในปัจจุบัน
ซึ่งอาจทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ต้องประสบภาวะล้มละลายในที่สุด
หากนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริงนี้ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป
บทความชิ้นล่าสุดที่มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอจี โปรเฟสชันแนล
ระบุว่า
หนึ่งในหนทางที่จะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาประเทศใดประเทศหนึ่งก้าวไปสู่
“ภาวะล้มละลาย” ได้นั้น ก็คือ
หนทางเดียวกับที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินอยู่
ซึ่งหมายถึงการให้คำมั่นสัญญากับชาวนาด้วยผลตอบแทนจากโครงการรับจำนำข้าว
ด้วยราคาสูงลิ่ว
เพื่อแลกกับคะแนนเสียงสนับสนุนทางการเมืองให้ชนะการเลือกตั้ง ทั้งๆ
ที่ขีดความสามารถทางด้านงบประมาณของรัฐบาลเองก็มิอาจรองรับไหว
เคลเลอร์ชี้ว่า
โครงการรับจำนำข้าวของไทยซึ่งกำหนดค่าตอบแทนสำหรับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ
ไว้ที่ตันละ 15,000 บาท
นอกจากจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระในการดูแลจัดเก็บข้าวปริมาณมหาศาลไม่ต่ำ
กว่า 17 ล้านตันแล้ว ยังนำมาซึ่งปัญหาการ “ขายไม่ออก” ของข้าวไทย
ที่มีราคาสูงกว่าข้าวของประเทศคู่แข่งสำคัญในตลาดโลกอย่างอินเดีย
และเวียดนาม ถึงกว่า 170 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 5,080 บาท) ต่อตัน
รายงานระบุว่า การก้าวขึ้นสู่อำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมื่อปี 2011
เพราะคำมั่นสัญญาต่อกลุ่มชาวนาในการรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าตลาด
กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เนื่องจากรัฐบาลต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการหาสถานที่รองรับข้าวจำนวน
มหาศาลที่ขายไม่ออก ซึ่งยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน
หากรัฐบาลไทยตัดสินใจเทขายข้าวจำนวนมหาศาลนี้ออกสู่ตลาดแบบยอมขาดทุนก็อาจนำ
มาซึ่งการตกต่ำของราคาข้าวทั่วโลกได้เช่นกัน
บรรณาธิการของสื่อด้านการเกษตรชื่อดังอย่าง เอจี
โปรเฟสชันแนลยังระบุว่า ในเวลานี้ข้าวค้างสต๊อกที่ขายไม่ออกของทางการไทย
กำลังเริ่มเสื่อมสภาพและเน่าเสียจากปัจจัยด้านสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของ
ประเทศไทย ขณะเดียวกัน
งบประมาณที่ถูกดึงมาใช้รองรับโครงการรับจำนำข้าวของไทยก็คิดเป็นวงเงินไม่
ต่ำกว่า 11.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 337,250 ล้านบาท)
ในปีงบประมาณแรกที่สิ้นสุดไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
และแน่นอนว่าโครงการรับจำนำข้าวในปีนี้
ย่อมจะนำมาซึ่งภาระด้านการเงินและงบประมาณที่ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในเขตชนบท
ซึ่งมีรายได้น้อยของไทยดูเหมือนจะยังคงเห็นแก่ผลตอบแทนที่สูงกว่าของโครงการ
รับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย
โดยมิได้ตระหนักถึงสถานการณ์โดยรวมทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย
ที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างยิ่งยวด
นี่และหนอคน 19 ล้าน เสียง จะทำให้คนอีก 60 ล้านคนเดือดร้อนไปด้วย เจ๊งไปด้วย เวรกรมของประเทศไทยจริงๆ
เครดิต คุณ ภูริทัตโต OK
ใครจะเถียงบ้างว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ยังขายไม่ออก ลดราคาขายในตลาดโลกก็ไม่ได้ ปูเอ๋อกำลังผูกคอคนไทยตาย เพราะความคิดเน่าๆ ของมัน
Edited by PHOENiiX, 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 10:34.