http://www.manager.c...D=9560000019863
"สนธิ" ย้อนอดีตพรรคประชาธิปัตย์ เห็นชัดเก่งเรื่องใส่ร้ายคนมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน เผยช่วงชุมนุมปราสาทพระวิหารคือจุดแตกหักเพราะจับได้ว่าโกหกแบบหน้าด้านๆแทบทุกเรื่อง
พร้อมแนะอย่าตัดสินใจเลือกใครเป็นผู้ว่ากทม.เพียงเพราะกลัวพวกเผาเมืองจะได้ ชี้ไม่ควรตกเป็นทาสความคิดใคร แม้เลือกคนที่แพ้ อย่างน้อยก็เป็นการให้กำลังใจคนกล้าทำดี
วันที่ 15 ก.พ. เมื่อเวลา 20.00 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ”
ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
ช่วงหนึ่งถึงการทุจริตประมูลสร้างโรงพัก ว่า ตรรกะของ พล.ต.อ.ปทีป
ตันประเสริฐ (อดีตรักษาการ ผบ.ตร.)
บอกว่าการที่รวมยอดแล้วมาประมูลรวมทีเดียวนี่ดี
เพราะว่ามันจะได้เอาเงินจากไทยเข้มแข็งได้ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น
แต่ประเด็นคือสมมุติต้องสร้างโรงพักใหม่ 100 โรง ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 2
ซึ่งคุมตั้งแต่ฉะเชิงเทราไปจนถึงภาคตะวันออก
สมควรหรือไม่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องจัดสรรงบประมาณที่จะไปลงภาค 2
แล้วโอนมาให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อจะได้ไปประมูลในพื้นที่อื่น
บริษัทก่อสร้างในภาคตะวันออกไม่มีเลยหรือที่จะสร้างโรงพักได้
ทุกจังหวัดสามารถทำได้หมด แล้วยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น
กระจายรายได้ ผู้บัญชาการภาค ผู้การจังหวัดก็ได้บ้าง
ไม่มีกินรวบรวมไปส่วนกลางหมดเลย
เอาเป็นเค้กก้อนเดียว 5 พันกว่าล้าน แล้วก็เบิกทีละ 15 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งตกประมาณ 800 ล้านบาท เข้ากระเป๋าหมาทั้งนั้น มันถึงฉิบหายกันวันนี้
เสร็จเรียบร้อยแล้วมันก็เลยผิดไปหมด
เพราะเนื่องจากมันเริ่มจากประเด็นที่เรียกว่ามันไม่มีวันทำได้
เพราะว่าประมูลได้เจ้าเดียวที่กรุงเทพฯ มันก็ต้องไปที่ภาค 2
จากนั้นก็ส่งงานต่อให้บริษัทก่อสร้างเมืองชลฯ แล้วเรียกค่าหัวคิว
ถ้าอย่างนั้นก็ให้แต่ละภาคเขาประมูลไปสิ สิ้นเรื่องสิ้นราว
ทีนี้พอรับมา 15 เปอร์เซ็นต์ จ่ายเขาไปหมด แล้วตัวเองหมุนไม่ทัน
พอเปลี่ยนรัฐบาล ก็ให้ใต้โต๊ะ เพื่อต่ออายุการก่อสร้างให้
พอผบ.ตร.คนใหม่เข้ามา ลูกน้องชงไปเรียบร้อยแล้ว เงินทองรับไปเรียบร้อยแล้ว
ลูกน้องรับ ผมไม่รู้ใครรับบ้าง รู้แต่ว่า เขาขอต่ออายุ น่าจะต่ออายุให้
"คนเราถ้ามันรับเงินไปแล้ว เบิกไปแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์
แต่มีแต่เสาโผล่มาเสาเดียว ขอต่ออายุยังไงก็ดูออกด้วยสายตา
ว่าไม่มีวันจะเสร็จทัน ต้องไม่ให้ต่ออายุ ใช่มั้ย
การให้ต่ออายุเท่ากับว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว
หรือไม่ก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดหมด เพรียวพันธ์ก็ผิด ผิดหมดเลย
ทุกคนผิดหมดเลย อดุลย์ก็ผิด ทุกคนผิด ไล่ไปเลย ปทีปก็ผิด วิเชียรก็ผิด
พงศพัศก็ผิด ผิดหมด" นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติหน้าด้านไปหน่อย
ก็คือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ตรวจสอบทุจริตที่ตัวเองเป็นคนสร้าง
ถึงบอกว่าไม่ทุจริต นี่ไงประเทศไทย
แล้วนี่เป็นคำตอบพอหรือยังว่าทำไมประชาชนถึงเกลียดตำรวจ ก็คุณทำอะไรโต้งๆ
อย่างนี้ขึ้นมา
ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เริ่มแรกเดิมทีเห็น นายชูวิทย์
กมลวิศิษฏ์ เอาเรื่องนี้มาแฉ คิดว่าเข้าทางตัวเอง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
โดนแน่ ซึ่งจริงๆ นายสุเทพก็เกี่ยวข้อง ปฏิเสธไม่ได้
แต่พอทำไปทำมาฝ่ายตัวเองโดนด้วย ตอนนี้เรื่องเลยชักจะเงียบแล้ว กลายเป็น
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ล้งเล้งอยู่คนเดียว เห็นหรือยัง
ชาติบ้านเมืองมันไม่มีอนาคต เจอข้าราชการที่ระยำแบบนี้
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ทีนี้สมัยสุเทพคุมตำรวจ พล.ต.อ.ปทีป
ตันประเสริฐ เสนอบอกให้รวมการประมูล นายสุเทพบอกสุดแล้วแต่คุณ
ซึ่งถ้านายสุเทพทำงานเพื่อส่วนรวมก็จะต้องบอกว่าทำได้หรือ น่าจะกระจายไปนะ
นี่คือสันดานตำรวจ ทุกอย่างต้องมารวมส่วนกลางแล้วสั่งๆไป
ตนอยากเสนอให้ตำรวจนครบาลขึ้นกับกทม. ตำรวจจังหวัดไหนก็ขึ้นกับจังหวัดนั้น
ให้ประชาชนไปคุมมัน มันจะได้หมดซักทีพวกที่ต้องการยศตำแหน่งสูงๆ
เพราะพอมันอยู่โรงพักมันเป็นแค่หัวหน้าโรงพัก
นายสนธิ กล่าวถึงกรณีนายดาบขออั่งเปาร้านค้า ว่า
ที่นายดาบบอกว่าเก็บส่งนาย ตนว่าอย่าไปว่าเขาหน้าด้าน
เพราะที่พูดมีความจริงอยู่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
พอสิ้นเดือนตำแหน่งรองผู้บัญชาการจะได้ประจำเลย นั่งเฉยๆเงินก็มา
แต่ก็ได้น้อยกว่าผู้บัญชาการหลายร้อยเท่า ผู้บัญชาการได้เป็นปึกๆ
อันนี้ก็คือประเพณี ถ้าไม่ส่งก็ถือว่าไม่เคารพต่อระบบอาวุโส
ไม่เคารพต่อตำแหน่ง อาจจะถูกโยกย้ายไปก็ได้ นี่เฉพาะที่ต้องเดินไปเก็บ
ดังนั้นผู้กำกับต้องมีหน้าที่ ดาบตำรวจคือคนเดินเก็บตามแผนที่
ตามปกติแหล่งที่เป็นบาร์เป็นผับ เล็กๆน้อยๆ ขั้นต่ำสุดเดือนละ 5 พัน
เเถวบางรัก ลุมพินี แถวทองหล่อ พวกนี้มีกี่ร้าน
เสียทุกร้านส่วนธุรกิจใหญ่หน่อยก็เก็บหลายหมื่นบาท
นายสนธิ ได้กล่าวถึงความรู้สึกต่อพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ช่วงก่อนปี
2540 และเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมา พล.อ.ชวลิต ลาออกจากนายกฯ และ นายชวน
หลีกภัย ขึ้นมาเป็นแทน ช่วงนั้นเห็นว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ใช้ได้
พอแก้วิกฤตเศรษฐกิจก็ไปดึงนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์
อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งภาพลักษณ์ดีมาก
มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอนที่เริ่มต้นตนก็สนับสนุน
เขาตั้งใจมาแก้ปัญหาจริงๆ
แต่พอทำไปทำมามีความรู้สึกเหมือนกับว่า เขามีวาระซ่อนเร้นกัน
โดยนายธารินทร์ ไปยอมรับเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟเข้ามาหมดทุกข้อ
ที่สำคัญที่สุดคือกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ
แล้วกรอบไอเอ็มเอฟตอนนั้นมันได้ขยายตัวนอกเหนือจากเรื่องทางการเงิน
เข้าไปสู่เรื่องทางพลังงาน น้ำมัน การเมืองระหว่างประเทศ
ตอนนั้นตนก็เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ว่าไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ปรส.
ไม่เห็นด้วยกับการซึ่งเชื้อเชิญฝรั่งเข้ามาซื้อทรัพย์สินของคนไทยในราคาถูก
ตนยังจำได้ว่าได้ทานข้าวกับ เอกมล คีรีวัฒน์ อดีตรองผู้ว่าฯ
ธนาคารแห่งประเทศไทย วิโรจน์ นวลแข และนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์
ตนในฐานะบก.หนังสือพิมพ์ ถามว่าทำไมเราไม่แยกหนี้ดีหนี้เสียออก
ทำไมต้องให้ทุกคนล้มไปหมด ทำไมต้องทำตามที่ฝรั่งบอก
แล้วก็เสนอให้นายวิโรจน์ เข้ามาบริหารหนี้เสีย ตอนนั้นทุกคนเห็นด้วย
แล้วก็เป็นจุดแรกที่ตนเริ่มรู้จักเนื้อแท้พรรคประชาธิปัตย์
คือเห็นด้วยแต่ไม่ทำ
ตอนนั้นนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นคนเริ่ม BIBF
เปิดประตูให้ต่างชาติมาปล่อยกู้ในเมืองไทยได้ ในราคาที่ถูกมาก
ตอนนั้นดอกเบี้ยทั่วโลกมันถูก 2% - 3% ดอกเบี้ยในประเทศไทย 12%
คนก็ไปกู้เมืองนอกกัน แบงก์เมืองไทยก็กินส่วนต่าง แบงก์กู้มา 3 %
ปล่อยในเมืองไทย 6% 8 % กินส่วนต่าง 5 % ในขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศ 12%
คือพูดง่ายๆว่าในที่สุดแล้ว ก็เป็นการที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
คนที่เริ่มต้นคนแรกคือ พรรคประชาธิปัตย์
เพียงเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการร่วมกับผู้ว่าแบงก์ชาติ ตอนนั้นคือ
นายวิจิตร สุพินิจ ต้องการที่จะแสดงออกให้เห็นว่า
เมืองไทยพัฒนาการเงินไปถึงขั้นสากลแล้ว จนกระทั่งเขามีการเอามอร์แกน
สแตนเลย์ เข้ามา โกลด์แมน แซคส์เข้ามา แล้วปรากฏว่า ไอ้คนพวกฝรั่งพวกนี้
ผูกพันและสนิทสนมกับสายการเงินของพรรคประชาธิปัตย์หมดทุกคน
เปรียบเสมือนกับว่า คนพวกนี้ถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์เชิญเข้ามา
เพื่อมากระทืบคนไทย ตนก็ตะขิดตะขวงใจ
และนโยบายหลายนโยบายออกมาในลักษณะที่มันเอื้อฝรั่งอย่างเดียว
"ซื้อหนี้มาก้อนนึง 100 บาท เอาอย่างนี้ หนี้สินเชื่อ
หนี้ผ่อนรถยนต์ 2,000 ล้านบาท หนี้ 2,000 ล้านบาท หมายความว่าคนยังเป็นหนี้
2,000 ล้าน มันซื้อไปในราคา 200 ล้าน
พอมันซื้อเสร็จเรียบร้อยไอ้คนที่เป็นลูกหนี้มันยังอยู่ครบ
และมันมาเก็บคนที่ผ่อนรถในราคา 2,000 ล้านเหมือนเดิม แทนที่มันจะซื้อมา 200
แล้วมันก็บอกเอาละ ลดหนี้ให้ แล้วคิดแค่ 400 ก็พอ แทนที่มันจะเป็น 2,000
ไม่มันเก็บเต็มเลย และมันก็มาตั้งกองทุนกัน
และเอากองทุนพวกนี้ไปเข้าตลาดหลักทรัพย์
ไอ้ผู้จัดการกองทุนของฝรั่งที่มันมาปล้นคนไทยตอนนั้น
ในที่สุดมันรวยจนกระทั่งมันอยู่ได้ 1-2 ปี
มันลาออกจากบริษัทมันแล้วไปซื้อบ้านที่ภูเก็ตมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท
นี่ไงคือฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์" นายสนธิ กล่าวขยายความ
นายสนธิ กล่าวว่า
ช่วงนั้นรัฐบาลประชาธิปัตย์เคยลั่นปากบอกว่าจะไม่ให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
เข้ามาทำข่าว แล้วก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ก่อนลงเลือกตั้งเขามากินก๋วยเตี๋ยวกับตน และบอกว่าจะเล่นการเมือง
พร้อมที่จะเสียสละ เพราะรวยแล้ว พอแล้ว ก็เหมือนที่ไปหลอก พล.ต.จำลอง
แต่หลังจากนั้นพอทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ไปเรื่อยๆ
มีความรู้สึกว่าลักษณะทักษิณมันเริ่มทะแม่งๆ ก็เลยตัดสินใจไม่ยอมแล้ว
ถึงแม้จะเป็นรายการช่อง 9 ก็สู้ เอาความจริงขึ้นมาเผย
เรื่องละเมิดจัดพิธีใหญ่ที่วัดพระแก้ว แล้วในที่สุดตนก็ถูกปลดกลางอากาศ
ตอนที่สู้กับทักษิณครั้งนั้น แล้วทักษิณยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่
พรรคอื่นไม่ลงสมัคร ให้ทักษิณลงพรรคเดียว ในที่สุดทักษิณก็ไปจ้างนอมินีมา
ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจที่ถูกต้อง
แต่พอมามองย้อนหลังก็รู้ว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้งเพราะ
รู้ว่าลงยังไงก็แพ้ แต่ก็ถือว่าเขากล้าตัดสินใจ
และอยากให้เก็บตรงนี้เอาไว้แล้วเปรียบเทียบกับตอนที่มาเป็นรัฐบาลร่วมกับนาย
เนวิน ชิดชอบ จะได้ให้เห็นว่าคนเรามันเปลี่ยนไปเยอะ อุดมการณ์มันหายไปแล้ว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า 5
ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล
เราต้องยอมรับความจริงว่านักการเมืองถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล จน
ผลประโยชน์ไม่มี พอการชุมนุมของพันธมิตรฯจุดติด
พรรคประชาธิปัตย์ก็แห่แหนเข้ามาร่วมเลยทันที ส.ส.ภาคใต้
เอาพรรคพวกขึ้นมาร่วมชุมนุม
พอมองย้อนไปพวกที่มาจากสายประชาธิปัตย์ต้องการจะล้มทักษิณอย่างเดียว
เพื่อให้ประชาธิปัตย์ขึ้น เขามองคนละประเด็นกับเรา
เพราะเราต้องการหาทางปฏิรูปการเมือง
แต่ประชาธิปัตย์
บอกว่าพันธมิตรไล่ทักษิณออกไปแล้วเอาประชาธิปัตย์ขึ้น คล้ายๆพฤษภาทมิฬ 2535
ที่พล.ต.จำลองออกไปสู้กับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร
ตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สู้อะไรเลยหลบมุมอยู่ รอจังหวะ พอพล.ต.จำลอง
มีปัญหาปั๊บ เขาเสียบเข้ามาทันที
แล้วความที่กลัวว่าพล.ต.จำลองจะดึงมวลชนได้ ก็เลยเกิดวลีที่บอกว่า
"จำลองพาคนไปตาย" เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ ยุคหนึ่งสมัยนั้นนานแล้ว
ที่ให้คนวิ่งเข้าไปโรงหนัง ตะโกนบอกปรีดีฆ่ารัชกาลที่ 8
นี่คือผีมือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการใส่ร้ายคน
อย่างหน้าด้านๆเป็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว แล้วมันก็ถ่ายทอดมาตลอด
ไม่หยุดเลย
หลังจากนั้นเกิดการปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปนอกประเทศ
ประชาธิปัตย์ก็มองว่าทักษิณไปแล้วจบ รีบเลือกตั้งใหม่
แต่พอเลือกตั้งใหม่ประชาธิปัตย์ก็ยังแพ้
เลยไม่รู้จะพึ่งใครก็ต้องพึ่งไอ้สนธิ พี่ลอง พี่พิภพ สมเกียรติ
แล้วตอนนั้นสมศักดิ์ โกศัยสุข ก็อยู่ด้วย
ก็หวังว่าพวกเราจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง
เพราะว่าพวกเราเป็นตัวขับเคลื่อนจริงๆ
แล้วจุดเปลี่ยนคือการชุมนุมที่สนามบิน แทนที่ พล.อ.อนุพงษ์
เผ่าจินดา จะมองว่า ความขัดแย้งทางการเมืองแบบนี้มันเป็นเพราะว่า
ระบบการเมืองมันใช้ไม่ได้ ควรจะยุติให้นักการเมืองพัก อย่างน้อย 2-3 ปี
แต่ดันไปแอบจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์และนายเนวิน
จนกระทั่งประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล หลังจากไม่ได้เป็นมานาน
ทุกคนเลยลืมว่าครั้งหนึ่งเขาเคยปฏิเสธการเลือกตั้ง
เขามองว่ากูเป็นรัฐบาลแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วกูเกาะเอวเนวินได้ เข้าใจไหม
นี่คือการเกี๊ยะเซี๊ยะ และเนวินคือใคร
เนวินแท้ที่จริงแล้วคือตัวการที่สร้างกลุ่มเสื้อแดงขึ้นมา
เป็นบิดาแห่งเสื้อแดงเลย ทุกคนกระ***นกระหือรือ
ลืมอุดมการณ์ไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แล้วพวกสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ก็สร้างชุดภาษาว่าอย่างน้อยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่โปร่งใส
แล้วจะได้ควบคุมเนวินได้ ทำให้ทักษิณไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตได้
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับที่เชื่อหมดเลย เช่น
เนวินกลายเป็นฝ่ายมาควบคุมพวกเขา เกิดการทุจริตเต็มไปหมด
ตนโดนยิง จับคนร้ายไม่ได้
พอมาตอนหลังถึงรู้ว่าเขาเริ่มสืบแล้วมันเข้าไปถึงรัฐมนตรีคนหนึ่ง
ที่นั่งอยู่ในรัฐบาลเก่าเลยสั่งให้หยุด
มีการแอบเจรจาผลประโยชน์กับเขมร กรณีวีระ - ราตรี
ก็ไม่กล้าปกป้องรักษาดินแดนไทย รวมไปถึงเอ็มโอยู 2543
ตัวเองไม่สามารถยกเลิก แต่เอ็มโอยู 2544 ก็ไม่ยกเลิก ถอดยศทักษิณก็ไม่ทำ
มันเลยทำให้มีความรู้สึกว่าไอ้พรรคนี้ ทำไมแม่งโกหกเก่งฉิบหายเลย
ตนลูกเจ๊กธรรมดายังอายมันเลย
โดยที่เราแตกหักกันจริงๆตอนที่ชุมนุม 158 วัน
เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร เพราะเป็นครั้งแรกที่จับโกหกอภิสิทธิ์ได้รายวัน
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ บอกการเมืองมันต้องเล่นในสภา มาเล่นการเมืองนอกถนน
ริมถนน บนถนนได้ยังไง
แต่พอตัวเองโดนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ยุให้ทุกคนมาเล่นการเมืองริมถนน
จะเห็นว่าความตอแหลลงตับของคนพวกนี้มันมีอย่างชนิดที่เรียกว่ามันโกหกแบบ
หน้าด้านๆ
เรื่องแกนนำเสื้อแดงก็ไปเกี้ยเซียะตลอดเวลา
ตอนที่เหตุการณ์การเผาบ้านเผาเมืองจบจับแกนนำเสื้อแดง
ไปอยู่รีสอร์ตที่ค่ายนเรศวร มีอินเทอร์เน็ตให้เล่น มีหนังสือพิมพ์ให้ดู
แล้วแอบเจรจากันตลอด ประประนอมส่งคนไปประกันตัว
จะเห็นชัดว่าไอ้คนที่เกี๊ยะเซี๊ยะเสื้อแดงไม่ใช่เรา แต่เป็นพวกนี้ตลอดเวลา
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ที่น่าทุเรศที่สุดคือเรื่อง น.ส.ราตรี
อันนี้ตนรับไม่ได้ที่พวกประชาธิปัตย์ออกมาต่อว่าเรื่องเข้าพบนายกฯ
ถ้าฉลาดสักนิดน่าจะดูออกว่าเขาไปตามมารยาทในฐานะที่ยิ่งลักษณ์เป็นนายก
รัฐมนตรี
และที่สำคัญเขาไปยืนยันต่อหน้ายิ่งลักษณ์ว่าเขายืนอยู่บนแผ่นดินไทย
เป็นมัดตัวยิ่งลักษณ์และหวังว่าจะปกป้องชาติบ้านเมือง
อย่าให้เหมือนกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่อุบาทว์ที่สุดคือ นายพนิช
วันที่เดินเข้าไปที่พื้นที่ซึ่งมีคลิปยืนยันชัดเจน
พูดโทรศัพท์เองว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนสั่งการ นายอภิสิทธิ์ก็ยอมรับ
แต่พอวันที่ไปรับน.ส.ราตรี กลับมา ดันบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์
ไม่มีใครสั่งการ
สรุปด้วยเหตุนี้มันเลวพอๆ กับพรรคเพื่อไทย โครงการไทยเข้มแข็งก็โกง
เหมือนกับไอ้โครงการจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย
ขอให้เป็นนักการเมืองมันระยำทั้งสิ้น
นายสนธิ ยังกล่าวถึงการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ว่า
จะเลือกคนไหนก็ได้ มันเป็นอิสระเสรีภาพ
ตนมองว่าชีวิตตนไม่ต้องการเป็นทาสความคิดใคร ไม่ต้องการเป็นทาสความกลัวใดๆ
ตัดสินใจยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องที่คิดว่าการเลือกของตนนี่ถูกต้อง
แล้ว และจะไม่ยอมเลือกใครเพียงเพราะว่ากลัวอีกคนจะได้
อย่างสมมุติถ้าตนจะเลือกใครคนนึงเป็นผู้ว่าฯ ถึงเขาจะไม่ได้
แต่ตนอยากให้กำลังใจ ถึงเขาจะแพ้แต่อย่างน้อยที่สุด 1
เสียงของตนให้เขาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ดีควรแก่การให้กำลังใจ
เพื่ออีกหน่อยคนดีๆจะได้กล้าออกมาบ้าง อย่าตกอยู่ในหลุมพรางแห่งความกลัว
ถ้ายังวนเวียนอยู่ในวัฏจักรเน่าๆเหมือนเดิม ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาแล้ว ต้องคิดเป็น เพราะว่า คนที่คิดไม่เป็น
และโง่ถูกชุดภาษาและวาทกรรมหลอกไปอย่างนี้ วนอยู่เพียงแค่นี้
ถ้าไม่ชอบแล้วยังไง ถึงไม่ชอบก็ต้องเลือก เพราะอีกฝ่ายมันเผาบ้านเผาเมือง
แล้วยังไง ก็อธิบายให้ฟังแล้วไง ไอ้ 2 ตัวนี้ มีตัวไหนดี เลวพอๆกัน
ไม่มีเลวกว่าใคร