59 replies to this topic

[sigree]

ตอนนี้ผมอยู่หาดใหญ่

 

มีข่าวมาตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะวางระเบิดในตลาดเปิดท้าย ตลาดนัด ฯลฯ

 

วันนี้ไปตาดนัดเมื่อเช้าตำรวจเยอะมาก

 

อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจคือไม่มีใครบ่นเรื่องที่มาของเหตุอันหมายถึงเรื่องการปะทะ  เหมือนกับมองว่าตอนนี้คือการรบจริงๆและเข้าใจถึงเหตุนั้น ไม่มีใครบ่นถึงความลำบากใดๆให้ได้ยิน

 

ผมมองว่างานนี้ได้แรงหนุนจำนวนมากจากท้องที่ และเกิดการร่วมใจ  ไม่มีเสียงบ่นอะไรนัก

 

อาจเพราะทุกคนทุกฝ่ายมองตรงกัน  นี้การการรบการสู้ ไม่ใช่วิธีแบบกองโจรอย่างเคยๆไม่ว่าฝ่ายใด

[เช never die]

ไอ้คนโกหกตอแหล ปลุกระดมมวลชนควายแดง แล้วย่องเงียบเอาทรัพย์สมบัติชาติไปนั่งเสวยสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง

 

ปล่อยให้คนในชาติ เจ้าหน้าที่ - ชาวบ้าน รบราฆ่าฟันกันตายไปแล้วกว่า 5,500 ศพ โดยไม่รู้ว่าฆ่ากันเพื่ออะไร อีกฝ่ายก้บอกว่าเพื่อระบายความคั่งแค้น อีกฝ่ายก็อ้างว่าเพื่อรักษาความสงบของบ้านเมือง แต่ไอ้ตัวคนจุดไฟ ไปนั่งเสวยสุขอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว

[เสรีไทไชโย]

ถ้าไม่เห็นเค้าเป็นคนไทยเหมือนคุณเหมือนผม ตั้งแต่ตอนนั้น ถามจริงๆเถอะ แล้วจะไปยื้อไอ้สามจังหวัดนั้นให้เป็นประเทศไทยไปทำไม ???

คุณสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนหรือครับ

[b...]

โดนมัดจับขึ้นท้ายรถไปด้วย หรือว่าแค่อ่านข่าวแล้วเกิดอารมณ์ครับ

 

 

 

เลว กว่า สัตว์ นรก

[เช never die]

ถ้าไม่เห็นเค้าเป็นคนไทยเหมือนคุณเหมือนผม ตั้งแต่ตอนนั้น ถามจริงๆเถอะ แล้วจะไปยื้อไอ้สามจังหวัดนั้นให้เป็นประเทศไทยไปทำไม ???

คุณสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนหรือครับ

 

คุณสนับสนุนการฆาตกรรม 90 ศพที่ตากใบหรือครับ

 

แต่ที่แน่ๆ คุณสนับสนุนฆาตกร 5500 ศพที่ชื่อทักษินแน่ๆ ใช่ป่ะ

 

[Axis Kernel]

ลัทธิก่อการร้ายได้กลายเป็น"หอกเล่มใหญ่" ไล่ล่าฆ่าคนปานว่าเล่นบนโลกกลมๆใบนี้ โจรปัตตานีได้ใช้ลัทธิก่อการร้าย ทำสงครามกับรัฐบาล

รัฐบาลที่ไม่มีความรู้พื้นฐานในปัญหาของตนเอง ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ก่อการร้ายอย่างขนานใหญ่ สิ่งที่ทำให้ตกเป็นเหยื่ออย่างร้ายกาจได้แก่ "ยุทธวิธี" ที่แตกต่างกัน โจรก่อการร้ายยิงมาจากมุมมืด...ยิงตายแล้ว กระโดดขึ้นคร่อมศพ เยี่ยวรดศพ ประจานให้เสียหาย แล้วคว้าอาวุธของทหารตำรวจติดมือไปด้วย

ทหาร ตำรวจ อยู่ในที่สว่าง...เป็นที่โล่งตา มองเป็นเป้านิ่ง จึงถูกถล่มอย่างเมามัน นอกจากนี้โจรปัตตานียังใช้วิธีการก่อวินาศกรรม (Sabotage) เช่นวางระเบิดทางรถไฟ ขุดหลุมให้รถตกไปทั้งคัน จุดระเบิดด้วยมือ วิธีแบบนี้วงการลัทธิก่อการร้ายเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "แซบโบตาจ" ดังที่วงเล็บเอาไว้

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ตกอยู่ในสถานการณ์สงครามโจรก่อการร้าย ที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชน โดยมีความไม่มั่นคงของดินแดนเป็นเดิมพัน รัฐบาลยังไม่ได้ขยับทิศทางแก้ปัญหาที่เป็นแฟคเตอร์ที่แท้จริงเลย

จะเห็นการก่อการร้ายมีภาพความเลวร้ายเพียงใด ภาพเหล่านี้ฟ้องให้เห็นสถานการณ์ที่แท้จริงว่า มันเป็นสถานการณ์ก่อการร้ายที่จะต้องหาทางทำให้สงบ...ไม่ว่าจะสูญเสียมากมายเพียงใด เพราะว่า ถ้าโจรไม่เลิก ก็อย่าหวังเลยว่า 30 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะร่มเย็นขึ้นมาได้

ทหารหาญ...ก็ตายเกลื่อน  ทหาร ตำรวจ อยู่ในที่โล่ง โจรปัตตานี เร้นกายอยู่กับมุมมืดและฝูงชน ไม่ง่ายเลยที่จะปกป้องตัวเอง ทหารเองถือปืนเป็นเป้านิ่ง เขาจะยิงเมื่อใด...จากมุมไหน ใครจะไปรู้ รู้อีกที..ตายเป็นผีไปแล้ว

ฝ่ายรัฐบาล ได้พยายามอย่างใหญ่หลวง ที่จะใช้วิธีการ "สมานฉันท์" ด้วยการส่งทหารไปคุ้มครองประชาชน นั้นเป็นผลพวงทางความคิดที่ถูก "ไส้ศึก" วางแผนให้หลงทางทหารกับตำรวจ จึงกลายเป็นเหยื่อคนแล้วคนเล่า ประชาชนล้มตายเป็นใบไม้ร่วงถูกเผา ถูกฆ่าตัดคอถูกถล่มกลางสวนยาง และไม่เว้น...ทหารหาญ ก็ตายเกลื่อน

บังเกอร์ จุดยั่วการโจมตี  ทหารคิดว่า บังเกอร์จะช่วยให้ปลอดภัยได้ นั่นเป็นความเข้าใจแบบทหาร พวกโจรปัตตานี ชอบนัก...บังเกอร์ ง่ายและสะดวกในการยิงถล่ม

บังเกอร์ไม่สามารถป้องกันได้เลย การรบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นนรกของทหาร เพราะว่า...โจรไม่มีบังเกอร์ โจรมาวูบใหญ่เหมือนโจรนินจา...ถล่มแล้วถอย

ระเบิดวัด เมื่อเห็นภาพแล้ว ขอให้ใช้สติปัญญาการอ่าน อย่าเข้าใจว่าเป็นการปลุกระดม แต่ขอให้เข้าใจที่เปิดโปงแผนการของโจรปัตตานี อาศัยการสร้างคัมภีร์ปลอม หลอกลวงพี่น้องอิสลามว่า "ฆ่าพุทธแล้วได้บุญ" โดยเฉพาะการทำลายวัด ฆ่าพระ ยิ่งจะได้บุญมาก คำหลอกลวงพวกนี้ ถ้าหลอกลวงแล้วไม่มีคนเชื่อก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามีอยู่ว่า มีคนหลงเชื่อ ว่าฆ่าพระ ฆ่าชาวพุทธแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ทำให้พระและวัดได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส ชาวพุทธทั้งหลาย ถูกไล่ล่าฆ่าฟัน

ถ้าไม่หนีเอาตัวรอด ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีรอให้ราชการมาแก้ปัญหาจนป่านนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้

ยิ่งอำนาจรัฐในห้วงเวลานี้ไม่มีเหลือแล้ว ยิ่งหมดโอกาสแก้ ดังนั้น วิธีหนึ่ง ที่จะต้องทำให้เห็น คือชี้ให้ดูว่า พวกโจรปัตตานีเล่นงานวัดอย่างป่าเถื่อน วัดตันหยงมัสที่ถูกวางระเบิด โดยที่ชาวพุทธไม่เคยไปทำลายมัสยิดตอบโต้เลย คนพุทธไม่กล้าเพราะกลัวบาป

Edited by Axis Kernel, 17 February 2013 - 21:57.

[Axis Kernel]

"ตากใบ"  จุดหักเหตลอดกาลของ "พล.อ.พิศาล"

"พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี" ปัจจุบันนั่งเป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ชื่อนี้เป็นที่โจษจันอย่างกว้างขวางเมื่อปี 2547 

ในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง "แม่ทัพภาคที่ 4" ครองยศ "พล.ท." ผู้เป็นลูกครึ่งนนทบุรี-ขอนแก่น แต่เกิดเชียงใหม่ ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ดับไฟใต้ที่ลุกโชนรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

แม้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขคนใต้ แต่การลงสัมผัสพื้นที่ปลายด้ามขวาน ตั้งแต่ติดยศ "ร้อยตรี" กระทั่งเจริญเติบโตขึ้นเป็น "แม่ทัพภาค" ย่อมดูแคลนในตัวตนเสียมิได้

ตลอดเส้นทางชีวิตใต้ชุดพรางของนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 9 (ตท.9) ผู้สวมอาภรณ์ "นายทหารเสือราชินี" แห่งกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) กับความภาคภูมิใจในตำแหน่ง "ราชองครักษ์พิเศษ" ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายงานรับใช้เบื้องยุคลบาททุกพระองค์ ที่ "พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์"

กว่า 40 ปีที่ทำทั้งงานยุทธการ มวลชน และการพัฒนาในภาคใต้ กลับถูกบันทึกภาพ "ฉากจบ" ที่เจ้าตัวสารภาพอย่างลูกผู้ชายว่าเป็น "ปมในใจ" มากระทั่งวันนี้ กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 

สร้าง "ฝันร้าย" ให้เขา เมื่อมีผู้เสียชีวิตหลังจับกุมและลำเลียงไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ถึง 85 ศพ 

จากนั้นเส้นทางชีวิตของนายทหารผู้ถูกขนานนามจากประชาชนไทยพุทธ-ไทยมุสลิมในพื้นที่ว่าเป็น "แม่ทัพแห่งรอยยิ้ม" ก็จบลงทันที ด้วยการถูกตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบ และชี้มูลความประมาทในขั้นตอนปฏิบัติ จนกระทรวงกลาโหมตั้งกรรมการลงโทษทางวินัย ถูกย้ายไปประจำ ริบบำเหน็จ และบันทึกประวัติ 

"ผมเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนะ แต่ยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้ทหารฆ่าประชาชน เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว แล้วในวันนั้น ทั้งโต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม กรรมการอิสลามจังหวัด ฯลฯ ก็อยู่กับผมทั้งหมด ผมจำได้ หลังผมไปออกรายการ ผมยกมือไว้ขอโทษพี่น้องมุสลิม เพราะเราไม่อยากให้เกิดแบบนั้น" พล.อ.พิศาลเล่าเสียงสั่นเครือ สลับเสียงทอดลมหายใจที่แผ่วบาง 

ในขณะที่แววตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ เขาพูดต่อว่า "ผมคนเดียว ผมยอมได้ คดีในศาลตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมก็ต่อสู้โดยลำพัง ผมไม่ว่า แต่กลับทำให้เราซาบซึ้งเป็นที่สุด แม้ฝ่ายรัฐจะปล่อยเราไว้ลำพัง แต่คนที่ช่วยเรากลับเป็นพี่น้องในพื้นที่ ทั้งพยานบุคคลอะไรต่างๆ อิหม่าม โต๊ะครู พ่อแม่ผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะสื่อในพื้นที่ที่ถ่ายภาพการลำเลียงชาวบ้านทับกันไปลงข่าว ทุกคนช่วยผม ไม่เช่นนั้นผมติดคุกไปแล้ว" 

อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สูดหายใจลึก ก่อนเปลี่ยนบทสนทนา มาเล่าเส้นทางชีวิตของตัวเอง

"ชีวิตผมเริ่มต้นในครอบครัวทหาร พ่อ (พ.อ.เจริญ วัฒนวงษ์คีรี) และแม่รับราชการที่เชียงใหม่ ผมเลยเกิดที่นั่น"

อดีตนักเรียนสาธิตจุฬาฯ รุ่น 3 เล่าภาพความทรงจำ เพื่อนร่วมรุ่นในชั้นทดลองผสมผสานหลากชั้นวรรณะ ทั้งลูกนักการเมืองสูงศักดิ์ ลูกพ่อค้าวาณิช ไปจนลูกชาวบ้านร้านตลาด กับถาพเพื่อนร่วมรุ่นที่รักใคร่ ไม่ว่าจะเป็น "จักรธรรม ธรรมศักดิ์" บุตรชาย "ดร.สัญญา ธรรมศักดิ์" "ไมตรี อึ๊งภากรณ์" บุตรชาย "ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์" "นพ.ทนงสรรค์ สุธาธรรม" บุตรชาย "สุพัฒน์ สุธาธรรม" 

ก้าวแรกของการสัมผัสชีวิตลายพรางของ "พล.อ.พิศาล" เริ่มในโรงเรียนเตรียมทหาร เพื่อนรุ่นเดียวกัน อาทิ "ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์" "พล.อ.วิชิต ยาทิพย์" ฯลฯ ก่อนแนบแน่นในสถาบันทหารขึ้นอีกด้วยการเข้าโรงรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) 

"จบมาเราก็รับราชการปกติ ติดยศร้อยตรีปี 2516 แต่จุดเปลี่ยนวันนั้น ที่เกิดเหตุกบฏ 26 มีนาคม 2520 ก็ได้นำกำลังไปปิดล้อมและสามารถยึดพื้นที่สวนรื่นฤดีคืนได้ ตอนนั้น พล.ท.จวน วรรณรัตน์ (อดีตแม่ทัพภาคที่ 4) เข้าไปเจรจา เนื่องจากเคยอยู่พล ร.9 (กลุ่มกบฏยังเติร์กกำลังทหารหลังจาก พล ร. 9 กาญจนบุรี) มาก่อน ผมจึงได้รู้จักกับ พล.ท.จวนตั้งแต่บัดนั้น"

และทำให้ชีวิตในปักษ์ใต้ของ "พล.อ.พิศาล" เริ่มจากวันนั้น เมื่อ "พล.ท.จวน" ขึ้นป็นแม่ทัพภาคที่ 4 "พล.อ.พิศาล" ก็ถูกเรียกให้ไปเป็น "นายทหารคนสนิท (ทส.)" ทันที 

เขาได้สัมผัสงานภาคใต้ในช่วงปี 2521 ติดยศร้อยเอก ในยุคที่ประเทศไทยยังเต็มไปด้วย "พื้นที่สีแดง" ของ "ขบวนการคอมมิวนิสต์" โดยเฉพาะในภาคใต้ เรียกได้ว่าเพียบเสียยิ่งกว่าเพียบ

เกิดภาพหนึ่งในความทรงจำที่เขาไม่รู้ลืม ในช่วงที่ "คอมมิวนิสต์" ชุดสุดท้ายวางอาวุธ ภายใต้มาตราการ 66/2523 

"ตอนนั้น พล.ท.วันชัย จิตต์จำนงค์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เราเริ่มคิดกันว่า น่าจะมีการทดลองแลกเปลี่ยนความคิดกันดู จึงใช้วิธีให้คนของเราที่สามารถติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามได้ ขึ้นไปนัดแนะกัน เหตุการณ์นั้นต้องขึ้นไปคนเดียว ผมตัดสินใจขึ้นเขาทางน้ำตกโตนงาช้าง รอยต่อเทือกเขาบรรทัดตอนตีสอง ไปคนเดียวโดดๆ" 

เขาเล่าความคึกคะนองตอนหนุ่มปนเสียงหัวเราะ...

"พล.ท.วันชัยบอกว่าน่าจะสติไม่ดี ตอนนั้นเราขึ้นไปหา ผกค.ชุดสุดท้าย สาเหตุที่รู้ว่าเป็นชุดสุดท้าย ซึ่ง ผกค.ได้ยอมนำเครื่องมือแพทย์จากสวีเดนมามอบให้กองทัพ ในทางการทหาร ถือว่ายอมถึงจุดสุดท้าย เพราะยอมส่งมอบเครื่องมือรักษาชีวิตคน"

จากนั้น "พื้นที่สีแดง" ผืนสุดท้ายของภาคใต้ ก็เปลี่ยนเป็น "พื้นที่สีเขียว" 

มายุค "พล.ท.กิตติ รัตนฉายา" เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 "พล.อ.พิศาล" ก็เดินงานเจรจากับฝ่ายตรงข้ามต่อเนื่อง เขายอมรับว่า วิธีการของเขา ทำให้ทางการไม่พอใจนัก แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีเจตนาเพ่อสร้างสันติสุขและความสงบในพื้นที่ จึงเดินหน้าต่อไป 

"ต่อมาเรามีการประสานงานกับ จคม. เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาคือท่านจีนเป็ง ตอนนั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น ผบ.ทบ. ผมให้ท่านย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ทะเบียนบ้านผมที่ กทม. เพื่อให้ท่านเดินทางไปไหนต่อไหนได้เพื่อประโยชน์กระบวนการเจรจา

"การรบกันอย่างเดียวให้ตายไปข้างหนึ่ง มันไม่ใช่ทางออก เพราะเราต้องยึดถือว่าทุกคนที่เป็นแบบนี้ พร้อมที่จะกลับตัวตลอดเวลา จะเห็นได้จากมาตรการ 66/2523 คนที่กลับออกจากป่าหลายคนวันนี้ ก็มาเป็นรัฐมนตรี มีตำแหน่งใหญ่โตเยอะ ต้องนึกว่าเหรียญมี 2 ด้านเสมอ แม้กระทั่งตัวเรา ไม่มีใครดีหรือชั่ว 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่การปรับความเข้าใจกันเท่านั้นเอง" 

เป็นความเชื่ออย่างแรงกล้าของชายชื่อ "พิศาล" ที่ย้ำตลอดการสนทนา

แต่ทว่า วิธีการทำงานแบบที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่เข้าใจ นำผลร้ายและเศษแก้วในใจ "พล.อ.พิศาล" ในช่วงที่ขบวนการก่อความไม่สงบพัฒนาการก่อเหตุรุนแรงหลังเหตุการปล้นปืนปี 2547 

"แม่ทัพภาค 3" ได้เข้าหา "สะแปอิง บอซอ" ครูใหญ่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา และตั้งให้เป็นที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งขัดหูขัดตาหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย 

"ต้องยอมรับว่าท่านสแปอิงมีลูกศิษย์เยอะมาก เป็นแสนๆ คน แน่นอนมีทั้งคนดี คนไม่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นผู้นำทางความคิด ตอนนั้นท่านช่วยเราได้มาก เอาลูกหลานเรากลับมาได้หลายคน ตอนนั้นผมทำโครงการอบรม มีลูกหลานเราที่หลงผิดกลับมา 3-4 พันคน ผมเปิดบ้านพักของผมในค่ายให้เด็กๆมาพัก เขาไว้ใจเรามากขึ้น ให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกันหมด เราได้มาเยอะ ตอนนั้นผมยังแอบฟังเด็กๆ คุยกัน เป็นภาษาอาหรับหมดเลย ผมจึงคิดว่าเราล้าหลังแล้ว เด็กไม่ได้พูดมลายูท้องถิ่นกันแล้ว ฟังยาก ทหารเราเองยังไม่ขยับไปสอนภาษาอาหรับก่อนลงมาทำงานเลย

"แต่มันน่าเศร้า ท่านสะแปอิง จากเป็นที่ปรึกษาแม่ทัพ ตอนหลังกลับถูกตั้งค่าหัว 20 ล้านบาท หาว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ ทีนี้เด็กๆ เหล่านั้นก็หลุดมือเราไปหมด คิดว่าเราหักหลัง ทุกอย่างที่ทำมาก็จบลง"

แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...

"ที่จริงเรื่องตากใบ ลูกหลานหลายคนก็เคยมานอนที่บ้านผม ผมเสียใจ ผมไม่ได้ทิ้งเหตุการณ์ ต้องอย่าลืมว่าช่วงนั้นมีการประทับอยู่ใกล้พื้นที่นั้นเรามีหน้าที่ถวายอารักขา เราจะไปสั่งฆ่าได้ยังไง ในเมื่อเป็นลูกหลานเราทั้งนั้น หลายคนเคยไปกินไปนอนกับผม และผมเสียใจตรงนี้ ไม่ได้มาเรียกร้องอะไร 

"ไม่มีใครอยากให้ใครตาย ผมออกมาอนาคตหมดเลย เหลืออีก 8 ปีจะเกษียณ ไม่เหลืออนาคตอะไรเลย ไม่ได้ฝันอะไรมากมายไปกว่านี้ เป็นร้อยตรีมีเท่าไหร่ เกษียณมาก็อยู่เท่านั้น ที่อยู่ทุกวันนี้จะร้อยตรี หรือพลเอกก็เหมือนกัน ไม่ได้ยึดติดตรงนั้นเลย"

Edited by Axis Kernel, 17 February 2013 - 23:31.

[เช never die]

 

แล้วนี่อะไร ล้มแล้วกระทืบ กระทืบแล้วเตะซ้ำ เตะซ้ำแล้วหวดด้วยพานท้ายปืน ท่านไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรือครับ จึงได้ปล่อยให้ข้าราชการชั่วมันยำมือยำตรีนใส่ชาวบ้านอย่างป่าเถื่อนและเมามัน

 

แต่ก็ยอมรับน้ำใจละโมภของท่านละนะ อุตสาห์ออกมารับหน้าแทนทักษิน พัลลภ ชวลิต ได้ไปกี่หลักละครับ สุดท้ายเค้าก็กลับมาปูนบำเน็จท่านให้มีตำแหน่งชูคออยู่ในรัฐบาลจนได้นั่นแหละ

 

จะอย่างไร ทักษิน พัลลภ ชวลิต ก็ปัดสวะพ้นตัวไปไม่ได้ ในฐานะเจ้าของนโยบายครับ

Edited by เช neverdie, 18 February 2013 - 01:49.

[เช never die]

ลัทธิก่อการร้ายได้กลายเป็น"หอกเล่มใหญ่" ไล่ล่าฆ่าคนปานว่าเล่นบนโลกกลมๆใบนี้ โจรปัตตานีได้ใช้ลัทธิก่อการร้าย ทำสงครามกับรัฐบาล

รัฐบาลที่ไม่มีความรู้พื้นฐานในปัญหาของตนเอง ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ก่อการร้ายอย่างขนานใหญ่ สิ่งที่ทำให้ตกเป็นเหยื่ออย่างร้ายกาจได้แก่ "ยุทธวิธี" ที่แตกต่างกัน โจรก่อการร้ายยิงมาจากมุมมืด...ยิงตายแล้ว กระโดดขึ้นคร่อมศพ เยี่ยวรดศพ ประจานให้เสียหาย แล้วคว้าอาวุธของทหารตำรวจติดมือไปด้วย

ทหาร ตำรวจ อยู่ในที่สว่าง...เป็นที่โล่งตา มองเป็นเป้านิ่ง จึงถูกถล่มอย่างเมามัน นอกจากนี้โจรปัตตานียังใช้วิธีการก่อวินาศกรรม (Sabotage) เช่นวางระเบิดทางรถไฟ ขุดหลุมให้รถตกไปทั้งคัน จุดระเบิดด้วยมือ วิธีแบบนี้วงการลัทธิก่อการร้ายเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "แซบโบตาจ" ดังที่วงเล็บเอาไว้

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ตกอยู่ในสถานการณ์สงครามโจรก่อการร้าย ที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชน โดยมีความไม่มั่นคงของดินแดนเป็นเดิมพัน รัฐบาลยังไม่ได้ขยับทิศทางแก้ปัญหาที่เป็นแฟคเตอร์ที่แท้จริงเลย

จะเห็นการก่อการร้ายมีภาพความเลวร้ายเพียงใด ภาพเหล่านี้ฟ้องให้เห็นสถานการณ์ที่แท้จริงว่า มันเป็นสถานการณ์ก่อการร้ายที่จะต้องหาทางทำให้สงบ...ไม่ว่าจะสูญเสียมากมายเพียงใด เพราะว่า ถ้าโจรไม่เลิก ก็อย่าหวังเลยว่า 30 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะร่มเย็นขึ้นมาได้

ทหารหาญ...ก็ตายเกลื่อน  ทหาร ตำรวจ อยู่ในที่โล่ง โจรปัตตานี เร้นกายอยู่กับมุมมืดและฝูงชน ไม่ง่ายเลยที่จะปกป้องตัวเอง ทหารเองถือปืนเป็นเป้านิ่ง เขาจะยิงเมื่อใด...จากมุมไหน ใครจะไปรู้ รู้อีกที..ตายเป็นผีไปแล้ว

ฝ่ายรัฐบาล ได้พยายามอย่างใหญ่หลวง ที่จะใช้วิธีการ "สมานฉันท์" ด้วยการส่งทหารไปคุ้มครองประชาชน นั้นเป็นผลพวงทางความคิดที่ถูก "ไส้ศึก" วางแผนให้หลงทางทหารกับตำรวจ จึงกลายเป็นเหยื่อคนแล้วคนเล่า ประชาชนล้มตายเป็นใบไม้ร่วงถูกเผา ถูกฆ่าตัดคอถูกถล่มกลางสวนยาง และไม่เว้น...ทหารหาญ ก็ตายเกลื่อน

บังเกอร์ จุดยั่วการโจมตี  ทหารคิดว่า บังเกอร์จะช่วยให้ปลอดภัยได้ นั่นเป็นความเข้าใจแบบทหาร พวกโจรปัตตานี ชอบนัก...บังเกอร์ ง่ายและสะดวกในการยิงถล่ม

บังเกอร์ไม่สามารถป้องกันได้เลย การรบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นนรกของทหาร เพราะว่า...โจรไม่มีบังเกอร์ โจรมาวูบใหญ่เหมือนโจรนินจา...ถล่มแล้วถอย

ระเบิดวัด เมื่อเห็นภาพแล้ว ขอให้ใช้สติปัญญาการอ่าน อย่าเข้าใจว่าเป็นการปลุกระดม แต่ขอให้เข้าใจที่เปิดโปงแผนการของโจรปัตตานี อาศัยการสร้างคัมภีร์ปลอม หลอกลวงพี่น้องอิสลามว่า "ฆ่าพุทธแล้วได้บุญ" โดยเฉพาะการทำลายวัด ฆ่าพระ ยิ่งจะได้บุญมาก คำหลอกลวงพวกนี้ ถ้าหลอกลวงแล้วไม่มีคนเชื่อก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามีอยู่ว่า มีคนหลงเชื่อ ว่าฆ่าพระ ฆ่าชาวพุทธแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ทำให้พระและวัดได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส ชาวพุทธทั้งหลาย ถูกไล่ล่าฆ่าฟัน

ถ้าไม่หนีเอาตัวรอด ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีรอให้ราชการมาแก้ปัญหาจนป่านนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้

ยิ่งอำนาจรัฐในห้วงเวลานี้ไม่มีเหลือแล้ว ยิ่งหมดโอกาสแก้ ดังนั้น วิธีหนึ่ง ที่จะต้องทำให้เห็น คือชี้ให้ดูว่า พวกโจรปัตตานีเล่นงานวัดอย่างป่าเถื่อน วัดตันหยงมัสที่ถูกวางระเบิด โดยที่ชาวพุทธไม่เคยไปทำลายมัสยิดตอบโต้เลย คนพุทธไม่กล้าเพราะกลัวบาป

 

5,500 ศพที่ตายไปแล้วจากนโยบาย "คิดใหม่ ทำใหม่" หรือ "คิดอัปปรีย์ ทำจันไร" มีทั้งศพทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน ทั้งที่รู้อิโหน่อิเหน่ และชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ว่าจะเป็น "นโยบายฆ่าตัดตอน 2500 ศพ" - "การยุบ ศอ.บต." - "การยุบ พตท.43" - "และไอเดียควายๆของทักษินในการพับนกกระดาษปัญญาอ่อน ที่มีควายปัญญาอ่อนทั่วประเทศทุกระดับมาร่วมเป็นควายพับนกกระดาษกับทักษินไปโปรยใส่หัวชาวบ้าน"

[หนูอ้อย]

"ไม่มีใครอยากให้ใครตาย ผมออกมาอนาคตหมดเลย เหลืออีก 8 ปีจะเกษียณ ไม่เหลืออนาคตอะไรเลย ไม่ได้ฝันอะไรมากมายไปกว่านี้ เป็นร้อยตรีมีเท่าไหร่ เกษียณมาก็อยู่เท่านั้น ที่อยู่ทุกวันนี้จะร้อยตรี หรือพลเอกก็เหมือนกัน ไม่ได้ยึดติดตรงนั้นเลย"

 

พิศาล..ทหารซวย  ไทม์มิ่งขึ้นมาโตสุดในภาค 4 ตอนแม้วสั่งยุบศอ.บต.พอดี

ท่านก็ยอมรับชะตากรรมไปแล้ว ไม่รู้คนอื่นจะมาคร่ำครวญเป็นกระบอกเสียงหาอะไร

ต้องไปทวงถามความชอบธรรมจาก"ไอ้ฆาตกรมือเปื้อนเลือด 5,500 ศพ" โน่น