หลังจากตามอ่านมาหน้ากว่าๆเกือบสองหน้าไม่เห็นด้วยกับพี่โทนี่นะคะที่ต้องมาเติมอะไรท้ายชื่อหลังรู้ผล
การเลือกตั้งเป็นแค่ "เครื่องมือ" ชนิดหนึ่งสำหรับจัดการความคิดต่าง
เมื่อเห็นต่างกันก็ใช้โหวตแล้วอันไหนใครเห็นด้วยมากกว่าก็ชนะไปเอาความเห็นที่ชนะไปปฏิบัติ
แต่ขณะเดียวกันก็คุ้มครองเสียงข้างน้อยไม่ให้พวกมากลากไปโดยการตรวจสอบ โดยการร้องเรียน โดยการชุมนุมฯลฯ
ซึ่งการคุ้มครองเสียงข้างน้อยนี้ หากมีหัวใจเป็นประชาธิปไตยจริง ต้องให้เกียรติ-ต้องรับฟัง-ต้องไม่หยามเหยียดกันและกัน
โดยส่วนตัวของหนูอ้อย เมื่อการเลือกตั้ง 3 กค. 2554 ที่ปชป.ชนะ 23/10 ก็ไม่เห็นมีความคิดว่าต้องไปเยาะเย้ยใคร
ใจเรามันเชียร์ปชป.อยู่แล้วในแง่พรรคการเมือง(แต่ถ้าส.ส.บางคนทำไม่เข้าท่าเราก็ด่า เช่นตาลสาทิตย์เป็นต้น)
เพราะครอบครัวทางสายคุณตา-คุณแม่เป็นคนกทม.โดยกำเนิด
หนูอ้อยเห็นว่าการให้น้ำหนักการเลือกตั้งมากไป หากสุดโต่งก็จะเกิดเสียจริตที่เรียกว่า electo-mania
คือเถียงอะไรไม่ได้ก็เยาะเย้ยถากถางกันว่า กุชนะเลือกตั้งเว้ยโดยละเลยแก่นแท้ประชาธิปไตยข้อหนึ่งที่ให้เคารพเสียงข้างน้อยด้วย
เท่านี้แหละค่ะที่อยากแสดงความคิดเห็น คือดูการเลือกตั้งให้เหมือนสิ่งที่ผ่านมาแล้วจะผ่านไป อย่าเอาเป็นอารมณ์มากนักดีกว่า
ขอบคุณต่อความเห็นครับ หนูอ้อย
อย่าไปคิดมากเลยครับผมก็ทราบดี ว่าการเลือกตั้งมันอยู่บนเงื่อนไข
และองค์ประกอบที่เราไม่สามารถควบคุมได้อีกมาก
เพียงแต่ว่า การที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่า หากแพ้เลือกตั้งคราวนี้
ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็น TonyTheLoser นั้น เป็นความตั้งใจมาตั้งแต่สมัยเลือกตั้งใหญ่แล้วครับ
ถ้าถึงวันนี้ การเลือกตั้งสนาม (เกือบ) สุดท้าย
พรรคที่ผมเชียร์ ยังพ่ายแพ้ แม้ว่าจะเคยทำอะไรมาแค่ไหน
ก็คงเป็นเพราะคนอื่นอีกจำนวนมาก ไม่เห็นเช่นที่เราเห็น
พรรคนี้ก็สมควรจะเรียกได้ว่า พรรคขี้แพ้
และผม ซึ่งเป็นคนเชียร์ ก็ควรได้ชื่อว่า คนเชียร์พรรคขี้แพ้ไปด้วย
ตั้งเอาไว้เตือนสติตัวเองมั่ง เตือนพรรค ปชป มั่ง (เผื่อว่าใครได้เข้ามาอ่าน)
เพื่อที่เขาจะได้รู้ด้วย ว่ากลยุทธ์ต่างๆที่เขาใช้
มันไม่สามารถเอาชนะพรรคเผาเมืองได้ แม้แต่ในพื้นที่ที่เคยโดนเขาเผาไป
แต่มันก็เป็นเพียงชื่อในบอร์ดนี้เท่านั้นเองครับ
ชีวิตผม ก็ยังคงเป็นชีวิตของผมเอง
ผมเชียร์ แต่ไม่ได้ยึดติดจนจะเป็นจะตายกับความพ่ายแพ้ใดๆ
วิถีปกติของผม ก็ยังคงเป็นวิถีปกติเช่นเดิมครับ
(ข้างนอก ในเกมชีวิต ผมออกจะชนะบ่อยไป)
ผมเคยให้เหตุผลไปร้อยแปดแล้ว ว่าหากแพ้ ผมจะรู้สึกเช่นไร
มันไม่แย่หรอกนะครับ
เผลอๆ อาจเป็นการดีเสียอีก ที่คนกรุงเทพบางกลุ่มจะได้เห็นความจริง
รวมไปถึงคนบางกลุ่ม ที่ต้องการแสดงทางเลือกให้ตนเองแบบอินดี้
อาจจะได้รับรู้โดยชัดเจน ว่าผลเป้นเช่นไร
เราทำได้เท่าที่เราควรทำ และความสามารถของเรามีนี่ครับ
เราไปจับมือใครกาไม่ได้ เราไปเปลี่ยนความคิดเกลียดชังใครไม่ได้
ผลที่ได้ ก็ย่อมต้องตกแก่ทางเลือกของเขาเอง
รับรองได้ แม้ว่าวันนั้น ผมจะโดนเย้ยหยันเท่าไหร่
ก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ