“กฟผ.”ลั่นไฟครั้งนี้วิกฤตจริงแต่มั่นใจเอาอยู่3จุดกทม.แค่ไฟไม่เสถียร
http://www.manager.c...D=9560000022914
“กฟผ.”ออกโรงแจงละเอียดยิบกรณีปลุกให้ประชาชนตื่นประหยัดรับวิกฤตไฟ 5 เม.ย.เป็นเรื่องที่ต้องบริหารเพราะเสี่ยงจริง เหตุซ่อมแท่นก๊าซยาดานา พม่าครั้งนี้ตรงกับช่วงสำรองไฟไทยต่ำสุด เบื้องต้นทำทุกทางดึงไฟเพิ่มแล้ว 300 เมกะวัตต์ดันสำรองพุ่งเป็น 1,051 เมกะวัตต์ หากประชาชน เอกชนร่วมลดใช้ความเสี่ยงก็ยิ่งลดลง รับ 3 จุดกทม.แรงดันต่ำ รัชดา ลาดพร้าว บางกะปิ อาจทำให้ไฟไม่เสถียรคือ หรี่ลง แต่ไม่ถึงขั้นดับ
นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ได้สั่งการให้ กฟผ.เจรจาจัดหาไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อรองรับความเสี่ยงไฟฟ้าดับจากก๊าซฯ พม่าหยุดส่ง 5-14 เม.ย. ซึ่งวันที่ 5 เม.ย.จะเป็นวันที่เสี่ยงสุดเพราะมีกำลังสำรองพร้อมจ่ายต่ำสุดเพียง 760 เมกะวัตต์จากปกติจะต้องมีถึง 1,200 เมกะวัตต์ล่าสุดได้เจรจาโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศในการเพิ่มการผลิตไฟขึ้นอีก 291 เมกะวัตต์ทำให้สำรองไฟในวันดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 1,051 เมกะวัตต์ หากยิ่งทุกภาคส่วนร่วมมือก็จะลดความเสี่ยงไฟตก-ดับได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามจากที่ก๊าซฯพม่าหยุดส่ง ทำให้โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ พระนครใต้ ต้องหยุดผลิต ดังนั้น ระบบส่งไฟฟ้าที่ป้อนเข้าสู่กทม.-ปริมณฑล ที่ใช้ไฟฟ้ารวม 8,000 เมกะวัตต์ ก็จะต้องดึงมาจากโรงไฟฟ้าที่ห่างไกลมากขึ้น ซึ่งจะมีความสูญเสียของระบบสายส่ง โดยสถานีไฟฟ้าแรงสูงลาดพร้าว (รวมไปถึงถ.วิภาวดีรังสิต) สถานีไฟฟ้าแรงสูง รัชดา ,สถานีไฟฟ้าบางกะปิ มีความเสี่ยงเรื่องไฟฟ้าไม่เสถียรคือ คุณภาพไฟฟ้าที่จะหรี่ลงเพราะแรงดันไฟฟ้าจะต่ำ แต่ไม่ถึงขั้นไฟดับ เพราะ กฟผ.และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ได้ร่วมกันย้ายสลับวงจรไฟฟ้าในการให้บริการจึงมีไฟฟ้าเพียงพอ
นายธนาย้ำว่า ก๊าซฯพม่าหยุดส่งในรอบนี้ มีความเสี่ยงไฟฟ้าดับมากที่สุด เป็นเรื่องจริง เพราะปีนี้เแท่นขุดเจาะยาดานาทรุดตัว ต้องรีบซ่อมแซมเดิมจะดำเนินการในช่วงก.พ.ต่อมาเจรจาจะเป็นมี.ค.แต่ไทยขอให้เป็นช่วงสงกรานต์ที่เป็นช่วงใช้ไฟต่ำแต่ที่สุดก็เลื่อนมาเป็น 5-14 เม.ย. จึงไม่สามารถหยุดส่งช่วงความต้องการไฟฟ้าต่ำ หรือช่วงวันหยุดยาวได้ขณะที่วันที่ 5 เม.ย.56 คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีก จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 26,300 เมกะวัตต์ จึงทำให้สำรองพร้อมใช้ที่แท้จริงเหลือ 760 เมกะวัตต์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าสำรองไฟฟ้ามีมากกว่านี้ ก็เนื่องจากไปดูถึงภาพรวมของการผลิตไฟฟ้า แต่ไม่ดู้ข้อเท็จจริงว่า โรงไฟฟ้าพร้อมใช้นั้นมีจำนวนที่แท้จริงเท่าใด โดยปัจจุบันนี้ กำลังผลิตมีรวม 33,000 เมกะวัตต์ แต่มีโรงไฟฟ้าที่ไม่สามารถจ่ายได้จริงตามกำลังผลิต (DELATE) ประมาณ 1,900 เมกะวัตต์ ประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้าเอสพีพี อย่างน้อย 600 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำต่างๆที่เกิดปัญหาภัยแล้ง ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้ ในขณะที่โรงไฟฟ้าที่รับก๊าซพม่าเดินเครื่องไม่ได้อีก 4,100 เมกะวัตต์ ดังนั้น จึงเหลือโรงไฟฟ้าเดินเครื่องได้เพียง 27,000 เมกะวัตต์ เมื่อหักออกจากการคาดการณ์ว่าจะเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าในวันที่ 5 เม.ย.26,300 เมกะวัตต์ ดังนั้น สำรองไฟฟ้าพร้อมใช้ที่แท้จริงจึงเหลือเพียง 760 เมกะวัตต์เท่านั้น
"ก๊าซฯพม่าที่หยุดซ่อมแท่นยาดานา ซึ่งมีค่าความร้อนสูงขณะที่เยตากุนมีค่าความร้อนต่ำเวลานำมาใช้ต้องผสมกันเมื่อยาดานาหยุดเยตากุนก็ต้องหยุดด้วยจึงทำให้ก๊าซฯหายไป 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันซึ่งกระทบกับการผลิตไฟ 6,000 เมกะวัตต์แต่โรงไฟฟ้าราชบุรีสามารถรันเครื่องที่เป็นน้ำมันเตาได้ทันทีเลยทำให้ไฟหายไป 4,100 เมกะวัตต์"นายธนากล่าว
นายธนากล่าวว่า กฟผ.และ ปตท.ร่วมกันประเมินความเสี่ยงที่ แหล่งยาดานาจะซ่อมฐานขุดเจาะไม่เสร็จภายในวันที่ 14 เม.ย.โดยประเมินว่าเลวร้ายที่สุดจะซ่อมเสร็จ 21 เม.ย. จึงได้เตรียมสำรองน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นจากเดิม 86 ล้านลิตรเป็น 150 ล้านลิตร และดีเซลเพิ่มจาก 47 ล้านลิตรเป็น 80 ล้านลิตร