ไม่ใช่แค่พงศพัศ แต่คุณจะได้ "คางคก" เป็นของแถม!!
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มเปิดตัวทีมงานที่ปรึกษา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสร้างความฮือฮาเพราะประกอบไปด้วยกลุ่มนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ถึงราว 30 คน อาทิ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยกลับยังอุบไต๋เงียบยังไม่ยอมเปิดตัวทีมงาน ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัคร ชิงผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทยทั้งๆ ที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนวันหย่อนบัตร เลือกผู้ว่าฯ เมืองหลวงในวันที่ 3 มี.ค.นี้แล้ว
ทีมรองผู้ว่าฯ กทม. ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความน่าเชื่อถือและตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ของชาวกรุง ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยยังอุบไต๋ไม่ยอมเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯกทม. มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า เพราะมีใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เจ้าของพรรคเพื่อไทยมายังแกนนำพรรคเพื่อให้ผลักดัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสส.พรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553ร่วมเป็น 1 ในทีมรองผู้ว่าฯ กทม. หาก พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะการเลือกตั้งได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ตามแผน
สำหรับ นายจตุพร นั้นพลาดเก้าอี้รัฐมนตรีมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่ในการประชุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่โบนันซ่า
รีสอร์ท เขาใหญ่ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศต่อหน้ามวลชนคนเสื้อแดงว่า นายจตุพร จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอนในการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 3 แต่แล้ว นายจตุพร กลับต้องอกหัก ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงซึ่งเป็นรุ่นน้องอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับข้ามหัวได้ดีได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
นายจตุพร ซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวผสมกับความแค้นไว้แน่นอก และระบายแค้นด้วยการออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้ออกมากดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทบชิ่งไปถึงนายใหญ่อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งสัญญาณแสดงความไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตามสัญญา
การที่มีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมผลักดันให้ นายจตุพร เป็นรองผู้ว่าฯกทม.ร่วมทีมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ หากชนะศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการปูนบำเหน็จปลอบใจแก่นายจตุพร ตามคำมั่นสัญญาที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้ไว้ ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขณะนี้มีความแตกแยกในหลายเรื่องลุกลามบานปลายออกมาจนทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งถือเป็นกองกำลังสำคัญของระบอบทักษิณต้องล่มสลาย
นายจตุพร นั้นนอกจากจะเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 แล้ว ยังร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆเคยปราศรัยหมิ่นเหม่จาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูงมาหลายต่อหลายครั้งจนเคยถูกกองทัพแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน พล.ต.อ.พงศพัศ ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เคยประกาศอย่างมั่นใจว่าถึงพรรคเพื่อไทยจะส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครก็ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯเมืองหลวงแน่นอน
เพราะฉะนั้นการที่พรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความมั่นใจในการส่งเสาไฟฟ้าลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯเมืองหลวง และมีแผนที่จะตั้งแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองอย่างนายจตุพรร่วมทีมรองผู้ว่าฯกทม.จึงถือเป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของคนกรุงอย่างแรง ซึ่งวันที่ 3 มี.ค.จะได้รู้กันว่าชาวกทม.จะยอมหรือไม่
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มเปิดตัวทีมงานที่ปรึกษา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสร้างความฮือฮาเพราะประกอบไปด้วยกลุ่มนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ถึงราว 30 คน อาทิ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยกลับยังอุบไต๋เงียบยังไม่ยอมเปิดตัวทีมงาน ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัคร ชิงผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทยทั้งๆ ที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนวันหย่อนบัตร เลือกผู้ว่าฯ เมืองหลวงในวันที่ 3 มี.ค.นี้แล้ว
ทีมรองผู้ว่าฯ กทม. ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความน่าเชื่อถือและตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ของชาวกรุง ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยยังอุบไต๋ไม่ยอมเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯกทม. มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า เพราะมีใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เจ้าของพรรคเพื่อไทยมายังแกนนำพรรคเพื่อให้ผลักดัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสส.พรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553ร่วมเป็น 1 ในทีมรองผู้ว่าฯ กทม. หาก พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะการเลือกตั้งได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ตามแผน
สำหรับ นายจตุพร นั้นพลาดเก้าอี้รัฐมนตรีมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่ในการประชุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่โบนันซ่า
รีสอร์ท เขาใหญ่ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศต่อหน้ามวลชนคนเสื้อแดงว่า นายจตุพร จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอนในการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 3 แต่แล้ว นายจตุพร กลับต้องอกหัก ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงซึ่งเป็นรุ่นน้องอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับข้ามหัวได้ดีได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
นายจตุพร ซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวผสมกับความแค้นไว้แน่นอก และระบายแค้นด้วยการออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้ออกมากดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทบชิ่งไปถึงนายใหญ่อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งสัญญาณแสดงความไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตามสัญญา
การที่มีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมผลักดันให้ นายจตุพร เป็นรองผู้ว่าฯกทม.ร่วมทีมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ หากชนะศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการปูนบำเหน็จปลอบใจแก่นายจตุพร ตามคำมั่นสัญญาที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้ไว้ ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขณะนี้มีความแตกแยกในหลายเรื่องลุกลามบานปลายออกมาจนทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งถือเป็นกองกำลังสำคัญของระบอบทักษิณต้องล่มสลาย
นายจตุพร นั้นนอกจากจะเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 แล้ว ยังร่วมกับแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆเคยปราศรัยหมิ่นเหม่จาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูงมาหลายต่อหลายครั้งจนเคยถูกกองทัพแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน พล.ต.อ.พงศพัศ ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เคยประกาศอย่างมั่นใจว่าถึงพรรคเพื่อไทยจะส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครก็ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯเมืองหลวงแน่นอน
เพราะฉะนั้นการที่พรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความมั่นใจในการส่งเสาไฟฟ้าลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯเมืองหลวง และมีแผนที่จะตั้งแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองอย่างนายจตุพรร่วมทีมรองผู้ว่าฯกทม.จึงถือเป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของคนกรุงอย่างแรง ซึ่งวันที่ 3 มี.ค.จะได้รู้กันว่าชาวกทม.จะยอมหรือไม่
