เมื่อวานบอก "รัก" อาชีพนักการเมือง
พอพลาดกลับหลังหันเพ้อว่า "รัก" อาชีพตำรวจ
ถ้า "รัก" จริง..ใยจึงทิ้งเครื่องแบบไม่เหลือเยื่อใย
สรุป แว๊..ตอนนี้คุณ "รักอะไรกันแน่" หึ หึ หึ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 4 มีนาคม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงขั้นตอนการกลับเข้ารับราชการของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผบ.ตร.และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ลาออกไปสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่พ่ายแพ้ว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และมติคณะรัฐมนตรี ให้ข้าราชการประจำทุกระดับใช้สิทธิ์ลาออกเพื่อไปสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นการสนับสนุนประชาธิปไตย โดยจะสงวนตำแหน่งไว้ก่อน ซึ่งหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนก็ดำเนินการเหมือนกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีระเบียบในเรื่องนี้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการกลับเข้ารับราชการนั้น หากพล.ต.อ.พงศพัศประสงค์จะขอกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรองผบ.ตร.ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิม หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รับรองผลให้ยื่นความประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดภายใน 30 วัน นับจากวันที่กกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการ เมื่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดในกรณีนี้คือพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. อนุมัติ ก็จะเข้าที่ประชุมก.ตร.ลงมติเห็นชอบให้กลับเข้ารับราชการ จากนั้นก็นำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯก็สามารถกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิมได้ ส่วนตำแหน่งเลขาฯป.ป.ส.เป็นตำแหน่งที่อนุมัติโดยมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนละส่วนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.ต.อ.อดุลย์ได้สั่งให้ผู้เกี่ยวข้องกับการกลับเข้ารับราชการของพล.ต.อ.พงศพัศ อย่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(สง.ก.ตร.) สำนักงานกำลังพล เตรียมรับเรื่ิองการขอกลับเข้ารับราชการและสั่งให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนหากพล.ต.อ.พงศพัศยื่นความประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการ อย่างไรก็ตามข้าราชการตำรวจทุกคนมีความยินดีที่พล.ต.อ.พงศพัศจะกลับเข้ามาเป็นรับราชการตำรวจ
รายงานข่าวแจ้งว่า นับแต่พล.ต.อ.พงศพัศยื่นหนังสือลาอกตำรวจก็ยังคงเว้นตำแหน่งรองผบ.ตร.ของพล.ต.องพงศพัศไว้ตามข้อยกเว้นดังกล่าว แม้แต่ในห้องประชุมก.ตร.ก็เว้นตำแหน่งว่างไว้ แต่ทั้งนี้หากพล.ต.อ.พงศพัศไม่ประสงค์กลับรับราบการตำรวจตามเวลาที่กำหนด ผบ.ตร.ก็สามารถดำเนินการแต่งตั้งทดแทนตำแหน่องรองผบ.ตร. ที่ว่างลงได้ ซึ่งตามกฎก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ กำหนดว่าการพิจารณาแต่งตั้งระดับผู้ช่วยผบ.ตร.ขึ้นไปต้องเป็นไปตามอาวุโส โดยต้องขยับ ที่ปรึกษา(สบ10) ที่อาวุโสสูงสุด นั่นคือ พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา(สบ10) มาเป็นรองผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก และ แต่งตั้งผู้ช่วยผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุด คือ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ เป็นที่ปรึกษา(สบ10)
รายงานข่าวระบุว่า หากไม่ได้รับการเลือกตั้งพล.ต.อ.พงศพัศมีแนวโน้มสูงที่จะขอกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ มีตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และเลขาฯป.ป.ส. โดย พล.ต.อ.พงศพัศนั้นจะเกษียณอายุราชการในปี 2559 ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า เมื่อพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการในปี 2557 พล.ต.อ.พงศพัศ อาจถูกวางตัวเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป
"ประชา"รอชัดเจนประเคนเลขาฯป.ป.ส.คืน
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้พิจารณาตำแหน่งเลขาฯป.ป.ส. และยังไม่ได้ดูรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติตามระเบียบราชการ ซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศ จะต้องขอกลับและแต่งตั้งเข้ารับราชการก่อนแล้ว จึงมีการพิจารณาในตำแหน่งเลขาฯป.ป.ส.ต่อไป
"ประทิน"ชี้ยังฝักใฝ่การเมืองถือขัดกม.
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า ตามกฎหมายทำได้อยู่แล้วเพราะได้เปิดช่องไว้ ส่วนมีความเหมาะสมหรือขัดจริยธรรมหรือไม่นั้นอยู่ที่การทำหน้าที่่ เพราะทราบกันอยู่แล้วว่าพล.ต.อ.พงศพัศได้ลาออกจากรองผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. ไปสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคการเมือง จิตใจอยู่กับพรรคการเมืองนั้นแล้ว เมื่อกลับเข้ารับราชการอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นรอง ผบ.ตร.หรืออาจขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่หากมีการฝักใฝ่การเมือง วางตัวไม่เป็นกลางก็ถือว่าขัดกับกฎหมาย เพราะกฎหมายระบุชัดเจนว่าข้าราชการต้องไม่ฝักใฝ่การเมือง ต้องวางตัวเป็นกลาง
ที่มา.http://bit.ly/VZVHDK
Edited by zeed~ko, 5 March 2013 - 00:26.