ถึงเวลาแล้วยังที่เรื่อง จังหวัดดูแลตัวเอง ควรได้รับการผลักดัน
#1
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:06
๑. แก้กฎหมายโอนอำนาจตำรวจนครบาลให้กทม. ผู้ว่าฯจะได้รับผิดชอบเรื่องจราจร ยาเสพติด และความปลอดภัยได้เต็มที่
๒. โอนระบบขนส่งมวลชนให้กทม.ดูแล ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมืองใหญ่ๆเขาให้ท้องถิ่นดูแลกันทั้งนั้น
... ๓. จัดสรรงบประมาณให้กทม.ให้เพียงพอ ที่ผ่านมาได้งบจากรัฐบาลเท่ากับ ๑ เปอร์เซนต์ของงบฯรวมเท่านั้น
คราวนี้ถ้าผู้ว่าฯยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของใคร ในขณะเดียวกันการร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างสองพรรคอย่างนี้ มีแต่จะเป็นบวกกับนักการเมืองทุกคน
คุณกรณ์ เสนอแนวคิด ผ่านFacebook ไว้อย่างน่าสนใจ ผสมกับ งานวิจัยของอาจารย์ จรัส สุวรรณมาลา มันถึงเวลาแล้วยังที่ควรจะเพิ่มอำนาจการบริหารให้ท้องถิ่น รัฐบาลกลางควรปล่อยอำนาจในหลายๆเรื่องให้ท้องถิ่นจัดการตนเอง เหลือเพียงหลักๆเช่น ความมั่นคง(การทหาร) การยุติธรรม(อำนาจตุลาการเป็นอิสระอยู่แล้ว) ต่างประเทศ การคลัง ที่เหลือค่อยๆปล่อยให้ท้องถิ่นดูแลเอง เริ่มจากเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น โคราช สงขลา โดยมีกรุงเทพฯเป็นต้นแบบ
- baboon, notcomeng, เช never die and 4 others like this
#2
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:10
เห็นด้วย แต่คงเป็นได้แค่ฝัน
Now! Restart Thailand
#3
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:20
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ....
ทั้งตำรวจ หน่วยงานเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ต่างๆ เช่น การทาง, ไฟฟ้า, ประปา ฯลฯ ควรจะให้ ผู้ว่าฯ เป็นผู้ดูแล
ไม่ใช่ "ใคร" คิดจะทำอะไรก็ทำ
เช่น การทาง อยากจะทำถนนใหม่ ก็ไม่สามารถเรียก ประปา ไฟฟ้า ฯลฯ มาปรึกษา ร่วมกันได้ จะได้ทำ "ครั้งเดียว" จบ
แต่เช่นเดียวกับท่าน Siren .... คงเป็นได้แค่ "ฝัน"
เนื่องด้วย "งบประมาณ"
"เพื่อชาติ เพื่อศาสน์ เพื่อกษัตริย์"
#4
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:28
สนใจเรื่องนี้ก็เพราะว่า ตอนนี้แนวคิดทางการเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้วใหญ่ๆ โดยมีลักษณะเป็นไปตามภูมิศาสตร์ คือ ภาคเหนือ ภาคอิสาน ภาคกลางตอนเหนือ เสียงส่วนมากจะชอบแนวทางเพื่อไทย คือ นักการเมืองชี้นำ ประชานิยม รอการจัดการเบ็ดเสร็จจากภาครัฐและนักการเมือง ใช้ภาษีอย่างฟุ่มเฟือย ในขณะที่ เสียงส่วนมากในภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ ตะวันออก ตลอดไปถึงภาคใต้ จะออกไปทาง ปชป คือ ประชาชนจัดการตนเอง อิสระทางความคิด นักการเมืองชี้นำไม่ได้ ประชาชนนำนักการเมือง คราวนี้ ถ้าแบ่งอำนาจให้แต่ละพื้นที่พัฒนาตนเอง พื้นที่ๆประชาชนสามารถควบคุมนักการเมืองได้ น่าจะสามารถพัฒนาและควบคุมเงินภาษีได้ดีกว่า ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ในกระบวนการทางการเมือง มีความเป็นรูปธรรมว่าแนวคิดไหนจะดีกว่า สามรถนำพาสังคมได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่นจำนำข้าวใช้ภาษีของประเทศไปเป็นจำนวนมาก แต่ ประชาชนในกรุงเทพฯภาคใต้และภาคตะวันออก รวมทั้งอิสานบางส่วน แทบไม่ได้อะไรเลย ทางที่ดีคือแบ่งเงินภาษีแล้วไปบริหารกันเอง เอาแบบว่าให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ไปเลย
#5
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:31
1. เรื่องตำรวจคงยากครับ สายบังคับบัญชามันมาคนละทางกัน ถึงผมจะไม่ค่อยชอบตำรวจ แต่ถ้าให้ตำรวจมาคอยฟังข้าราชการพลเรือน ผมว่าเค้าทำงานไม่ได้หรอก ยิ่งมาจากคนละฝั่ง คนละฝ่ายด้วยแล้ว ไปกันใหญ่ครับ
2. ผมเห็นด้วยครับ แต่มันต้องย้อนไปดุว่า ตอนที่ให้เค้ามาประมูลการสร้างนั้น ตกลงเรื่องของสัญญาและผลประโยชน์ไว้อะไรอย่างไร เพราะของพวกนี้ เอกชนสร้าง ไม่ใช่ กทม.ครับ มันมีผลประโยชน์ซ้อนกันหลายต่อ
3. งบประมาณ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ ไม่ออกความเห็นดีกว่าครับ
#6
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:36
นึกภาพไม่ออกว่า
ภาคไหนคนอดตายมากที่สุด เหอๆๆ
อ่อๆ ไม่อดตายอยู่แล้วว หาผัวฝรั่งก็รวยได้ เร็วด้วยยย
#7
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:47
ถ้าแยกตัวเมืองใหญ่ๆ ออกมาบริหารเอง
นึกภาพไม่ออกว่า
ภาคไหนคนอดตายมากที่สุด เหอๆๆ
อ่อๆ ไม่อดตายอยู่แล้วว หาผัวฝรั่งก็รวยได้ เร็วด้วยยย
นี่ก็แรงส์ไป พูดเหมารวมแบบนี้ ดั๊นไม่เห็นด้วยนะเคอะ
#8
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:50
๑. แก้กฎหมายโอนอำนาจตำรวจนครบาลให้กทม. ผู้ว่าฯจะได้รับผิดชอบเรื่องจราจร ยาเสพติด และความปลอดภัยได้เต็มที่
๒. โอนระบบขนส่งมวลชนให้กทม.ดูแล ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมืองใหญ่ๆเขาให้ท้องถิ่นดูแลกันทั้งนั้น
๓. จัดสรรงบประมาณให้กทม.ให้เพียงพอ ที่ผ่านมาได้งบจากรัฐบาลเท่ากับ ๑ เปอร์เซนต์ของงบฯรวมเท่านั้น
ตรงนี้ดั๊นเห็นด้วยกับข้อ 2 และ 3 นะเคอะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ กทม. โดยตรง
ส่วนข้อ 1 นั้น ดั๊นเห็นว่ามันเป็นหน้าที่ของ ตำรวจอยู่แล้วที่จะต้องทำ ไม่จำเป็นว่าอำนาจดังกล่าวนั้นจะมาจากใครเนอะเคอะ
#9
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:19
#10
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:54
ถ้าแบ่งเงินรายจังหวัด กรุงเทพเจริญขึ้นมากแต่จังหวัดที่ไม่ค่อยจะมีรายได้ ตายสถานเดียวเลยครับ เท่าที่จำได้ หากผิดขออภัย กรุงเทพ รายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 1.6ล้านล้านบาท ที่เหลือรวมกันทั้งประเทศ ได้ประมาณ 5แสนล้านบาทเท่านั้น
"หลักคิดของจังหวัดจัดการตนเอง คือ ต้องการจะลดบทบาทของรัฐส่วนกลางลงและเพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น เป็นการ“ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” และประชาชนสามารถบริหารจัดการท้องถิ่นนั้นๆได้เอง โดยการ ยุบการปกครองส่วนภูมิภาค นำไปรวมกับ การปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับจังหวัด ซึ่งจะคงเหลือไว้แต่ราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น แต่ส่วนกลางสามารถส่งบุคลากรมายังหน่วยราชการระดับจังหวัดได้ตามปกติ ซึ่งจะถือว่าเป็นบุคลากรของส่วนกลาง
1. จัดให้มีการเลือกตั้งในส่วนของสภาจังหวัดหรือฝ่ายบริหารหรือปกครองตามแต่จังหวัดนั้นๆ ต้องการเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองในระดับท้องถิ่นมากขึ้น
2. การปรับขั้นตอนจัดเก็บงบประมาณแผ่นดินซึ่งจากเดิมจังหวัดจัดเก็บภาษีในท้องถิ่นได้แล้วนำส่งให้ส่วนกลาง 100% เต็มจำนวนและรัฐจึงจัดแบ่งสัดส่วนงบประมาณลงมายังจังหวัด ประมาณ 25-30% ปรับเปลี่ยนเป็น ภาษีที่จังหวัดจัดเก็บได้นั้นนำส่งให้ส่วนกลาง 30% และจังหวัดจัดเก็บไว้เป็นงบประมาณจังหวัด 70% เพื่อบริหารจัดการและจัดสรรงบประมาณภายในจังหวัดเองทั้งหมด เช่น ด้านทรัพยากร สิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการท่องเที่ยว ด้านศาสนาและวัฒนธรรม ด้านความปลอดภัยและตำรวจ ด้านสวัสดิการและการจัดบริหารสังคม ด้านการกีฬา เป็นต้น
3. โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับภารกิจของส่วนกลาง 3 เรื่อง คือ กำลังทหาร ระบบเงินตราและการต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเดียวกัน เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติ
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าว
1. จะทำให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงการอำนาจอธิปไตยได้มากขึ้น ดึงประชาธิปไตยให้เข้ามาใกล้ตัวประชาชนมากขึ้น
2. จะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงผลกระทบจากการบริหารท้องถิ่นหรือจากการกระทำใดๆ ในท้องถิ่นของตน เช่น การเลือกตั้งฝ่ายบริหารท้องถิ่น ถ้าประชาชนเลือกผู้แทนที่ทุจริตหรือไม่มีประสิทธิภาพ
3. ประชาชนจะได้รับผลกระทบชัดเจนกว่าการเลือกตั้งระดับประเทศหรือการเลือกตั้งเพียงบางฝ่ายของราชการท้องถิ่นในปัจจุบัน และการก่อสร้างหรือรื้อถอนสิ่งใดในจังหวัดประชาชนจะรับรู้ถึงผลกระทบมากกว่าในปัจจุบันเพราะงบประมาณในจังหวัดคืองบประมาณของตนเองอย่างชัดเจน
กล่าวได้ว่า “จังหวัดจัดการตนเอง” ดึงเอาอำนาจการบริหารและการปกครอง รวมถึงความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาใกล้ตัวประชาชนมากขึ้น ทำให้ประชาชนจึงเกิดความสำนึกความเป็นประชาธิปไตยและตื่นตัวกับหน้าที่พลเมืองที่ทุกคนต้องปฏิบัติ"
http://www.midnightu...จัดการตนเอง”-ขบ
ผมเอามาจาก กลุ่มมหาลัยเที่ยงคืน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการออกแนวแดง(ทางภาคเหนือ)ซะะด้วย บางที่ถ้าช่วยกันผลักดันอาจจะไม่ยากจนเกินไป ส่วนจังหวัดที่กลัวว่าเงินภาษีไม่พอก็ต้องหาทาง หาเงิน หางาน หาการลงทุนเพื่อจะได้มีรายได้เพียงพอ หากไม่พอก็ให้กู้ส่วนกลางไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป
#11
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:05
ถ้าแยกตัวเมืองใหญ่ๆ ออกมาบริหารเอง
นึกภาพไม่ออกว่า
ภาคไหนคนอดตายมากที่สุด เหอๆๆ
อ่อๆ ไม่อดตายอยู่แล้วว หาผัวฝรั่งก็รวยได้ เร็วด้วยยย
นี่ก็แรงส์ไป พูดเหมารวมแบบนี้ ดั๊นไม่เห็นด้วยนะเคอะ
ส.ส. พรรคเพื่อไทยเค้าแนะนำให้ทำแบบนี้นะครับ
#12
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:08
เห็นด้วย แต่คงเป็นได้แค่ฝัน
เพิ่มเติมนะครับ ลองเข้ไปอ่าน
ก้าวข้ามกับดัก Hamilton Paradox: สู่จังหวัดจัดการตนเอง
จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: scharas@chula.ac.th
http://www.tpd.in.th...cle/8605ex1.pdf
บางที่แนวคิดนี้ อาจทำให้ทักษิณ เลิกยุ่งการเมืองไปเลยก็ได้ เพราะ ไล่ซื้อเสียงไม่ไหว กระจายหลายพื้นที่ ลงทุนมาก แต่ถ้าเป็นแบบปัจจุบันทักษิณชอบ ซื้อเสียงเลือกตั้งใหญ่ทีเดียว ยึดอำนาจประเทศได้เลย สมมุติลงทุน 50,000 ล้าน ออกนโยบายจำจำข้าว 2 ปีก็คุ้มแล้ว เพราะอำนาจ ภาษี งบประมาณ รวมศูนย์ที่เดียวคุ้ม
- ฉันรักเมืองไทย and Siren like this
#13
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:19
เห็นด้วย แต่คงเป็นได้แค่ฝัน
เพิ่มเติมนะครับ ลองเข้ไปอ่าน
ก้าวข้ามกับดัก Hamilton Paradox: สู่จังหวัดจัดการตนเอง
จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: scharas@chula.ac.th
http://www.tpd.in.th...cle/8605ex1.pdf
บางที่แนวคิดนี้ อาจทำให้ทักษิณ เลิกยุ่งการเมืองไปเลยก็ได้ เพราะ ไล่ซื้อเสียงไม่ไหว กระจายหลายพื้นที่ ลงทุนมาก แต่ถ้าเป็นแบบปัจจุบันทักษิณชอบ ซื้อเสียงเลือกตั้งใหญ่ทีเดียว ยึดอำนาจประเทศได้เลย สมมุติลงทุน 50,000 ล้าน ออกนโยบายจำจำข้าว 2 ปีก็คุ้มแล้ว เพราะอำนาจ ภาษี งบประมาณ รวมศูนย์ที่เดียวคุ้ม
เป็นแนวคิดที่ดี และน่าทำค่ะ
แต่คงทำได้ยาก หรือต้องใช้เวลาอีกนาน - รัฐบาลกลางไม่ยอมปล่อยมือจริง ๆ จัง ๆ หรอกค่ะ
และบุคลากรในท้องถิ่นของเราก็ยังไม่พร้อม - ทุกวันนี้ อปท. เต็มไปด้วยมาเฟียท้องถิ่น ที่เข้ามากอบโกย มากกว่าจะหาทางพัฒนาท้องถิ่นอย่างจริงจัง - ชาวบ้านเองน่าจะสามารถเลือกคนดี ๆ เข้ามาบริหารท้องถิ่น เพราะประโยชน์และโทษที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่จริง ๆ แล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังถูกชี้นำ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมทั้งเกรงกลัวอิทธิพลมาเฟีย
- cddkpp likes this
Now! Restart Thailand
#14
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:34
เห็นด้วย แต่คงเป็นได้แค่ฝัน
เพิ่มเติมนะครับ ลองเข้ไปอ่าน
ก้าวข้ามกับดัก Hamilton Paradox: สู่จังหวัดจัดการตนเอง
จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: scharas@chula.ac.th
http://www.tpd.in.th...cle/8605ex1.pdf
บางที่แนวคิดนี้ อาจทำให้ทักษิณ เลิกยุ่งการเมืองไปเลยก็ได้ เพราะ ไล่ซื้อเสียงไม่ไหว กระจายหลายพื้นที่ ลงทุนมาก แต่ถ้าเป็นแบบปัจจุบันทักษิณชอบ ซื้อเสียงเลือกตั้งใหญ่ทีเดียว ยึดอำนาจประเทศได้เลย สมมุติลงทุน 50,000 ล้าน ออกนโยบายจำจำข้าว 2 ปีก็คุ้มแล้ว เพราะอำนาจ ภาษี งบประมาณ รวมศูนย์ที่เดียวคุ้ม
เป็นแนวคิดที่ดี และน่าทำค่ะ
แต่คงทำได้ยาก หรือต้องใช้เวลาอีกนาน - รัฐบาลกลางไม่ยอมปล่อยมือจริง ๆ จัง ๆ หรอกค่ะ
และบุคลากรในท้องถิ่นของเราก็ยังไม่พร้อม - ทุกวันนี้ อปท. เต็มไปด้วยมาเฟียท้องถิ่น ที่เข้ามากอบโกย มากกว่าจะหาทางพัฒนาท้องถิ่นอย่างจริงจัง - ชาวบ้านเองน่าจะสามารถเลือกคนดี ๆ เข้ามาบริหารท้องถิ่น เพราะประโยชน์และโทษที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่จริง ๆ แล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังถูกชี้นำ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมทั้งเกรงกลัวอิทธิพลมาเฟีย
เข้าใจในความเป็นห่วงประเทศนะครับ แต่ถ้าไม่เริ่มผลักดัน เมื่อใหร่ จะเริ่ม ถ้าไม่มีจังหวัดนำร่องจะรู้ได้อย่างไร ว่าจะไปได้หรือไม่ได้ ผมว่าน่าจะเริ่มจากจังหวัดที่พร้อมก่อน ค่อยเป็นค่อยไป ที่จริงเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้า ปชป กล้าพอ ควรเอามาเป็นนโยบายหลักหาเสียงเลย ผมว่าแนวร่วมทางเหนือและอิสานอาจเปลี่ยนใจมาสนับสนุน ปชป มากขึ้น เพราะ ปชป ได้ชื่อว่าเป็นจอมกระจายอำนาจอยู่แล้ว ส่วนในกรณีมาเฟีย ไม่ต้องกลัวครับ ไม่มีมาเฟียคนไหนอยู่ค้ำฟ้า ดูกำนันเป๊าะ เป็นตัวอย่าง ขาใหญ่ไม่กลัวครับ กลัวขาเยอะ (ประชาชนที่มีคุณภาพและความสามัคคี)
- Siren likes this
#15
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:37
"จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ถ้านายกฯยิ่งลักษณ์มีความจริงใจในการทำงานร่วมกับกทม. ผมขอสามเรื่องครับ:-๑. แก้กฎหมายโอนอำนาจตำรวจนครบาลให้กทม. ผู้ว่าฯจะได้รับผิดชอบเรื่องจราจร ยาเสพติด และความปลอดภัยได้เต็มที่๒. โอนระบบขนส่งมวลชนให้กทม.ดูแล ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมืองใหญ่ๆเขาให้ท้องถิ่นดูแลกันทั้งนั้น... ๓. จัดสรรงบประมาณให้กทม.ให้เพียงพอ ที่ผ่านมาได้งบจากรัฐบาลเท่ากับ ๑ เปอร์เซนต์ของงบฯรวมเท่านั้นคราวนี้ถ้าผู้ว่าฯยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของใคร ในขณะเดียวกันการร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างสองพรรคอย่างนี้ มีแต่จะเป็นบวกกับนักการเมืองทุกคนคุณกรณ์ เสนอแนวคิด ผ่านFacebook ไว้อย่างน่าสนใจ ผสมกับ งานวิจัยของอาจารย์ จรัส สุวรรณมาลา มันถึงเวลาแล้วยังที่ควรจะเพิ่มอำนาจการบริหารให้ท้องถิ่น รัฐบาลกลางควรปล่อยอำนาจในหลายๆเรื่องให้ท้องถิ่นจัดการตนเอง เหลือเพียงหลักๆเช่น ความมั่นคง(การทหาร) การยุติธรรม(อำนาจตุลาการเป็นอิสระอยู่แล้ว) ต่างประเทศ การคลัง ที่เหลือค่อยๆปล่อยให้ท้องถิ่นดูแลเอง เริ่มจากเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น โคราช สงขลา โดยมีกรุงเทพฯเป็นต้นแบบ
เห็นด้วยโดยหลักการครับ
เราคือ เสรีไทย
#16
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:44
ถ้าอยากจะคิดและทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ติดปัญหาเดียวครับ ไม่งั้นก็เท่ากับเตะหมูเข้าปากหมา
ปัญหาสำคัญจริงๆ คือ ความรู้ความเข้าใจและการเคารพต่อสิทธิหน้าที่ของตัวประชาชนเองนั่นแหล่ะ
ตราบใดที่ยังปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้กับประชาชนไม่ได้ ปัญหาจะเกิดตามมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันครับ
ก็คือถ้าจะเริ่มต้องฟื้นฟูการศึกษาของบ้านเราให้ดีเสียก่อนที่จะคิดทำอะไร เพราะมันสำคัญที่สุด
แต่คงยากนะครับ เพราะไอ้เหลี่ยมมันพยายามทำให้คนไทยโง่ จะได้ครอบงำได้สะดวก หรือว่าไม่จริงครับ?
และเมื่อทุกวันนี้การเมืองเข้าแทรงแซงทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นกระทั่งสื่อ ผมถามคุณ จขกท. จริงๆ ว่าจะทำอะไรได้
ไม่ผิดครับถ้าอยากจะเริ่ม แต่คงลำบากมากๆ กฎหมายไม่เป็นกฎหมายอยู่แบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ถ้าจะให้ฟันธง ปัญหาตอนนี้ที่ประเทศขยับไม่ได้ มีแต่ล่มจม เพราะ "รัฐบาลควายแดง" มิใช่เหรอครับ
- ใจหมาอำมหิต` likes this
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
#17
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:59
ทักษิณ อาจชี้นำในจังหวัดที่พวกตนเองมีอิทธิพลได้ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดร ส่วนมากในภาคเหนือและอิสาน แต่ในบางจังหวัดที่ประชาชนเสียงข้างมากมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงกว่าส่วนมากในภาคกลางและภาคใต้ ทักษิณก็ชี้นำไม่ได้ เช่นกรุงเทพฯ ภูเก็ต สงขลา ถ้าการพัฒนามีความแตกต่างทำให้คนเห็นว่าประชาชนที่ตื่นตัวช่วยกันชี้นำนักการเมืองได้ ต่อให้ปิดหูปิดตาอย่างไรก็ปิดไม่มิด ดีกว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ นายทุนอย่างทักษิณและพวกชอบมาก ซื้อใหญ่ครั้งเดียวรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไป 4 ปี คุมคะแนนทางเหนือ+อิสาน+กลางบางส่วน ก็ยึดประเทศได้แล้วถ้าอยากจะคิดและทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ติดปัญหาเดียวครับ ไม่งั้นก็เท่ากับเตะหมูเข้าปากหมา
ปัญหาสำคัญจริงๆ คือ ความรู้ความเข้าใจและการเคารพต่อสิทธิหน้าที่ของตัวประชาชนเองนั่นแหล่ะ
ตราบใดที่ยังปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้กับประชาชนไม่ได้ ปัญหาจะเกิดตามมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันครับ
ก็คือถ้าจะเริ่มต้องฟื้นฟูการศึกษาของบ้านเราให้ดีเสียก่อนที่จะคิดทำอะไร เพราะมันสำคัญที่สุด
แต่คงยากนะครับ เพราะไอ้เหลี่ยมมันพยายามทำให้คนไทยโง่ จะได้ครอบงำได้สะดวก หรือว่าไม่จริงครับ?
และเมื่อทุกวันนี้การเมืองเข้าแทรงแซงทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นกระทั่งสื่อ ผมถามคุณ จขกท. จริงๆ ว่าจะทำอะไรได้
ไม่ผิดครับถ้าอยากจะเริ่ม แต่คงลำบากมากๆ กฎหมายไม่เป็นกฎหมายอยู่แบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ถ้าจะให้ฟันธง ปัญหาตอนนี้ที่ประเทศขยับไม่ได้ มีแต่ล่มจม เพราะ "รัฐบาลควายแดง" มิใช่เหรอครับ
#18
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:44
ตราบใดที่คนไทย ยังเห็นแก่เงินในอากาศ ยังเห็นแก่ของฟรี
ยังซื้อเสียงกันได้ ด้วยเงิน ยังเลือกผู้แทนตามหัวคะแนน ยังหาเสียงด้วยการพาไปเลี้ยงข้าวฟรี ดูงาน โดยใช้งบกลาง
ตราบนั้น ระบบที่ว่า ยังไม่เหมาะกับเมืองไทยครับ
เพราะช่องให้นักการเมืองงาบเยอะมาก
มันเหมาะกับประเทศที่ประชากรมีคุณภาพมากกว่านี้
- ใจหมาอำมหิต` likes this
#19
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:54
1. การโอนตำรวจให้เป็นของ กทม. เป็นสิ่งที่ควรทำ เหมือนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผู้ว่าการรัฐมีอำนาจในการดูแลรักษาความสงบภายใน มีปัญหาตรงที่ตำรวจไทยพยายามทำหน่วยงานให้เหมือนเหล่าทัพอย่างทหาร สายการบังคับบัญชาก็เอามาแบบทหาร คงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเป็นข้าราชการพลเรือนง่ายๆ
2. เรื่อง ขสมก. รถใต้ดินและการขนส่งสาธารณะควรอยู่ในความดูแลของ กทม. เพื่อความสะดวกในการจัดทำตั๋วร่วมเพื่อลดค่าใช้จ่ายของผู้โดยสาร แต่ปัญหาอยู่ที่การโอนหน่วยงานนั้นมีทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิและหน้าที่ หาก กทม. ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการบริหารงานก็จะกลายเป็นภาระยิ่งขึ้น
ทางนี้แก้ได้คือทางภาครัฐอาจบริหารงาน ขสมก. และ MRT ต่อไป แต่ต้องมาทำ MOU กับ กทม. เพื่อทำตั๋วร่วมก็ได้ หากดึงดันอยู่แสดงว่าไม่มีความจริงใจต่อประชาชน
3. งบประมาณนี้อาจทำได้สองแบบ คือเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืออนุญาตให้ กทม. หารายได้เองมากขึ้นใช้จ่ายโดยไม่ต้องนำส่งคลัง
#21
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:24
แต่ละหน่วยงาน ทั้งหนี้ทั้งขี้ทั้งนั้นครับ
จำได้ว่า อภิรัก ไอ้แม้วจะโอนให้ แต่อภิรักบอกว่า
เอาแต่ชื่อมาอย่างเดียวส่วนหนี้ไอ้แม้วต้องเครียล์เอง
อย่ามาให้กทม รับผิดชอบ
#22
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:28
แต่ละหน่วยงาน ทั้งหนี้ทั้งขี้ทั้งนั้นครับ
จำได้ว่า อภิรัก ไอ้แม้วจะโอนให้ แต่อภิรักบอกว่า
เอาแต่ชื่อมาอย่างเดียวส่วนหนี้ไอ้แม้วต้องเครียล์เอง
อย่ามาให้กทม รับผิดชอบ
ถ้าจะโอนต้องเคลียร์บัญชีให้หมดก่อนครับ ไม่งั้นหน่วยงานปลายทางรับหนี้หลังแอ่นกันพอดี
Edited by Ricebeanoil, 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:29.
#23
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:56
สมัยก่อนเห็นด้วยครับ
สมัยนี้เห็นด้วยอย่างกระตือรือร้น ...ก็ตั้งแต่นส.ปู ขึ้นมีอำนาจนี่แหละครับ สงสารภาคใต้ กับจ.ที่ไม่เลือกพรรครัฐบาล
ภาคใต้ส่งเงินเข้าหลวงเยอะมาก แต่ตายกันเป็นเบือ นส.ปู บอกเรื่องตายก็เป็นเรื่องปรกติ(ของภาคใต้) พูดเหมือนภาคใต้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไทย
ไม่เห็นศพ Tuki ......ไม่เห็นหนทางสำเร็จครับ
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#24
ตอบ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 23:17
ตราบใดที่คนไทย ยังเห็นแก่เงินในอากาศ ยังเห็นแก่ของฟรี
ยังซื้อเสียงกันได้ ด้วยเงิน ยังเลือกผู้แทนตามหัวคะแนน ยังหาเสียงด้วยการพาไปเลี้ยงข้าวฟรี ดูงาน โดยใช้งบกลาง
ตราบนั้น ระบบที่ว่า ยังไม่เหมาะกับเมืองไทยครับ
เพราะช่องให้นักการเมืองงาบเยอะมาก
มันเหมาะกับประเทศที่ประชากรมีคุณภาพมากกว่านี้
ตอนนี้คุณภาพและแนวคิดทางการเมืองของประชากรในประเทศเรา แตกต่างกันตามหลักภูมิศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้ว ระบบหัวคะแนนอาจใช้ได้ในภาคเหนือ อิสานและภาคกลางบางส่วน แต่ใช้ไม่ได้ในภาคใต้ครับ ผู้แทนในภาคใต้ไม่ได้เน้นแจกของแจกเงิน แต่เน้นการแสดงความคิด การพัฒนาพื้นที่ ความซื่อสัตย์ ไม่ปฏิเสธว่าภาคใต้มีการแจกเงิน แต่น้อยมากและไม่ค่อยได้ผล คนใต้ไม่ชอบให้ใครมาชี้นำ ตัดสินใจเองได้ ที่จริงน่าจะเริ่มนำร่องในจังหวัดทางใต้ก่อน เช่นภูเก็ต สงขลา เป็นต้น
#25
ตอบ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:27
ผมมองว่า เอาแค่ อบต สก สข สจ อะไรนี่ให้ใสสะอาด ให้เกิน 50% ก็พอ แล้วค่อยไปคิดอย่างอื่นดีกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็นเฉพาะส่วน หรือ ทั้งประเทศ
เพราะตอนนี้
เอาแค่ อบต ก็ยิงกันตายรายวันแล้ว
เพราะอะไร ลองคิดดู
แถม ไปไล่ดูคุณสมบัติผู้สมัคร อบต ดูละกัน ว่า การศึกษาเฉลี่ยเป็นเท่าไหร่ ทำอาชีพอะไร มีประสพการ์ณ การทำงานเกี่ยวกับการบริหารแค่ไหน
ถ้าว่ากันถึงระดับผู้ว่า คงจะสนุก พิลึกอ่ะนะ
หรือไม่ก็ให้ สส เป็นผู้ว่าในตัวเลยก็ได้ จะได้ประหยัดงบ ไม่ต้องเลือกกันบ่อย จะได้กินรวบทั้งหมด ไม่ต้องมีใครมาขวางทาง
#26
ตอบ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:46
ถ้าทำต้องทำหมดครับ แต่ละจังหวัดเลี้ยงตัวเอง บริหารกันเอง รัฐบาลกลางมีหน้าที่ออกนโยบาย และควบคุมให้เป็นไปตามแผนเท่านั้น
แต่ถ้าทำจริง ภาคอีสานกับภาคเหนือนี่ ถึงตายกันเลยทีเดียว
#27
ตอบ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:56
"จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ถ้านายกฯยิ่งลักษณ์มีความจริงใจในการทำงานร่วมกับกทม. ผมขอสามเรื่องครับ:-
๑. แก้กฎหมายโอนอำนาจตำรวจนครบาลให้กทม. ผู้ว่าฯจะได้รับผิดชอบเรื่องจราจร ยาเสพติด และความปลอดภัยได้เต็มที่
๒. โอนระบบขนส่งมวลชนให้กทม.ดูแล ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมืองใหญ่ๆเขาให้ท้องถิ่นดูแลกันทั้งนั้น
... ๓. จัดสรรงบประมาณให้กทม.ให้เพียงพอ ที่ผ่านมาได้งบจากรัฐบาลเท่ากับ ๑ เปอร์เซนต์ของงบฯรวมเท่านั้น
คราวนี้ถ้าผู้ว่าฯยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของใคร ในขณะเดียวกันการร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างสองพรรคอย่างนี้ มีแต่จะเป็นบวกกับนักการเมืองทุกคน
คุณกรณ์ เสนอแนวคิด ผ่านFacebook ไว้อย่างน่าสนใจ ผสมกับ งานวิจัยของอาจารย์ จรัส สุวรรณมาลา มันถึงเวลาแล้วยังที่ควรจะเพิ่มอำนาจการบริหารให้ท้องถิ่น รัฐบาลกลางควรปล่อยอำนาจในหลายๆเรื่องให้ท้องถิ่นจัดการตนเอง เหลือเพียงหลักๆเช่น ความมั่นคง(การทหาร) การยุติธรรม(อำนาจตุลาการเป็นอิสระอยู่แล้ว) ต่างประเทศ การคลัง ที่เหลือค่อยๆปล่อยให้ท้องถิ่นดูแลเอง เริ่มจากเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น โคราช สงขลา โดยมีกรุงเทพฯเป็นต้นแบบ
ถ้าทุกคนเลือกเบอร์9 ไม่เกินอาทิตย์น่าจะทำได้ครบ 3 ข้อนะครับ
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน