นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีศาลอาญา ให้สัมภาษณ์"ทีนิวส์ทีวี" กรณีที่ศาลแพ่งตัดสินให้คดีเผาเซนทรัลเวิลด์ไม่ใช่เหตุก่อการร้ายว่า คำตัดสินดังกล่าวไม่มีผลผูกมัดกับศาลอาญาเพราะโจทย์และจำเลยเป็นคนละคนกัน อีกทั้งคดีอาญาจะพิจารณาจากหลักฐานทั้งหมดไม่ใช่หลักฐานใดหลักฐานหนึ่ง
ทีนิวส์ : ในการให้สัมภาษณ์ของท่านต่อสื่อฉบับหนึ่งเกี่ยวกับกรณีที่ศาลฯแพ่ง ตัดสินคดีเผาเซนทรัลเวิลด์ว่าเป็นเหตุจลาจล ท่านกล่าวว่า ในส่วนของคดีอาญาต้องพิจารณาจากทุกเหตุการณ์ไม่ใช่เฉพาะวันที่ 19 ?
นายทวี ประจวบลาภ : ในการฟ้องอาญานั้น เป็นเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ทั่วไปหมดไม่ใช่จุดนั้นจุดเดียว แต่ในคดีแพ่งนั้น เอาแค่จุดนั้นจุดเดียว พยานคงฟังได้อย่างนั้น ศาลแพ่งเลยตัดสินออกมาลักษณะดังกล่าว แต่คดีอาญาที่อัยการสั่งฟ้อง คุณจตุพรกับพวก เป็นเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นเวลาสืบพยานเหตุการณ์ก็ต้องมาดูพฤติการณ์ทั้งหมดที่อัยการโจทย์บรรยายฟ้องไว้เป็นหลัก แล้วค่อยประมวลว่าเป็นการก่อการร้ายตามคำฟ้องหรือไม่
ทีนิวส์ : การพิจารณาคือไม่ใช่ที่เซนทรัลเวิล์ดหรือบริเวณนั้นอย่างเดียว ?
นายทวี ประจวบลาภ : คือในคดีมีเหตุการณ์หลายพื้นที่ ทั่วกรุงเทพเลย เพราะฉะนั้นในการพิจารณาจึงต้องพิจารณาแต่ละจุดประกอบกัน
ทีนิวส์ : ในส่วนของคำกล่าวบนเวทีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่กล่าวว่า"เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" อันนี้ก็จะถูกเอามาพิจารณา ?
นายทวี ประจวบลาภ : ใช่ครับ ดูเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ตามที่อัยการโจทย์ฟ้อง อยู่ที่ว่านำสืบตามฟ้องไหม หากนอกเหนือคำฟ้องก็ทำไม่ได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าพยานในคดีแพ่ง กับ คดีอาญานั้น พยานคนละคนกัน มันก็เลยไม่มีผลผูกพันกัน ถ้าโจทย์ - จำเลย ชุดเดียวกัน อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง อาจจะมีผล และคดีแพ่งเองก็เป็นเรื่องของจุดเดียว อย่างที่ว่า..
ทีนิวส์ : เพราะฝ่ายนั้นเองเขายืนยันว่าจะใช้คำตัดสินของศาลแพ่งมาประกอบในการต่อสู้คดีด้วย ?
นายทวี ประจวบลาภ : ใช้ได้ ประกอบเข้าด้วยกันได้ แต่ว่าศาลจะมองยังไงนั่นอีกประเด็น เพราะว่าจำเลยสามารถเอาหลักฐานทุกอย่างมาพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตัวเอง..ทำได้อยู่แล้ว แต่ศาลอาญาไม่ต้องฟังตามศาลแพ่ง
ทีนิวส์ : ในการให้การคดีแพ่ง มีการพยายามที่จะกล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย ซึ่งศาลแพ่งมีการพิจารณาอย่างไรว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่การก่อการร้าย ?
นายทวี ประจวบลาภ : ผมยังไม่เห็นรายละเอียด แต่เข้าใจว่าน่าจะพิจารณาจากพยานหลักฐานของทางโจทย์และจำเลยนำสืบให้ศาลเห็น คือดูจากพยานคดีแพ่งเป็นหลัก และก็ไม่รู้ว่าสืบครอบคลุมขนาดไหน แต่ก็เป็นสิทธิ์ของศาลแพ่งที่จะพิจารณา
ทีนิวส์ : ในส่วนของพยานหลักฐานในคดีแพ่งอาจมีอยู่ในคดีอาญาด้วย หรือว่าอาจจะต่างกันไปเลย ?
นายทวี ประจวบลาภ : แล้วแต่พยานโจทย์ว่าจะเอาขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ เพราะว่ายังไม่ได้มีการสืบพยาน เพราะว่าโจทย์ต้องนำพยานหลักฐานทุกอย่างขึ้นมาเพื่อ ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย
ทีนิวส์ : ในส่วนของพยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นคำพูดของนายณัฐวุฒิ หรือว่านายอริสมันต์ที่พูดถึงศาลากลาง ทั้งนี้ในส่วนของคดีเผาศาลากลางมีการตัดสินไปแล้วในหลายคดี ตรงนั้นก็คือชัดเจนว่าเป็นการก่อการร้าย ?
นายทวี ประจวบลาภ : ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเรื่องของคดีวางเพลิง คือมันคนละเรื่องกับการก่อการร้าย แต่ว่าเวลาที่โจทย์ยื่นฟ้องเขาก็ต้องนำหลักฐานทุกอย่างมาสนับสนุนคำฟ้อง เพื่อให้ศาลเห็นว่าเป็นการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นคดีแพ่งไม่ผูกพันในคดีอาญา
ทีนิวส์ : เพระว่าต้องดูทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ?
นายทวี ประจวบลาภ : ใช่ เพราะว่าโจทย์ในคดีอาญาเขาบรรยายไว้หลายเหตุการณ์ อีกอย่างคือ คดีแพ่ง กับ คดีอาญา นั้น โจทย์กับจำเลยคนละกลุ่มกัน ซึ่งจะนำมาผูกพันนั้นเป็นไปไม่ได้ คดีแพ่งมีเซนทรัลฯเป็นโจทย์ บริษัทประกันเป็นจำเลย แต่ในคดีอาญาไม่ใช่ เป็นฝ่ายของอัยการโจทย์กับจำเลย คำพิพากษาของศาลแพ่งจึงไม่มีการผูกพันต่อคดีอาญา
ทีนิวส์ : ลึก ๆ แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม นปช.หรือไม่ครับ ?
นายทวี ประจวบลาภ : เข้าใจว่าจำเลย น่าจะยกคำพิพากษาของศาลแพ่งขึ้นมา แต่ว่าศาลจะเห็นด้วยหรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่าเหตุการณ์ต่างกัน
ทีนิวส์ : หมายความว่าก็เอามาอ้างได้ แต่ก็ไม่มีผลอะไร ?
นายทวี ประจวบลาภ : อ้างได้หมดเพื่อที่จะสนับสนุนความบริสุทธิ์
ทีนิวส์ : ถ้าผลออกมาเป็นการก่อจลาจลอาจทำให้โทษเป็นไปอีกทางหนึ่ง ?
นายทวี ประจวบลาภ : อันนั้นก็ต้องดูว่าจลาจลเป็นการก่อการร้ายหรือไม่ เพราะว่าการก่อการร้ายจะมีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135 เขียนไว้ชัดเจน แต่เรื่องปลุกปั่น ยุยง อันนั้นมันจะมีอีกมาตราหนึ่ง ซึ่งข้อหาเหล่านี้ถูกฟ้องหมด ก่อการร้าย ปลุกปั่นยุยง เหล่านี้ถูกฟ้องหมด