ดีเอสไอสกัด”ชายหมู”แจ้งข้อหาผิดพ.ร.บ.พรรคการเมือง
ดีเอสไอขัดขาปชป. คุม กทม.เรียก”สุขุมพันธุ์”รับทราบข้อหาผิดพ.ร.บ.พรรคการเมือง หักเงินเดือนเข้าพรรค 14 มี.ค.นี้ โทษหนักถึงตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
.......
การเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงนี้ยืนยันว่าดีเอสไอไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือต้องการให้เกิดผลกระทบกับการรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. แต่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีภารกิจหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ดีเอสไอจึงเห็นควรให้ชะลอการเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาหลังการเลือกตั้ง เสร็จสิ้นไปครั้งหนึ่งแล้ว
พ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการหักเงินเดือนส.ส.เข้าบัญชีพรรคการเมืองมีจำนวนผู้หักเงินเข้าพรรค ทั้งสิ้น 48 ราย ตั้งแต่ช่วงปี 2551 – ปี 2554 รวมเป็นเงินบริจาคที่ได้จากการหักบัญชีเงินเดือนประมาณ 15 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่านายอภิสิทธิ์ ได้หักบัญชีเงินเดือนตนเอง 21 ครั้ง ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หักเงินไป 5 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 1 แสนบาท
สำหรับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมือง ระบุโทษจากการกระทำผิดมาตรา 57 ว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่น้อยกว่าสามเท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่ให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำ ทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปีด้วย.
ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หักเงินไป 5 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 1 แสนบาท
100,000 หาร 5 ถ้าผมไม่ตกเลขก็จะได้เท่ากับ 20,000 ใช่ไหมครับ
เรากลับไปย้อนดู พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 http://goo.gl/CTxjs กันนะครับ
มาตรา ๕๔ การหารายได้จากการจัดกิจกรรมหาทุนของพรรคการเมืองต้องกระทำโดยเปิดเผยและแสดงวัตถุประสงค์ว่าเป็นการหาทุนของพรรคการเมืองอย่างชัดเจน และเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ที่ได้จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวจากผู้สนับสนุนรายใดที่มีจำนวนตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไป ให้ถือเป็นรายได้จากการบริจาค
เมื่อพรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรมหาทุนในแต่ละครั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วให้รายงานรายได้ที่หาได้และกิจกรรมที่จัดขึ้นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่จัดกิจกรรมดังกล่าว
การรายงานตามวรรคสองให้ระบุชื่อบุคคลผู้สนับสนุนทางการเงินเป็นจำนวนตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไป แก่กิจกรรมหาทุนนั้นด้วย
มาตรา ๕๗ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๔ วรรคสาม การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ห้าพันบาทขึ้นไป ต้องเปิดเผยชื่อผู้บริจาคต่อสาธารณชนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อม
ดังนั้น ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดคดีบริจาคเงินเข้าพรรค DSI กำลังเล่นแง่เป็นศรีธนญชัย
เพราะถ้าหยิบมาตรา 57 วรรค 2 อย่างเดียวมาใช้ก็จะไม่รู้เลยว่าการบริจาคนั้นต้องเป็นต่อครั้ง หรือรวมเงินทั้งหมดที่บริจาค
DSI กำลังจะบอกว่า ที่ผิดคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร บริจาคทั้งหมดรวมแล้วเงินมันเกินกว่า 20,000 บาท จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อมงั้นหรือ ????
**** ถ้าการเดาใจ DSI ครั้งนี้ของผมไม่ผิด
DSI จะทำเรื่องที่ฮาเงิบไปทั้งวงการนักกฎหมาย และนักวิชาการด้านกฎหมายแน่นอน
เพราะการที่หยิบมาตรา 57 มาตราเดียวมาตี ปชป.เท่ากัีบมั่วได้สุดๆ แล้วครับ
***(อธิบาย) มาตรา 57 ถ้าอ่านรวมในมาตรา จะต้องติดที่ "ภายใต้บังคับมาตรา 54 วรรคสาม" เราก็ต้องไปดูที่มาตรา 54 วรรค 3 แล้วจะมีประโยค "การรายงานตามวรรคสอง" เราก็ต้องย้อนขึ้นไปดูที่มาตรา 54 วรรค 2 ก็จะพบว่า "ในแต่ละครั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
ซึ่งก็เท่ากับว่า การที่คุณชายจะบริจาคเข้าพรรคโดยอาจไม่ได้มีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อม จะไม่เข้าข่ายความผิดเลย เพราะคุณชายหักเงินไป 5 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 1 แสนบาท ก็เท่ากับว่าในแต่ละครั้ง บริจาคไม่เกิน 20,000 บาท
แต่ DSI กำลังเป็นศรีธนญชัยด้านกฎหมายแล้วงานนี้
Edited by ตามงคล, 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:43.