ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ไม่ได้โกรธ เพราะว่า เขาไม่ช่วยเรา แต่โกรธว่า ทำไมเขาไม่ช่วยดูแลประเทศชาติ ทำกับจะเอาประเทศชาติของเราไปใส่จานใส่พานถวายให้เขาเลยเหรอ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ คือ จากที่เรา 2 คนถูกกระทำมาเนี่ย จริงอยู่มันก็คือการเสียสิทธิ์ เสียอิสรภาพของเรา มองในแง่ของคน 2 คนเนี่ย มันก็คือการเสียอิสรภาพแค่นี้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่แค่นั้น มันมากกว่านั้น ก็คือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลไม่ยอมรักษาไว้มากกว่าที่อยากจะให้มอง เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน คุณไม่เข้ามาดูแล ทั้งๆ ที่คุณเป็นรัฐบาล เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ แต่คุณละเว้นที่จะไม่ดูแลสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าโกรธมากกว่าค่ะ”
นั่นคือเสียงตำหนิของ “นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์” ต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ภายหลังรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาออกพระราชกำหนดพระราชทานอภัยโทษและเดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556
เสียงตำหนิของนางสาวราตรีได้กระชากหน้ากากอันจอมปลอมของรัฐบาลอัปรีย์สิทธิ์ออกมาให้เห็น อย่างไม่มีชิ้นดีว่า นอกจากจะไม่พิทักษ์และปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ยังมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองอันสามานย์แอบแฝงอยู่ด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่นางสาวราตรีถูกจำคุกในเรือนจำเปรซอว์ นับตั้งแต่ถูกจับกุมในข้อหา “พยายามประมวลข่าวสารซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ ตามมาตรา 27 และมาตรา 446 ของกฎหมายกัมพูชา” ในเดือนธันวาคม ปี 2553 ขณะลงไปสำรวจพื้นที่บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมกับ “นายพนิช วิกิตเศรษฐ์” ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายวีระ สมความคิด ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายตายแน่ มุ่งมาจน และคณะ รวม 7 คน ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส
แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ คุกไม่ได้ทำให้อุดมการณ์ของเธอเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย และวันที่เธอได้รับอิสรภาพและเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย นางสาวราตรีก็ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า ไม่ได้บุกรุกดินแดนกัมพูชาและไม่ยินยอมเซ็นรับสารภาพความผิดที่รัฐบาลนายฮุนเซนยัดเยียดให้
ตรงกันข้ามกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น และ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมิได้เคยประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า คณะของนางสาวราตรีอยู่ถูกจับบนพื้นแผ่นดินไทย
ทั้งนี้ นายพนิชเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเพราะต้องการเข้าไปสำรวจปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ โดยหลักฐานคือ การที่นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ว่า “คนไทยที่ถูกเขมรจับกุมทั้ง 7 คน เข้าไปดูพื้นที่ตามที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องที่ทำกิน รวมทั้งหลักเขตแดน ซึ่งผมได้มอบหมายให้นายพนิชไปประสานงานกับบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ และก่อนเดินทางนายพนิชบอกว่าจะไปลงพื้นที่”
แน่นอน ในครั้งนั้นมีการตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นแผนการรวบหัวรวบหางเสี้ยนหนามรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีข้อตกลงแบบลับเฉพาะกับนายฮุนเซ็นหรือไม่ เพราะบริเวณที่ถูกจับกุมคือ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่อยู่ระหว่างหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ 46,47 และ 48 นั้น มีข้อมูลยืนยันว่า เป็นดินแดนของไทย
ทว่า ความอัปยศก็เกิดขึ้น เมื่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประทศ ที่ลงทุนเดินทางเจรจากับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ พร้อมกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “มีข้อมูลยืนยันระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะพิกัดของทั้ง 7 คน ฝ่ายไทยทราบข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงที่มีเจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกรมแผนที่ทหารเข้าไปสำรวจใกล้กับจุดเกิดเหตุพบว่า มีการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ โดยรุกล้ำเข้าไป ในหมู่บ้าน”
ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ เมื่อมีการถามว่า คนไทยทั้ง 7 คนยอมรับแล้วหรือไม่ว่าล้ำเข้าเขตกัมพูชา นายกษิตก็ตอบว่า “ยอมรับแล้ว ได้นำแผนที่แสดงพิกัด พร้อมนำภาพวิดีโอคลิปมาให้ดูด้วย”
แต่ที่หลายคนรับไม่ได้คือ มีรายงานในคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า นายกษิตไม่พอใจในเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดกล่าวออกมาว่า “การกระทำของคณะคนไทยถือเป็นการกระทำที่อ่อนหัด ไม่รู้กระบวนการของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่นอกจากไม่ได้มีมาตรการใดๆ ออกมาช่วยเหลือคนไทยแล้ว ยังปล่อยให้นายกษิต ภิรมย์ นายสุเทพและพล.อ.ประวิตรแก้ปัญหากันเอง และยุทธศาสตร์อันโง่เขลาเบาปัญญาก็เกิดขึ้นเมื่อรัฐมนตรีเหล่านั้นต่างพากันออกมายอมรับกันอย่างหน้าชื่นตาบานว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา
เดชะบุญที่ทั้งนายวีระ นางสาวราตรีมีเลือดรักชาติอย่างเต็มเปี่ยมด้วยการปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวแม้จะต้องติดคุกติดะรางอย่างไม่รู้ชะตากรรม ยอมใช้ชีวิตและอิสรภาพของตนเองปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งถ้านางสาวราตรีและนายวีระไม่ประกาศจุดยืนอย่างแข็งขันว่า ถูกจับบนผืนแผ่นดินไป ใครจะไปรู้ได้ว่า วันนี้ราชอาณาจักรไทยจะต้องสูญเสียดินแดนไปสักกี่มากน้อย
ทว่า แทนที่ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายกษิต พล.อ.ประวิตร และ นายพนิช จะนำดอกไม้ธูปเทียนแพไปขอขมานางสาวราตรีทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย เพราะเธอคือ “วีรสตรี” ที่ปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนไทย แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมิเคยสำนึกถึงความผิดพลาดของตนเองเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อคือ แทนที่พลพรรคแมลงสาบจะสำนึกในบาปบุญคุณโทษและความผิดที่ได้ก่อไว้ กลับแถไถใช้เหล่าสาวกแมลงสาบออกมาเพ่นพ่านในโลกออนไลน์ด้วยการเล่นงานนางสาวราตรีที่สมควรยกย่อมอย่างสาดเสียเทเสียเพื่อปกป้องความฟอนเฟะของตนเอง
ยกตัวอย่างเช่น ความเห็นของสาวกแมลงสาบที่ใช้ชื่อว่า “อยู่ดีไม่ว่าดี” ใน www.manager.co.th ซึ่งบอกว่า “ชุมชนของเค้าอยู่ตรงนั้นค่อนข้างถาวรไม่ใช่สามารถย้ายบ้านไปย้ายบ้านมา ตอนนั้นการตรวจสอบพิกัด GPS ทำได้แน่นอนด้วยการอ้างอิงหมู่บ้านเขมรของเขา ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่า ล้ำเขตแดนจริงและใครเป็นรัฐบาลเจอแบบนี้ก็คงเซ็ง”
หรือความเห็นของสาวกแมลงสาบที่ใช้ชื่อว่า “412” ที่บอกว่า Wในวีดีทัศน์ที่ได้เห็นนั้น นายวีระ นางราตรีและนายพนิชเดินไปถูกจับในชุมชนที่มีชาวเขมรอาศัยอยู่ ผมไม่ทราบหรอกว่าเขตทับซ้อนอยู่ตรงไหน ใช่แผ่นดินไทยหรือเขมรไม่ทราบ เห็นแต่มีชุมชนเขมรอยู่ ปัญหาเรื่องดินแดนมีมาก่อนรัฐบาลที่แล้ว ทำไมต้องมาเอาเป็นเอาตายด้วยครับ แล้วทำไมไม่จี้กับรัฐบาลชุดนี้บ้าง ไม่ว่าเรื่องดินแดนที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เรื่องทุจริตต่าง ๆ และอื่น ๆ หรือนายสนธิและพวกเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นอีแอบกับทักษิณแล้ว เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาเตะตัดขาปชป.ตลอดและไม่เลิก แต่สำหรับทักษิณและพวก มีเพียงการโจมตีทางคำพูดเท่านั้น”
นี่คือสันดานแมลงสาบที่ชอบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ซึ่งไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ส่วนถามว่า งานนี้สมควรยกความดีความชอบให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหรือไม่
ตอบได้ทันทีเลยว่า ไม่สมควร
เพราะแม้นางสาวราตรีจะได้รับการปล่อยตัวในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ก็เป็นการปล่อยตัวที่มีวาระซ่อนเร้นโดยหวังผลทางการเมืองเพื่อตอกย้ำความ อัปยศของพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจ ก็สมควรที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “นายวีระ สมความคิด” ได้รับการปล่อยตัวมาพร้อมๆ กันด้วย
ซ้ำร้าย รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศที่มี “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการ ยังได้จัดทำเอกสารที่อัปยศที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกระทรวงการต่างประเทศกรณีปราสาทพระวิหาร นั่นคือเอกสารที่ใช้ชื่อว่า “50 ปี 50 ประเด็น ถาม-ตอบ กรณีปราสาทพระวิหาร”
สาระสำคัญของเอกสารที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ก็คือ การบิดเบือนคำนิยามของคำว่า “สันปันน้ำ” ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารท้ายข้อ 8 หน้า 10 ความว่า...
“สันปันน้ำคือแนวสันต่อเนื่องในภูมิประเทศ เมื่อฝนตกจะแบ่งน้ำเป็นสองส่วน ซึ่งอาจไม่ใช่สันเขาหรือขอบหน้าผาก็ได้ โดยปกติต้องใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการพิสูจน์หาสันปันน้ำ ทั้งนี้ ตรงบริเวณปราสาทพระวิหารจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยมีการสำรวจหาสันปันน้ำในภูมิประเทศจริง”
เพราะในความเป็นจริงแล้วปรากฏหลักฐานชัดเจนทางประวัติศาสตร์มากมายระบุว่า ปราสาทพระวิหารอยู่บนขอบหน้าผาที่มีการสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว และมีความชัดเจนว่า บริเวณดังกล่าวนี้สันปันน้ำอยู่ที่ขอบหน้าผา
กล่าวคือในปี 2504-2505 ที่มีการต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยต่อสู้อย่างหักว่า เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาอยู่ที่สันปันน้ำตามข้อบทอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสันปันน้ำอยู่ที่หน้าผาซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติมาตั้งแต่ คณะกรรมการผสมไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 แล้ว โดยสามารถตรวจสอบได้จากเอกสารคำให้การของฝ่ายไทยที่ยื่นเมื่อ 29 กันยายน ปี 2504 และเอกสารคำติงของฝ่ายไทยที่ยื่นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2505 ลงนามโดยหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร ตัวแทนของรัฐบาลไทยในขณะนั้น
ดังนั้น การที่กระทรวงการต่างประเทศกลับคำเมื่อเวลาผ่านไป 51 ปี โดยไม่ยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จึงเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในประเด็นเขตแดนไทย-กัมพูชา ช่วง 195 กิโลเมตรจากช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีถึงช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ยังไม่มีการปักหลักเขตแดนไว้
แถมเมื่อฟังคำแก้ตัวของกระทรวงการต่างประเทศก็ยิ่งหดหู่เข้าไปใหญ่ เพราะแทนที่จะรักษาผลประโยชน์เหนืออธิปไตยของชาติเอาไว้ กลับชี้แจงราวกับเป็นข้าราชการแห่งราชอาจักรกัมพูชาว่า “ยังไม่เคยดำเนินการพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์ในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(เจบีซี) ถึงเรื่องดังกล่าว”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อาย “นายผัน กิ่งแสง” อายุ 75 ปั ชาวบ้านโศกขามป้อม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษบ้างหรือไม่ ที่ตัดสินใจขายบ้านพร้อมไร่นา รวมทั้งสิ้นจำนวน 29 ไร่ แยกเป็นสวนยางพารา 15 ไร่ , ที่นา 13 ไร่ และ ที่ดินบ้าน จำนวน 1 ไร่ ในราคา 5 ล้านบาท โดยเงินทั้งหมดที่ได้มาจะแบ่งส่วนหนึ่งให้กับลูก 4 คน เพื่อเป็นทุนในการประกอบสัมมาชีพ จากนั้นจะนำเงินทั้งหมดที่เหลือไปเป็นทุนในการกู้ชาติบ้านเมืองต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกอบกู้ผืนแผ่นดินไทยที่บริเวณเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา
สันดาน“แมลงสาบ” ซ้ำเติม “วีรสตรีราตรี” แทน “กราบเท้า” ขอขมา
#1
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:30
#2
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:34
#3
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:35
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#5
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:11
เหอะ เหอะ เหอะ ผมว่าพวกที่เอาชะตากรรมของวีระ ราตรี มาเป็นเหยื่อเล่นการเมือง
พึงระวังไว้ดีกว่า เพราะตอนนี้ ดูเหมือนเวรกรรมมันกำลังตามจอมล้างจองผลาญคนพวกนี้
อยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้ตัวนะ
- RiDKuN_user and ม่านน้ำ like this
#6
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:17
เรื่องนี้เขาพูดกันไปแล้วนี่ เพิ่งตื่นเหรอ
แล้วคุณกราบหรือยัง ถ้ายังก็รีบไปกราบซะไม่ต้องมาเว้าวอน
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#7
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:22
เรื่องนี้เขาพูดกันไปแล้วนี่ เพิ่งตื่นเหรอ
แล้วคุณกราบหรือยัง ถ้ายังก็รีบไปกราบซะไม่ต้องมาเว้าวอน
ต้องถามสนธิ-ปานเทพ-จิตตนาถก่อน....
ถ้าสามคนนี้กราบวีระ-ราตรี....
sithdark กราบตาม....
ส่วนอภิสิทธิ์-สุเทพ-wewe-ปุถุชน กราบให้โง่หรือ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#8
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:28
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ไม่ได้โกรธ เพราะว่า เขาไม่ช่วยเรา แต่โกรธว่า ทำไมเขาไม่ช่วยดูแลประเทศชาติ ทำกับจะเอาประเทศชาติของเราไปใส่จานใส่พานถวายให้เขาเลยเหรอ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ คือ จากที่เรา 2 คนถูกกระทำมาเนี่ย จริงอยู่มันก็คือการเสียสิทธิ์ เสียอิสรภาพของเรา มองในแง่ของคน 2 คนเนี่ย มันก็คือการเสียอิสรภาพแค่นี้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่แค่นั้น มันมากกว่านั้น ก็คือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลไม่ยอมรักษาไว้มากกว่าที่อยากจะให้มอง เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน คุณไม่เข้ามาดูแล ทั้งๆ ที่คุณเป็นรัฐบาล เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ แต่คุณละเว้นที่จะไม่ดูแลสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าโกรธมากกว่าค่ะ”
นั่นคือเสียงตำหนิของ “นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์” ต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ภายหลังรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาออกพระราชกำหนดพระราชทานอภัยโทษและเดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556
เสียงตำหนิของนางสาวราตรีได้กระชากหน้ากากอันจอมปลอมของรัฐบาลอัปรีย์สิทธิ์ออกมาให้เห็น อย่างไม่มีชิ้นดีว่า นอกจากจะไม่พิทักษ์และปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ยังมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองอันสามานย์แอบแฝงอยู่ด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่นางสาวราตรีถูกจำคุกในเรือนจำเปรซอว์ นับตั้งแต่ถูกจับกุมในข้อหา “พยายามประมวลข่าวสารซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ ตามมาตรา 27 และมาตรา 446 ของกฎหมายกัมพูชา” ในเดือนธันวาคม ปี 2553 ขณะลงไปสำรวจพื้นที่บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมกับ “นายพนิช วิกิตเศรษฐ์” ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายวีระ สมความคิด ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายตายแน่ มุ่งมาจน และคณะ รวม 7 คน ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส
แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ คุกไม่ได้ทำให้อุดมการณ์ของเธอเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย และวันที่เธอได้รับอิสรภาพและเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย นางสาวราตรีก็ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า ไม่ได้บุกรุกดินแดนกัมพูชาและไม่ยินยอมเซ็นรับสารภาพความผิดที่รัฐบาลนายฮุนเซนยัดเยียดให้
ตรงกันข้ามกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น และ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมิได้เคยประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า คณะของนางสาวราตรีอยู่ถูกจับบนพื้นแผ่นดินไทย
ทั้งนี้ นายพนิชเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเพราะต้องการเข้าไปสำรวจปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ โดยหลักฐานคือ การที่นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ว่า “คนไทยที่ถูกเขมรจับกุมทั้ง 7 คน เข้าไปดูพื้นที่ตามที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องที่ทำกิน รวมทั้งหลักเขตแดน ซึ่งผมได้มอบหมายให้นายพนิชไปประสานงานกับบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ และก่อนเดินทางนายพนิชบอกว่าจะไปลงพื้นที่”
แน่นอน ในครั้งนั้นมีการตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นแผนการรวบหัวรวบหางเสี้ยนหนามรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีข้อตกลงแบบลับเฉพาะกับนายฮุนเซ็นหรือไม่ เพราะบริเวณที่ถูกจับกุมคือ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่อยู่ระหว่างหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ 46,47 และ 48 นั้น มีข้อมูลยืนยันว่า เป็นดินแดนของไทย
ทว่า ความอัปยศก็เกิดขึ้น เมื่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประทศ ที่ลงทุนเดินทางเจรจากับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ พร้อมกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “มีข้อมูลยืนยันระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะพิกัดของทั้ง 7 คน ฝ่ายไทยทราบข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงที่มีเจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกรมแผนที่ทหารเข้าไปสำรวจใกล้กับจุดเกิดเหตุพบว่า มีการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ โดยรุกล้ำเข้าไป ในหมู่บ้าน”
ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ เมื่อมีการถามว่า คนไทยทั้ง 7 คนยอมรับแล้วหรือไม่ว่าล้ำเข้าเขตกัมพูชา นายกษิตก็ตอบว่า “ยอมรับแล้ว ได้นำแผนที่แสดงพิกัด พร้อมนำภาพวิดีโอคลิปมาให้ดูด้วย”
แต่ที่หลายคนรับไม่ได้คือ มีรายงานในคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า นายกษิตไม่พอใจในเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดกล่าวออกมาว่า “การกระทำของคณะคนไทยถือเป็นการกระทำที่อ่อนหัด ไม่รู้กระบวนการของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่นอกจากไม่ได้มีมาตรการใดๆ ออกมาช่วยเหลือคนไทยแล้ว ยังปล่อยให้นายกษิต ภิรมย์ นายสุเทพและพล.อ.ประวิตรแก้ปัญหากันเอง และยุทธศาสตร์อันโง่เขลาเบาปัญญาก็เกิดขึ้นเมื่อรัฐมนตรีเหล่านั้นต่างพากันออกมายอมรับกันอย่างหน้าชื่นตาบานว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา
เดชะบุญที่ทั้งนายวีระ นางสาวราตรีมีเลือดรักชาติอย่างเต็มเปี่ยมด้วยการปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวแม้จะต้องติดคุกติดะรางอย่างไม่รู้ชะตากรรม ยอมใช้ชีวิตและอิสรภาพของตนเองปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งถ้านางสาวราตรีและนายวีระไม่ประกาศจุดยืนอย่างแข็งขันว่า ถูกจับบนผืนแผ่นดินไป ใครจะไปรู้ได้ว่า วันนี้ราชอาณาจักรไทยจะต้องสูญเสียดินแดนไปสักกี่มากน้อย
ทว่า แทนที่ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายกษิต พล.อ.ประวิตร และ นายพนิช จะนำดอกไม้ธูปเทียนแพไปขอขมานางสาวราตรีทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย เพราะเธอคือ “วีรสตรี” ที่ปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนไทย แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมิเคยสำนึกถึงความผิดพลาดของตนเองเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อคือ แทนที่พลพรรคแมลงสาบจะสำนึกในบาปบุญคุณโทษและความผิดที่ได้ก่อไว้ กลับแถไถใช้เหล่าสาวกแมลงสาบออกมาเพ่นพ่านในโลกออนไลน์ด้วยการเล่นงานนางสาวราตรีที่สมควรยกย่อมอย่างสาดเสียเทเสียเพื่อปกป้องความฟอนเฟะของตนเอง
ยกตัวอย่างเช่น ความเห็นของสาวกแมลงสาบที่ใช้ชื่อว่า “อยู่ดีไม่ว่าดี” ใน www.manager.co.th ซึ่งบอกว่า “ชุมชนของเค้าอยู่ตรงนั้นค่อนข้างถาวรไม่ใช่สามารถย้ายบ้านไปย้ายบ้านมา ตอนนั้นการตรวจสอบพิกัด GPS ทำได้แน่นอนด้วยการอ้างอิงหมู่บ้านเขมรของเขา ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่า ล้ำเขตแดนจริงและใครเป็นรัฐบาลเจอแบบนี้ก็คงเซ็ง”
หรือความเห็นของสาวกแมลงสาบที่ใช้ชื่อว่า “412” ที่บอกว่า Wในวีดีทัศน์ที่ได้เห็นนั้น นายวีระ นางราตรีและนายพนิชเดินไปถูกจับในชุมชนที่มีชาวเขมรอาศัยอยู่ ผมไม่ทราบหรอกว่าเขตทับซ้อนอยู่ตรงไหน ใช่แผ่นดินไทยหรือเขมรไม่ทราบ เห็นแต่มีชุมชนเขมรอยู่ ปัญหาเรื่องดินแดนมีมาก่อนรัฐบาลที่แล้ว ทำไมต้องมาเอาเป็นเอาตายด้วยครับ แล้วทำไมไม่จี้กับรัฐบาลชุดนี้บ้าง ไม่ว่าเรื่องดินแดนที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เรื่องทุจริตต่าง ๆ และอื่น ๆ หรือนายสนธิและพวกเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นอีแอบกับทักษิณแล้ว เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาเตะตัดขาปชป.ตลอดและไม่เลิก แต่สำหรับทักษิณและพวก มีเพียงการโจมตีทางคำพูดเท่านั้น”
นี่คือ***แมลงสาบที่ชอบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ซึ่งไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ส่วนถามว่า งานนี้สมควรยกความดีความชอบให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหรือไม่
ตอบได้ทันทีเลยว่า ไม่สมควร
เพราะแม้นางสาวราตรีจะได้รับการปล่อยตัวในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ก็เป็นการปล่อยตัวที่มีวาระซ่อนเร้นโดยหวังผลทางการเมืองเพื่อตอกย้ำความ อัปยศของพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจ ก็สมควรที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “นายวีระ สมความคิด” ได้รับการปล่อยตัวมาพร้อมๆ กันด้วย
ซ้ำร้าย รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศที่มี “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการ ยังได้จัดทำเอกสารที่อัปยศที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกระทรวงการต่างประเทศกรณีปราสาทพระวิหาร นั่นคือเอกสารที่ใช้ชื่อว่า “50 ปี 50 ประเด็น ถาม-ตอบ กรณีปราสาทพระวิหาร”
สาระสำคัญของเอกสารที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ก็คือ การบิดเบือนคำนิยามของคำว่า “สันปันน้ำ” ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารท้ายข้อ 8 หน้า 10 ความว่า...
“สันปันน้ำคือแนวสันต่อเนื่องในภูมิประเทศ เมื่อฝนตกจะแบ่งน้ำเป็นสองส่วน ซึ่งอาจไม่ใช่สันเขาหรือขอบหน้าผาก็ได้ โดยปกติต้องใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการพิสูจน์หาสันปันน้ำ ทั้งนี้ ตรงบริเวณปราสาทพระวิหารจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยมีการสำรวจหาสันปันน้ำในภูมิประเทศจริง”
เพราะในความเป็นจริงแล้วปรากฏหลักฐานชัดเจนทางประวัติศาสตร์มากมายระบุว่า ปราสาทพระวิหารอยู่บนขอบหน้าผาที่มีการสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว และมีความชัดเจนว่า บริเวณดังกล่าวนี้สันปันน้ำอยู่ที่ขอบหน้าผา
กล่าวคือในปี 2504-2505 ที่มีการต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยต่อสู้อย่างหักว่า เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาอยู่ที่สันปันน้ำตามข้อบทอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสันปันน้ำอยู่ที่หน้าผาซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติมาตั้งแต่ คณะกรรมการผสมไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 แล้ว โดยสามารถตรวจสอบได้จากเอกสารคำให้การของฝ่ายไทยที่ยื่นเมื่อ 29 กันยายน ปี 2504 และเอกสารคำติงของฝ่ายไทยที่ยื่นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2505 ลงนามโดยหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร ตัวแทนของรัฐบาลไทยในขณะนั้น
ดังนั้น การที่กระทรวงการต่างประเทศกลับคำเมื่อเวลาผ่านไป 51 ปี โดยไม่ยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จึงเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในประเด็นเขตแดนไทย-กัมพูชา ช่วง 195 กิโลเมตรจากช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีถึงช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ยังไม่มีการปักหลักเขตแดนไว้
แถมเมื่อฟังคำแก้ตัวของกระทรวงการต่างประเทศก็ยิ่งหดหู่เข้าไปใหญ่ เพราะแทนที่จะรักษาผลประโยชน์เหนืออธิปไตยของชาติเอาไว้ กลับชี้แจงราวกับเป็นข้าราชการแห่งราชอาจักรกัมพูชาว่า “ยังไม่เคยดำเนินการพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์ในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(เจบีซี) ถึงเรื่องดังกล่าว”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อาย “นายผัน กิ่งแสง” อายุ 75 ปั ชาวบ้านโศกขามป้อม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษบ้างหรือไม่ ที่ตัดสินใจขายบ้านพร้อมไร่นา รวมทั้งสิ้นจำนวน 29 ไร่ แยกเป็นสวนยางพารา 15 ไร่ , ที่นา 13 ไร่ และ ที่ดินบ้าน จำนวน 1 ไร่ ในราคา 5 ล้านบาท โดยเงินทั้งหมดที่ได้มาจะแบ่งส่วนหนึ่งให้กับลูก 4 คน เพื่อเป็นทุนในการประกอบสัมมาชีพ จากนั้นจะนำเงินทั้งหมดที่เหลือไปเป็นทุนในการกู้ชาติบ้านเมืองต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกอบกู้ผืนแผ่นดินไทยที่บริเวณเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา
มาร์คมันชั่วครับ
ราตรี เลย ไปกราบปูแทน
- RiDKuN_user and susu like this
#9
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:30
วีรสตรี!!!??? ตรงไหน ใคร หน่วยงานไหนยกย่องคะ??? มีแต่สลิ่มเหลืองเท่านั้นที่ยกย่อง
เชิญคุณไปกราบเองนะคะ กราบเช้ากราบเย็น กราบสามเวลาหลังอาหารไปเลย
- กระท่อมปลายนา and susu like this
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
#10
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:52
ถ้าประเทศเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้ จะโทษใครระหว่าง
คนไม่กี่คนที่เดินไปเข้าทางเขมรทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์อย่างที่ว่า หรือใครละที่ทำให้คนทั้งประเทศจะต้องเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้
#11
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:53
#12
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:02
#13
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:02
ผมขอโทษนะครับ
ตั้งใจจะไม่พูดถึงกรณีวีระ ราตรี ถ้าไม่คันปาก
คุณเอาข่าวเรื่องนี้มาพูด เพื่อตั้งเป้าไปที่ ปชป
ในขณะที่เธอติดคุกเขมรอยู่ คุณและกลุ่มที่สนับสนุน
เคยได้ทำอะไรเพื่อช่วบเธอได้บ้าง นอกจากเรี่ยไรเงิน
จนถึงวันที่เธอออกจากคุกมา
เธอจึงกลายเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ เพื่อใช่เล่นงาน ปชป
คำว่า “วีรสตรีราตรี”
มีแค่าแต่เพียงเท่านี้หรือ
- susu likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#14
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:09
อีกหนึ่งตัวอย่างของการอาศัยผู้หญิง และวันสตรีสากล เป็นเครื่องมือทางการเมือง
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ... ศีลธรรม เป็นกรอบรักษาจินตนาการให้ดำรงอยู่ด้วยความดีงาม...
#15
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:16
ซิธ แฟท?
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#16
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:23
อ้าวแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาแป๊ะขี้เปียกทำไรอยู่ฮะ ใช้ปากอย่างเดียวช่วยวีระสะตีออกจากคุกไม่ได้นะฮะ ได้แค่เป๋าตุงกร๊ากกกก
#17
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:46
กลุ่มคนที่ควรจะกราบที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่เคยตั้งกล่อง
รับบริจาคในกรณีนี้นะ เพราะผมมั่นใจว่าได้เงินไปแล้ว แต่ผมยัง
ไม่เห็นเลยว่า คนกลุ่มนี้ ได้เงินไปเท่าไหร่ ใช้ในกรณีนี้อย่างไร
เข้าพกเข้าห่อตัวเองรึเปล่า หรือเอาไปจ่ายสถานีโทรทัศน์
ฯลฯ
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#18
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:52
กลุ่มคนที่ควรจะกราบที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่เคยตั้งกล่อง
รับบริจาคในกรณีนี้นะ เพราะผมมั่นใจว่าได้เงินไปแล้ว แต่ผมยัง
ไม่เห็นเลยว่า คนกลุ่มนี้ ได้เงินไปเท่าไหร่ ใช้ในกรณีนี้อย่างไร
เข้าพกเข้าห่อตัวเองรึเปล่า หรือเอาไปจ่ายสถานีโทรทัศน์
ฯลฯ
วันนี้ แปะกราบราตรีรึยัง
#19
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:09
อยากทราบว่าความเป็นวีรสตรีของคุณราตรีอยู่ที่ตรงไหน
แรกสุดก็คือเดินไปให้เขาจับใช่หรือไม่ ตอนนั้นเป็นวีรสตรีหรือยัง
หรือกลายเป็นวีรสตรีในตอนไหนครับ
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#20
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:10
ผมขอโทษนะครับ
ตั้งใจจะไม่พูดถึงกรณีวีระ ราตรี ถ้าไม่คันปาก
คุณเอาข่าวเรื่องนี้มาพูด เพื่อตั้งเป้าไปที่ ปชป
ในขณะที่เธอติดคุกเขมรอยู่ คุณและกลุ่มที่สนับสนุน
เคยได้ทำอะไรเพื่อช่วบเธอได้บ้าง นอกจากเรี่ยไรเงิน
จนถึงวันที่เธอออกจากคุกมา
เธอจึงกลายเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ เพื่อใช่เล่นงาน ปชป
คำว่า “วีรสตรีราตรี”
มีแค่าแต่เพียงเท่านี้หรือ
ไม่ครับ ไว้เป็นมาสคอต ตั้งกล่องรับบริจาคก็ได้ด้วย
#21
ตอบ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:22
อยากทราบว่าความเป็นวีรสตรีของคุณราตรีอยู่ที่ตรงไหน
แรกสุดก็คือเดินไปให้เขาจับใช่หรือไม่ ตอนนั้นเป็นวีรสตรีหรือยัง
หรือกลายเป็นวีรสตรีในตอนไหนครับ
เพิ่งเป็นสดๆซิงๆเลยครับ ตอนที่ได้รับการสถาปนาจากศาสดาสองพ่อลูกหลังจากหลุดออกจากคุกเขมรมาได้นี่แหละครับ
#22
ตอบ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:05
ใจจริง ผมสงสารคุณวีระ คุณราตรี นะครับ
แต่คนที่เกี่ยวข้อง
1.ตัวคุณวีระ คุณราตรี
2.รบ. ปชป.
3.แป๊ะ ตกสวรรค์
4.รบ.นส.ปู
5.Tuki ซึ่งผูกเสี่ยว กับขอม มีอำราชราชศักดิ์ ระดับมหาอำมาตย์
ทำไมคนที่ตั้งกท.ในเวบบ์นี้ จึงด่า ปชป. คนเดียวตลอด อีก3-4กลุ่ม ทำดีเลิศประเสริฐศรี
ยิ่งสงสาร คุณราตรี ...ที่ถูกกระทำเหมือนถูกพวกเอาศพมาหากิน
โอ๊ย แสบดาก
- Pok likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#23
ตอบ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:34
สนธิ แตก วีระ ขัดแย้งเงินบริจาคพันธมิตร
http://news.mthai.co...news/79982.html
สนธิโกงเงินกองทุนเลี้ยงชีพพนักงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
http://talk.mthai.com/topic/21676
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
#24
ตอบ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:36
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
#25
ตอบ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:40
ใจจริง ผมสงสารคุณวีระ คุณราตรี นะครับ
แต่คนที่เกี่ยวข้อง
1.ตัวคุณวีระ คุณราตรี
2.รบ. ปชป.
3.แป๊ะ ตกสวรรค์
4.รบ.นส.ปู
5.Tuki ซึ่งผูกเสี่ยว กับขอม มีอำราชราชศักดิ์ ระดับมหาอำมาตย์
ทำไมคนที่ตั้งกท.ในเวบบ์นี้ จึงด่า ปชป. คนเดียวตลอด อีก3-4กลุ่ม ทำดีเลิศประเสริฐศรี
ยิ่งสงสาร คุณราตรี ...ที่ถูกกระทำเหมือนถูกพวกเอาศพมาหากิน
โอ๊ย แสบดาก
ใจจริง ผมสงสารคุณวีระ คุณราตรี นะครับ
แต่คนที่เกี่ยวข้อง
1.ตัวคุณวีระ คุณราตรี
2.รบ. ปชป.
3.แป๊ะ ตกสวรรค์
4.รบ.นส.ปู
5.Tuki ซึ่งผูกเสี่ยว กับขอม มีอำราชราชศักดิ์ ระดับมหาอำมาตย์
ทำไมคนที่ตั้งกท.ในเวบบ์นี้ จึงด่า ปชป. คนเดียวตลอด อีก3-4กลุ่ม ทำดีเลิศประเสริฐศรี
ยิ่งสงสาร คุณราตรี ...ที่ถูกกระทำเหมือนถูกพวกเอาศพมาหากิน
โอ๊ย แสบดาก
เอา Like ผมไปเลยครับ คิดแบบเดียวกันเลย
Edited by Pok, 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:46.
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน