๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ (๒๔/๑๒/๒๐๑๐)
คำ แถลง ผลงานรัฐบาลในรอบ ๒ ปี โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันศุกร์ที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๑๗.๐๐ น.
รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้า มาบริหารราชการแผ่นดิน ความจริงถ้านับโดยเคร่งครัดก็ต้องถือว่าเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินช่วงสิ้น ปีของปี ๒๕๕๑ คือหลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ว่าถ้าจะพูดกันคร่าว ๆ ก็ถือว่ารัฐบาลชุดนี้ได้มีโอกาสบริหารบ้านเมืองมาเป็นระยะเวลา ๒ ปี
ผมถือว่า การบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลต้องรับผิดชอบสูงสุดที่สุดก็คือต่อพี่น้องประชาชน จึง เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน ที่จะต้องรายงานความก้าวหน้าในการทำงานและก็พูดอย่างตรงไปตรงมาถึงสภาพปัญหา รวมไปถึงอุปสรรคและความมุ่งมั่นตั้งใจในการที่จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป
ผม อยากจะใช้โอกาสนี้ได้มองให้เห็นถึงภาพรวมของการบริหารงานในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ผมไม่สามารถที่จะพูดครอบคลุมถึงงานทุกด้าน หรือทุกนโยบาย หรือทุกโครงการ หรือมาตรการได้อย่างทั่วถึง แต่อยากจะสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา และใช้โอกาสนี้ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ รับทราบถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการทำงานในช่วงต่อไป
๒ ปีที่ผ่านมานั้น ความมุ่งหมายสูงสุด ความมุ่งมั่นสูงสุดของพวกเราทุกคน ก็คือ
- ทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนนั้นสุขใจ และ
- ประเทศไทยนั้นมีความก้าวหน้า
การทำงานของเราเริ่มต้นขึ้นมานั้น เราทราบดีว่าเราทำงานท่ามกลางปัญหาและอุปสรรค ตั้งแต่
- การที่มีวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าขณะนั้น ความวิตกกังวลก็คือประเทศไทยนั้น จะย้อนกลับไปสู่ภาวะวิกฤติเหมือนกับช่วงปี ๒๕๔๐-๒๕๔๑ รวมไปจนถึงการที่สังคมของเรา โดยเฉพาะ
- ทางด้านการเมืองนั้นมีความแตกแยก มีความขัดแย้งสูงมาก แต่ว่าไม่ว่าสถานการณ์ที่เราเข้ามาจะเป็นอย่างไร เป้าหมายของเราชัดเจน เรายึดมั่นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศ โดยตั้งเป้าในเรื่องของการที่จะดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักอย่างน้อย ๆ ๓ เรื่อง
เรื่องแรกก็คือ เรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ
- ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจนั้นสามารถที่จะไม่เพียงแต่ฟื้นตัวขึ้นมา
- แต่สามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง เป็นการพัฒนาที่มีความยั่งยืน
- พร้อม ๆ กันไปนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างความเป็นธรรมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ
เรื่องของเศรษฐกิจนั้น ถ้าเราพูดถึงการประเมินสภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ บางครั้งมักจะนิยมพูดถึงตัวเลข
ในภาพรวม แต่ความจริงในใจของรัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่เข้ามาทำงานเราคิดมากที่สุดก็คือ เรื่องเศรษฐกิจของชาวบ้าน โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ ไม่มีปัญหาใดที่รัฐบาลทุกแห่งในโลก ทุกข์ใจเท่ากับถ้าหากว่าพี่น้องประชาชนไม่มีรายได้ ไม่มีอาชีพ ไม่มีงานทำ เพราะฉะนั้นการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจตั้งแต่ต้น เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษว่าทำอย่างไรภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่ทำให้เกิดภาวะการว่างงาน
ระยะเวลาผ่านไป ๒ ปี ผมอยากจะบอกกับพี่น้องประชาชนครับว่า
- เราเริ่มต้นจากการที่ภาวะการว่างงานนั้นสูงถึงร้อยละ ๒.๔ ถ้านับไปแล้วมีพี่น้องประชาชนเกือบ ๙ แสนคนที่ว่างงาน
- แต่ภายใต้การบริหารจัดการและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภาวะการว่างงานนั้นหลังจากช่วงแรกได้รับผลกระทบเล็กน้อย ก็ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งขณะนี้ผู้ว่างงานลดเหลือจำนวนเพียงร้อยละ ๐.๙ ไม่ถึง ๑% แล้วถ้านับเป็นจำนวนคนก็ประมาณ ๓ แสนกว่าคน ซึ่งความจริงถ้าพูดตามหลักของวิชาการ เขาจะบอกด้วยซ้ำครับว่า อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นภาวะของการว่างงาน เพราะโดยสภาพธรรมชาติของสังคม ของตลาดแรงงานก็จะมีกลุ่มคนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงของการที่มีการหางานหรือเป็นการว่างงานตามฤดูกาล อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ตรงนี้ในแง่ของเป้าหมายของรัฐบาล ๒ ปีที่ผ่านมา เรายืนยันว่านี่คือความสำคัญว่า เราไม่ปล่อยให้พี่น้องประชาชนตกอยู่ในภาวะยากลำบากจากการที่หมดหนทางในการมี รายได้หรือมีอาชีพ แต่ว่านอกเหนือจากเรื่องของการมีงานทำแล้ว สิ่งสำคัญที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องก็คือนโยบายที่มุ่งในเรื่องของการที่จะเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายของประชาชน เพราะนี่คือเศรษฐกิจที่มีความหมายต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้น มาตรการหลายมาตรการซึ่งพี่น้องประชาชนอาจจะได้รับทราบในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการตามเป้าหมายนี้อย่างจริงจัง
- นโยบายที่ดูจะได้รับความนิยมสูงสุดคือ นโยบายในเรื่องของการเรียนฟรี ๑๕ ปี นโยบายนี้
- เป็นนโยบายที่วางรากฐานสำหรับอนาคตของประเทศด้วย และ
- เป็นนโยบายที่มุ่งในเรื่องของการลดภาระของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะ ผู้ปกครองด้วย และเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง พี่น้องประชาชนจะต้องได้ ผู้ปกครองนั้นสามารถที่จะได้รับเงินในเรื่องของการดูแล ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน ตำราเรียน เครื่องแบบ ซึ่งครอบคลุมนักเรียนหรือลูกหลานของเรามากกว่า ๑๒ ล้านคน อันนี้ก็
- เป็นนโยบายที่เป็นตัวอย่าง และผมก็ยินดีที่ได้รับทราบว่า เวลาที่มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน นี่คือสิ่งที่พี่น้องประชาชนนั้นให้การ ชื่นชมในแง่ของการทำงานของภาครัฐมากที่สุด แต่นอกเหนือจากเรื่องของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองแล้ว มีหลายกลุ่มคนที่รัฐบาลในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความมั่นคงด้วยการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับคนเหล่านั้น เช่น
- ผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับเบี้ยยังชีพทุกคนเป็นครั้งแรก นี่ก็เป็นการทำงานซึ่งยืนยันว่า เราได้คำนึงถึงการดูแลเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
- คนพิการ ซึ่งได้รับเบี้ยคนพิการ ๘๐๐,๐๐๐ คน เช่นเดียวกันนะครับในอดีตนั้น ไม่ได้มีการดำเนินการให้ครอบคลุมอย่างนี้
- รัฐบาลก็เดินหน้าในการที่ให้พี่น้องที่เป็นคนพิการสามารถมาจดทะเบียนและรับประโยชน์จากนโยบายนี้ได้ ซึ่ง ปัจจุบันนั้นก็มีการเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวน ๘๐๐,๐๐๐ คน และก็อาจจะมีบางส่วนซึ่งยังตกหล่นอยู่นะครับ เพราะว่านโยบายนี้ก็ต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการที่จะเดินหน้าต่อ
- อาสาสมัครหรือ อสม. ที่เป็นครั้งแรกนะครับในปัจจุบันที่ได้รับค่าตอบแทนในการช่วยรัฐบาลทำงานในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้เป็นการลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน
- เกษตรกร ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาอยู่กับความไม่แน่นอน ไม่แน่นอนที่จะต้องเผชิญกับปัญหาของดินฟ้าอากาศ ภัยธรรมชาติ และความไม่แน่นอนในเรื่องของราคาสินค้า
- เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลตัดสินใจว่าต่อไปนี้ พี่น้องเกษตรกร จะต้องมีความมั่นคงในเรื่องของรายได้ ทำการเกษตรแล้วไม่ขาดทุน และเป็นครั้งแรกที่มาตรการในการดูแลพี่น้องเกษตรกรนั้น โดยเฉพาะในพืชหลัก ๓ ตัว คือข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง
- มาตรการความช่วยเหลือของรัฐบาลจะต้องไปถึงพี่น้องเกษตรกรทุกรายทุก ครัวเรือน ไม่ใช่กำหนดว่ามีงบประมาณเท่านี้ มีโควตาเท่านี้จะไปแทรกแซง ไปซื้อ ไปจำนำเท่านั้น เท่านี้ แล้วก็ใครที่ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในโควตาไม่สามารถที่เข้ามาขายพืชผลได้ทัน การณ์ ตามโครงการก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ส่วนทางด้านรายจ่ายครับมาตรการที่รัฐบาลได้สานต่อและได้เพิ่มเติมเข้ามายังคงมีเรื่องของมาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน ๙ ล้านครัวเรือน
- ได้ประโยชน์จากนโยบายของการใช้ไฟฟ้าฟรี ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่ใช้ไฟน้อยมาก ๙๐ หน่วยต่อเดือนหรือน้อยกว่า
- มีประปาฟรี ซึ่งเราได้ดำเนินการสานต่ออยู่ในระยะหนึ่งครอบคลุมประมาณ ๖ ล้านครัวเรือน และก็มีพี่น้องประชาชนคนยากคนจนที่
- ขึ้นรถไฟชั้น ๓ รถเมล์ไม่ปรับอากาศอีกจำนวนมากมายในเรื่องของการที่ได้ขึ้นรถไฟและรถเมล์ฟรี และทาง
- ด้านพลังงานนั้นการตรึงราคาก๊าซหุงต้มซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับทุก ครัวเรือนก็ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจะมีการดำเนินการต่อไป
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดเจน นะครับ ถึงเรื่องของการเพิ่มรายได้ การลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน นอกจากนั้นครับกลุ่มพี่น้องประชาชนที่มีความยากลำบากเป็นกรณีพิเศษก็จะคือกลุ่มพี่น้องประชาชนซึ่งมีภาระในเรื่องของหนี้สิน หนี้สินตรงนี้ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือ
- หนี้สินนอกระบบ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกลุ่มนี้ โดยมีพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมโครงการกว่า ๑ ล้านราย และจนถึงปัจจุบัน นะครับ
- เกือบครึ่งหนึ่งคือ ๔๕๐,๐๐๐ ราย ได้มีการแก้ปัญหาจนครบทุกขั้นตอนก็คือว่าสามารถที่จะโอนหนี้นอกระบบนั้นเข้า มาสู่ระบบธนาคารและก็ได้รับสินเชื่อไปแล้ว
- ซึ่งเฉพาะกลุ่มคนเหล่านี้สามารถที่จะลดภาระดอกเบี้ยที่เคยต้องจ่าย นอกระบบได้ถึง ๑ หมื่นล้านบาท นี่เป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ถือว่ายากลำบากที่สุดครั้งใหญ่
- นโยบายที่ทำกินซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เช่น การใช้แนวคิดเรื่องของ
- โฉนดชุมชน ซึ่งก็ได้มีการอนุมัติและกำลังเดินหน้าในการที่จะออกเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนดชุมชน พร้อม ๆ กับล่าสุดก็คือ
- มีการอนุมัติจัดตั้งสถาบันมาดูแลในเรื่องของธนาคารที่ดิน
แต่ผมอยากจะเรียนครับว่า การที่เรามีนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าเราพยายามจะไปฝืนสภาพความเป็นจริง สิ่งที่เป็นการสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในช่วง ๒ ปี ผ่านมาว่า ภาวะทางเศรษฐกิจได้เอื้ออำนวยต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนนั้น มีตัวเลขที่ยืนยันหลายตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลครับ ข้าว โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นประมาณ ๑,๐๐๐ บาทต่อตัน นับตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ข้าวโพด เช่นเดียวกันนะครับ มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกิโลกรัมละประมาณ ๖ บาทกว่า ๆ ตอนนี้ก็ ๘ บาทกว่า ๆ ไปจนถึงมันสำปะหลัง นะครับ ที่ถือว่าราคาเพิ่มขึ้นเกือบ ๓ เท่า พูดตรง ๆ สมัยก่อนเขาก็บอกว่า ถ้ามัน ๒ บาทนี่ ประชาชนได้ยิ้มแล้ว แต่วันนี้ นะครับ เราก็ได้เห็นสภาพที่ราคามันสำปะหลังนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องสูงถึง ๓ บาท ครับ เช่นเดียวกับสินค้าพืชผลอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะได้ไม่อยู่ในระบบของการประกันรายได้ แต่ก็มีการเพิ่มขึ้นมาครับ
ชาว สวนปาล์มราคาเพิ่มขึ้นประมาณเท่าตัว และราคายาง ผมเข้ามาผมจำได้พี่น้องชาวสวนยางเดินทางมาพบกับผมครับ ราคายางขณะนั้น ๓๐ บาทกว่า ๆ โอดครวญมากว่าขาดทุน วันนี้เพิ่มขึ้นมาเกือบจะ ๔ เท่า ๑๑๗ บาท นี่คือความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของราคาที่เป็นเรื่องของพืชผล ทางการเกษตร
ขณะเดียวกันนะครับจากการที่รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ๒ ปี ผ่านไป เราได้มีการปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างครับ
- สถานศึกษาเกือบ ๓,๐๐๐ แห่ง
- ถนนไร้ฝุ่น ๓,๐๐๐ กว่ากิโลเมตร
- แหล่งน้ำใช้เงินไปกว่า ๔ หมื่นล้านบาทและทาง
- ด้านการสาธารณสุขก็มีการลงทุนเช่นเดียวกันในเรื่องของโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพประจำตำบลและอื่น ๆ
การส่งออก ที่เราเคยเป็นห่วงเป็นใยกันว่ารัฐบาลจะสามารถทำให้ประเทศไทยสามารถนำเงิน เข้าประเทศได้มากน้อยแค่ไหน ก็จะเห็นครับว่า ขณะนี้ก็ยังขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง ปีนี้นะครับก็คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ถึงประมาณร้อยละ ๒๕ อย่างนี้เป็นต้น
การท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่มีปัญหาอุปสรรคเหตุการณ์หลายอย่าง แต่ว่าขณะนี้ก็มั่นใจเกิน ๑๕ ล้านคนไปแล้ว และอาจจะใกล้เคียงกับ ๑๕.๕ ล้านคน ถ้าคิดเป็นรายได้ที่นำเข้าประเทศมาก็จะเห็นนะครับว่า ๙ เดือนแรกสามารถนำรายได้เข้ามาถึงกว่า ๔ แสนล้านบาทแล้ว ความเข้มที่เกิดขึ้นนี้ก็ส่งผลไปยังภาคอุตสาหกรรมและภาคอื่น ๆ จะเห็นได้ว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีสะดุดลงก็จะมีช่วงสั้น ๆ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่เหตุการณ์ความไม่สงบนี่ละครับได้ส่งผลกระทบต่อเรื่องของความเชื่อมั่น แต่ขณะนี้ก็กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมไปจนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดูจากดัชนีการลงทุนของภาคเอกชนครับ ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็ถดถอยอย่างมาก ขณะนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว นี่คือสิ่งที่เป็นข้อมูลที่ยืนยันนะครับถึงความก้าวหน้าในการทำงานที่ผ่านมา
แล้วก็ในแง่ของตลาดหลักทรัพย์ครับ ขณะนี้ถือว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้นกลับมาอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ ๑๔ ปี สิ่งที่ผมอยากจะยืนยันครับว่า การเติบโตนี้ไม่ใช่เรื่องของการเก็งกำไรก็คือว่า ผมยังได้ไปดูด้วยว่า บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กำไรในช่วง ๒ ปี ที่ผ่านมาขยายตัวในอัตราที่สูง เพราะฉะนั้นตัวเลขตลาดหุ้นตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องของการเก็งกำไร แต่เป็นเรื่องของการสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน
ผมอยากจะเรียนเพื่อให้เกิดความมั่นใจนะครับว่า เรื่องของเศรษฐกิจนั้น นอกเหนือจากการเติบโตแล้ว ยังมีเรื่องของเสถียรภาพ มีการพูดกันมากว่า รัฐบาลไปดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจใช้จ่ายเกินตัว กู้เงินแล้วทำให้ฐานะของประเทศอยู่ในความเสี่ยงหรือไม่
- นอกเหนือจากตัวเลขความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ข้อเท็จจริงคือ ขณะนี้เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
- จะดูจากการที่เงินเฟ้อไม่ได้สูง
- จะดูจากการที่เราเกินดุลการค้า เกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง
- ดูจากการที่หนี้สาธารณะเทียบเป็นสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะที่ประเทศหลายประเทศในโลกมีวิกฤติหนี้สาธารณะ
- ไปจนถึงผมดูกระทั่งเรื่องของการที่เราดูแลผู้ประกอบการรายย่อย การปล่อยสินเชื่อให้แก่ SMEs หรือธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก
- ขณะที่หนี้เสียของสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งมาดำเนินนโยบายต่าง ๆ ในการให้สินเชื่อกับกลุ่มต่าง ๆ นั้น ปรากฏว่ามีสัดส่วนลดลง คือความเข้มแข็งของเศรษฐกิจที่เราได้สร้างขึ้นมา
ถ้าหันมาดูในเรื่องของงานทางด้านอื่น ๆ
เรื่องของความมั่นคงอย่างที่ผมได้กราบเรียนไปตั้งแต่ต้นว่า เป็นความสำคัญนั้น เรื่องของสามจังหวัดชาย แดนภาคใต้ก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งผมได้พูดตั้งแต่ต้นว่า เป็นวิกฤติที่ยืดเยื้อเรื้อรังมา ปัญหายังมีอยู่แน่นอน แต่แนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาภายใต้แนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ขณะนี้กำลังส่งผลอย่างชัดเจน
- การพัฒนานั้นไม่ต้องพูดถึง ขณะนี้การสร้างอาชีพเกิดขึ้นไปแล้วใน ๓,๐๐๐ หมู่บ้าน
- ซึ่งทำให้แนวร่วมพี่น้องประชาชนนั้นให้ความร่วมมือแล้วเข้ามาทำงาน ใกล้ชิดกับทางภาครัฐและเจ้าหน้าที่มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานหรือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาความ ไม่สงบต่อไป
- ที่สำคัญคือ หลายพื้นที่ขณะนี้เราก็ถือว่า มีการคลี่คลายปัญหาไปได้มาก รัฐบาลได้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้วใน ๔ อำเภอ ในจังหวัดสงขลา แล้วคาดว่าก่อนปีใหม่ก็จะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถยกเลิกการประกาศภาวะฉุก เฉินหรือการใช้ พรก. การบริหารราชการในสภาวะฉุกเฉินใน ๑ อำเภอ เริ่มต้นนำร่องก่อน ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินมาถึงวันนี้เป็นเวลากว่า ๕ ปี ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของรัฐบาลแล้วก็ความเอาจริงเอาจังใน การที่จะคลี่คลายปัญหานี้แล้วนำความมั่นคงมาสู่พื้นที่ดังกล่าว
ทางด้านการต่างประเทศ และความสัมพันธ์กับต่างประเทศนั้น ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปมาก ผมจะไม่ใช้เวลามากแต่บอกได้เลยว่า
- บทบาทของประเทศไทยในประชาคมโลกในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมานั้น ได้รับการยอมรับ ผมทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนมีโอกาสเป็นตัวแทนของอาเซียนไปประชุมในกลุ่ม G20
- แล้วก็บทบาทของเราได้รับการยอมรับในการผลักดันเรื่องสำคัญๆ ในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนด้วยกันเอง โครงข่ายของการเชื่อมโยงกัน ขณะนี้เป็นงานสำคัญที่ทุกประเทศในอาเซียนให้การยอมรับ
- ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานความสัมพันธ์กับประเทศ เพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนแต่ละยุคแต่ละสมัยอาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็คลี่คลายไปใน ทางที่ดี และขอยืนยันว่า เราได้ปกป้องประโยชน์ของชาติอย่างชัดเจนในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของชายแดนไทย-กัมพูชาจะเห็นว่า ภารกิจที่เราประกาศเอาไว้ชัดเจนคือ
- ๑. เราจะรักษาสิทธิ์แล้วก็กำหนดจุดยืนของประเทศให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของ ชาติอย่างแท้จริงกรณีของกัมพูชานั้นได้มีการแจ้งอย่างชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับ แผนที่ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นฝ่ายเดียวแล้วก็รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของเรา เรามีการดำเนินการในคณะกรรมการมรดกโลก คัดค้านการไม่ให้มีการประกาศแผนบริหารพื้นที่ซึ่งเราถือว่าเป็นพื้นที่ของ เราประสบความสำเร็จมาแล้ว ๒ ปี แล้วก็ยังเดินหน้าที่จะทำต่อ
- และขณะนี้ยังมีทหารหรือกำลังของเราที่ดูแลอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความ ห่วงใยกันว่า จะมีการสูญเสียไปให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ผมขอยืนยันว่า ไม่มีกรณีดังกล่าวโดยเด็ดขาด
- ตรงกันข้ามครับ ขณะนี้ก็มีการได้ย้ายชุมชนและคนของประเทศเพื่อนบ้านออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วด้วยซ้ำจำนวนหนึ่ง
- อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมอยากจะเรียนให้เห็นคือ บทบาทของเราก็ไปในทางที่ก้าวหน้าไปอีก อย่างเช่น กรณีที่กองทัพขณะนี้ไปมีบทบาททั้งในดาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นกองกำลังนอกทวีปแอฟริกา กองกำลังแรกที่เข้าไปช่วยในเรื่องของภารกิจทางด้านของการดูแลรักษาสันติภาพ ไปจนถึงการที่กองทัพเรือก็ไปร่วมในเรื่องปัญหาโจรสลัดที่อ่าวเอเดนที่บริเวณ ของโซมาเลีย
๒ ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า การทำงานของรัฐบาลก็ไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ มีวิกฤติที่เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ทุกครั้งนั้นผมขอยืนยันว่า รัฐบาลได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายวิกฤติและพลิกวิกฤติต่าง ๆ ให้เป็นโอกาสสำหรับอนาคตของประชาชนและของประเทศชาติ เช่น เหตุการณ์ที่แน่นอนที่สุดเราทุกคนเสียใจมากคือ การที่มีเหตุความขัดแย้งและความรุนแรงภายในประเทศของเรา จนนำไปสู่ความสูญเสีย แต่รัฐบาลได้บริหารสถานการณ์ในช่วงดังกล่าว ผมยืนยันว่า โดยยึด
- หลักประชาธิปไตย
- หลักสิทธิมนุษยชน
- การรักษานิติรัฐคือบ้านเมืองที่ปกครองด้วยกฎหมาย และ
- หลักของความโปร่งใสที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการทำงานแม้หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว
- แล้วก็ได้เร่งในการที่จะช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายต่าง ๆ
- และก็ต้องการที่จะใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นนั้นมาเป็นโอกาสของการที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งได้มุ่งในเรื่องของการทำงานหลายด้าน
- ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม
- ไม่ว่าจะเป็นการที่จะเริ่มต้นกระบวนการของการที่จะมีการปฏิรูปในทางการเมือง
- หรือในเรื่องของการปฏิรูปสื่ออย่างนี้เป็นต้น
- งานที่รัฐบาลดำเนินการไปได้ด้วยดีนั้น ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมที่ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหานี้จริง ๆ
- และเป็นครั้งแรกที่ผมขอยืนยันเลยว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนนั้นทำได้รวดเร็วมาก ขณะนี้เงินที่เราช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น ๕,๐๐๐ บาท ต่อครัวเรือนนั้นแทบจะกล่าวได้ว่า ถึงมือพี่น้องประชาชนเกือบหมดแล้ว
- แล้วเงินที่มีการช่วยเหลือในเรื่องของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเราเพิ่มเกณฑ์การช่วยเหลือถึงประมาณ ๓ เท่า ขณะนี้เงินถึงมือพี่น้องประชาชนในหลาย ๆ ส่วนแล้ว แล้วก็จะเร่งรัดให้เสร็จภายในระยะ ๑ เดือนข้างหน้า
- และจะต่อเนื่องด้วยการดูแลในเรื่องของพันธุ์พืชให้ถึงมือพี่น้องประชาชนเช่นเดียวกัน
แต่ที่สำคัญคือ เมื่อเกิดเหตุนี้แล้วเราไม่ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้วปล่อยผ่านไป นอกเหนือจากฟื้นฟูพื้นที่ขณะนี้เรากำลังทำแผนในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การทำงานใกล้ชิดกับภาคประชาชนและพี่น้องในพื้นที่จริง ๆ จังหวัดที่มีการนำร่องในขณะนี้จะมีที่โคราช ที่ลพบุรี แล้วก็วันที่ ๒๖ ธันวาคมนี้ก็จะมีการไปทำประชาคมหรือรับฟังความคิดเห็นพี่น้องประชาชนที่ หาดใหญ่ ซึ่งก็เป็น ๓ จังหวัดที่ถูกผลกระทบจากอุทกภัยอย่างค่อนข้างที่จะรุนแรง
- ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามรัฐธรรมนูญมีการเคารพ
- และดึงเอาภาคเอกชนซึ่งก็สมัครใจในการที่จะมาร่วมกันคลี่คลายวิกฤตในพื้นที่
- และก็มีการแก้ปัญหาพื้นฐานให้แก่พี่น้องประชาชนที่นั้น อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น มีหลายพื้นที่ไม่มีน้ำประปาใช้ก็ทำโครงการน้ำประปาให้ พื้นที่นั้นยังขาดศูนย์ทางด้านสุขภาพที่ดูแลเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ เรียกว่า อาชีวะเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมก็มีการไปจัดตั้งศูนย์มีการไปตรวจ สุขภาพของพี่น้องประชาชน
- และเราก็เก็บเกี่ยวบทเรียนจากปัญหามาบตาพุดซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ สะสมมาเป็นเวลานานมาเป็นแนวทางของการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ต่อไปใน อนาคตต้องมีความยั่งยืนต้องมีการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนซึ่งก็ได้ทำไป แล้ว
- ดังจะเห็นได้จากแนวทางที่เรากำลังดูถึงการพัฒนาในพื้นที่ในภาคใต้ซึ่งได้มีการพูดอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่นำเอาอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษไป
- อาจจะยึดเอาความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่มีการพัฒนา เศรษฐกิจในการมุ่งเน้นเรื่องของอุตสาหกรรมการเกษตรภาคบริการการท่องเที่ยว อย่างนี้เป็นต้น
พี่น้องที่เคารพรักครับ มาถึงวันนี้อย่างที่ผมได้กราบเรียนว่าแม้ว่าหลายเรื่องที่ได้ผลักดันมาจะมี รูปธรรมจับต้องได้อย่างชัดเจน แต่เรารู้ว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ และเรารู้ว่ายังมีอีกหลายปัญหา และความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชนเผชิญอยู่ ผมก็ขอยืนยันว่านับจากการขึ้นปีที่ ๓ เป็นต้นไป ไม่ว่ารัฐบาลจะมีการยุบสภาหรือจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ตาม แต่การเดินหน้าในการทำงานจะไม่หยุด แล้วสิ่งที่เราได้กำหนดเป็นแนวทางของการที่จะวางอนาคตเพื่อคนไทยนั้น
เริ่มต้นสิ่งแรกก็คือเราจะเน้นขบวนการของปฏิรูปประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหัวใจของเรื่องนี้คือการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง การแก้ปัญหาในเรื่องของความเหลื่อมล้ำโดย เฉพาะอย่างยิ่งก็คือว่า เราจะมีมาตรการซึ่งได้กำหนดเอาไว้ ๔ ด้านด้วยกัน ๑.คือเรื่องของระบบเศรษฐกิจ ๒.เรื่องของระบบสวัสดิการ ๓.เรื่องของกระบวนการยุติธรรม และ ๔.เรื่องของกระบวนการการศึกษา
๑. ในด้านของเศรษฐกิจครับ ผมอยากจะเรียนว่าเราได้ทำโครงการพิเศษ ที่ใช้คำว่า "เร่งรัดปฏิบัติการเพื่อคนไทย" ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องของการลดภาระค่าครองชีพและปัญหาความไม่เป็นธรรมที่มี อยู่ในสังคม และช่วงปีใหม่ หลังปีใหม่ไปผมจะประกาศรายละเอียดมาตรการเหล่านี้ทั้งหมด แต่เบื้องต้นบอกได้ว่าภาระของพี่น้องประชาชนที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าไฟ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของก๊าซหุงต้ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า อย่างเช่น ไข่ไก่ หมู ไก่ เหล่านี้เป็นต้น
- จะมีคำตอบมีแผนที่ชัดเจนซึ่งเป็นการแก้ไข ปัญหาโดยใช้งบประมาณน้อยมาก หรือแทบไม่ใช้เลย แต่จะเป็นมาตรการที่เราไปแก้โครงสร้างความไม่เป็นธรรมที่มันมีอยู่ในกลไกของ เรา เพื่อให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคนยากคนจนที่ยังบ่นว่าภาระที่หนักที่สุดคือ ปัญหาของแพงมีคำตอบในระยะยาวมากยิ่งขึ้น
- นอกจากนั้นนะครับความไม่เป็นธรรมที่มี อยู่ในโครงสร้างนั้น เราก็จะได้มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องในเรื่องของการที่ออกกฎหมายมาให้มีการ เก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สินเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม
- ก็มีตั้งแต่การขยายสิทธิประโยชน์ในเรื่องประกันสังคม ตรงนี้ทั้งในแง่ของการที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบ คลุมคู่สมรส บุตรไปจนถึงการขยายสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในปัจจุบันให้มีมากขึ้น หรือว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
- ผมได้ให้ไปสำรวจว่ายังมีกลุ่มคนไหนอีกที่เราเห็นว่าจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือมีระบบสวัสดิการการดูแลที่ดีขึ้น ก็ปรากฏว่าในส่วนของแม่และเด็กเล็ก ครับ ซึ่งก็จริงเราเริ่มดำเนินการไปแล้ว เรื่องไอโอดีน ก็จะเดินหน้าสนับสนุนต่อเพื่อดูแลว่าเรื่องของโภชนาการของเด็กทารก เด็กเล็กพัฒนาการสมองนั้นเป็นเรื่องที่เราสามารถที่จะแก้ไขได้ เพราะที่ผ่านมานั้นต้องถือว่ามาตรฐานเรายังต่ำอยู่ พร้อมๆ กันไปครับ การแก้ปัญหาการท้องไม่พร้อม การดูแลเรื่องของการดูแลเด็กเล็กทั้งในสถานประกอบการ ทั้งการขยายศูนย์เด็กเล็กให้ครบทุกตำบลครับก็คือก้าวต่อไปที่เราจะทำงานทาง ด้านนี้
- ส่วนในแง่ของหลักประกันความมั่นคงครับ กองทุนเงินออมแห่งชาติซึ่งขนาดนี้กฎหมายผ่านวาระที่ ๑ และก็ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็คือการปูทางไปสู่การที่พี่น้องประชาชนคนธรรมดาจะได้มีโอกาสมีบำเหน็จบำนาญบ้าง อันนี้ก็มีงานทางด้านสังคมครับ
- ในเรื่องของการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ยุติธรรมชุมชน เข้าไปถึงพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ให้เห็นว่านี้คือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
- มีคำแนะนำในเชิงกฎหมาย
- และจะเข้าไปแก้ปัญหาความขัด แย้งในระดับชุมชนอะไรที่ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องกัน ไกล่เกลี่ยกัน เราจะมีบุคลากรที่เข้าไปให้คำแนะนำต่างๆ เหล่านี้
- และก็ในแง่ที่เราจะปรับปรุงในแง่ของกระบวนการยุติธรรมต้นทางคือตำรวจ ผมก็เพิ่งได้สรุปมาตรการที่จะได้มีการดำเนินการปฏิรูปตำรวจครับ โดยมุ่งเน้นว่า
- ตำรวจต้องใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น
- ทำงานในเรื่องป้องกันให้ความอบอุ่นใจแก่พี่น้องประชาชนไม่ให้เกิดอาชญากรรม
- ทำโดยการกระจายอำนาจทำโดยการเพิ่มการมีส่วนร่วมการตรวจสอบจากประชาชน
- ให้ขวัญกำลังใจตำรวจชั้นประทวน
- ให้ความสำคัญกับกระบวนการสอบสวนที่จะ ต้องเป็นอิสระ และมีประสิทธิภาพ เหล่านี้เป็นต้น ก็เป็นงานที่เราจะมีการผลักดันต่อไปในเรื่องของขบวนการยุติธรรม
- ซึ่งแม้ว่าเราได้มีการผลักดันในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และก็การศึกษาฟรี ๑๕ ปีไปแล้ว
- แต่ว่าในแผนของการปฏิรูปที่เราจะทำต่อไปนั้นก็คือ
- เราจะช่วยเด็กและกลุ่มคนด้อยโอกาส อีกจำนวนมากครับ ซึ่งยังตกหล่นอยู่ยังขาดโอกาสทางการศึกษาอยู่ไม่ว่าจะเป็นในชนบทห่างไกล เด็กพิการ เด็กที่ต้องออกจากโรงเรียน
- ไปจนถึงพี่น้องประชาชนซึ่ง ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาสูงแต่ถึงวันนี้ต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติม ต้องการจะเพิ่มทักษะต้องการจะเพิ่มความสามารถของตนเอง ก็จะมีโครงการพิเศษที่จะครอบคลุมกลุ่มคนเหล่านี้
- พร้อมๆ กันไปครับ จากการที่เราได้มีโครงการคืนครูให้นักเรียนไปแล้ว ตอนนี้ก็จะมีการส่งเสริมครูที่ใช้คำว่า "ครูสอนดี" คือไม่ใช่ครูที่มีผลงานทางวิชาการ หรือครูที่ไปทำงานทางด้านการบริหาร แต่วันนี้จะมีโครงการพิเศษให้ขวัญกำลังใจให้รางวัล ให้เกิดความอบอุ่นใจว่าจะมีความก้าวหน้าได้รับการยกย่องสำหรับครูที่ทุ่มเท จริงๆ ในเรื่องของการเรียนการสอนจะมีการคัดเลือกกลุ่มครูเหล่านี้มาเป็นพิเศษครับ และดึงเอาทั้งท้องถิ่น ทั้งภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนในเรื่องของครูสอนดี
- และก็การปฏิรูปการศึกษาจะ ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเนื่องเพราะว่าคุณภาพการศึกษายังคงเป็นปัญหาอยู่ ผมคงไม่ใช้เวลาในช่วงนี้ในการลงรายละเอียด แต่ว่าจะได้ถือโอกาสเรียนพี่น้องประชาชนเป็นระยะๆ ถึงงานที่เราจะทำทางด้านการปฏิรูปทางการศึกษา
- รถไฟความเร็วสูงที่เราจะดำเนินการอยู่ใน ระหว่างการเจรจากับประเทศจีนครับจะทำให้พี่น้องสามารถที่จะเดินทางตั้งแต่ อีสานตั้งแต่หนองคายมาที่กรุงเพทฯ ลงไปถึงชายแดนภาคใต้ และก็จะมีการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพเชียงใหม่ และกรุงเทพระยอง ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการขนส่งระบบรางครั้งใหญ่ก็จะได้เริ่มต้นในปีหน้าอย่าง แน่นอนเช่นเดียวกับระบบอินเตอร์เน็ต
- เช่นเดียวกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้น ฐานทางด้านกิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมครับ หลังจากที่กฎหมาย กสทช. ออกมาแล้ว จะมีการเร่งรัดทำเรื่องนี้ให้สำเร็จครับ แล้วตั้งเป้าอย่างชัดเจนว่าพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่สุดแล้ว จะต้องเข้าถึงระบบนี้โดยมีต้นทุนที่ต่ำนี้คือเป้าหมายที่เราดำเนินการใน เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน
เรื่อง (๑) ยาเสพติดนั้นผมอยากจะเรียนก่อนว่าที่จริงเราพยายามทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าดูตัวเลขนั้นจะพบครับว่า
การจับกุมผู้ค้า หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น
และก็ที่สำคัญที่สุดก็คิดว่าที่เราจับขณะ นี้เป็นรายใหญ่ จะเห็นได้ว่าถ้าเอาปริมาณยาที่เราจับได้ยึดได้ หารด้วยจำนวนคนที่เราจับได้ เรากำลังเข้าไปทะลายเครือข่ายจริงๆ ซึ่งบางเครือข่ายก็อยู่ในเรือนจำ อยู่ในกลุ่มของผู้มีอิทธิพล
และขณะนี้ก็จะเห็นครับว่าผมได้มีการเข้มงวด กวดขันเป็นพิเศษเพื่อให้ทางตำรวจได้เข้าไปดำเนินการทั้งในเรื่องยาเสพติด อบายมุข ตู้ม้า บ่อนการพนัน
และผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนครับว่าทันทีที่ผมพูดเรื่องนี้มีหลายคนแจ้ง เบาะแสมาหลายชุมชนที่อยู่ในกรุงเทพบ้าง ในต่างจังหวัดบ้าง และก็ผมคิดว่าบุคคลเหล่านั้นที่ส่งข้อมูลมาให้ผมจะทราบว่าหลายกรณีขณะนี้มี การเข้าไปจับกุมตามเบาะแสที่ท่านชี้เข้ามา ขอความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเถอะครับ ผมยืนยันว่าเราจะเดินหน้าทำเรืองนี้อย่างเต็มที่ เพราะผมรู้ว่านี้คือความทุกข์ใจของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง
- ที่จริงช่วงที่ผมเข้ามาทำงานการจัดอันดับของ ประเทศ ต่างชาติก็มองว่าเราทำได้ดีขึ้น แต่มันไม่น่าพอใจครับ มันขึ้นอันดับมาก็จริงแต่มันยังอยู่อับดับที่ ๗๘ เราไม่ควรพอใจ และเราก็จะเดินหน้าเพื่อจะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง
- ผมขอบคุณภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งวันนี้ได้เปิดตัวในการที่จะมาร่วมมือกับภาครัฐแล้วในการที่จะเร่งเดิน หน้าแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐที่ไปเกี่ยวข้องกับภาค เอกชน
- และมาตรการที่ผมกำลังขับเคลื่อนเดินหน้าใน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลเกี่ยวกับราคากลาง ราคามาตรฐาน การจ้างที่ปรึกษา ผมเชื่อครับว่าจะทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นโดยลำดับ
- และก็ยืนยันครับว่าผมไม่ละเลย ทุกกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ผมไม่เคยเพิกเฉยได้มีการดำเนินการในการที่จะให้มีการสอบสวน และก็หลายคนก็จะพูดถึงกฎเหล็ก ๙ ข้อ ผมก็เรียนยืนยันว่า
สองปีที่ผ่านมามีหลายกรณีที่เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความรับผิดชอบในทางการเมืองนั้น มันอยู่ในระดับที่สูงกับความรับผิดชอบทางกฎหมาย เพราะมีหลายกรณีซึ่งการวินิจฉัย หรือการสอบสวนทางกฎหมายยังไม่ยุติครับ แต่เพื่อรักษามาตรฐานของการเมืองมีการดำเนินการในทางการเมืองเพื่อให้เห็น ว่าความรับผิดชอบทางด้านนี้สูงกว่า ผมยืนยันว่าอย่างไรเราก็จะเดินหน้าในการที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป
- แต่สิ่งที่ผมพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำก็ คือว่าไม่ว่าเราจะคิดต่างกันอย่างไร เราสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ ให้ความเป็นธรรมรับฟังซึ่งกันและกัน แต่ก็เรียนกับพี่น้องประชาชนตามตรงครับว่า ใครที่ขยับเรื่องนี้ไปซ้ายก็ถูกทางขวาต่อว่า ไปขวาก็ถูกทางซ้ายต่อว่า ผมตั้งใจว่าผมจะพยายามให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ผมไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ครับ
- แต่ผมคิดว่าถ้าผมรักษาหลักการของบ้านเมืองคือไม่ทำ