Jump to content


Photo

ศาสนาศรีอาริย์


  • Please log in to reply
55 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 sriariya

sriariya

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 29 posts

ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:08

ศาสนาศรีอาริย์

บทความนี้จะมุ่งเน้นทำความเข้าใจให้กับท่านสาธุชนผู้ใฝ่ในศาสนาทั้งหลายได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยเหตุของความเสื่อมในศาสนาอันไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านานแล้ว ทำให้เป็นเหตุฟปัจจัยหนึ่งในอันที่จะทำให้เกิดการแปรปรวนของธรรมชาติ และความแปรปรวนของพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ ศาสนาที่จะเกิดขึ้นใหม่นั้น ก็คือ ศาสนาศรีอาริย์   

            ศาสนาศรีอาริย์ เป็นศาสนาที่อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นศาสนาสุดท้ายแห่งมวลมนุษย์โลก(ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์เท่านั้น) เพราะเป็นศาสนาที่ได้บูรณาการทุกด้านในศาสนาทั้งหลายทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาต้นกำเนิด หรือศาสนาส่วนแยกทั้งหลายที่มีอยู่ ซึ่งแต่ละศาสนาสามารถนำเอาหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนาศรีอาริย์ไปเป็นแม่แบบแห่งหลักธรรมคำสอนได้ และเป็นหลักปฏิบัติได้ในทันที ทั้งนี้เพราะศาสนาศรีอาริย์มิได้เกิดขึ้นมาเพื่อทำลายศาสนาอื่นๆที่มีอยู่ แต่ศาสนาศรีอาริย์ เป็นศาสนาที่จะนำทาง เป็นศาสนาที่จะพัฒนา ให้แก่ศาสนาทุกศาสนา ได้ประพฤติปฏิบัติและมีแนวความคิดอย่างถูกต้องตามหลักความเป็นจริง  อีกทั้งยังสามารถประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนาเดิมที่มีอยู่ได้อย่างที่ไม่ต้องไปแก้ไขใดใดทั้งสิ้น ทั้งนี้ก็เพราะ หลักธรรมและหลักปฏิบัติ แห่งศาสนาศรีอาริย์นั้น เป็นแม่แบบ เป็นหลักความจริงที่ไม่มีผู้ใดไม่มีสิ่งใดหลีกพ้นได้ สรรพสิ่งล้วนต้องมี ต้องเป็นไป ล้วนมีประพฤติและการปฏิบัติใดใด ตามหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนาศรีอาริย์

            ศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ ย่อมมีข้อประพฤติปฏิบัติตามศาสนานั้นๆอยู่แล้ว เมื่อศาสนาศรีอาริย์ปรากฏ ข้อประพฤติปฏิบัติของศาสนานั้นๆ ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ผู้ศรัทธาในศาสนานั้นๆก็ยังคงประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนานั้นอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ ศาสนาศรีอาริย์ จะเป็นผู้ไขความลับ เป็นผู้แจ้งหลักความจริงแห่งความเป็นมนุษย์ ให้ท่านทั้งหลายผู้ศรัทธาในศาสนาทั้งหลาย ได้นำไปเป็นแม่แบบ ได้นำไปเป็นหลักการแห่งการประพฤติปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ตนเองศรัทธาอยู่ แม้นผู้ใดใคร่หลุดพ้น หรือใคร่ปฏิบัติให้ถึงจุดหมายแห่งศาสนาแต่ละศาสนาก็ย่อมกระทำได้ โดยไม่ยาก เพียงแต่ต้องมีความอดทน ขยันหมั่นเพียร และต้องทบทวนฝึกตนอยู่เป็นนิจ ตามกิจแห่งตนเอง และกิจแห่งศาสนาที่ตนเองศรัทธาอยู่ หมายความว่า เมื่อท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติกิจแห่งตนเอง หรือกิจแห่งศาสนา ก็ให้นำเอาหลักการหรือหลักธรรม อันเป็นแม่แบบ สอดแทรกเพื่อคิดพิจารณา เพื่อเตือนสติตน ฝึกตน ว่ากิจทั้งหลายเหล่านั้นประพฤติปฏิบัติเพื่อสิ่งใด ก็ย่อมทำให้ผู้ศรัทธาในศาสนาทุกศาสนา สามารถบรรลุสู่เป้าหมายแห่งศาสนาที่ตนศรัทธาได้

หลักธรรม แล ข้อปฏิบัติแห่งศาสนาศรีอาริย์นั้น ไม่ยาก เพียงแต่ต้องนำไปคิดพิจารณาให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ท่านทั้งหลายก็จักสามารถบรรลุสู่เป้าหมายสูงสุดของศาสนาที่ตนศรัทธาได้  

หลักธรรมและข้อปฏิบัติแห่ง ศาสนาศรีอาริย์ โดยรวมมีดังนี้.-

 

“ ท่านทั้งหลาย ครองเรือนเป็นมนุษย์ สิ่งที่พวกท่านมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ บ้างก็ยากจน บ้างก็ร่ำรวย บ้างก็มีงานทำที่ให้เกิดความคิดตามค่านิยมแห่งสังคมมนุษย์ว่าดีว่าสูงว่ามีอำนาจอิทธิพลฯ บ้างก็มีงานทำที่ทำให้เกิดความคิดตามค่านิยมแห่งสังคมมนุษย์ว่าต่ำต้อยไร้อำนาจไร้อิทธิพล   สิ่งทั้งหลายที่พวกท่านมีอยู่ ไม่ทำให้พวกท่านได้อะไรจากสิ่งเหล่านั้นเลย  นอกเหนือ

ไปจาก การได้ปัจจัยสี่ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ก็เพียงให้ท่านทั้งหลายได้มีได้เกิด “ ความคิด ความระลึกนึกถึง อารมณ์ และความรู้สึก”  ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะมีเงินทองทรัพย์สินมากมายสักเท่าไหร่ หรือยากจนสักเพียงไหน สิ่งที่พวกท่านได้รับจากสิ่งที่พวกท่านมีอยู่ ทำอยู่  ก็คือ “ความคิด ความระลึกนึกถึง อารมณ์ และความรู้สึก” เท่านั้น แต่พวกท่านเป็นมนุษย์ (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์) พวกท่าน ย่อมต้องปฏิบัติ ย่อมต้องกระทำ  ย่อมต้องมี

  1. การครองเรือน ,ทาน คือ การให้
  2. กตัญญู รู้คุณ ,การเจรจาติดต่อสื่อสาร
  3. สรรพอาชีพ ,ประพฤติ
  4. ระลึก,ดำริ

         ทั้ง ๔ (สี่ข้อ) ๘(แปด)คู่ นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่พวกท่านล้วนต้องกระทำล้วนต้องประพฤติล้วนต้องปฏิบัติกันอย่างแน่นอน  ไม่มีผู้ใดหลีกพ้น เพราะเป็นหลักความจริงตามการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ท่านทั้งหลายย่อมต้องประพฤติปฏิบัติ หรือกระทำตามหลักทั้ง ๔ ข้อ ๘ คู่ อันก่อให้เกิดผลคือได้รับทรัพย์สินเงินทอง ได้รับปัจจัยสี่  ความคิด ความระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก    แต่ ทรัพย์สินเงินทอง สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่พวกท่านได้รับหรือมีอยู่ ก็เป็นเพียงสร้าง “ความคิด ความระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก” ให้กับพวกท่านเท่านั้น 

         ในเมื่อ ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ ย่อมต้องประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม ๔ ข้อ ๘ คู่ อันเป็นไปตามปกติแห่งสังคมการเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตของมนุษย์  ท่านทั้งหลายจะประพฤติปฏิบัติให้เกิดความทุกข์ หรือจะประพฤติปฏิบัติให้เกิดความสุข ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่าน ขึ้นอยู่กับหลักคำสอนของศาสนาที่ท่านศรัทธาอยู่ว่าจะสอนให้ท่านได้เรียนรู้ได้ประพฤติปฏิบัติเพื่อความปกติสุขของการอยู่ร่วมกัน หรือสอนเป็นแบบอื่นใด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจ ของท่านทั้งหลายว่า จะเข้าใจและประพฤติปฏิบัติไปในทิศทางใด”

 

            หลักธรรมและหลักปฏิบัติแห่งศาสนาศรีอาริย์ จะเป็นเครื่องช่วยในการพัฒนาศาสนาต่างๆ ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการดำรงชีวิตในความเป็นมนุษย์ ได้มีความรู้ความเข้าใจตามหลักความจริงแห่งการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน สามารถรู้แจ้งเห็นจริงกันได้ทั่วทุกคน จะต่างกันตรงที่จะเกิดความเข้าใจช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับสมองสติปัญญาและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลเท่านั้น

            ประการสุดท้าย ศาสนาศรีอาริย์ อันเป็นศาสนาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ยังมีหลักธรรมคำสอน และหลักปฏิบัติอีกมากมาย ที่ไม่ได้นำมาสอน ที่สอนไปข้างต้นนั้น เป็นเพียงหนึ่งหมวด ในจำนวนทั้งหมด ๘ (แปด)หมวดหลักธรรม ฯลฯ

ขอให้ท่านทั้งหลายได้คิดพิจารณาให้เป็นไปตามหลักความจริงเถิด

 

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ (ผู้เขียน)

๑๕ – ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖

 

 



#2 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:12

ศาสนาศรีอาริย์คืออะไรครับ

 

ทำไมสิ่งที่ยังไม่อุบัติขึ้น ถึงเรียกว่า ศาสนาได้

 

และถ้าหากศาสนาศรีอาริย์ หมายถึง ยุคพระศรีอารย์

แน่ใจนะครับว่าเข้าใจได้ถูกแล้ว ว่า กำลังจะเกิดขึ้น

ในอนาคตอันใกล้นี้


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#3 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:51

มึนอีกแล้ว...ศาสนาพระศรีอาริยะเมตตรัย รึเปล่าครับ ???

โง่  ครับ.  ไม่ค่อยเข้าใจ. เคยอ่าน..เจอแต่ว่า ยุคต่อจาก

( พระสมณโคดม ) สิ้น  ๕ พันปี  พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

นามว่า ..พระศรีอริยเมตตรัย..จะอุบัติขึ้น  สืบต่อพระพุทธ-

ศาสนา..ถ้าเป็นไปตามนั้น  ก็ เหลือเวลาอีก  ๒ พันกว่าปี

ประมาณการว่า  ( ไม่ต่ำจาก  ๓๐ ชั่วอายุคน.)  แต่สิ่งเหล่า

นี้.  เป็นเพียงการ.  คาดการณ์  ดังเช่น ( พุทธทำนายว่า)

พระเทวทัต.  จะพ้นกรรม  มาเป็น พระอรหันต์ และเป็นนำ

พุทธศาสนาต่อไป..( แต่ไม่รู้เมื่อไร) 

>>>> พูดถึง  ศาสนา  ควรหาหลักฐานอ้างอิงให้มาก <<<<<

 

 >>> ขอบคุณครับ   ผมไม่ค่อยรอบรู้ เท่าไรนะครับ<<<<



#4 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 03:30

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

 

แต่นักวิทยาศาสตร์ประมาณไว้ว่า 3 พันล้านปีดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง

เมื่อเผลาผลาญไฮโดรเจนจนแทบไม่เหลือ ขนาดดวงอาทิตย์จะขยายใหญ่จนถึง

วงโครจรของโลก พอไฮโดรเจนหมดแล้วก็เผาผลาญฮีเลี่ยมต่อ กลายเป็นดาวแคระขาว

กว่าจะถึงเวลานั้น มนุษย์อาจพบวิธีอพยพเอาชีวิตรอดในดาวดวงอื่น ฮ่าๆๆ


Edited by phoosana, 19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 03:32.

We love fender.

#5 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:10

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

 

แต่นักวิทยาศาสตร์ประมาณไว้ว่า 3 พันล้านปีดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง

เมื่อเผลาผลาญไฮโดรเจนจนแทบไม่เหลือ ขนาดดวงอาทิตย์จะขยายใหญ่จนถึง

วงโครจรของโลก พอไฮโดรเจนหมดแล้วก็เผาผลาญฮีเลี่ยมต่อ กลายเป็นดาวแคระขาว

กว่าจะถึงเวลานั้น มนุษย์อาจพบวิธีอพยพเอาชีวิตรอดในดาวดวงอื่น ฮ่าๆๆ

 

รู้สึกว่าแค่ขึ้นไปถึง 80000 ไม่ใช่หรือครับ ก็เท่ากับ

 

6500 + 7,999,000 = 8,005,500 ปี

8 ล้านห้าพันห้าร้อย ปี

อายุเฉลี่ย ของมุนษย์ 100 ปี จะลดลง 1 ปีจนถึง 10  ปี เท่ากับ 6,500 ปี

กว่าจะขึ้นไปอีก จนถึงอายุเฉลี่ย 80000 ปี เท่ากับ 7,999,000 ปี

จะอยู่ถึงหรือ เกิดจนไม่รู้จะ กี่รอบแล้ว 5555


บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#6 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:13

มึนอีกแล้ว...ศาสนาพระศรีอาริยะเมตตรัย รึเปล่าครับ ???

โง่  ครับ.  ไม่ค่อยเข้าใจ. เคยอ่าน..เจอแต่ว่า ยุคต่อจาก

( พระสมณโคดม ) สิ้น  ๕ พันปี  พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

นามว่า ..พระศรีอริยเมตตรัย..จะอุบัติขึ้น  สืบต่อพระพุทธ-

ศาสนา..ถ้าเป็นไปตามนั้น  ก็ เหลือเวลาอีก  ๒ พันกว่าปี

ประมาณการว่า  ( ไม่ต่ำจาก  ๓๐ ชั่วอายุคน.)  แต่สิ่งเหล่า

นี้.  เป็นเพียงการ.  คาดการณ์  ดังเช่น ( พุทธทำนายว่า)

พระเทวทัต.  จะพ้นกรรม  มาเป็น พระอรหันต์ และเป็นนำ

พุทธศาสนาต่อไป..( แต่ไม่รู้เมื่อไร) 

>>>> พูดถึง  ศาสนา  ควรหาหลักฐานอ้างอิงให้มาก <<<<<

 

 >>> ขอบคุณครับ   ผมไม่ค่อยรอบรู้ เท่าไรนะครับ<<<<

เป็นแค่ปัญเจกพุทธเจ้าครับ ไม่ใช่ พระพุทธเจ้า


บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#7 gwred

gwred

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 2 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:35

อะไรมาไง ศาสนาอะไรครับเนี่ย


การเมืองเรื่องของประชาชน ต้องคอยติดตามเกมส์การเมืองให้ดีๆ


#8 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:31

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

 

แต่นักวิทยาศาสตร์ประมาณไว้ว่า 3 พันล้านปีดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง

เมื่อเผลาผลาญไฮโดรเจนจนแทบไม่เหลือ ขนาดดวงอาทิตย์จะขยายใหญ่จนถึง

วงโครจรของโลก พอไฮโดรเจนหมดแล้วก็เผาผลาญฮีเลี่ยมต่อ กลายเป็นดาวแคระขาว

กว่าจะถึงเวลานั้น มนุษย์อาจพบวิธีอพยพเอาชีวิตรอดในดาวดวงอื่น ฮ่าๆๆ

 

รู้สึกว่าแค่ขึ้นไปถึง 80000 ไม่ใช่หรือครับ ก็เท่ากับ

 

6500 + 7,999,000 = 8,005,500 ปี

8 ล้านห้าพันห้าร้อย ปี

อายุเฉลี่ย ของมุนษย์ 100 ปี จะลดลง 1 ปีจนถึง 10  ปี เท่ากับ 6,500 ปี

กว่าจะขึ้นไปอีก จนถึงอายุเฉลี่ย 80000 ปี เท่ากับ 7,999,000 ปี

จะอยู่ถึงหรือ เกิดจนไม่รู้จะ กี่รอบแล้ว 5555

 

มนุษย์เรามันก็แปลก  ตายไว ก็เห็นแก่ตัว  ตายช้า ก็ประมาทชะล่าใจไม่กลัวบาป

 

บางทีผมยังเคยคิดว่า 

โลกมนุษย์ นี่มัน ก็นรก ดีๆ นี่เอง

แต่เป็นนรกชั้นบนสุด เบาสุด ที่สัตว์โลกเกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ แต่ยังไม่ทรมานเหมือนในนรก และยังสามารถที่จะปฏิบัติธรรม ทำบุญทำกุศลหาทางหลุดพ้นได้

เพราะถ้าโดนต้มอยู่ในกระทะทองแดง หรือปีนต้นงิ้วอยู่ คงทำบุญไม่ได้อ่ะ

^_^


ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#9 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:08

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ในอดีตกาลนับประมาณไม่ได้จนถึงปัจจุบัน พระพุทธเจ้า

อุบัติขึ้นมาแล้วในโลก นับประมาณไม่ได้ เพราะ สังสารวัฏฏ์หาเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้

ดังนั้นก็มีพระพุทธเจ้าบังเกิดในโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน เปรียบเหมือน

เม็ดทรายในแม่น้ำคงคา มีมากอย่างนั้น  ถ้านับจากเฉพาะ กัปนี้ คือ ภัทรกัป

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก กัปนี้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นองค์ที่ 4

ดังนั้นก็แล้วแต่ว่าเรานับจากกัป ช่วงเวลาไหน ก็ทำให้มี จำนวนของพระพุทธเจ้าแตกต่างกันไป

ตามการนับช่วงเวลาที่เป็นกัปแต่ละกัป

 

พระพุทธเจ้ามี สอง ประเภท คือ

1พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ด้วย ด้วยพระองค์เองและสามารถสั่งสอนผู้อื่นให้เห็นตามได้

2 พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ด้วย ด้วยพระองค์เองแต่ไม่สามารถสั่งสอนผู้อื่นให้เห็นตามได้

พระศรีอริยะเมตไตรย์ จัดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ไช่ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า

 

พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทรงแสดงธรรมเหมือนกัน ในส่วนที่เป็นสัจจะ  ความจริง ทั้ง

ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา และ ข้อปฏิบัติเพื่อถึงการดับทุกข์ เป็นต้น แสดง

เหมือนกันหมด เพราะ ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ

คือ สภาพธรรมที่มีจริงที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใด

ตรัสรู้ ก็ตรัสรู้ความจริงที่ไม่เปลี่ยนลักษณะไปตามกาลเวลา  พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

 จึงเหมือนกัน ในส่วน หลักความจริงที่เป็นอริยสัจ 4 หนทางการดับทุกข์ เป็นต้น แต่อาจแตกต่างกันตรงปลีกย่อย

ในชื่อของบุคคล สถานที่ได้ แต่สิ่งที่พระพุทะเจ้าแต่ละพระองค์ทรงแตกต่างกัน 8 อย่างคือ

 

1.ความแแตกต่างของอายุ อายุของพระพุทะเจ้าแต่ละพระองค์แตกต่างกัน

กันไปตามอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นว่ามีอายุกี่ปี อย่างพระพุทธเจ้าของเรา

พระสมณโคดมมีอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น 100 ปี พระศรีอริยเมตไตรย์ ยุคนั้น มนุษย์

มีอายุ แปดหมื่นปีพระพุทธเจ้าพระนามว่าศรีอริยเมตไตรย์ก็อายุยืน ตามยุคสมัยที่มนุษย์

อายุยืนด้วย

2.ความแตกต่างแห่งประมาณ คือ แตกต่างกันในส่วนสูง พระพุทธเจ้าบางพระะองค์

ก็สูงมาก เช่น สุง 80 ศอก ตามขนาดของมนุษย์และความอายุยืนของมนุษย์

พระพุทธเจ้าของเราสูง 18 ศอก เป็นต้น พระศรีอริยเมตไตรย์ก็ต้องมีส่วนสูงมาก

ตามอายุขัยที่ยืนยาว

3.ความแตกต่างของตระกูล คือ การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า บางพระองค์ก็เกิด

ในตระกูลพราหมณ์ บางพระองค์ก็เกิดในตระกูลกษัตริย์แล้วแต่ว่า สมัยนั้น โลกสมมติ

ว่าตระกูลใด วรรณะใดเป็นใหญ่ ก็เกิดในตระกูล วรรณะนั้น

4.ความแตกต่างในความเพียร คือ เมื่ออกบวชแล้ว แต่ละพระองค์ก็ใช้เวลบำเพ็ญ

เพียรเพื่อตรัสรู้แตกต่างกัน ออย่างพระพุทธเจ้าของเรา ต้องบำเพ็ญเพียร 6 ปี พระพุทธ

เจ้ากัสสปะ 7 วัน เป็นต้น

5.ความแตกต่างของรัศมี  พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีรัศมีที่แผ่ออกจากพระวรกาย

เป็นปกติ มีความกว้างของรัศมีแตกต่างกันออกไป อย่างพระพุทธเจ้าของเรา ปกติ 1 วา

พระพุทธเจ้าวิปัสสี 7 โยชน์ เป็นต้น

6.ความแตกต่างของยาน คือ ยานที่จะออกบวช มหาภิเนษกรมณ์  พระพุทธเจ้าบาง

องค์ออกบวช ด้วยช้างบ้าง พระพุทธเจ้าเราด้วย ม้า พระพุทธเจ้าบางพระองค์ด้วย วอ

เป็นต้น

7.ความแตกต่างของต้นไม้ที่ตรัสรู้ อย่างพระพุทธเจ้าเรา เป็นต้น อัสถปพฤกษ์  พระ

พุทธเจ้าบางพระองค์ตรัสรู้ที่ต้นกระทิง แต่ต้นไม้ชนิดแม้ต่างกัน ก็ตาม แต่ต้นไม้ที่

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต่างก็เรียกว่า ต้นโพธิ เพราะ โพธิ หมายถึง ตรัสรู้

8.ความแตกต่างของบัลลังค์ บัลลังค์ที่ตรัสรู้ที่ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแต่ละ

พระองค์ มีความแตกต่างกันในเรื่องขนาด


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#10 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:09

ถูกของท่าน ter162525 หลังจากได้อ่านในพระพระสูตรแล้ว

ผมสับสนไปเองกับ อันตรกัป ซึ่งเป็นนับช่วงเวลาอย่างหนึ่ง


We love fender.

#11 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:44

ยุคต่อจาก( พระสมณโคดม ) สิ้น  ๕ พันปี  พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

นามว่า ..พระศรีอริยเมตตรัย..จะอุบัติขึ้น  สืบต่อพระพุทธ-

ศาสนา..ถ้าเป็นไปตามนั้น  ก็ เหลือเวลาอีก  ๒ พันกว่าปี

ประมาณการว่า  ( ไม่ต่ำจาก  ๓๐ ชั่วอายุคน.) 

 

 

 

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

 

รู้สึกว่าแค่ขึ้นไปถึง 80000 ไม่ใช่หรือครับ ก็เท่ากับ

 

6500 + 7,999,000 = 8,005,500 ปี

8 ล้านห้าพันห้าร้อย ปี

อายุเฉลี่ย ของมุนษย์ 100 ปี จะลดลง 1 ปีจนถึง 10  ปี เท่ากับ 6,500 ปี

กว่าจะขึ้นไปอีก จนถึงอายุเฉลี่ย 80000 ปี เท่ากับ 7,999,000 ปี

จะอยู่ถึงหรือ เกิดจนไม่รู้จะ กี่รอบแล้ว 5555

 

:mellow: ตามพุทธวจนะไม่ได้บอกขอรับว่าศาสนาจะมีอายุเท่าไหร่ มีตรัสไว้เพียงในส่วนที่พระพุทธองค์บอกกับพระอานนท์ว่า หากมีผู้หญิงมาบวชเป็นภิษณี ศาสนาจะอายุสั้นลงครึ่งหนึ่ง แต่...พระองค์ก็สกัดกั้นความเสื่อมของศาสนาไว้ด้วยครุธรรม 8 ประการ ที่ภิกษุณีต้องยึดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดชีวิตไว้แล้ว... พระองค์ตรัสไว้แค่ว่า "อานนท์! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุรษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย" ตามที่ลงไว้ http://webboard.seri...ทธวจนะ-เท่านั้/ นั่นแหละขอรับ...

 

...พระพุทธองค์ตรัสไว้เรื่องพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะอุบัติขึ้นเมื่อมนุษย์เสื่อมถอยศีลธรรมจนถึงขีดสุด อายุถอยไปเหลือแค่ 10 ปี ดำรงชีวิตด้วยอาหารคล้ายหญ้า ทุกคนมีศาสตราวุธในมือไว้ประหัตประหารกันตลอด 7 วัน ระบบอาวุโสพ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย จะไม่มี เกิดการสมสู่กันเองไปทั่ว จะมีชนกลุ่มหนึ่งหลีกหนี อพยพไปอยู่ตามถ้ำ ตามป่าร้าง เมื่อสงบแล้วจึงออกมาฟื้นฟูศีลธรรมใหม่จนมีอายุสูงขึ้น จนถึงขีดสุดของความมีศีลธรรมอีกครั้ง คือมนุษย์มีอายุ 80000 ปี พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนาม "อริยะเมตไตรย์" ที่กระพ๊มสังเกตได้คือในพุทธวจนะที่กล่าวถึงการประชุมกันของพระภิกษุที่พระพุทธองค์สมณโคดมตรัสกล่าวเล่าให้เหล่าภิกษุฟังถึงการประชุมของพระภิกษุในอดีตกาลตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรกนามวิปัสสี ซึ่งมีอายุ 80000 ปี มีการประชุมกัน 3 ครั้งในสมัยเมื่อ 91 กัปป์ที่แล้ว...แล้วองค์ต่อมาๆอายุก็ลดลง เหลือ 20000 บ้าง จนถึงพระองค์คือมีอายุ 100 ปี มีการประชุมพระภิกษุเพียงครั้งเดียว...

 

:mellow: ตรงนี้น่าจะบอกได้ว่าการที่จะมีอายุขัยเหลือ 10 ปี พัฒนาศีลธรรมจนอายุไปถึง 80000 ปีนั่น ประมาณเวลา 91กัปป์ ++ นะขอรับเพราะจากนี้ต่อไปถึงเหลืออายุขัย 10 ปี ยังไม่รู้ว่าอีกเท่าไรกัปป์.... แต่แค่นี้ก็บอกได้อย่างว่าศาสนาจะสูญหายไประหว่างช่วงเวลานี้ น่าจะมากกว่า 5000 ปีตามที่อรรถกถาว่าไว้นะขอรับ...


Edited by wat, 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:26.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#12 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:23

 

มนุษย์เรามันก็แปลก  ตายไว ก็เห็นแก่ตัว  ตายช้า ก็ประมาทชะล่าใจไม่กลัวบาป

 

บางทีผมยังเคยคิดว่า 

โลกมนุษย์ นี่มัน ก็นรก ดีๆ นี่เอง

แต่เป็นนรกชั้นบนสุด เบาสุด ที่สัตว์โลกเกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ แต่ยังไม่ทรมานเหมือนในนรก และยังสามารถที่จะปฏิบัติธรรม ทำบุญทำกุศลหาทางหลุดพ้นได้

เพราะถ้าโดนต้มอยู่ในกระทะทองแดง หรือปีนต้นงิ้วอยู่ คงทำบุญไม่ได้อ่ะ

^_^

 

:)  เกิดเป็นมนุษย์ปุถุชน มีสัญญา (ความจำได้หมายรู้) มีขันธ์ครบบริบูรณ์นี่ พระตถาคตว่านับเป็นวาสนาอันประเสริฐสุดของสัตว์ทั้งหลายแล้วนะขอรับ เพราะในความเป็นมนุษย์นี่แหละทำให้เราเรียนรู้ "อริยสัจ" ได้ขอรับ นั่นคือ "ลาภอันประเสริฐที่สุดของมวลมนุษย์" ตามที่พระตถาคตกล่าวไว้เลยทีเดียวขอรับ... หากแต่เกิดมาแล้วไม่รู้อริยสัจนั่นต่างหาก คือความเสียหายอันใหญ่หลวงของสัตว์นั้นๆ จะนำพาให้ไปสู่นรก, เด รัจฉาน, เปรตวิสัย, ทุคติอบายเมื่อไหร่ก็ได้... มีพระสูตรกล่าวถึงเทวดานะขอรับ เมื่อถึงเวลาเทวดาจะต้องทำกาละ (ตาย) จะมีอาการอย่างไร แล้วเทวดาเมื่อรู้ตัวว่าจะหมดเวลาแล้วอยากไปเกิดเป็นอะไร... พระตถาคตกล่าวไว้ว่า เหล่าเทวดาเหล่านั้นล้วนอยากมาเกิดเป็นมนุษย์ทั้งสิ้น...

 

:rolleyes:  นี่ต่างหากที่แปลก... มนุษย์กลับอยากไปเป็นเทวดา ทั้งที่เทวดาที่เป็นปุถุชนคือผู้ที่ทำทานบารมีแต่ยังไม่ได้ชั้นอริยะ เมื่อตายลงก็กลับไปสู่นรก, เด รัจฉาน, เปรตวิสัยได้เหมือนเราทุกประการขอรับ ส่วนเทวดาที่เค้าปิดประตูอบายทั้งมวลแล้วชื่อว่าเป็นเทวดาชั้นอริยะนั่นคือสมัยเป็นมนุษย์ ได้เรียนรู้แจ้งแทงตลอดถึงอริยสัจนั่นเองขอรับ ก็แล้วแต่อินทรีย์บารมีที่สั่งสมมาว่าจะเป็นเทวดาต่อไป หรือเมื่อตายกลับไปเป็นมนุษย์ หรือเทวดาอีกกี่ครั้งจึงจะปรินิพพานขอรับ...

 

^_^  ฉะนั้น มนุษย์ที่เกิดมาแล้วไม่ได้พบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ทั้งหลาย หรือมีโอกาสได้เกิดมาในยุคของพระพุทธองค์ แต่ไม่เรียนรู้คำสอนของท่านนี่ต่างหากขอรับ... น่ากลัวที่สุด...


Edited by wat, 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:25.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#13 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:46

ศาสนาศรีอาริย์

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ (ผู้เขียน)

๑๕ – ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖

 

-_-  แล้วแล้วงงขอรับ จับประเด็นไม่ถูก... สรุปง่ายๆเลยนะ...

 

:mellow:  อย่างศาสนาอื่นๆที่เค้ามีอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายเพื่อให้ทำดีแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ศาสนาพุทธจุดมุ่งหมายเพื่อการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสารนี้... แล้วศาสนาที่ท่านจะประกาศเป็นศาสดาหรือยังไงเนี่ย... เพื่ออะไรขอรับ ???


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#14 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:12

ยุคต่อจาก( พระสมณโคดม ) สิ้น  ๕ พันปี  พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

นามว่า ..พระศรีอริยเมตตรัย..จะอุบัติขึ้น  สืบต่อพระพุทธ-

ศาสนา..ถ้าเป็นไปตามนั้น  ก็ เหลือเวลาอีก  ๒ พันกว่าปี

ประมาณการว่า  ( ไม่ต่ำจาก  ๓๐ ชั่วอายุคน.) 

 

 

 

>> 

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

รู้สึกว่าแค่ขึ้นไปถึง 80000 ไม่ใช่หรือครับ ก็เท่ากับ

 

6500 + 7,999,000 = 8,005,500 ปี

8 ล้านห้าพันห้าร้อย ปี

อายุเฉลี่ย ของมุนษย์ 100 ปี จะลดลง 1 ปีจนถึง 10  ปี เท่ากับ 6,500 ปี

กว่าจะขึ้นไปอีก จนถึงอายุเฉลี่ย 80000 ปี เท่ากับ 7,999,000 ปี

จะอยู่ถึงหรือ เกิดจนไม่รู้จะ กี่รอบแล้ว 5555

 

:mellow: ตามพุทธวจนะไม่ได้บอกขอรับว่าศาสนาจะมีอายุเท่าไหร่ มีตรัสไว้เพียงในส่วนที่พระพุทธองค์บอกกับพระอานนท์ว่า หากมีผู้หญิงมาบวชเป็นภิษณี ศาสนาจะอายุสั้นลงครึ่งหนึ่ง แต่...พระองค์ก็สกัดกั้นความเสื่อมของศาสนาไว้ด้วยครุธรรม 8 ประการ ที่ภิกษุณีต้องยึดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดชีวิตไว้แล้ว... พระองค์ตรัสไว้แค่ว่า "อานนท์! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุรษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย" ตามที่ลงไว้ http://webboard.seri...ทธวจนะ-เท่านั้/ นั่นแหละขอรับ...

 

...พระพุทธองค์ตรัสไว้เรื่องพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะอุบัติขึ้นเมื่อมนุษย์เสื่อมถอยศีลธรรมจนถึงขีดสุด อายุถอยไปเหลือแค่ 10 ปี ดำรงชีวิตด้วยอาหารคล้ายหญ้า ทุกคนมีศาสตราวุธในมือไว้ประหัตประหารกันตลอด 7 วัน ระบบอาวุโสพ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย จะไม่มี เกิดการสมสู่กันเองไปทั่ว จะมีชนกลุ่มหนึ่งหลีกหนี อพยพไปอยู่ตามถ้ำ ตามป่าร้าง เมื่อสงบแล้วจึงออกมาฟื้นฟูศีลธรรมใหม่จนมีอายุสูงขึ้น จนถึงขีดสุดของความมีศีลธรรมอีกครั้ง คือมนุษย์มีอายุ 80000 ปี พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนาม "อริยะเมตไตรย์" ที่กระพ๊มสังเกตได้คือในพุทธวจนะที่กล่าวถึงการประชุมกันของพระภิกษุที่พระพุทธองค์สมณโคดมตรัสกล่าวเล่าให้เหล่าภิกษุฟังถึงการประชุมของพระภิกษุในอดีตกาลตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรกนามวิปัสสี ซึ่งมีอายุ 80000 ปี มีการประชุมกัน 3 ครั้งในสมัยเมื่อ 91 กัปป์ที่แล้ว...แล้วองค์ต่อมาๆอายุก็ลดลง เหลือ 20000 บ้าง จนถึงพระองค์คือมีอายุ 100 ปี มีการประชุมพระภิกษุเพียงครั้งเดียว...

 

:mellow: ตรงนี้น่าจะบอกได้ว่าการที่จะมีอายุขัยเหลือ 10 ปี พัฒนาศีลธรรมจนอายุไปถึง 80000 ปีนั่น ประมาณเวลา 91กัปป์ ++ นะขอรับเพราะจากนี้ต่อไปถึงเหลืออายุขัย 10 ปี ยังไม่รู้ว่าอีกเท่าไรกัปป์.... แต่แค่นี้ก็บอกได้อย่างว่าศาสนาจะสูญหายไประหว่างช่วงเวลานี้ น่าจะมากกว่า 5000 ปีตามที่อรรถกถาว่าไว้นะขอรับ...

 

 

^_^  ขอแก้ไขขอรับ พอดีรู้สึกแหม่งๆว่าไม่น่าใช่เลยไปค้นคว้าใหม่... พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปตามพุทธวจนะนาม "เมตตริยะ" ขอรับ...


Edited by wat, 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:13.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#15 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:54

มาจนได้นะ  ท่านมะหา วัตร   สาธุ...มาก็ดีแล้ว   นิมนต์

พระคุณเจ้า  วิสัชชนา...เต็มที่เลย   ผมเพียงมาขัดตราทัพ

จำขี้ปากเขามาเท่านั้นเอง...อยากได้  ( กัณฑ์เทศน์ ) ฮี๊ววว

ไปก่อนนะมะหาวัตร... ขี้เกียจนั่งหลับ.....

 

=========================== :P  :D  :lol:  :(  :rolleyes: 


  • wat likes this

#16 เคนอิจิ-นามิ

เคนอิจิ-นามิ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Banned
  • PipPipPipPip
  • 4,447 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:09

ตามที่เข้าใจคือ
ศาสนาพุทธครั้งนี้มีอายุ 5000 ปี เริ่มเสื่อมเมื่อมาถึงครึ่งนึง (ซึ่งเริ่มเสื่อมไปแล้ว)
เมื่อ 5000 ปี จะไม่มีพุทธศาสนาอีก
ช่วงนี้ ยังไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ ที่ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ถัดไป จะต้องเวียนว่ายตายเกิด เพื่อสั่งสมบุญบารมี
เช่น พระสมณโคดมของเรานั่นเอง

ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว  :D http://webboard.seri...e-3#entry634878

รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037

ความตอแหลขอไอ้แมงวัน  http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177

 


#17 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:09

 

 

มนุษย์เรามันก็แปลก  ตายไว ก็เห็นแก่ตัว  ตายช้า ก็ประมาทชะล่าใจไม่กลัวบาป

 

บางทีผมยังเคยคิดว่า 

โลกมนุษย์ นี่มัน ก็นรก ดีๆ นี่เอง

แต่เป็นนรกชั้นบนสุด เบาสุด ที่สัตว์โลกเกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ แต่ยังไม่ทรมานเหมือนในนรก และยังสามารถที่จะปฏิบัติธรรม ทำบุญทำกุศลหาทางหลุดพ้นได้

เพราะถ้าโดนต้มอยู่ในกระทะทองแดง หรือปีนต้นงิ้วอยู่ คงทำบุญไม่ได้อ่ะ

^_^

 

:)  เกิดเป็นมนุษย์ปุถุชน มีสัญญา (ความจำได้หมายรู้) มีขันธ์ครบบริบูรณ์นี่ พระตถาคตว่านับเป็นวาสนาอันประเสริฐสุดของสัตว์ทั้งหลายแล้วนะขอรับ เพราะในความเป็นมนุษย์นี่แหละทำให้เราเรียนรู้ "อริยสัจ" ได้ขอรับ นั่นคือ "ลาภอันประเสริฐที่สุดของมวลมนุษย์" ตามที่พระตถาคตกล่าวไว้เลยทีเดียวขอรับ... หากแต่เกิดมาแล้วไม่รู้อริยสัจนั่นต่างหาก คือความเสียหายอันใหญ่หลวงของสัตว์นั้นๆ จะนำพาให้ไปสู่นรก, เด รัจฉาน, เปรตวิสัย, ทุคติอบายเมื่อไหร่ก็ได้... มีพระสูตรกล่าวถึงเทวดานะขอรับ เมื่อถึงเวลาเทวดาจะต้องทำกาละ (ตาย) จะมีอาการอย่างไร แล้วเทวดาเมื่อรู้ตัวว่าจะหมดเวลาแล้วอยากไปเกิดเป็นอะไร... พระตถาคตกล่าวไว้ว่า เหล่าเทวดาเหล่านั้นล้วนอยากมาเกิดเป็นมนุษย์ทั้งสิ้น...

 

:rolleyes:  นี่ต่างหากที่แปลก... มนุษย์กลับอยากไปเป็นเทวดา ทั้งที่เทวดาที่เป็นปุถุชนคือผู้ที่ทำทานบารมีแต่ยังไม่ได้ชั้นอริยะ เมื่อตายลงก็กลับไปสู่นรก, เด รัจฉาน, เปรตวิสัยได้เหมือนเราทุกประการขอรับ ส่วนเทวดาที่เค้าปิดประตูอบายทั้งมวลแล้วชื่อว่าเป็นเทวดาชั้นอริยะนั่นคือสมัยเป็นมนุษย์ ได้เรียนรู้แจ้งแทงตลอดถึงอริยสัจนั่นเองขอรับ ก็แล้วแต่อินทรีย์บารมีที่สั่งสมมาว่าจะเป็นเทวดาต่อไป หรือเมื่อตายกลับไปเป็นมนุษย์ หรือเทวดาอีกกี่ครั้งจึงจะปรินิพพานขอรับ...

 

^_^  ฉะนั้น มนุษย์ที่เกิดมาแล้วไม่ได้พบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ทั้งหลาย หรือมีโอกาสได้เกิดมาในยุคของพระพุทธองค์ แต่ไม่เรียนรู้คำสอนของท่านนี่ต่างหากขอรับ... น่ากลัวที่สุด...

 

^_^  พอดีไปเที่ยวตามเวปเจอพระสูตรนี้ เห็นเกี่ยวข้องกับทู้นี้พอดี เลยเอามาให้อ่านกันเพิ่มขอรับ...

 

ท้าวสักกะจอมเทพ กราบไหว้มนุษย์ประเภทใด...
 
[๙๒๘] สาวัตถีนิทาน ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพตรัสกะมาตลีสังคาหกเทพบุตรว่า ดูกรสหายมาตลี ท่านจงเตรียมจัดรถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัว เราจะไปยังพื้นที่อุทยานเพื่อชมภูมิภาคอันงดงาม ดูกรภิกษุทั้งหลายมาตลีสังคาหกเทพบุตรทูลรับพระดำรัสท้าวสักกะจอมเทพว่า ขอเดชะ ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว เตรียมจัดรถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวเสร็จแล้ว กราบทูลแด่ท้าวสักกะจอมเทพว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์รถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวสำหรับพระองค์เตรียมจัดไว้เสร็จแล้ว ขอพระองค์ทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ได้ทราบว่าท้าวสักกะจอมเทพขณะเสด็จลงจากเวชยันตปราสาท ทรงประนมอัญชลีนมัสการทิศเป็นอันมาก ฯ

 

[๙๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตร ได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่าพราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศผู้มียศย่อมนอบน้อมพระองค์ ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ทรงนอบน้อมท่านผู้ควรบูชาคนใด ท่านผู้ควรบูชาคนนั้นชื่อไรเล่า ขอเดชะ ฯ

 

[๙๓๐] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า... พราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศ  ผู้มียศนอบน้อมท่านผู้ใด...

 

ซึ่งเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล... (เป็นผู้มีศีลสมบูรณ์)
มีจิตตั้งมั่นตลอดกาลนาน... (เป็นมีสมาธิตั้งมั่น)
ผู้บวชแล้วโดยชอบ มีพรหมจรรย์เป็นเบื้องหน้า... (เป็นผู้ออกบวช อันมีมรรคแปดเป็นเบื้องหน้า)
คฤหัสถ์เหล่าใดเป็นผู้ทำบุญ มีศีล เป็นอุบาสกเลี้ยงดูภรรยาโดยชอบธรรม ดูกรมาตลี... (เป็นคฤหัสถ์ผู้มีศีล, ทำบุญสุนทานเป็นนิจ)


... เรานอบน้อมคฤหัสถ์เหล่านั้น ฯ

 

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๕, พระะสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อที่ ๙๒๘ - ๙๓๐ หน้าที่ ๒๘๑

 

:rolleyes: ขนาดท้าวสักกะเทวราช ราชาแห่งทวยเทพยังเคารพต่อมนุษย์ดังกล่าวเลยขอรับ...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#18 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:11

ตามที่เข้าใจคือ
ศาสนาพุทธครั้งนี้มีอายุ 5000 ปี เริ่มเสื่อมเมื่อมาถึงครึ่งนึง (ซึ่งเริ่มเสื่อมไปแล้ว)
เมื่อ 5000 ปี จะไม่มีพุทธศาสนาอีก
ช่วงนี้ ยังไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ ที่ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ถัดไป จะต้องเวียนว่ายตายเกิด เพื่อสั่งสมบุญบารมี
เช่น พระสมณโคดมของเรานั่นเอง

 

:)  ถ้าตามพุทธวจนะ ไม่ได้บอกถึงกำหนดเวลาไว้ขอรับ ก็ตามรายละเอียดที่กระพ๊มสืบค้นมาสดับให้อ่านกันดูนั่นแหละขอรับ... ซึ่งหากเราเองสืบทอด, ส่งต่อกัลยาณวัตรของพระองค์ ตรงตามพระบัญญัติไปให้ตลอด ก็เหมือนสั่งเสียลูกหลานไว้ให้ส่งต่อๆๆๆๆกันไป ก็ไม่ทราบได้หรอกขอรับจะสูญไปช่วงไหน... แต่ถ้าเป็นอย่างทุกวันนี้ที่บิดเบือน แยกนิกาย...ทั้งที่มีศาสดาองค์เดียวกัน... อาจไม่ถึงร้อยปีข้างหน้า หากบิดเบือนไปถึงแก่นธรรมคือ "อริยสัจ" เมื่อไหร่... ก็สูญเมื่อนั้นแหละขอรับ...


Edited by wat, 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:15.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#19 เคนอิจิ-นามิ

เคนอิจิ-นามิ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Banned
  • PipPipPipPip
  • 4,447 posts

ตอบ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:15


ตามที่เข้าใจคือ
ศาสนาพุทธครั้งนี้มีอายุ 5000 ปี เริ่มเสื่อมเมื่อมาถึงครึ่งนึง (ซึ่งเริ่มเสื่อมไปแล้ว)
เมื่อ 5000 ปี จะไม่มีพุทธศาสนาอีก
ช่วงนี้ ยังไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ ที่ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ถัดไป จะต้องเวียนว่ายตายเกิด เพื่อสั่งสมบุญบารมี
เช่น พระสมณโคดมของเรานั่นเอง


:) ถ้าตามพุทธวจนะ ไม่ได้บอกถึงกำหนดเวลาไว้ขอรับ ก็ตามรายละเอียดที่กระพ๊มสืบค้นมาสดับให้อ่านกันดูนั่นแหละขอรับ...

ครับ ตามนั้นล่ะครับ
ผมแค่ฟังๆเขามา
ผมแพ้ทางศัพท์บาลี :D
  • wat likes this

ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว  :D http://webboard.seri...e-3#entry634878

รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037

ความตอแหลขอไอ้แมงวัน  http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177

 


#20 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:37

ยุคต่อจาก( พระสมณโคดม ) สิ้น  ๕ พันปี  พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

นามว่า ..พระศรีอริยเมตตรัย..จะอุบัติขึ้น  สืบต่อพระพุทธ-

ศาสนา..ถ้าเป็นไปตามนั้น  ก็ เหลือเวลาอีก  ๒ พันกว่าปี

ประมาณการว่า  ( ไม่ต่ำจาก  ๓๐ ชั่วอายุคน.) 

 

 

 

 

รอให้อายุขัยมนุษย์ลดลงไปเหลือสิบปีก่อน

แล้วรอต่อไปอีกจนอายุขัยเพิ่มขั้นเป็น ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึง 1 อสงไขย

พออายุยืนมากไปก็ประมาท เสื่อมอีก ถอยลงจนเหลือ 8 หมื่นปี

 

นั่นละถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ :lol:

รู้สึกว่าแค่ขึ้นไปถึง 80000 ไม่ใช่หรือครับ ก็เท่ากับ

 

6500 + 7,999,000 = 8,005,500 ปี

8 ล้านห้าพันห้าร้อย ปี

อายุเฉลี่ย ของมุนษย์ 100 ปี จะลดลง 1 ปีจนถึง 10  ปี เท่ากับ 6,500 ปี

กว่าจะขึ้นไปอีก จนถึงอายุเฉลี่ย 80000 ปี เท่ากับ 7,999,000 ปี

จะอยู่ถึงหรือ เกิดจนไม่รู้จะ กี่รอบแล้ว 5555

 

:mellow: ตามพุทธวจนะไม่ได้บอกขอรับว่าศาสนาจะมีอายุเท่าไหร่ มีตรัสไว้เพียงในส่วนที่พระพุทธองค์บอกกับพระอานนท์ว่า หากมีผู้หญิงมาบวชเป็นภิษณี ศาสนาจะอายุสั้นลงครึ่งหนึ่ง แต่...พระองค์ก็สกัดกั้นความเสื่อมของศาสนาไว้ด้วยครุธรรม 8 ประการ ที่ภิกษุณีต้องยึดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดชีวิตไว้แล้ว... พระองค์ตรัสไว้แค่ว่า "อานนท์! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุรษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย" ตามที่ลงไว้ http://webboard.seri...ทธวจนะ-เท่านั้/ นั่นแหละขอรับ...

 

...พระพุทธองค์ตรัสไว้เรื่องพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะอุบัติขึ้นเมื่อมนุษย์เสื่อมถอยศีลธรรมจนถึงขีดสุด อายุถอยไปเหลือแค่ 10 ปี ดำรงชีวิตด้วยอาหารคล้ายหญ้า ทุกคนมีศาสตราวุธในมือไว้ประหัตประหารกันตลอด 7 วัน ระบบอาวุโสพ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย จะไม่มี เกิดการสมสู่กันเองไปทั่ว จะมีชนกลุ่มหนึ่งหลีกหนี อพยพไปอยู่ตามถ้ำ ตามป่าร้าง เมื่อสงบแล้วจึงออกมาฟื้นฟูศีลธรรมใหม่จนมีอายุสูงขึ้น จนถึงขีดสุดของความมีศีลธรรมอีกครั้ง คือมนุษย์มีอายุ 80000 ปี พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนาม "อริยะเมตไตรย์" ที่กระพ๊มสังเกตได้คือในพุทธวจนะที่กล่าวถึงการประชุมกันของพระภิกษุที่พระพุทธองค์สมณโคดมตรัสกล่าวเล่าให้เหล่าภิกษุฟังถึงการประชุมของพระภิกษุในอดีตกาลตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรกนามวิปัสสี ซึ่งมีอายุ 80000 ปี มีการประชุมกัน 3 ครั้งในสมัยเมื่อ 91 กัปป์ที่แล้ว...แล้วองค์ต่อมาๆอายุก็ลดลง เหลือ 20000 บ้าง จนถึงพระองค์คือมีอายุ 100 ปี มีการประชุมพระภิกษุเพียงครั้งเดียว...

 

:mellow: ตรงนี้น่าจะบอกได้ว่าการที่จะมีอายุขัยเหลือ 10 ปี พัฒนาศีลธรรมจนอายุไปถึง 80000 ปีนั่น ประมาณเวลา 91กัปป์ ++ นะขอรับเพราะจากนี้ต่อไปถึงเหลืออายุขัย 10 ปี ยังไม่รู้ว่าอีกเท่าไรกัปป์.... แต่แค่นี้ก็บอกได้อย่างว่าศาสนาจะสูญหายไประหว่างช่วงเวลานี้ น่าจะมากกว่า 5000 ปีตามที่อรรถกถาว่าไว้นะขอรับ...

 

 

นิด หนึ่ง ครับ กัป 1 นั้น นับโดย ภูเขาสูง 1 โยชน์กว้าง 1 โยชน์ (16 กิโล * 16 กิโล ) ทุกๆ 100 ปี เทวดาจะนำผ้าเนื้อละเอียด มาเช็ด 1 ครั้ง จนภูเขาหมดทั้ง ลูก ถึงจะ ครบ 1 กัป   ดังนั้น ช่วง กัป หนึ่ง เป็นไปได้ว่า อายุ เด้งขึ้นเด้งลง อยู่หลายรอบแล้ว ก็เป็นไปได้ ช่วง ห่าง ระหว่าง 91 กัป จะนานขนาดไหน


บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#21 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:41

นิด หนึ่ง ครับ กัป 1 นั้น นับโดย ภูเขาสูง 1 โยชน์กว้าง 1 โยชน์ (16 กิโล * 16 กิโล ) ทุกๆ 100 ปี เทวดาจะนำผ้าเนื้อละเอียด มาเช็ด 1 ครั้ง จนภูเขาหมดทั้ง ลูก ถึงจะ ครบ 1 กัป   ดังนั้น ช่วง กัป หนึ่ง เป็นไปได้ว่า อายุ เด้งขึ้นเด้งลง อยู่หลายรอบแล้ว ก็เป็นไปได้ ช่วง ห่าง ระหว่าง 91 กัป จะนานขนาดไหน

 

^_^  นั่นแค่ 1 ในหลายๆพระสูตรที่พระตถาคตกล่าวถึงเปรียบอายุ 1 กัปป์ขอรับ... แต่ไม่ใช่ว่านั่นคือ 1 กัปป์... พระตถาคตกล่าวว่า... "ยังไม่เท่ากัปป์ๆหนึ่งเลย" ขอรับ...

 

... พระองค์เปรียบไว้อีกทำนองว่า กำแพงเมืองๆหนึ่งกว้าง  ยาว 16 โยชน์ สูง 1 โยชน์ ทุกร้อยปีมีบุรุษนำเม็ดถั่วใส่ไปในกำแพงนั้น 1 เมล็ดจนเต็มกำแพง... ก็ยังไม่เท่า 1 กัปป์ หรือเกวียนเหล็กทึบ ทุกๆร้อยปีมีบุรุษนำเมล็ดงา (มั้ง หรือเมล็ดผักกาดเนี่ยแหละ) ใส่ 1 เมล็ดจนเต็ม... ก็ยังไม่ได้ 1 กัปป์เช่นกันขอรับ...


Edited by wat, 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:45.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#22 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:19

เพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะบำเพ็ญเพียรมายาวนานกว่า80อสงไขย จึงได้ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากที่สุดองค์หนึ่ง และเหตุผลจากการที่ท่านเป็นวิริยาธิกะทำให้โลกที่ท่านอุบัติจะมีแต่คนดีเท่านั้นมาเกิดได้และเกือบทั้งหมดยกเว้นพระนิยตโพธิสัตว์และผู้ที่ได้รับการพยากรณ์เมื้อได้ฟังธรรมก็จะบรรลุธรรม โลกยุคพระศรีอาริยะจึงเปรียบเหมือนโลกในอุดมคติที่หลายๆคนเอามากล่าวอ้าง น้ำบ่อหน้าดื่มกินได้มีผลเช่นไร น้ำบ่อนี้ก็ดื่มกินได้และมีผลเช่นนั้น



#23 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:40

เพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะบำเพ็ญเพียรมายาวนานกว่า80อสงไขย จึงได้ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากที่สุดองค์หนึ่ง และเหตุผลจากการที่ท่านเป็นวิริยาธิกะทำให้โลกที่ท่านอุบัติจะมีแต่คนดีเท่านั้นมาเกิดได้และเกือบทั้งหมดยกเว้นพระนิยตโพธิสัตว์และผู้ที่ได้รับการพยากรณ์เมื้อได้ฟังธรรมก็จะบรรลุธรรม โลกยุคพระศรีอาริยะจึงเปรียบเหมือนโลกในอุดมคติที่หลายๆคนเอามากล่าวอ้าง น้ำบ่อหน้าดื่มกินได้มีผลเช่นไร น้ำบ่อนี้ก็ดื่มกินได้และมีผลเช่นนั้น

 

^_^  ตรงที่เน้นหมายถึงอันใดหรือขอรับ?


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#24 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 23:46

คนที่ปราธณาเกิดทันยุคพระศรีอาริยะ ยุคของพระศรีศากยะคือน้ำบ่อนี้ ยุคของพระศรีอาริยะคือน้ำบ่อหน้า



#25 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:19

คนที่ปราธณาเกิดทันยุคพระศรีอาริยะ ยุคของพระศรีศากยะคือน้ำบ่อนี้ ยุคของพระศรีอาริยะคือน้ำบ่อหน้า

 

^_^  แล้วน้ำบ่อนี้ กับบ่อหน้าดื่มกินแล้วมีผลเหมือนกันตรงไหนหรือขอรับ?


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#26 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 06:55

ปกติคุณใช้สมถกรรมฐานตัวไหนเหรอครับทำความสงบของใจ ใช้เพราะอะไร? มีเหตุผลมั๊ย? 



#27 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:16

ปกติคุณใช้สมถกรรมฐานตัวไหนเหรอครับทำความสงบของใจ ใช้เพราะอะไร? มีเหตุผลมั๊ย? 

 

^_^  เกี่ยวกับน้ำบ่อนี้ บ่อหน้าด้วยหรือขอรับ... กระพ๊มไม่รู้จักขอรับสมถะกรรมฐานแปลว่าอะไรขอรับ...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#28 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:24

จากคำถามและความเห็นในกระทู้นี้น่ะครับ ลักษณะของคุณจะเป็นคนออกแนว คิดมาก ฟุ้งซ่าน คิดต่อเนื่อง อยู่กับอารมณ์ น่ะครับให้ระวังเรื่องอัตตาเพราะใช้แค่สุตมยปัญญากับจินตมยปัญญาแต่ข้อเท็จจริงคุณขาด ภาวนามยปัญญา แล้วบ้างทีเผลอไปคิดว่าตัวเองมีปัญญาจริงๆกลายเป็นรู้เยอะแต่ไม่โอปนยิโกเลยไม่รู้เรื่องเรื่องตัวเองจึงเกิด ความคิด คำพูด คำถาม ที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์หรือไม่น่าใส่ใจไม่เกิดประโยชน์กับตัวเอง นิวรณ์ของคุณจะมีปัญหากับ อุทธัจจะกุกกุจจะ อย่างมาก เพราะไม่เคยจริงจังกับสมถกรรมฐาน เพราะไม่ยอมตีกรอบของความคิดแล้วปล่อยให้คิดเรื่อยๆจนเป็นความเคยชินฟุ้งกระัจัดกระจาย หัดยับยั้งความคิดบ้างให้มีสติมากกว่าเดิม ทิฐิจริตของคุณเรียกว่า วิตกจริต แก้ไขด้วยอาณาปานสติจะง่ายที่สุดให้บริกรรมพุธในลมหายใจเข้าโธในลมหายใจออกออกแนะนำให้ใช้การเดินจงกรมเพราะมีความจงใจสูงเป็นสมาธิยากแต่ถ้าเป็นสมาธิแล้วกำลังจะแรงเพราะถ้าถึงอุปจารสมาธิได้เป็นอย่างน้อย คุณจะมี วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข  ตัวสุขนี้แหละจะระงับ อุทธัจจะกุกกุจจะ ที่เกาะกินเป็นปฎิปักษ์กับความสงบของคุณ มายาวนาน รับลองว่าอุปจาระสมาธิครั้งแรกคุณจะเบาสบายจนตกใจ เอาแค่ขั่นแรกๆก่อนน่ะครับ ส่วนเรื่องน้ำบ่อหน้าผมยังไม่พูดถึง เอาแค่คุณรู้จักกินน้ำบ่อนี้เป็นก่อนก็พอ



#29 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:46

จากคำถามและความเห็นในกระทู้นี้น่ะครับ ลักษณะของคุณจะเป็นคนออกแนว คิดมาก ฟุ้งซ่าน คิดต่อเนื่อง อยู่กับอารมณ์ น่ะครับให้ระวังเรื่องอัตตาเพราะใช้แค่สุตมยปัญญากับจินตมยปัญญาแต่ข้อเท็จจริงคุณขาด ภาวนามยปัญญา แล้วบ้างทีเผลอไปคิดว่าตัวเองมีปัญญาจริงๆกลายเป็นรู้เยอะแต่ไม่โอปนยิโกเลยไม่รู้เรื่องเรื่องตัวเองจึงเกิด ความคิด คำพูด คำถาม ที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์หรือไม่น่าใส่ใจไม่เกิดประโยชน์กับตัวเอง นิวรณ์ของคุณจะมีปัญหากับ อุทธัจจะกุกกุจจะ อย่างมาก เพราะไม่เคยจริงจังกับสมถกรรมฐาน เพราะไม่ยอมตีกรอบของความคิดแล้วปล่อยให้คิดเรื่อยๆจนเป็นความเคยชินฟุ้งกระัจัดกระจาย หัดยับยั้งความคิดบ้างให้มีสติมากกว่าเดิม ทิฐิจริตของคุณเรียกว่า วิตกจริต แก้ไขด้วยอาณาปานสติจะง่ายที่สุดให้บริกรรมพุธในลมหายใจเข้าโธในลมหายใจออกออกแนะนำให้ใช้การเดินจงกรมเพราะมีความจงใจสูงเป็นสมาธิยากแต่ถ้าเป็นสมาธิแล้วกำลังจะแรงเพราะถ้าถึงอุปจารสมาธิได้เป็นอย่างน้อย คุณจะมี วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข  ตัวสุขนี้แหละจะระงับ อุทธัจจะกุกกุจจะ ที่เกาะกินเป็นปฎิปักษ์กับความสงบของคุณ มายาวนาน รับลองว่าอุปจาระสมาธิครั้งแรกคุณจะเบาสบายจนตกใจ เอาแค่ขั่นแรกๆก่อนน่ะครับ ส่วนเรื่องน้ำบ่อหน้าผมยังไม่พูดถึง เอาแค่คุณรู้จักกินน้ำบ่อนี้เป็นก่อนก็พอ

 

^_^  คุยกันไม่กี่ประโยคพยากรณ์ได้ด้วย... เก่งจัง...

 

...กระพ๊มไม่รู้จักสมถะกรรมฐาน เพราะที่ทราบมาพระพุทธองค์ตรัสว่า กรรมฐานคือฐานที่ตั้งแห่งการงาน เช่นการหว่านไถ ทำนาอะไรโน่นขอรับ... กระพ๊มรู้จักแต่สมถะวิปัสนา ซึ่งกระทำได้โดยอาณาปานสติแบบพระพุทธองค์คือ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้...แค่นั้น กระพ๊มเลิกบริกรรมไปเป็นปีๆแล้วขอรับ พอรู้ไม่ใช่วิธีที่พระองค์สอน...

 

:)  การประเมินผู้อื่นที่คิดว่าเค้าคิดไม่เหมือนเราว่าขาดปัญญานี่... พระพุทธองค์ตรัสว่าอย่าคิดว่าตนเหนือ เสมอ หรือต่ำกว่าผู้อื่นมิใช่หรือขอรับ... ทุกอย่างมันเป็นปัจจัตตัง... ที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดนั่น กระพ๊มก็พอจะรุ้แล้วใครงมงาย ใครมีปัญญา ใครยึดติด ใครฟุ่งซ่านมากกว่าขอรับ... พระพุทธองค์สอนสั่งเรื่องสัจจะความจริงของชีวิต แต่เท่าที่อ่านท่านและท่านบางท่านก็พอจะทราบแนวทางค้นหาความจริงของท่านกับกระพ๊ม คงจะคนละแนวความคิด...

 

^_^  เชิญตามสบายขอรับ กระพ๊มก็ดำเนินตามแนวสัจจะความจริงของกระพ๊ม นรก สวรรค์ ก็ได้กันเองไม่มีใครไปบังคับได้ นรกของกระพ๊มอาจเป็นสวรรค์ของท่าน สวรรค์ของท่านอาจจะเป็นนรกของกระพ๊ม... เลือกกันเองขอรับ...

 

:rolleyes:  ลองถามดูแนวความคิดแค่นั้นแหละขอรับ... ว่าแค่ไหน... ฮี่ๆๆ


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#30 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:32

ศัทพ์แสงเยอะจัง :lol:


We love fender.

#31 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:38

ผมก็ทราบครับว่าคุณถามดูแนวความคิดตั้งแต่แรก เพราะมันไม่ใช่คำถามที่ถามเพื่ออยากหาประโยชน์ใส่ตัว แต่เป็นคำถามวัดแนวความคิดผู้อื่นคุณอาจจะไม่เห็นอัตตาของตัวคุณก็ได้ตอนที่วัดแนวคิดผู้อื่น แต่ถ้าไม่มีตัวเราเป็นที่ตั้งแล้วจะมีผู้อื่นเป็นตัววัดได้เช่นไร ผมถึงบอกแต่แรกให้ระวังอัตตาตัวตนของคุณ เรื่องการวัดผู้อื่นก็เช่นกันครับ คิดเสมอว่าเราอยากจะลองวัดผู้อื่นแต่เจอผู้อื่นวัดเราก่อนแล้วรู้สึกยังไงครับ ให้ระลึกถึงไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งชัดๆด้วยน่ะครับเพราะคุณไม่พูดถึงพระสงฆ์เลย จะขาดตกบกพร่องตรงการปฎิบัติและข้อเท็จจริง แนะนำสักหน่อยน่ะครับ ที่ผ่านมาคิดว่าปฎิบัติถูกมั๊ย? อัตตาตัวตนลดน้อยลงมั๊ย ความอ้อนน้อมถ่อมตนเพิ่มมากมั๊ย ยอมรับข้อเท็จจริงในส่วนผิดพลาดของเราหรือยัง หรือว่ามีแต่ตัวตนของเราอย่างเดียวที่ชัดเจน นี้แหละครับอุปนิสัต วิตกจริต อ่านคิด แต่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเพราะไม่ลงมือปฎิบัติ



#32 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:10

ผมก็ทราบครับว่าคุณถามดูแนวความคิดตั้งแต่แรก เพราะมันไม่ใช่คำถามที่ถามเพื่ออยากหาประโยชน์ใส่ตัว แต่เป็นคำถามวัดแนวความคิดผู้อื่นคุณอาจจะไม่เห็นอัตตาของตัวคุณก็ได้ตอนที่วัดแนวคิดผู้อื่น แต่ถ้าไม่มีตัวเราเป็นที่ตั้งแล้วจะมีผู้อื่นเป็นตัววัดได้เช่นไร ผมถึงบอกแต่แรกให้ระวังอัตตาตัวตนของคุณ เรื่องการวัดผู้อื่นก็เช่นกันครับ คิดเสมอว่าเราอยากจะลองวัดผู้อื่นแต่เจอผู้อื่นวัดเราก่อนแล้วรู้สึกยังไงครับ ให้ระลึกถึงไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งชัดๆด้วยน่ะครับเพราะคุณไม่พูดถึงพระสงฆ์เลย จะขาดตกบกพร่องตรงการปฎิบัติและข้อเท็จจริง แนะนำสักหน่อยน่ะครับ ที่ผ่านมาคิดว่าปฎิบัติถูกมั๊ย? อัตตาตัวตนลดน้อยลงมั๊ย ความอ้อนน้อมถ่อมตนเพิ่มมากมั๊ย ยอมรับข้อเท็จจริงในส่วนผิดพลาดของเราหรือยัง หรือว่ามีแต่ตัวตนของเราอย่างเดียวที่ชัดเจน นี้แหละครับอุปนิสัต วิตกจริต อ่านคิด แต่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเพราะไม่ลงมือปฎิบัติ

 

:rolleyes:  ทำนายทายทักด้วยอคติอีกแร๊ว... ก็ถามด้วยความอยากรู้ว่าบ่อน้ำที่ว่าท่านเข้าใจอย่างไร ธรรมที่ท่านยึดถือปฏิบัติไปแนวทางไหน กระพ๊มก็แค่ผู้ศึกษาตามแนวทางที่เลือกแล้วเช่นกันนิขอรับ...

 

^_^  ก็ปุจฉา แล้วก็สัชชายะตอบกันตามความรู้ที่มีก็แค่นั้น แลกเปลี่ยนกัน แต่ถ้ามาแนวกรูคิดงี้ ใครคิดไม่เหมือนกรูมันไร้ปัญญา มันขาดสติ... มันก็จะคุยกันรู้เรื่องอย่างไรล่ะขอรับ...

 

:)  พวกประเภทนี้กระพ๊มถึงไม่ขอต่อความด้วย...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#33 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:36

ผมก็บอกว่าคุณก็มีปัญญาน่ะครับ เป็นสุตมยปัญญา การฟัง การอ่าน จินตมยปัญญา การคิด ไม่ใช่ไร้ปัญญาเสียทั้งหมดอย่างที่คุณเข้าใจ คุณถามแนวทางปฎิบัติคนอื่่นทั้งที่คุณแน่วแน่ในการปฎิบัติของตัวเองคือยังไงฟังใครพูดก็ไม่ยอมเปลี่ยน(อัตตาชัดมากๆ) คุณถามเพื่อประโยชน์อันใดหรือครับจะแก้ไขคนอื่นหรือจะแก้ไขตัวเอง คุณถามปัญหาไม่ใช่เพื่อแก้ความสงสัยแต่ถามปัญหาให้คนอื่นแสดงภูมิความรู้ ข้อเท็จจริงเรื่อง วิตกจริตของคุณก็เป็นข้อเท็จจริงครับไม่ใช่อคติแน่นอน แล้วเรื่อง วิตกจริตก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมายเป็น เป็นหนึ่งในทิฐิจริตทั้ง3 คือ พุทธจริต ศัทธราจริต วิตกจริต หรือคุณคิดว่าคุณมีน้อมเชื่อง่ายในศัทธาจริต มีปัญญาตามเหตุตามผลในพุทธจริต หรือคิดมากมากคิดไม่หยุดในวิตกจริต



#34 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:59

ผมก็บอกว่าคุณก็มีปัญญาน่ะครับ เป็นสุตมยปัญญา การฟัง การอ่าน จินตมยปัญญา การคิด ไม่ใช่ไร้ปัญญาเสียทั้งหมดอย่างที่คุณเข้าใจ คุณถามแนวทางปฎิบัติคนอื่่นทั้งที่คุณแน่วแน่ในการปฎิบัติของตัวเองคือยังไงฟังใครพูดก็ไม่ยอมเปลี่ยน(อัตตาชัดมากๆ) คุณถามเพื่อประโยชน์อันใดหรือครับจะแก้ไขคนอื่นหรือจะแก้ไขตัวเอง คุณถามปัญหาไม่ใช่เพื่อแก้ความสงสัยแต่ถามปัญหาให้คนอื่นแสดงภูมิความรู้ ข้อเท็จจริงเรื่อง วิตกจริตของคุณก็เป็นข้อเท็จจริงครับไม่ใช่อคติแน่นอน แล้วเรื่อง วิตกจริตก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมายเป็น เป็นหนึ่งในทิฐิจริตทั้ง3 คือ พุทธจริต ศัทธราจริต วิตกจริต หรือคุณคิดว่าคุณมีน้อมเชื่อง่ายในศัทธาจริต มีปัญญาตามเหตุตามผลในพุทธจริต หรือคิดมากมากคิดไม่หยุดในวิตกจริต

 

^_^  ก็ที่ท่านกล่าวมากระพ๊มไม่เคยได้ยินนี่ขอรับ ก็เลยอยากรู้ว่าหมายถึงอะไร มาจากไหนก็แค่นั้น กระพ๊มวันนี้ศึกษาแต่พุทธวจนะแล้ว ท่านจะบอกว่ามันเป็นอัตตา มันก็ปัจจัตตัง... กระพ๊มแค่ศรัทธาในพระพุทธองค์ ผู้ทรงค้นหาสัจจะคือความจริง แล้วสิ่งที่เป็นความจริงของพระองค์เท่านั้นที่กระพ๊มต้องการศึกษา และปฏิบัติตาม... ตามหลักฐานที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกที่ศึกษากันมาเหมือนกัน... เพราะกระพ๊มก็เชื่อในคำตรัสพระตถาคตที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" แต่กระพ๊มไม่เคยพิมพ์ไปตรงไหนสักคำว่า...ท่านนั่นแหละไม่เห็นธรรม เรานี่แหละของจริงยิ่งแท้เห็นแล้ว...

 

:D  ก็อย่างที่บอก กระพ๊มถามท่าน ท่านตอบได้ตามที่ท่านศึกษาธรรม ท่านก็ตอบ... ท่านถามกระพ๊มบ้าง ตามที่กระพ๊มศึกษามากระพ๊มตอบได้ กระพ๊มก็ตอบตามนั้น ตอบไม่ได้กระพ๊มก็บอกไม่ทราบ... ก็แค่นั้นเอง... เชื่อไม่เชื่อ จะเห็นเป็นอย่างไรก็ว่ากันไปนิขอรับ... ก็แค่นั้นเอง...

 

:rolleyes:  กระพ๊มก็แค่ "ตถาคเต เอกนฺตคโต อภิปฺปสนฺโน" เท่านั้นขอรับ... ฮี่ๆๆ


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#35 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:19

รู้สึกเหมือนคุณอิ่มเหมือนคนธาตุ ไฟ แตก ยังไงไม่รู้สิ คือประมาณว่าเกินๆยังไง ไม่รู้    น้ำบ่อนี้ ดับกระหายได้หรือ ไม่ แล้วใยต้องไปหวังน้ำบ่อหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ แค่1 ชาติ ของการเวียนว่ายตายเกิดก็หนักหนาพออยู่แล้ว ใยต้องนั้งหวังน้ำบ่อหน้าเล่า

 

ธรรมของพระพุทธเจ้ายังอยู่ยังเป็นอกาลิโก แม้สิ้นศาสนาของพระพุทธเจ้า ธรรมก็ จัก ยังอยู่ และมีผู้พบเห็น อยู่ตลอตเวลา เพราะธรรมนั้นเป็นอกาลิโก

เมื่อท่านหวังพึ่งแต่คนอื่นแล้ว ท่านจักหวังที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไร น้ำบ่อนี้ หมดแล้วหรือ ถึงได้จักหวังน้ำบ่อหน้า


  • wat likes this
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#36 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:07

คุณคงต้องอ่านใหม่อีกสักรอบน่ะครับ ผมอธิบายเหตุปัจจัยของการกล่าวอ้างถึงยุคพระศรีอาริยะ ว่าทำไมคนถึงกล่าวถึงกันมากหลังจากนั้นก็พูดถึงน้ำบ่อหน้าอันคือธรรมะของยุคพระศรีอาริยะกับน้ำบ่อนี้อันคือธรรมะของพระศรีศากยะ ว่ามีผลเช่นกันแล้วแต่ประเภทตัวบุคคลที่ปฎิบัติ จะยกตัวอย่างเช่น ติเหตุกะบุคคลอันไม่ไ่ด้รับการพยากรณ์มาก่อนและเป็น1ใน3ประเภทของเวไนยสัตว์หากปฎิบัติตามสติปัฏฐาน4แล้ว บรรลุธรรมยากง่ายได้ทั้งสมัยยุคพระศรีศากยะและพระศรีอาริยะ ไม่มีข้อความไหนบ่งบอกเชิญชวนให้ใครไปเิกิดในยุคพระศรีอารยะเลยเป็นลํกษณะข้อความกลางๆอธิบายเฉยๆ ส่วนปัญหากับคุณคนแรกผมเห็นทิฐิที่เป็นโทษจากการตั้งปัญหาลองภูมิวัดแนวคิดกับคนที่ไม่รู้จัก ว่าไม่เป็นประโยชน์เพราะคงไม่มีพุทธวัจจะนะบทไหนบอกว่า ให้ใช้ชีวิตประมาทไปวันๆเบื่อก็ฟังเพลง ว่างก็ลองภูมิคนอื่น มาถึงก็อ้างแต่พระไตรปิฎกอ้างแต่พุทธวัจจนะ ตรงนี้อ่อนมากในไตรสรณคมม์เพราะตัวเองก็ยังไม่ใช่พระสงฆ์แต่ไม่มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง หากไม่รู้จักไม่วางตำราปฎิบัติไม่ไ่ด้หรอก เตะถีบกันหมดเพราะข้อเท็จจริงบางตัวตำราแปลผิดก็ย่อมมีเพราะมันเป็นเรื่องของการใช้ภาษาจากปากต่อปากแม้พระอรหันต์ด้วยกันเองยังมีปฎิสัมภิทาญารอันเชี่ยวชาญในธรรมหรือสุขวิปัสโกที่ไม่เห็นแม้นรกสวรรค์บางรุ่นจึงอาจเกิดการถ่ายถอดคลาดเคลื่อนแบบไม่เจตนาหรือความหมายที่ผิดเพี้ยนในแต่ล่ะสมัยเช่น คำว่ากูในสมัยสุโขทัยดูสุภาพแต่สมัยปัจจุบันดูไม่สุภาพ หรือแม้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลก็มี ลิขิต ขีดเขียน แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่เห็นจะทรงใช้การเขียนสอนสาวกท่านใช้การถ่ายถอดจากพระองค์สู่สาวกและสู่สาวกอีกที โดยมีพระวินัยผ่านพระวินัยธรณ์ พระธรรมผ่านพระธรรมกถึก พอมายุคสมัยนี้เข้าใจกันไปทั่วว่าพระไตรปิฎกคือธรรม วินัยคือตัวแทนพระพุทธเจ้า หักล้างพระวินัยและพระธรรมที่พระองค์ทรงถ่ายทอดมาให้เป็นตัวแทนพระองค์ผ่านพระสงฆ์  และที่ผมเอาเรื่องสมถกรรมฐานมาถามเพราะมันมีขอบเขตชัดเจนคุยเป้นแนวทางง่ายส่วนข่ายของการใช้ปัญญาในวิปัสนามันไม่มีขอบข่ายครับแล้วแต่บุคคล พระโคธิกะเชือดคอก่อนตายไปนิพพาน พระนาลกะกับโมเนยยะแบบรุนแรงก็แค่7เดือนตาย พระอานนท์ตอนกึ่งลุกกึ่งนอนบนเตียง หลวงปู่ขาว อนาลโยพิจรณาจากรวงข้าว เรื่องวิปัสนาจึงเป็นเรื่องของแต่ล่ะบุคคลล้านพระอรหันต์ก็ล้านวิธีการ ไม่โกรธ ไม่ง้อน อย่าค้อนกันง่ายๆน่ะครับ คุยด้วยเมตตาธรรมฟังแล้วพิจรณา อย่าให้ความโกรธเข้าครอบงำ



#37 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:12

คุณคงต้องอ่านใหม่อีกสักรอบน่ะครับ ผมอธิบายเหตุปัจจัยของการกล่าวอ้างถึงยุคพระศรีอาริยะ ว่าทำไมคนถึงกล่าวถึงกันมากหลังจากนั้นก็พูดถึงน้ำบ่อหน้าอันคือธรรมะของยุคพระศรีอาริยะกับน้ำบ่อนี้อันคือธรรมะของพระศรีศากยะ ว่ามีผลเช่นกันแล้วแต่ประเภทตัวบุคคลที่ปฎิบัติ จะยกตัวอย่างเช่น ติเหตุกะบุคคลอันไม่ไ่ด้รับการพยากรณ์มาก่อนและเป็น1ใน3ประเภทของเวไนยสัตว์หากปฎิบัติตามสติปัฏฐาน4แล้ว บรรลุธรรมยากง่ายได้ทั้งสมัยยุคพระศรีศากยะและพระศรีอาริยะ ไม่มีข้อความไหนบ่งบอกเชิญชวนให้ใครไปเิกิดในยุคพระศรีอารยะเลยเป็นลํกษณะข้อความกลางๆอธิบายเฉยๆ ส่วนปัญหากับคุณคนแรกผมเห็นทิฐิที่เป็นโทษจากการตั้งปัญหาลองภูมิวัดแนวคิดกับคนที่ไม่รู้จัก ว่าไม่เป็นประโยชน์เพราะคงไม่มีพุทธวัจจะนะบทไหนบอกว่า ให้ใช้ชีวิตประมาทไปวันๆเบื่อก็ฟังเพลง ว่างก็ลองภูมิคนอื่น มาถึงก็อ้างแต่พระไตรปิฎกอ้างแต่พุทธวัจจนะ ตรงนี้อ่อนมากในไตรสรณคมม์เพราะตัวเองก็ยังไม่ใช่พระสงฆ์แต่ไม่มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง หากไม่รู้จักไม่วางตำราปฎิบัติไม่ไ่ด้หรอก เตะถีบกันหมดเพราะข้อเท็จจริงบางตัวตำราแปลผิดก็ย่อมมีเพราะมันเป็นเรื่องของการใช้ภาษาจากปากต่อปากแม้พระอรหันต์ด้วยกันเองยังมีปฎิสัมภิทาญารอันเชี่ยวชาญในธรรมหรือสุขวิปัสโกที่ไม่เห็นแม้นรกสวรรค์บางรุ่นจึงอาจเกิดการถ่ายถอดคลาดเคลื่อนแบบไม่เจตนาหรือความหมายที่ผิดเพี้ยนในแต่ล่ะสมัยเช่น คำว่ากูในสมัยสุโขทัยดูสุภาพแต่สมัยปัจจุบันดูไม่สุภาพ หรือแม้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลก็มี ลิขิต ขีดเขียน แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่เห็นจะทรงใช้การเขียนสอนสาวกท่านใช้การถ่ายถอดจากพระองค์สู่สาวกและสู่สาวกอีกที โดยมีพระวินัยผ่านพระวินัยธรณ์ พระธรรมผ่านพระธรรมกถึก พอมายุคสมัยนี้เข้าใจกันไปทั่วว่าพระไตรปิฎกคือธรรม วินัยคือตัวแทนพระพุทธเจ้า หักล้างพระวินัยและพระธรรมที่พระองค์ทรงถ่ายทอดมาให้เป็นตัวแทนพระองค์ผ่านพระสงฆ์  และที่ผมเอาเรื่องสมถกรรมฐานมาถามเพราะมันมีขอบเขตชัดเจนคุยเป้นแนวทางง่ายส่วนข่ายของการใช้ปัญญาในวิปัสนามันไม่มีขอบข่ายครับแล้วแต่บุคคล พระโคธิกะเชือดคอก่อนตายไปนิพพาน พระนาลกะกับโมเนยยะแบบรุนแรงก็แค่7เดือนตาย พระอานนท์ตอนกึ่งลุกกึ่งนอนบนเตียง หลวงปู่ขาว อนาลโยพิจรณาจากรวงข้าว เรื่องวิปัสนาจึงเป็นเรื่องของแต่ล่ะบุคคลล้านพระอรหันต์ก็ล้านวิธีการ ไม่โกรธ ไม่ง้อน อย่าค้อนกันง่ายๆน่ะครับ คุยด้วยเมตตาธรรมฟังแล้วพิจรณา อย่าให้ความโกรธเข้าครอบงำ

 

^_^  ตอบแต่ส่วนของกระพ๊มนะขอรับ... ท่านเองลืมอะไรหรือเปล่าขอรับ... ที่นี่ที่ไหน?... แล้วท่านเข้ามาทำอะไร? ถ้าท่านบอกว่าการถามของกระพ๊มไปลองภูมิกับ... คำโพสที่ท่านได้แสดงความเห็นลงมา... ถ้าเช่นนั้นก็อ่านเฉยๆอย่าแสดงความเห็นเลยขอรับ ท่านเองก็คงไม่รู้จักสังคมโลกกว้างเยี่ยงนี้แล้วมากกว่า... ท่านแสดงความเห็นมา กระพ๊มเห็นแล้วแปลกดีก็ถามหาความหมาย แต่ท่านก็ตอบเลี่ยงไปกลับมาถามกระพ๊มเรื่องรู้จักทำสมาธิแบบท่านมั่งมั้ย... ตกลงใครลองภูมิใครขอรับ? กระพ๊มถามดีๆ แต่ท่านกลับยกอะไรไม่รู้มาอ้างเหมือนเหนือชั้น มาเหนือเมฆ กูเหนือกว่า... ใครควรจะบอกให้ละตัวกูของกูให้มากกว่ากันขอรับ ถ้าดูจากแต่ละคำตอบของท่าน...

 

:D  ก็ยังยืนยันอย่างที่เคยคุยกับท่านเบื้องต้นของกระทู้นี้... ความเชื่อ, ความศรัทธาของท่านต่อพุทธศาสนา... มันก็เรื่องของท่าน... แนวทางปฏิปทาของกระพ๊ม...มันก็เรื่องของกระพ๊ม... กระพ๊มก็ยังเชื่อว่ามันเป็นปัจจัตตัง... นรกหรือสวรรค์ ก็เลือกกันเอง... กระพ๊มก็ไม่ได้คิดจะชี้นำตามแนวปฏิปทาที่กระพ๊มศรัทธาและปฏิบัติ... ก็เป็นแค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใน "บอร์ดสาธารณะ" ที่ปุถุชนทั่วไปเค้าก็มาแสดงความคิดเห็น พูดคุยกัน...

 

:)  สุดท้ายนี้ สังฆัง สรณัง คฉามิสำหรับกระพ๊ม... มีแค่ "สุปฎิปัณโนฯ ภะคะวะโต สาวกสังโฆ" เท่านั้นแหละขอรับ... พวกประเภท "กูเป็นโค" อย่าว่าแต่ไปพึ่งเป็นสรณะ... กราบกระพ๊มยังไม่กราบให้เสียมือเล๊ย...

 

:P  คงจะเพียงพอแล้วขอรับสำหรับท่าน ในเมื่อคุยกันแล้ว คิดกันไปคนละทางก็ตามสะดวกขอรับ... เชิญตามสบาย... กระพ๊ม... ขออัปเปหิขอรับ...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#38 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:18

ผิดหวังและเศร้าใจกับกระทู้นี้

 

ที่ว่าผิดหวัง -ถึงบรรทัดนี้แล้ว จขกท ก็ยังไม่ออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่าศาสนาศรีอารย์คืออะไร

ที่ว่าเศร้าใจ -ทุกคร้งที่มีการแลกเปลี่ยนแสดงความเห้นกระทู้เกี่ยวกับ ธรรมะ จบท้ายไม่ต่างไปจาก

กระทู้การเมือง ไม่มีข้อสรุป เนื้อหาหยาบคาย ในท้ายสุด

 

ไม่ว่าใครจะเห็นต่าง ไม่ว่าใครจะพอใจในการแสดงโวหาร ตามทีสะสมมา

 

ส่วนตัวผมขอจบ ด้วยข้อความบางตอนจาก  ปุคคลสูตร

 

พระพุทธเจ้าทรงทราบบุคคลบางคนในโลกนี้ ผู้มีจิตขุ่นมัว

ได้ทรงพยากรณ์เนื้อความนี้แก่ภิกษุทั้งหลายในสำนักของพระองค์ว่า  

ถ้าในสมัยนี้บุคคลนี้พึงทำกาละไซร้ 

เขาพึงเข้าถึงนรกเพราะจิตของเขาขุ่นมัว  

เขาเป็นอย่างนั้นเหมือนถูกนำมาทอดทิ้งไว้ฉะนั้น 

สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่ทุคติ เพราะเหตุแห่งจิตขุ่นมัว

 


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#39 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:54

เจ้าของกระทู้เหมือนมาโฆษณา แปะแล้วก็ไปคงไม่มาแล้ว


We love fender.

#40 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:57

ลองถามดูแนวความคิดแค่นั้นแหละขอรับ... ว่าแค่ไหน... ฮี่ๆๆ ......อยากทราบว่าตรงนี้หมายถึงอะไร คำว่าแค่ไหนคือการวัดหรือเปล่า ใจเย็นๆน่า คุยเรื่องธรรมหัดยอมรับข้อเท็จจริงหน่อย พึ่งพูดไปหยกๆไม่กี่ข้อความทำเป็นลืม เฉลยเองนี้ครับว่าตัวเองเป็นไม้บรรทัดวัดคนอื่น เพราะคุณก็ยอมรับเองน่ะครับว่าถามดูแนวความคิดผมว่าแค่ไหน นี้ผมคุยด้วยเมตตาน่ะครับ ชี้ในจุดที่คุณมองไม่เห็นและทำเป็นลืม



#41 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:47

สิ่งหนึ่งที่ ผมคิดว่าคุณอิ่ม เกิน ๆ ก็คือ ลักษณะการคุย ตั้งแต่ต้นมา ไม่มีใครไม่ยอมรับว่า จะไม่มีพระศรีอารียเมตไตย หลายๆคน ผมรวมถึง คุณWat  พูดถึงเรื่องเวลา เพื่อเตือนสติ ว่า มันยังไม่ใช่เวลา นี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมา เพ้อฝัน มันยังอีกยาวไกล เหมื่อนวาดวิมารในอากาศ กลายมาเป็น สมณะวิปัสสนา มันกลายเป็นคนละเรื่อง มันเหมือนชวนทะเลาะกัน ถ้่าจะคุยกันเรื่องการปฏิบัติ ก็ควรคุยแบบผู้ปฏิบัติ การคุยข่มผู้อื่นนั้น มันไม่เหมาะสมกับ นักปฏิบัติ


บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#42 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:26

 พุทธัง  สรณัง  ฯะ  ก็มีท่านผู้รู้เรื่อง  ธัมมะ  มาเทศนา

หลายรูป  ก็นับเป็นประโยชน์  ต่อผู้ใฝ่ธรรม  มาดูวันนี้

มีหลายสิบเลยนะ....ท่านมะหาวัตร..ก็เลยได้ที่ เทศนา

สบายเลย....กัณฑ์เทศน์...แบ่งมั่งเน้อ............

>>>>>>> เลยเอา เพลงเพื่อ ..สมาธิ....มาฝากให้ฟัง

เพลิน ๆ..  เผื่อจะได้...สู่สวรรคาลัย...ไปรถ(ความเร็วสูง)

ไม่เป็นไร  รัฐบาลกะลัง..กู้ 2.2 ล้าน ๆ มาทำทาง  อาจจะ

วิ่งขึ้นถึง  ชั้น  ยามาฯ  ปรนิมฯ จาตุมหาฯ ฯลฯ.......

 

 

        


  • wat likes this

#43 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:19

 พุทธัง  สรณัง  ฯะ  ก็มีท่านผู้รู้เรื่อง  ธัมมะ  มาเทศนา

หลายรูป  ก็นับเป็นประโยชน์  ต่อผู้ใฝ่ธรรม  มาดูวันนี้

มีหลายสิบเลยนะ....ท่านมะหาวัตร..ก็เลยได้ที่ เทศนา

สบายเลย....กัณฑ์เทศน์...แบ่งมั่งเน้อ............

>>>>>>> เลยเอา เพลงเพื่อ ..สมาธิ....มาฝากให้ฟัง

เพลิน ๆ..  เผื่อจะได้...สู่สวรรคาลัย...ไปรถ(ความเร็วสูง)

ไม่เป็นไร  รัฐบาลกะลัง..กู้ 2.2 ล้าน ๆ มาทำทาง  อาจจะ

วิ่งขึ้นถึง  ชั้น  ยามาฯ  ปรนิมฯ จาตุมหาฯ ฯลฯ.......

 

 

        

 

:D  ลงแย้วขอรับ... โดนเค้าถีบลงม๊า... เอิ๊กๆๆๆๆ


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#44 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 23:08

ผมติดใจบทความเจ้าของกระทู้ที่ว่า ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ จะมาถึงอีกไม่นานนี้

เพราะมีหลายคนเชื่อพ้นพุทธศักราช 5000 ก็ถึงแล้วบ้าง

มีคนแอบอ้างว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาอุบัติเป็นพระศรีอารย์บ้าง (ยังมีชีวิตอยู่)

อยู่ประเทศจีนหรือไงนี่แหละ มันและเทะไปหมด


We love fender.

#45 อิ่มอร่อย

อิ่มอร่อย

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 07:24

คุณterครั้บ ผมไม่ได้ระบุเลยน่ะครับว่าเชิญชวนให้ไปรอพระศรีอาริยะสักนิด ผมอธิบายการบรรลุธรรมง่ายในสมัยนั้นแต่การจะไปเกิดกับพระศรีอารียะก็ต้องมีบุญวาสนากับท่าน คือต้องมีบารมีตามท่านมากพอสมควร และในบทอธิบายต่อมาก็ชัดเจนว่า เวไนยสัตว์บรรลุธรรมได้ทุกสมัย แล้วตรงไหนเชิญชวนคุณไปเกิดในยุคพระศรีอาริยะ ส่วนเรื่องสมถสมาธิที่สอนไป ผมย้ำครับว่าสอนไม่ไ่ด้คุยข่ม ผมเห็นจุดบกพร่องเห็นอัตตาที่ชัดเจนในคำพูดคำถามสาเหตุเนื่องจากการขาดสมาธิ เพราะอุปนิสัยเป็นวิตกจริต จึงแค่อ่านคิดและคิดไม่หยุดคิดซ้ำคิดซ้อนไม่ลงมือจึงไม่มีข้อเท็จจริง เพราะจิตกับความคิดไม่ใช่ตัวเดียวกัน จึงสามารถทำให้จิตเห็นความคิด เห็นการเกิด ดับ และหากตามเข้าไปจะเห็นช่องว่างของการเกิดดับยาวขึ้น จะเห็นว่าความคิดนี้มาจากข้อมูลของจิต มาจากการรับรู้ข้อมูล เช่นมีความคิดโกรธผมเพราะรับรู้ข้อมูลว่าผมตำหนิเขาเพราะอยากให้เขาเสียหน้าชี้จุดผิดพลาดต่อหน้าคนมากมาย แล้วต่อมาความคิดโกรธหายไปเพราะได้รับข้อมูลใหม่ว่าที่ผมแนะนำไปเป็นการสอนการชี้น้ำ สมถกรรมฐานอาณาปานสติมีความเป็นกลางสบายง่ายสำหรับคนเป็นน่ะครับลมหายใจเดียวก็ยาวเบาสบายได้และแก้ วิตกจริตโดยตรง ผมจึงเพิ่มคำบริกรรมพุทธโธเพราะเป็นพุทธานุสสติให้สมกับคำว่าพุทธวัจจะนะมากขึ้น และการที่เขาฟุ้งซ่านในความคิดยิ่งต้องใช้คำบริกรรรมตัวอย่างน่ะครับ เช่นตั้งใจภาวนา1ชัวโมงเราภาวนาพุทโธเราไม่เผลอเลย เราไม่ขาดเลยในคำภาวนา แบบนี้จิตจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นสมาธิจริง เป็นวิปัสนาจริง อัตตาตัวตนลดลงเรื่อยๆเพราะเห็นตามข้อเท็จจริง  ผมทำด้วยเมตตาน่ะครับสไตล์สอนของผมจี้ให้เห็นในจุดที่เขาไม่เห็นในจุดที่เขาคลุกคลีแต่เห็นเพียงคุณประโยชน์ผมจะชี้จุดเป็นโทษเป็นภัย สิ่งที่เห็นอาจไม่ไ่ด้เป็นอย่างที่คิด สิ่งที่คิดมาจากข้อมูลของจิต  การคุยข่มมีประโยชน์อันใดในโลกอินเตอร์เนท ชื่อเสียงแม้ในโลกจริงก็จอมปลอมพอแล้ว อกุศลในจิตแม้น้อยนิดก็ต้องพึ่งนะวัง แต่ธรรมทานที่มอบให้เป็นบุญกุศลติดตัวผู้ให้เป็นของกำนัลชั้นดีติดตัวผู้รับหากรับเอาไว้ ส่วนคำตำหนิผมก็รับไว้น่ะครับ



#46 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 07:36

ผมติดใจบทความเจ้าของกระทู้ที่ว่า ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ จะมาถึงอีกไม่นานนี้

เพราะมีหลายคนเชื่อพ้นพุทธศักราช 5000 ก็ถึงแล้วบ้าง

มีคนแอบอ้างว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาอุบัติเป็นพระศรีอารย์บ้าง (ยังมีชีวิตอยู่)

อยู่ประเทศจีนหรือไงนี่แหละ มันและเทะไปหมด

 

^_^  มัน "ไม่เที่ยง" นั่นแหละขอรับ ขนาดอินเดียเมืองที่อุบัติพระพุทธองค์ทุกวันนี้ยังแทบไม่เหลือ พราหมณ์ฮินดูก็ยังว่าพระพุทธฯคือปางๆหนึ่งของพระศิวะ เสด็จลงมาเป็นพระพุทธฯเพื่อสร้างความเชื่อใหม่ วัดศรัทธาของชาวฮินดู :blink:  จนสุดท้ายฮินดูก็กลืนพุทธไปเกือบหมดโดยปริยาย เมื่อความเชื่อมันเปลี่ยน ผิดเพี้ยนไปขอรับ...  

 

;)  เดิมจากสมัยพระพุทธองค์เป็นการท่องจำแล้วบอกต่อๆกันมา ผิดถูกก็ยังมีพระพุทธองค์คอยยืนยันการบอกถ่ายคำสอนของพระองค์ หรือหากไม่พบพระองค์ก็มี "หลักมหาปเทส4" เป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคำของพระองค์หรือไม่ กว่าจะมาเป็นยุคตัวอักษร พระตถาคตก็ปรินิพพานไป 200 กว่าปีแล่ว... แถมยังมีพราหมณ์ฮินดูเข้ามารุกรานธรรมด้วยการแฝงความเชื่อใหม่เข้าไปอีก... กระพ๊มว่าย่อมผิดเพี้ยนไปๆเรื่อยๆจนปัจจุบันตามพื้นฐานความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น, สังคม, บุคคลกันไปขอรับ...

 

:D  ขนาดสมัยพระตถาคตยังสั่งสอนโปรดสัตว์ ยังมีคนบางพวกฟังธรรมของท่านไม่รู้เรื่อง แลบลิ้นปลิ้นตาใส่บ้าง ถุยน้ำลายใส่บ้างก็มี ฟังแล้วก็ว่าดี... แต่ก็กลับไปทำตามความเชื่อเดิมๆของตนก็มีในหลายๆพระสูตรบอกไว้ขอรับ... เราทั้งหลายในวันนี้เนี่ยแหละอาจจะเป็น 1 ในนั้นในอดีต ที่เคยฟังธรรมของพระองค์แล้วเป็นอย่างว่าก็ได้ขอรับ ไม่งั้นคงสบายไปแล้ว... เอิ๊กๆๆๆๆ


Edited by wat, 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 07:36.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#47 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:56

  ตามหลังมะหาวัตรมา..ไม่ตามเด๋ว แก..อมกันเทสน์....

มาเอาส่วนแบ่ง..๕๕๕๕๕.....

>>> อ้า..คุณ  phoosana..... ความ..เพี้ยนของลัทธิ

ต่าง ๆ มันมีมานานแล้ว..เจ้าสำนักเพี้ยน  ระดับดาวเทียม

เดี๋ยวนี้  ขยายกิจการใหญ่โต..มี..จานผี...สู่ดาวดวงอื่นด้วย

ประเภท...เบี้ยน้อย..หอยเล็ก.....อย่าได้ไปเลย ไม่รับ..!!!!!!

>>>>>> อยากแนะให้คุณ....phoosana""" ไปหา หนังสือ

ชื่อ ( ลิลิต นารายณ์สิบปาง) เป็นพระราชนิพนธ์ใน รัชกาลที่ ๖..

พระองค์ท่านได้ค้นคว้าถึง  ยุคสมัยต่าง ๆ ความเสื่อมต่างๆ  ..

ที่เกิดขึ้น..กับมนุษย์..พุทธศาสนา..ถูกคนดึงลงสู่  ที่ต่ำลงทุกที

จน ปัจจุบันนี้...คนรุ่นใหม่  สับสนกับคำสอน......

>>>> สงสัยอะไร  ถาม  ท่านมะหาวัตร  นะครับ   ท่าน รู้มากและ

รู้ของจริง  มากกว่าผมแยะ.....( โยนแล้ว  ท่านมะหา  รับลูก )ไปละ...


  • wat likes this

#48 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:01

  >>>> สงสัยอะไร  ถาม  ท่านมะหาวัตร  นะครับ   ท่าน รู้มากและ

รู้ของจริง  มากกว่าผมแยะ.....( โยนแล้ว  ท่านมะหา  รับลูก )ไปละ...

 

:wacko:  หยึย... มาแลกเปลี่ยนความรู้ที่มีกันขอรับ กระพ๊มก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#49 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:14

.........ไม่.ไม่ เชื่อ....( ไม่จ่ายสดด้วย)

 

....... :P  :o  :D  :ph34r:  :P  :(  :lol: """""========



#50 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 - 17:44

คุณterครั้บ ผมไม่ได้ระบุเลยน่ะครับว่าเชิญชวนให้ไปรอพระศรีอาริยะสักนิด ผมอธิบายการบรรลุธรรมง่ายในสมัยนั้นแต่การจะไปเกิดกับพระศรีอารียะก็ต้องมีบุญวาสนากับท่าน คือต้องมีบารมีตามท่านมากพอสมควร และในบทอธิบายต่อมาก็ชัดเจนว่า เวไนยสัตว์บรรลุธรรมได้ทุกสมัย แล้วตรงไหนเชิญชวนคุณไปเกิดในยุคพระศรีอาริยะ ส่วนเรื่องสมถสมาธิที่สอนไป ผมย้ำครับว่าสอนไม่ไ่ด้คุยข่ม ผมเห็นจุดบกพร่องเห็นอัตตาที่ชัดเจนในคำพูดคำถามสาเหตุเนื่องจากการขาดสมาธิ เพราะอุปนิสัยเป็นวิตกจริต จึงแค่อ่านคิดและคิดไม่หยุดคิดซ้ำคิดซ้อนไม่ลงมือจึงไม่มีข้อเท็จจริง เพราะจิตกับความคิดไม่ใช่ตัวเดียวกัน จึงสามารถทำให้จิตเห็นความคิด เห็นการเกิด ดับ และหากตามเข้าไปจะเห็นช่องว่างของการเกิดดับยาวขึ้น จะเห็นว่าความคิดนี้มาจากข้อมูลของจิต มาจากการรับรู้ข้อมูล เช่นมีความคิดโกรธผมเพราะรับรู้ข้อมูลว่าผมตำหนิเขาเพราะอยากให้เขาเสียหน้าชี้จุดผิดพลาดต่อหน้าคนมากมาย แล้วต่อมาความคิดโกรธหายไปเพราะได้รับข้อมูลใหม่ว่าที่ผมแนะนำไปเป็นการสอนการชี้น้ำ สมถกรรมฐานอาณาปานสติมีความเป็นกลางสบายง่ายสำหรับคนเป็นน่ะครับลมหายใจเดียวก็ยาวเบาสบายได้และแก้ วิตกจริตโดยตรง ผมจึงเพิ่มคำบริกรรมพุทธโธเพราะเป็นพุทธานุสสติให้สมกับคำว่าพุทธวัจจะนะมากขึ้น และการที่เขาฟุ้งซ่านในความคิดยิ่งต้องใช้คำบริกรรรมตัวอย่างน่ะครับ เช่นตั้งใจภาวนา1ชัวโมงเราภาวนาพุทโธเราไม่เผลอเลย เราไม่ขาดเลยในคำภาวนา แบบนี้จิตจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นสมาธิจริง เป็นวิปัสนาจริง อัตตาตัวตนลดลงเรื่อยๆเพราะเห็นตามข้อเท็จจริง  ผมทำด้วยเมตตาน่ะครับสไตล์สอนของผมจี้ให้เห็นในจุดที่เขาไม่เห็นในจุดที่เขาคลุกคลีแต่เห็นเพียงคุณประโยชน์ผมจะชี้จุดเป็นโทษเป็นภัย สิ่งที่เห็นอาจไม่ไ่ด้เป็นอย่างที่คิด สิ่งที่คิดมาจากข้อมูลของจิต  การคุยข่มมีประโยชน์อันใดในโลกอินเตอร์เนท ชื่อเสียงแม้ในโลกจริงก็จอมปลอมพอแล้ว อกุศลในจิตแม้น้อยนิดก็ต้องพึ่งนะวัง แต่ธรรมทานที่มอบให้เป็นบุญกุศลติดตัวผู้ให้เป็นของกำนัลชั้นดีติดตัวผู้รับหากรับเอาไว้ ส่วนคำตำหนิผมก็รับไว้น่ะครับ

แต่ละ คนมีแนวทางปฏิบัติ ต่างกัน  ในเมื่อคุณก็รู้ว่าเขาถามถึงแนวความคิด คุณตอบแนวความคิด ก็จบ เหมือนที่คุณตอบโพตนี้ แหละ บ้างครั้งนักปฏิบัติ นั้นมีอัตตาสูงกว่า คนธรรมดา ยิ่งแต่ล่ะคนยึดในแต่ละแนวทาง แล้วละก็จะทะเลาะกันเปล่าๆ แนวทางใครก็เป็นปัจจัตตังของคนนั้น

แม้แต่หลวงตามหาบัวเอง ตอนอยู่กลับอาจารย์ มั่น ก็มีทะเลาะกัน แต่อันนั้น ศิษย์กับอาจารย์ เมื่อยอมลงก็คือลง แต่เรานั้นไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์

กัน มันไม่ลงกันง่ายๆหรอก เพราะงั้นการระงับ ไม่ให้เกิดข้อพิพาท จึงดีที่สุด


  • wat likes this
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป




ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน