"นพดล"หน้าแตก!!!??? ปตท.ออกโรงโต้ ยันชัด"ตระกูลชินฯ"ถือหุ้น 0.002 % ลั่นอีก 10 -20 ปีจะได้ใช้พลังงานที่สมเหตุสมผล ???
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จัดแถลงข่าวตอบโต้การโจมตีการทำงานของ ปตท.ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย วันนี้ (18 มี.ค.) ว่า มีความรู้สึกเป็นห่วงใยว่าการโจมตี ปตท.ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในช่วง 10 วันที่ผ่านมานั้น มีการบิดเบือนข้อมูลไม่ถูกต้องและเป็นประเด็นเดิมๆ น่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝง โดยยืนยันว่าการทำงานของ ปตท.ในฐานะองค์กรของรัฐที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ไม่ใช่แค่ใช้พลังงานราคาถูก แต่ต้องการให้คนไทยได้ใช้พลังงานในราคาที่สมเหตุสมผลในอีก 10-20 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ปตท.มีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 2,850 ล้านหุ้น จากการตรวจสอบพบว่าตระกูลชินวัตร ถือครองหุ้น ปตท.อยู่ 0.002% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่มีนัยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ถือหุ้น ปตท.ทั้งหมดกว่า 5 หมื่นราย
นายไพรินทร์กล่าวถึงประเด็นคนไทยใช้น้ำมันแพงว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ใช้ในประเทศนั้นมีการรวมภาษีต่างๆไว้ส่วนหนึ่งคิดเป็น 29% หรือ 1 ใน 3 ของราคาน้ำมันขายปลีก แต่การส่งออกน้ำมันจากไทยจะไม่รวมภาษี ทำให้ราคาส่งออกน้ำมันถูกกว่าราคาขายปลีกในประเทศ ซึ่งหากเรียกร้องให้คนไทยใช้พลังงานในราคาถูกก็จะทำให้เกิดการใช้อย่างฟุ่มเฟือยไม่ประหยัด
ส่วนข้อเรียกร้องการทวงคืน ปตท.นั้น เดิมก่อนการแปรรูป ปตท.ก็มีความเป็นห่วงว่าจะถูกการเมืองครอบงำ ทำให้มีการแปรรูปโดยเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ ปตท.มีผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5 หมื่กว่ารายรวมทั้งกระทรวงการคลัง ซึ่งหากจะทวงคืน ปตท.ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐเพียงผู้เดียวอีกครั้ง ตนก็ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่คนไทยจะต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจ
ส่วนประเด็น ปตท.มีกำไรแสนล้านบาทเพราะขายน้ำมันแพงนั้น นายไพรินทร์ชี้แจงว่า ปตท.มียอดขายน้ำมันผ่านปั๊มปีละ 3 แสนกว่าล้านบาท โดย ปตท.มีส่วนแบ่งตลาดค้าปลีก 47-48% และธุรกิจน้ำมันมีกำไร 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำไรส่วนใหญ่มาจากธุรกิจนอนออยล์ ได้แก่ ร้านกาแฟอเมซอน
โดยกำไรสุทธิ ปตท.1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมด 3 ล้านล้านบาท ถือว่ามีอัตราผลตอบแทนต่ำมากแค่ 4.25% ในปี 2554 เมื่อเทียบกับบริษัทน้ำมันต่างชาติ อาทิ ปิโตรนาส มาเลเซียที่มีผลตอบแทนถึง 22% โดยกำไรสุทธิดังกล่าวในปีที่ผ่านมา ปตท.แบกรับภาระขาดทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาทสำหรับเอ็นจีวี และขาดทุนอีก 1 หมื่นล้านบาทในแอลพีจี ถือว่าเป็นการอุดหนุนราคาให้แก่ผู้ใช้รถเพียงไม่กี่แสนราย
ปัจจุบันไทยมีการใช้พลังงานวันละ 2 ล้านบาร์เรล โดยกลุ่ม ปตท.เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงแค่ 18% ที่เหลือเป็น กฟผ. บริษัทพลังงานของต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งในอนาคต ปตท.ก็อยากมีสัดส่วนที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานในประเทศเพิ่มขึ้น 40% เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงพลังงานให้กับประเทศ โดยยืนยันว่าประเทศไทยมีแหล่งพลังงานไม่เพียงพอ จะเห็นได้ว่าไม่มีการสำรวจพบแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ใหม่ในอ่าวไทยได้เลยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อ่าวไทยมีปริมาณก๊าซฯ เหลือใช้แค่ 10 ปี ดังนั้น ปตท.ต้องไปแสวงหาโอกาสพลังงานในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันก็มีการลงทุนไปแล้ว 14-15 ประเทศ
“เข้าใจดีว่าการโจมตี ปตท.บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ แต่การให้ข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ถูกต้อง และเป็นประเด็นเดิมนั้นทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะฟ้องร้องเป็นคดีความ เพื่อไม่ต้องการเห็นสังคมแตกแยกกว่าที่เป็นอยู่ เพียงต้องการให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร รู้เท่าทัน ท้ายสุดความจริงก็จะปรากฏ”
ก่อนหน้านี้ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ได้ถือหุ้นใน บมจ.ปตท.(PTT) เลยแม้แต่หุ้นเดียว รวมทั้งไม่มีการลงทุนด้านพลังงาน ทั้งน้ำมันและแก๊สทั้งในไทยหรือในประเทศเพื่อนบ้าน หากมีหลักฐานว่ามี พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวมีหุ้นอยู่จริงจะยกหุ้นให้ทั้งหมด และจะบริจาคเงินอีก 100 ล้านบาท
งามไส้มั้ยล่ะมะรึง...