165 replies to this topic

[เคนอิจิ-นามิ]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

[เคนอิจิ-นามิ]

บางท่านอาจเป็นเจ้าของทุจริต... เอ้ยยย ธุรกิจ
นำปสก มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อท่านอื่นด้วยนะครับ




บางท่านอาจทำงานที่มีส่วนเกี่ยวกับชุมชน มีการดำเนินงานด้านใดบ้างก็ร่วมได้นะครับ แต่ของงดนโยบายระดับประเทศไว้ก่อน ... เป็นตอนต่อไป

Edited by เคนอิจิ-นามิ ขี้แพ้, 19 March 2013 - 09:43.

[samepong]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

ที่คุณโพสมาเนี่ย เค้าเรียกว่ารณรงค์ลดโลกร้อนครับ ไม่ใช่ อะไรที่หัวกระทู้เลยบอกเลย

[โจโฉ นายกตลอดกาล]

ที่บ้านผมทำแบบนี้ เพื่อนสมาชิกก็ทำคล้ายๆกัน แบบนี้เรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียงได้หรือเปล่า

http://webboard.seri...e-2#entry646988

ถ้าใช่ เพื่อนสมาชิกที่นี่ก็ทำกันอยู่แล้วครับ

[คนบูรพา]

ผมคนหนึ่งแหละครับ...........ที่คิดว่าตัวเอง.....ใช้ชีวิตแบบพอเพียง.........รึป่าวววว......คือ....

 

ผมจะไม่ทำอะไรที่มัน ฟุ้งเฟ้อเกินตัว................มีเท่าไร.....ก็ใช้เท่านั้น.....เช่น....

 

ตอนผมบวช.....ก็ไม่ได้จัดงานอะไรใหญ่โต....บวชอย่างง่ายๆ.....ไม่รบกวนใครทั้งสิ้น.....ไม่ต้องมีมหรสพ...ไม่ต้องมีโต๊ะจีน....

 

ตอนขึ้นบ้านใหม่.....ก็เช่นกัน....ทำบุญเลี้ยงพระ.....ก็คือจบ........ไม่ต้องไปป่าวประกาศ....หรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร....

 

มือถือที่ใช้ก็เป็นรุ่นเก่าๆ....ใช้จนปุ่มหลุด....ก็ไม่เคยจะเปลี่ยน....ไม่รู้จะไปบ้าตามมันทำไม....ก็แค่เอาไว้โทร กับรับสาย....เท่านั้น...

 

เห็นใครซื้อ หรือใช้ของดีๆ........ก็ไม่เคยรู้สึกว่า......จะต้องไปหาให้ได้เหมือนเขา...........ไม่เคยอิจฉาริษยาใคร....ที่เขารวยกว่า.....

 

รถยนต์ที่ใช้....ก็เป็นรถกระบะเก่าๆ เดิมๆ.....ไม่รู้จะไปแต่งให้มันเปลืองเงินไปทำไม....ยิ่งแต่งเครื่องเสียง....ยิ่งไม่เอาด้วยใหญ่เลย...

 

กินก็กินง่ายๆ.....กินข้าวราดแกงธรรมดา (แต่ตอนนี้ราคาเริ่ม ไม่ธรรมดา) .....ขอให้อิ่ม.......ก็อยู่ได้ทั้งวันแล้วครับ......

 

ตื่นเช้ามา....ก็ทำบุญใส่บาตรทุกวัน.........ส่วนทุกวันพระ......ก็เข้าวัดสวดมนต์......ทำใจให้สงบ.......

 

ผมไม่เคยหวังว่าจะต้องรวย.....ต้องมีชื่อเสียง.....มีอำนาจ.....เหมือนใครบางคน.......แล้วเที่ยวไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น......

 

อย่างงี้พอเรียกว่า.................อยู่อย่าง เศรษฐพอเพียง........ได้มั๊ยครับ.........  

[Konigsburg]

ตอนนี้พวกเสื้อแดง พวกล้มเจ้าอาจจะขบขันกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่เมื่อใดก็ตามที่ประเทศเราพบวิกฤติเหมือนกับตอนปี 2540 หรือล้มละลายหมดตัวแบบกรีซ เมื่อนั้นคุณจะนึกถึงคำพ่อหลวงสอนครับ

[เคนอิจิ-นามิ]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

ที่คุณโพสมาเนี่ย เค้าเรียกว่ารณรงค์ลดโลกร้อนครับ ไม่ใช่ อะไรที่หัวกระทู้เลยบอกเลย

แล้วคุณทำอะไรที่เหมือนหัวข้อกระทู้บอกบ้างครับ?

[เคนอิจิ-นามิ]

ตอนนี้พวกเสื้อแดง พวกล้มเจ้าอาจจะขบขันกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่เมื่อใดก็ตามที่ประเทศเราพบวิกฤติเหมือนกับตอนปี 2540 หรือล้มละลายหมดตัวแบบกรีซ เมื่อนั้นคุณจะนึกถึงคำพ่อหลวงสอนครับ

เช่นอะไรบ้างครับ อยากเห็นภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

[แอบดูที่รูเดิม]

เลือกปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวครับ

ทำบัญชีครัวเรือน แบ่งการใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วน

เพราะรายรับของที่บ้าน มาจากเงินเดือน ดังนั้นจึงทำรายรับรายจ่ายที่ตายตัวได้

 

แต่หลักๆคือ ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อ

[เคนอิจิ-นามิ]

ที่บ้านผมทำแบบนี้ เพื่อนสมาชิกก็ทำคล้ายๆกัน แบบนี้เรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียงได้หรือเปล่า

http://webboard.seri...e-2#entry646988

ถ้าใช่ เพื่อนสมาชิกที่นี่ก็ทำกันอยู่แล้วครับ

หมายถึง หลังคาเขียวหรือครับ?
ผมก็ว่าใช้ได้ มันคือการหมุนเวียนของทรัพยากรเหมือนกัน
ก็น่าจะคล้ายๆกับผม

แต่ มันอาจจะแค่ลดโลกร้อนก็ได้มั้ง

ผมคนหนึ่งแหละครับ...........ที่คิดว่าตัวเอง.....ใช้ชีวิตแบบพอเพียง.........รึป่าวววว......คือ....

ผมจะไม่ทำอะไรที่มัน ฟุ้งเฟ้อเกินตัว................มีเท่าไร.....ก็ใช้เท่านั้น.....เช่น....

ตอนผมบวช.....ก็ไม่ได้จัดงานอะไรใหญ่โต....บวชอย่างง่ายๆ.....ไม่รบกวนใครทั้งสิ้น.....ไม่ต้องมีมหรสพ...ไม่ต้องมีโต๊ะจีน....

ตอนขึ้นบ้านใหม่.....ก็เช่นกัน....ทำบุญเลี้ยงพระ.....ก็คือจบ........ไม่ต้องไปป่าวประกาศ....หรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร....

มือถือที่ใช้ก็เป็นรุ่นเก่าๆ....ใช้จนปุ่มหลุด....ก็ไม่เคยจะเปลี่ยน....ไม่รู้จะไปบ้าตามมันทำไม....ก็แค่เอาไว้โทร กับรับสาย....เท่านั้น...

เห็นใครซื้อ หรือใช้ของดีๆ........ก็ไม่เคยรู้สึกว่า......จะต้องไปหาให้ได้เหมือนเขา...........ไม่เคยอิจฉาริษยาใคร....ที่เขารวยกว่า.....

รถยนต์ที่ใช้....ก็เป็นรถกระบะเก่าๆ เดิมๆ.....ไม่รู้จะไปแต่งให้มันเปลืองเงินไปทำไม....ยิ่งแต่งเครื่องเสียง....ยิ่งไม่เอาด้วยใหญ่เลย...

กินก็กินง่ายๆ.....กินข้าวราดแกงธรรมดา (แต่ตอนนี้ราคาเริ่ม ไม่ธรรมดา) .....ขอให้อิ่ม.......ก็อยู่ได้ทั้งวันแล้วครับ......

ตื่นเช้ามา....ก็ทำบุญใส่บาตรทุกวัน.........ส่วนทุกวันพระ......ก็เข้าวัดสวดมนต์......ทำใจให้สงบ.......

ผมไม่เคยหวังว่าจะต้องรวย.....ต้องมีชื่อเสียง.....มีอำนาจ.....เหมือนใครบางคน.......แล้วเที่ยวไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น......

อย่างงี้พอเรียกว่า.................อยู่อย่าง เศรษฐพอเพียง........ได้มั๊ยครับ.........

เยี่ยมครับ


ได้ทั้งสองท่านเลยครับ ตามความคิดผม

Edited by เคนอิจิ-นามิ ขี้แพ้, 19 March 2013 - 10:17.

[butadad]

ไม่รู้ซิ  เวลาทำงาน ขาไปผมขึ้นทางด่วน 90 บาท  เพราะไม่งั้นลำบาก

ขากลับ  ไม่จำเป็นผมไม่ขึ้น ผมก็ประหยัดได้วันละ 90 เดือนนึง ทึงาน 22 วัน = 90 x 22 =  1980

เท่ากับ  ผมประหยัดค่าเดินทางมาจ่ายค่าไฟฟ้าได้ทั้งเดือนเลย

เมื่อก่อนไม่ค่อยคิดก็ จ่ายๆไป  เดี๋ยวนี้คิดมากขึ้น  ทางด่วนประหยัดเวลากลับบ้าน 45 นาที แต่ เปลืองเงิน

ไม่ขึ้นทางด่วนกลับผมเสียเวลาที่มีค่าไป วันละ 45 นาที เดือนละ 45 x 22 = 990 นาที

หรือเดือนละ 16.5 ชั่วโมง  คราวนี้ ก็ต้องคิดละว่า เงินกับเวลา อันไหนมีค่ากว่ากัน

คิดถึงลูกผมก็ยอมเสียเงินวันละ 90 เพื่อมีเวลามากขึ้นกับ ลูก 45 นาที คุ้มนะครับ

 

ทุกอย่างมันมีต้นทุน  ทั้งที่เป็นเงิน เวลา  ค่าเสียโอกาส  ต้องค่อยๆคิดครับ

 

คือง่ายๆ คือ เราต้องลดรายจ่าย  อันไหนจำเป็นต้องจ่ายก็จ่ายครับ

อย่างลูกผม  ถ้าร้องจะเอา หนังสือไม่ต้องคิดเท่าไหร่ก็ต้องซื้อให้

ถ้าเอาของเล่น ต้องมีการต่อรอง   รักแบบมีสติครับ

Edited by butadad, 19 March 2013 - 10:24.

[Leeporter ขี้แพ้]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

[เคนอิจิ-นามิ]

ไม่รู้ซิ เวลาทำงาน ขาไปผมขึ้นทางด่วน 90 บาท เพราะไม่งั้นลำบาก
ขากลับ ไม่จำเป็นผมไม่ขึ้น ผมก็ประหยัดได้วันละ 90 เดือนนึง ทึงาน 22 วัน = 90 x 22 = 1980
เท่ากับ ผมประหยัดค่าเดินทางมาจ่ายค่าไฟฟ้าได้ทั้งเดือนเลย
เมื่อก่อนไม่ค่อยคิดก็ จ่ายๆไป เดี๋ยวนี้คิดมากขึ้น ทางด่วนประหยัดเวลากลับบ้าน 30-45 นาที แต่ เปลืองเงิน
ทุกอย่างมันมีต้นทุน ทั้งที่เป็นเงิน เวลา ค่าเสียโอกาส ต้องค่อยๆคิดครับ

ทำแบบนั้นเหมือนกัน
ช่วงเช้านี่ ไม่ขึ้นทางด่ฝนไม่ได้ ถนนข้างล่างติดแหง๊ก

แต่จากลับชิวๆ
ถ้าเจอรถติดก็ เลี่ยวเข้าไปหาไรกินซะเลย

แต่ตอนนี้กลับมาคิดว่า รถติด ทำให้เสียเวลา และค่าน้ำมันด้วย
มันเกิน 90 บาท รึเปล่า?

เลยเปลี่ยนมาใช้ รถเล็กประหยัดน้ำมันแทน ไม่ได้ใช้แด้ส เพราะเสียว ครับ

ตอนจะซื้อรถ ยังคิดว่า จะใช้ 2000 หรือ 2500 ดี เผื่อขับออกต่างจังหวัด
(เคยมี 1800) สุดท้ายเลือก 1200 ครับ
เพราะเราใช้ในกรุงเทพตลอดปี ไปตจว แค่ ปีละครั้งสองครั้ง ทำไมต้องเปลืองตลอดปีเพื่อการนี้?

ขับในกรุงเทพ กี่ cc มันก็ไปได้ไวเท่ากันเบย

[เคนอิจิ-นามิ]

เลือกปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวครับ
ทำบัญชีครัวเรือน แบ่งการใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วน
เพราะรายรับของที่บ้าน มาจากเงินเดือน ดังนั้นจึงทำรายรับรายจ่ายที่ตายตัวได้

แต่หลักๆคือ ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อ

ตัวอย่างๆๆๆๆๆๆๆๆ
เผื่อนำไปใช้บ้างครับ

[โจโฉ นายกตลอดกาล]

ที่บ้านผมทำแบบนี้ เพื่อนสมาชิกก็ทำคล้ายๆกัน แบบนี้เรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียงได้หรือเปล่าhttp://webboard.seri...e-2#entry646988
ถ้าใช่ เพื่อนสมาชิกที่นี่ก็ทำกันอยู่แล้วครับ

หมายถึง หลังคาเขียวหรือครับ?
ผมก็ว่าใช้ได้ มันคือการหมุนเวียนของทรัพยากรเหมือนกัน
ก็น่าจะคล้ายๆกับผม
แต่ มันอาจจะแค่ลดโลกร้อนก็ได้มั้ง

เยี่ยมครับ
ได้ทั้งสองท่านเลยครับ ตามความคิดผม

อ่านหมดกระทู้หรือยังครับ ถึงจับใจความมาได้แค่หลังคาเขียวเพียงอย่างเดียว

มีเยอะแยะมากมากแถบจะครอบคลุมทั้งหมด การเปลี่ยนขยะเป็นรายได้ลดรายจ่าย การใช้ถุงซ้ำ ฯลฯ

[RiDKuN_user]

ไม่ได้น้อมนำครับ เพราะรู้สึกว่ารายรับมากพอ ไม่ได้เป็นคนที่ชอบซื้อนั่นซื้อนี่

ค่อนข้างจะใช้เงินเปลืองแต่แค่เรื่องของกิน ไม่ซื้อของใช้ของอะไรที่สิ้นเปลืองเท่าไหร่ 

[อาวุโสโอเค]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

 

เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติแก่ประชาชน  โดยยึดหลัก “ทางสายกลาง” ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน สรุป ความหมายเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้

1. ความมีเหตุผล  คือ ตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ  เพื่อให้เกิดความพอเพียงต้องใช้เหตุผล และพิจารณาด้วยความรอบคอบ
2. ความพอเพียง  คือ รู้จักพอประมาณ พออยู่ พอมี พอกิน พอใช้ ประหยัด และไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี  คือ เตรียมใจให้พร้อมรับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4. การมีความรู้  คือ นำความรู้มาใช้ในการวางแผนและดำเนินชีวิต
5. การมีคุณธรรม  คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต สามัคคี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สิ่งที่ทำตอบโจทย์พวกนี้ได้ครบถ้วนไหม ถ้าครบผมว่าน่าจะใช่ ขึ้นกับมุมมองของแต่ละท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ย้ำคือ

 

การพอเพียงไม่ใช่ประหยัดจนลำบากทั้งตัวเองและผู้อื่น

[สุกี้น้อย]

http://webboard.seri...ินเองกันดีกว่า/

 

ไม่รู้ว่าเข้าข่ายหรือเปล่านะ

[hentai]

ท่าน จขกท หมายถึง  เศรษฐกิจพอเพียง  หรือ  อยู่อย่างพอเพียง ครับ..  

ทู้ที่แล้ว ท่านว่าไม่เหมือนกัน...  

[แอบดูที่รูเดิม]

เลือกปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวครับ
ทำบัญชีครัวเรือน แบ่งการใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วน
เพราะรายรับของที่บ้าน มาจากเงินเดือน ดังนั้นจึงทำรายรับรายจ่ายที่ตายตัวได้

แต่หลักๆคือ ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อ

ตัวอย่างๆๆๆๆๆๆๆๆ
เผื่อนำไปใช้บ้างครับ

 

รู้เงินเข้าเงินออก ปรับให้เหมาะสม จัดแบ่งเงินเก็บไว้ ตามสัดส่วน แค่นี้ก็มีพอกินพอใช้ เบื้องต้นแล้ว

ต่อมาคือ จัดการกับใจของตัวท่านเอง ว่าอย่าหลงฟุ้งเฟ้อ ไอ้นู่นอยากมี ไอ้นี่อยากได้

ท่านดูความจำเป็นว่า เราต้องใช้ขนาดไหน ต้องมีขนาดนั้นหรือ ตรงนี้ยากสุดๆ

แต่โตๆกันแล้ว พิจารณาเองให้เหมาะสม ให้ ค.ว.ย ครับ

[Leeporter ขี้แพ้]

ท่าน จขกท หมายถึง  เศรษฐกิจพอเพียง [/size] หรือ  อยู่อย่างพอเพียง ครับ..  
ทู้ที่แล้ว ท่านว่าไม่เหมือนกัน...  

เศรษฐกิจพอเพียงย่อลงมาในระดับครอบครัวมันก็คืออยู่อย่างพอเพียงนั่นแหล่ะครับ
แต่ละครอบครัวอยู่อย่างพอเพียง เหมาะสมกับฐานะ ทุกๆ ครอบครัวรวมกันก็กลายเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียงในระดับประเทศ

[เคนอิจิ-นามิ]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

เจ๋งเป้งเลยคุณลี

ผมนั่งรถเมล์ไปมหาลัย ไม่ต่ำกว่า ชม.ครึ่งต่อเที่ยว ขากลับนี่อาจถึง สามชม. พ่อเคยถามจะเอารถไหม (สงสาร) ผมก็ว่า มันไม่จำเป็นหรอก
เรานั่งคิดอะไรได้เยอะแยะ บนรถเมล์นะ (พอดีได้นั่ง)
ทบทวนการบ้าน ทบทวนเรื่องที่ครูสอน หรือถ้ากลับกับเพื่อน ก็ช่วยติวกันได้
ดีกว่าเสียเวลาขับรถเอง

พอทำงาน ต้องมานั่งขับเอง อยากนอนก็นอนไม่ได้ เสียดุลย ครับ อิอิ

แต่งตัว... ถ้าไม่ทำงาน ก็เสื้อยืดเกงขาสั้นเหมือนกัน
ผมมันไม่มีราศี พนักงาน ไม่สนใจขายเลย
(ก็ดี ไม่รำคาญ

ส่วนเน็ท 3g บางคนบอกว่า unlimited มันถูกกว่าเมื่อเทียบกับรายชม.
ผมถามว่า แล้วได้ใช้ไหมล่ะ
มันถูกกว่า แต่เวีย 800 กว่าใช้แค่ 300
ก็ไปเอาเป็นรายชม. แบบพี่ว่า ถึงมันจะแพง แต่เพียงพอให้ใช้
เดือนไหนเกิดอยากใช้มาก ก็ topup แค่เดือนนั้นก็พอ เอาเงินไปบริจาค unicef wscr ไรพวกนั้นดีกว่า


นิดนึงครับ... ผมมักจะเก็บรายรับไว้ส่วนนึงเสมอ
สมัยก่อนมีเพลง อัสนี-วสันต์
เหลือเก็บค่อยเอาไปใช้ เหลือจ่ายค่อยเอาไปเก็บ

ผมจะออมเงินไว้ส่วนนึงก่อนเพื่อตั้งต้น เช่น กะว่าเก็บมัน 50% เลย
ใช้ไม่หมด ก็เอาไปเก็บ
พอได้ประมาณนึงแล้ว ก็คิดอีกว่า มีสิ่งฟุ่มเฟทอยอะไรที่ตัดได้อีก
สิ่งที่เหลือจากเก็บนั้น ผมใช้หมด
แต่จะใช้ในรูปของ เงินหมุนเวียนบ้าง บริจาคบ้าง ถือว่า เป็นเงินที่ไม่มีความเสี่ยง

ส่วนเกบ 50% ก็เผื่อเอาไว้ใช้ยามจำเป็นส่วนนึง
ดาวน์ อะไร เพื่อกู้ให้น้อยลงส่วนนึง
หลักประกันที่มั่นคงสุดตอนคือ ทำประกันครับ
แบบมีเงินจ่ายให้ทุกปีหลังเกษียณ

[เคนอิจิ-นามิ]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติแก่ประชาชน โดยยึดหลัก “ทางสายกลาง” ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน สรุป ความหมายเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้

• ความมีเหตุผล คือ ตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความพอเพียงต้องใช้เหตุผล และพิจารณาด้วยความรอบคอบ
• ความพอเพียง คือ รู้จักพอประมาณ พออยู่ พอมี พอกิน พอใช้ ประหยัด และไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือ เตรียมใจให้พร้อมรับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
• การมีความรู้ คือ นำความรู้มาใช้ในการวางแผนและดำเนินชีวิต
• การมีคุณธรรม คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต สามัคคี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สิ่งที่ทำตอบโจทย์พวกนี้ได้ครบถ้วนไหม ถ้าครบผมว่าน่าจะใช่ ขึ้นกับมุมมองของแต่ละท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ย้ำคือ

การพอเพียงไม่ใช่ประหยัดจนลำบากทั้งตัวเองและผู้อื่น

อยากได้แนวที่ปฏิบัติได้จริงครับ
กระทู้เดิม พูดเกี่ยวกับหลักการไปแล้ว ตรงนี้ อยากทราบว่า มันออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างไร

ไม่มีผิดถูกหรอกครับ
เหมือนธรรม พระพุทธเจ้า
เมื่อรู้แล้วจะรู้เอง
พอเพียง ก็ต้องทำไป จนกว่าจะอยู่ตัว มันจึงจะพอเพียงอยู่เองครับ

[แอบดูที่รูเดิม]

เก็บ 50%นี่วัดใจกันน่าดูนะครับ

เริ่มต้นซัก 30%ก่อนดีไหมครับ ทำได้ซักปี ค่อยขยับเป็น 50%

 

เริ่มเยอะ แล้วทำไม่ได้ มันจะพาลเสียกำลังใจกันซะก่อนนะครับ

[เคนอิจิ-นามิ]

ท่าน จขกท หมายถึง เศรษฐกิจพอเพียง [/size] หรือ อยู่อย่างพอเพียง ครับ..
ทู้ที่แล้ว ท่านว่าไม่เหมือนกัน...

เศรษฐกิจพอเพียงย่อลงมาในระดับครอบครัวมันก็คืออยู่อย่างพอเพียงนั่นแหล่ะครับ
แต่ละครอบครัวอยู่อย่างพอเพียง เหมาะสมกับฐานะ ทุกๆ ครอบครัวรวมกันก็กลายเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียงในระดับประเทศ

เบื่อนักพวกรู้แกวเนี่ย
ท่านเห็นว่าอย่างไรล่ะครับ
นี่ผม ยก นโยบายระดับประเทศไว้ก่อน เอาแค่ระดับครัวเรือน หรือชุมชน

ท่านมีความเห็นตามหรือเห็นแย้งอย่างไร เชิญเสวนา

พูดถึง "เศรษฐกิจพอเพียงระดับบุคคล และครัวเรือน" ครับ


คุณพี่ลี ..
ระดับนี้ แทบจะแยกกันไม่ออก เพราะมันไม่มีการ "หมุนเวียน" แต่ยังคงต้อง "ดำเนินไปได้"

[เคนอิจิ-นามิ]

เก็บ 50%นี่วัดใจกันน่าดูนะครับ
เริ่มต้นซัก 30%ก่อนดีไหมครับ ทำได้ซักปี ค่อยขยับเป็น 50%

เริ่มเยอะ แล้วทำไม่ได้ มันจะพาลเสียกำลังใจกันซะก่อนนะครับ

เมื่อก่อน 70% ครับ
เสียแค่ค่ารถเมล์กะค่าข้าว 2 มื้อ....
เหลือๆด้วยซ้ำ
บ้านพ่อ ไฟพ่อ น้ำพ่อ อาหารเย็นแม่

ทุกวันนี้ ต้องหาเรื่องเสียตัง ไม่งั้นไม่สบายใจ 55555

[hentai]

รถผม 13 ปีแล้วยังไม่เปลี่ยน.. .       

มือถือผม  3000 บาท...   ใช้มา 4-5 ปีแล้ว ยังใช้ต่อไป จนกว่า แบต จะ charge ไม่เข้า.  

 

ข้างบนไม่ใช่เพราะ อะไรแต่เพราะ.. 

"ค่าบัตรเติมเงินไม่พอ" 

 

Edited by hentai, 19 March 2013 - 10:50.

[อาวุโสโอเค]

 

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติแก่ประชาชน โดยยึดหลัก “ทางสายกลาง” ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน สรุป ความหมายเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้

• ความมีเหตุผล คือ ตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความพอเพียงต้องใช้เหตุผล และพิจารณาด้วยความรอบคอบ
• ความพอเพียง คือ รู้จักพอประมาณ พออยู่ พอมี พอกิน พอใช้ ประหยัด และไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือ เตรียมใจให้พร้อมรับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
• การมีความรู้ คือ นำความรู้มาใช้ในการวางแผนและดำเนินชีวิต
• การมีคุณธรรม คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต สามัคคี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สิ่งที่ทำตอบโจทย์พวกนี้ได้ครบถ้วนไหม ถ้าครบผมว่าน่าจะใช่ ขึ้นกับมุมมองของแต่ละท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ย้ำคือ

การพอเพียงไม่ใช่ประหยัดจนลำบากทั้งตัวเองและผู้อื่น

อยากได้แนวที่ปฏิบัติได้จริงครับ
กระทู้เดิม พูดเกี่ยวกับหลักการไปแล้ว ตรงนี้ อยากทราบว่า มันออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างไร

ไม่มีผิดถูกหรอกครับ
เหมือนธรรม พระพุทธเจ้า
เมื่อรู้แล้วจะรู้เอง
พอเพียง ก็ต้องทำไป จนกว่าจะอยู่ตัว มันจึงจะพอเพียงอยู่เองครับ

คุณก็ทำอยู่แล้ว เศรษฐกิจพอเพียงขึ้นกับสภาพของแต่ละคน เหมือนกับผมอยู่ต่างจังหวัด ผมก็ผูกพริกปลูกมะเขือ ผมก็ประหยัดค่าพริกมะเขือ

 

คุณอยู่เมือง อาจจะต้องทำตามแบบวิถีคนเมืองตามข้อจำกัดและข้อได้เปรียบที่เป็นอยู่ บ้านนอกอย่างผม ถ่ายรูปแล้วทำโปสเตอร์ขาย ใครจะมาซื้อล่ะ

[แอบดูที่รูเดิม]

เก็บ 50%นี่วัดใจกันน่าดูนะครับ
เริ่มต้นซัก 30%ก่อนดีไหมครับ ทำได้ซักปี ค่อยขยับเป็น 50%

เริ่มเยอะ แล้วทำไม่ได้ มันจะพาลเสียกำลังใจกันซะก่อนนะครับ

เมื่อก่อน 70% ครับ
เสียแค่ค่ารถเมล์กะค่าข้าว 2 มื้อ....
เหลือๆด้วยซ้ำ
บ้านพ่อ ไฟพ่อ น้ำพ่อ อาหารเย็นแม่

ทุกวันนี้ ต้องหาเรื่องเสียตัง ไม่งั้นไม่สบายใจ 55555

 

ดีครับ อิจฉาจริงๆคนอยู่บ้านพ่อกินข้าวแม่เนี่ยะ ได้โอกาสเก็บเยอะจริงๆ

[เคนอิจิ-นามิ]

รถผม 13 ปีแล้วยังไม่เปลี่ยน.. .
มือถือผม 3000 บาท... ใช้มา 4-5 ปีแล้ว ยังใช้ต่อไป จนกว่า แบต จะ charge ไม่เข้า.

ข้างบนไม่ใช่เพราะ อะไรแต่เพราะ..
"ค่าบัตรเติมเงินไม่พอ"

คันเก่าผม 17 ปีครับ
ตั้งแต่พี่สาวเป็นเด็กฝึกงาน จนผมเป็นซีเนียร์
สู้ๆ อย่าให้น้อยหน้า

ส่วนโทรศัพท์ ซื้อใหม่ก่อนเสียทุกที (เพราะหายประจำ 5555)

[เคนอิจิ-นามิ]

เก็บ 50%นี่วัดใจกันน่าดูนะครับ
เริ่มต้นซัก 30%ก่อนดีไหมครับ ทำได้ซักปี ค่อยขยับเป็น 50%

เริ่มเยอะ แล้วทำไม่ได้ มันจะพาลเสียกำลังใจกันซะก่อนนะครับ

เมื่อก่อน 70% ครับ
เสียแค่ค่ารถเมล์กะค่าข้าว 2 มื้อ....
เหลือๆด้วยซ้ำ
บ้านพ่อ ไฟพ่อ น้ำพ่อ อาหารเย็นแม่

ทุกวันนี้ ต้องหาเรื่องเสียตัง ไม่งั้นไม่สบายใจ 55555

ดีครับ อิจฉาจริงๆคนอยู่บ้านพ่อกินข้าวแม่เนี่ยะ ได้โอกาสเก็บเยอะจริงๆ

คุณพ่อเป็นเจ้าของกิจการ

ช่วงต้มยำกุ้ง ย่ำแย่ไปพอๆกัน
ตอนนั้ ผมยังโง่เรืองเศรษฐสาสตร์ (ตอนนี้ก็โง่อยู่)

เงินเดือน หมื่นห้า อยู่ 2 เดือน ลดเหลือ 8 พัน เป็นปีๆ (อย่าเดาอายุ)
ตอนนั้นอาศัยพ่อ พอเรามีเงินเก็บมากๆ ก็เอาให้ท่านไป
พอท่านมีท่านก็คืนมา เพื่อให้เราเก็บ แล้วเราก็เก็บเผื่อท่าน
หมุนเวียนกันไปแบบนี้ พอเริ่มตั้งตัวได้ ก็แบ่งให้แม่เก็บบ้าง น้องชายเก็บบ้าง คือช่วยๆกันเก็บ เผื่อมีปัญหาอะไร จะได้นำมารวมกัน
การพอเพียง ไม่ใช่แค่แค่ เก็บแล้วอยู่อย่างนั้น
ขอให้มีเข้ามีออก เมื่อขาดต้องมีเสริม
ถ้ามัวงก ดอกไม่ยอมเสีย โน่นนี่วิตกจริต ผมว่ามันก็ไม่ใช่แนวทางที่ถูกเท่าไหร่

บางคนบอก เก็บไว้ตอนแก่.... ถ้าตายก่อนแด่ล่ะ อดใช้ แย่เลย

[samepong]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

ที่คุณโพสมาเนี่ย เค้าเรียกว่ารณรงค์ลดโลกร้อนครับ ไม่ใช่ อะไรที่หัวกระทู้เลยบอกเลย

แล้วคุณทำอะไรที่เหมือนหัวข้อกระทู้บอกบ้างครับ?

อย่างผมไม่พอเพียงครับ เพราะผมกับแฟนใช้โทรศัพท์เครื่องละ2หมื่น กินอาหารก็ขอให้ดีไว้ก่อน แพงหน่อยไม่ว่า แต่ ผมไม่ประมาท
ผมกับแฟนทำประกันเตรียมพร้อม รายได้ก่อนนำไปใข้หักออม30%เสมอ
ส่วนไอ่คุณบอกนะ ถุงนะผมใช้แล้วใช้อีก แก้วกาแฟผมไม่เคยซื้อแจกมากับสินค้าที่ผมขาย จนแจกบ้างขายบ้างยิ่งกว่าใช้คนเดียวอีก
ไป7 ผมซื้อของถ้าไม่ใช่ว่าเยอะมากผมก็ไม่ใส่ถุง
ขับรถไปไหนมาไหนก็ใช้ จยย. รถยนต์ถ้าไม่ออกต่างจังหวัดไม่ขับ ขนาดไปจ.ใกล้เคียงนังรถตู้เลย
ไอที่คุณทำนะเด็กที่บ้านผมเรียก รณรงค์ลดโลกร้อนครับ
ไม่เชื่อไปถามเด็กแถวบ้านเลยว่า เราจะช่วยลดโลกร้อนยังไง คำตอบก็แบบที่คุณทำนั้นแหละ

Edited by samepong, 19 March 2013 - 11:25.

[samepong]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

ข้ออื่นรับฟังได้ แต่ข้อสามถ้าสมัครเมื่อไหร่ ร้องจ๊ากครับ

Edited by samepong, 19 March 2013 - 11:26.

[CrazyDaimon]

เศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าที่เจ้ากระทู้โพสมามันยังไม่เข้าทฤษฏีสักเท่าไหร่นะครับ ตามความเห็นผม

[phoosana]

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง น่าจะเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล

จะมีผลกับคนรอบข้างบ้างเช่นในครอบครัว

เมื่อน้อมนำมาใช้ก็จะเห็นผลต่างจากจากตอนที่ไม่ได้ใช้ชัดเจน

ต่างกับการใช้วัสดุหมุนเวียน หรือกิจกรรมอื่นเช่นลดโลกร้อน

ทำคนเดียวทำแทบตายไม่เห็นผล ต้องใช้คนเยอะๆ

[พอล คุง]

ว้าววๆๆๆๆ จขกท น้อมนำ ศกพอเพียงได้ดีมาก

ว่าแต่ว่ามันต้องเป็นทฤษฐีใหม่ไม่ใช่เหรอถึงเป็น ศกพอเพียง

ปอลิง ประชด

ห้าาาาาาา

ปอลิง2 มันศกพอเพียงหรือลดโลกร้อนหว่า

[samepong]

เศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าที่เจ้ากระทู้โพสมามันยังไม่เข้าทฤษฏีสักเท่าไหร่นะครับ ตามความเห็นผม

ผมบอกแล้วเด็กข้างบ้านผมเรียก ลดโลกร้อน

[Leeporter ขี้แพ้]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

ข้ออื่นรับฟังได้ แต่ข้อสามถ้าสมัครเมื่อไหร่ ร้องจ๊ากครับ

มันเป็นยังไง ทำไมต้องร้องจ๊ากครับ?

[Jagger]

ถ้ารู้จักพอ ชีวิตก็จะมีความสุขครับ

[ต้นหอม]

จากที่อ่านแต่ละคนมีแนวคิดไม่เหมือนกันจริงๆ

บางอย่างราคาแพงแต่ถูกใจแล้วมีโอกาสใช้อย่างคุ้มค่าก็ซื้อ ถูกไม่ได้ใช้ไม่ซื้อ แล้วแต่เหตุผลแต่ละคนค่ะ บางอย่างหลายคนก็เห็นว่าขัดกับเค้าก็ถูกตำหนิมา แต่ส่วนตัวถ้ายังหาอะไรทดแทนไม่ได้ก็ใช้ของมีราคานั่นแหละ เราเองยังขัดตากับคนที่ซื้อของถูกจำนวนเยอะๆแล้วปล่อยให้เน่าเสีย บอกตรงๆเสียดายแทน

[Somebody]

ผมเป็นคนประหยัดมาตั้งแต่เด็ก
เลยค่อนข้างที่จะคิดเยอะเรื่องใช้เงิน  

ผมจะหมดไปกับค่าอาหารมากกว่าค่าของใช้ส่วนตัว หรือ ของฟุ่มเฟือย 

ค่าขนมสำหรับผม เดือนนึง ผมจะใช้ไม่เกิน 3,000 บาท (ตั้งงบไว้ว่าวันล่ะ 100)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่าของใช้ส่วนตัว  ค่าแท็กซี่ไปทำธุระ รวมกันอีกประมาณ 2,000 บาท  
รวมๆแล้วเดือนนึง ผมใช้เงินไม่ค่อยเกิน 5,000 ครับ
ส่วนค่าอาหารไม่ได้เสีย เพราะแม่เปิดร้านอาหาร  ต้นทุนจากแม่
ค่าเช่าบ้านไม่มี เสียแต่ค่าน้ำค่าไฟ พ่อแม่เป็นคนรับผิดชอบ
(อยู่กัน 4 คน = พ่อ, แม่ น้องสาว และผม)
ผมยังไม่แต่งงานและรักครอบครัวมาก  เลยยังไม่คิดที่จะแยกตัวออกไปอยู่แฟน

เงินผมเหลือใช้ทุกเดือน   
เงินที่ได้มา หลักๆ ผมจะเก็บเข้าธนาคาร  
บางส่วนผมเอาไปลงทุนกับเพื่อน 
อีกส่วนนึงผมแบ่งให้เด็กๆ หลานๆ ในหมู่ญาติ  เป็นค่าเรียนพิเศษ     
เดือนล่ะ 1,500  จำนวน 3 คน  และช่วยค่าเทอมเด็กบ้างเป็นครั้งๆ คราวๆ  
ที่บ้าน มีคอม มีเน็ต ไว้เป็นส่วนกลาง 1 เครื่อง  
ให้เด็กๆหลานๆ ที่ชอบมาบ้านผมในวันหยุด ได้ใช้และปริ๊นงานได้ฟรี (เล่นเกมส์ไม่ได้นะ)
ถ้าวันไหนพากันมาครบเซ็ท  ผมอาจจะซื้อขนมเลี้ยง สั่งพิซซ่า  KFC มาให้กินอีก  อันนี้หักจากงบสามพัน  

เครื่องใช้ สิ่งของไอที ไม่มีอะไรที่เกินความจำเป็น 
ผมใช้มือถือธรรมดา มา 7 ปีแล้ว  สมาร์ทโฟนไม่ได้ใช้ 
มีโน๊คบุค กับ PC อย่างล่ะ 1 เครื่อง , ไอแพดอีก 1 เครื่อง ไว้ทำงานครับ 
รถยนต์อยากได้ แต่ตั้งเป้าไว้ว่าจะซื้อตอนที่แต่งงาน มีครอบครัวแล้ว  
อ่อ ผมทำงานเกี่ยวกับเว็บกีฬาครับ  ทำอยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน

Edited by Somebody, 19 March 2013 - 11:50.

[พอล คุง]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

ข้ออื่นรับฟังได้ แต่ข้อสามถ้าสมัครเมื่อไหร่ ร้องจ๊ากครับ

มันเป็นยังไง ทำไมต้องร้องจ๊ากครับ?

จริงด้วย ถ้าสมัครเมื่อไหร่ร้องจ้่ากแน่ เพราะรายชั่วโมงไม่แพงก้อ จริงแต่เกินเวลามาคิดแพงกว่าอีก

ผมใข้อัลลิมิท สบายใจกว่าไม่ต้องมาพะวง

[Leeporter ขี้แพ้]

เศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าที่เจ้ากระทู้โพสมามันยังไม่เข้าทฤษฏีสักเท่าไหร่นะครับ ตามความเห็นผม

ผมบอกแล้วเด็กข้างบ้านผมเรียก ลดโลกร้อน

ลดโลกร้อนมันผลพลอยได้ครับ (จริงๆ มันลดหรือไม่ลดเราไม่รู้หรอก ไปเชื่อตามฝรั่งมัน)

รู้แต่ว่าใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม เอาทรัพยากรขึ้นมาเปลี่ยนเป็นตัวเลขในบัญชีให้น้อยลง ก็เรียกว่าพอเพียงแล้ว

ทุกวันนี้ธุรกิจต่างๆ เร่งรีบแข่งกันขุดเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเปลี่ยนเป็นตัวเลขในบัญชีธนาคาร ใครเปลี่ยนได้เร็วในระดับตัวเลขสองหลักคือผู้ประสบความสำเร็จ ได้รับความชื่นชม

พอถีงวันหนี่ง ตัวเลขในบัญชีมันเพิ่มขึ้นหลายสิบหลัก แต่มันไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นทรัพยากรที่เอาไว้กินไว้ใช้ได้

เศรษฐกิจพอเพียงสำหรับผมคือชะลออัตราการเปลี่ยนทรัพยากรธรรมชาติที่กินใช้ได้มาเป็นตัวเลขที่ว่างเปล่าในบัญชีธนาคารครับ

[samepong]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

ข้ออื่นรับฟังได้ แต่ข้อสามถ้าสมัครเมื่อไหร่ ร้องจ๊ากครับ

มันเป็นยังไง ทำไมต้องร้องจ๊ากครับ?

ก็พวกบ.มือถือมันชอบต่อให้อัตโตมัติทุกเดือนถ้าไม่ยกเลิกมันจะถือว่าเราซื้อโปรเสริมไง ใครไม่โดน โชคดี

[samepong]

เศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าที่เจ้ากระทู้โพสมามันยังไม่เข้าทฤษฏีสักเท่าไหร่นะครับ ตามความเห็นผม

ผมบอกแล้วเด็กข้างบ้านผมเรียก ลดโลกร้อน

ลดโลกร้อนมันผลพลอยได้ครับ (จริงๆ มันลดหรือไม่ลดเราไม่รู้หรอก ไปเชื่อตามฝรั่งมัน)

รู้แต่ว่าใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม เอาทรัพยากรขึ้นมาเปลี่ยนเป็นตัวเลขในบัญชีให้น้อยลง ก็เรียกว่าพอเพียงแล้ว

ทุกวันนี้ธุรกิจต่างๆ เร่งรีบแข่งกันขุดเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเปลี่ยนเป็นตัวเลขในบัญชีธนาคาร ใครเปลี่ยนได้เร็วในระดับตัวเลขสองหลักคือผู้ประสบความสำเร็จ ได้รับความชื่นชม

พอถีงวันหนี่ง ตัวเลขในบัญชีมันเพิ่มขึ้นหลายสิบหลัก แต่มันไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นทรัพยากรที่เอาไว้กินไว้ใช้ได้

เศรษฐกิจพอเพียงสำหรับผมคือชะลออัตราการเปลี่ยนทรัพยากรธรรมชาติที่กินใช้ได้มาเป็นตัวเลขที่ว่างเปล่าในบัญชีธนาคารครับ

คุณโพสแบบนี้ เดี๋ยว จขดท.บอกว่าไม่ใช่นะครับ

[Leeporter ขี้แพ้]

ก็พวกบ.มือถือมันชอบต่อให้อัตโตมัติทุกเดือนถ้าไม่ยกเลิกมันจะถือว่าเราซื้อโปรเสริมไง ใครไม่โดน โชคดี

ไม่เคยโดนนะ ผมคำนวนแล้วว่าหากจะใช้ประมาณ 3-4 ชม ผมก็กดสมัครแบบ 5 ชม
ถ้าไปต่างจังหวัดหลายวัน กะว่าเกิน 5 ชม ผมก็สมัครแบบ 20 ชม
ที่เคยโดนคือพวกประเภท ringtone ไม่เคยสมัครแต่เขาแอบเก็บเงิน ไม่รู้มาได้ไง ก็โทรไปทวงเงินคืน เขาก็ให้คืน

[samepong]

จากที่อ่านแต่ละคนมีแนวคิดไม่เหมือนกันจริงๆ
บางอย่างราคาแพงแต่ถูกใจแล้วมีโอกาสใช้อย่างคุ้มค่าก็ซื้อ ถูกไม่ได้ใช้ไม่ซื้อ แล้วแต่เหตุผลแต่ละคนค่ะ บางอย่างหลายคนก็เห็นว่าขัดกับเค้าก็ถูกตำหนิมา แต่ส่วนตัวถ้ายังหาอะไรทดแทนไม่ได้ก็ใช้ของมีราคานั่นแหละ เราเองยังขัดตากับคนที่ซื้อของถูกจำนวนเยอะๆแล้วปล่อยให้เน่าเสีย บอกตรงๆเสียดายแทน

ราคาบางครั้งไม่ใช่วัดในทฤษฎี เพื่อนผมชอบนาฬิกาเรือนละหกเจ็ดร้อยบอกว่าใช้ได้เหมือนกัน ผมบอกว่าเอาที่ราคา6_7000เลย ชีวิตนี้ถ้าไม่ทำหายใช้เรือนเดียว 3ปีมันเปลี่ยน4เรือน สุดท้ายมันยอมซื้อตามผมแนะนำ จากวันนั้น3ปีมันไม่เคยเปลี่ยนอีกเลยดังนั้นบางทีแพงก็อาจจะพอเพียงได้ ถ้าระยะการใช้งานมันคุ้มกว่า

[samepong]

ก็พวกบ.มือถือมันชอบต่อให้อัตโตมัติทุกเดือนถ้าไม่ยกเลิกมันจะถือว่าเราซื้อโปรเสริมไง ใครไม่โดน โชคดี

ไม่เคยโดนนะ ผมคำนวนแล้วว่าหากจะใช้ประมาณ 3-4 ชม ผมก็กดสมัครแบบ 5 ชม
ถ้าไปต่างจังหวัดหลายวัน กะว่าเกิน 5 ชม ผมก็สมัครแบบ 20 ชม
ที่เคยโดนคือพวกประเภท ringtone ไม่เคยสมัครแต่เขาแอบเก็บเงิน ไม่รู้มาได้ไง ก็โทรไปทวงเงินคืน เขาก็ให้คืน

นั้นหละโชคดี แม่เด็กข้างบ้าน โดนลูกกดประจำทุกครั้งที่เติม มันหักตลอด พวกบ.นี้ต้องระวัง มันเทคนิคเยอะ

[55555]

ของผมนะ
1) เมื่อก่อนใส่เสื้อตัวเป็นพันซื้อในห้าง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวละร้อยสองร้อยซื้อใน BigC Lotus เดี๋ยวนี้ไปเดินในห้างเห็นเสื้อผ้าแล้วซื้อไม่ลง เสียดายตังค์ บางครั้งก็ให้ภรรยาตัดกางเกงให้ใส่ ข้อดีของการแต่งตัวแบบบ้านนอกก็คือ เวลาเดินในห้าง จะไม่มีคนมาคอยเรียกให้สมัครบัตรโน้นบัตรนี้

2) ฝึกให้ลูกนั่งรถเมล์กลับมาบ้านเองบ้าง บางครั้งจึงจะไปรับ

3) ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านเกือบทั้งวัน ที่บ้านก็มีคอม+อินเตอร์เน็ตแล้ว ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องซื้อ tablet ลูกผมก็ไม่เคยเรียกร้องขอ tablet เลย ผมจะใช้ 3G แบบสมัครทีละ 5 ชม บ้าง 20 ชม บ้าง เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์เวลาต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ไม่เคยเสียแบบ unlimited เพราะนานๆ ใช้ที

4) TV ที่บ้านผมยังเป็นจอแก้วอยู่ ใช้มาหลายปีแล้วมันก็ยังใช้งานได้ดี ผมยังไม่เปลี่ยนไปใช้ LCD LED Plasma เลย รอมันเสียอยู่

นึกออกแค่นี้ สรุปว่า ชีวิตผมในช่วง 10 ปีมานี้ เรียบง่ายลงมากจนเกือบจะเหมือนคนบ้านนอกไปทุกที

เจ๋งเป้งเลยคุณลี

ผมนั่งรถเมล์ไปมหาลัย ไม่ต่ำกว่า ชม.ครึ่งต่อเที่ยว ขากลับนี่อาจถึง สามชม. พ่อเคยถามจะเอารถไหม (สงสาร) ผมก็ว่า มันไม่จำเป็นหรอก
เรานั่งคิดอะไรได้เยอะแยะ บนรถเมล์นะ (พอดีได้นั่ง)
ทบทวนการบ้าน ทบทวนเรื่องที่ครูสอน หรือถ้ากลับกับเพื่อน ก็ช่วยติวกันได้
ดีกว่าเสียเวลาขับรถเอง

พอทำงาน ต้องมานั่งขับเอง อยากนอนก็นอนไม่ได้ เสียดุลย ครับ อิอิ

แต่งตัว... ถ้าไม่ทำงาน ก็เสื้อยืดเกงขาสั้นเหมือนกัน
ผมมันไม่มีราศี พนักงาน ไม่สนใจขายเลย
(ก็ดี ไม่รำคาญ

ส่วนเน็ท 3g บางคนบอกว่า unlimited มันถูกกว่าเมื่อเทียบกับรายชม.
ผมถามว่า แล้วได้ใช้ไหมล่ะ
มันถูกกว่า แต่เวีย 800 กว่าใช้แค่ 300
ก็ไปเอาเป็นรายชม. แบบพี่ว่า ถึงมันจะแพง แต่เพียงพอให้ใช้
เดือนไหนเกิดอยากใช้มาก ก็ topup แค่เดือนนั้นก็พอ เอาเงินไปบริจาค unicef wscr ไรพวกนั้นดีกว่า


นิดนึงครับ... ผมมักจะเก็บรายรับไว้ส่วนนึงเสมอ
สมัยก่อนมีเพลง อัสนี-วสันต์
เหลือเก็บค่อยเอาไปใช้ เหลือจ่ายค่อยเอาไปเก็บ

ผมจะออมเงินไว้ส่วนนึงก่อนเพื่อตั้งต้น เช่น กะว่าเก็บมัน 50% เลย
ใช้ไม่หมด ก็เอาไปเก็บ
พอได้ประมาณนึงแล้ว ก็คิดอีกว่า มีสิ่งฟุ่มเฟทอยอะไรที่ตัดได้อีก
สิ่งที่เหลือจากเก็บนั้น ผมใช้หมด
แต่จะใช้ในรูปของ เงินหมุนเวียนบ้าง บริจาคบ้าง ถือว่า เป็นเงินที่ไม่มีความเสี่ยง

ส่วนเกบ 50% ก็เผื่อเอาไว้ใช้ยามจำเป็นส่วนนึง
ดาวน์ อะไร เพื่อกู้ให้น้อยลงส่วนนึง
หลักประกันที่มั่นคงสุดตอนคือ ทำประกันครับ
แบบมีเงินจ่ายให้ทุกปีหลังเกษียณ

 

 

ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดเนี่ย...

 

เห็นนักวิชาการทู้โน้นนนน เค้าบอกมันไม่ใ่ช่เศรษฐกิจพอเพียง

 

แต่มันเป็น  self - sufficiency economy น๊ะครับ

 

 

[55555]

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม

ที่คุณโพสมาเนี่ย เค้าเรียกว่ารณรงค์ลดโลกร้อนครับ ไม่ใช่ อะไรที่หัวกระทู้เลยบอกเลย

 

   

 

โห...พี่ก็ตาม ๆ เค้าไปหน่อยดิ.

 

เค้าอยากจะสร้างภาพพจน์ด้วยกระทู้สร้างสรรค์