จาก FB ของคุณ สมจิตต์ นวเครือสุนทร
ย้อนรอยเศรษฐกิจไทยในมือ พีน้องตระกูลชิน
กู้เงินสร้างหนี้ประเทศรวม 3.38 ล้านล้านบาท !
มักจะมีคำกล่าวโจมตี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีว่า สมัยเป็นรัฐบาล “ดีแต่กู้” โดยคนของพรรคเพื่อไทยพยายามยกตัวเองว่า สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องกู้เงินแต่สามารถทำเศรษฐกิจให้เติบโตได้ทั้งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7.8 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินไปโปะหนี้จากกองทุนฟื้นฟูฯที่เกิดขึ้นในยุคที่ ทักษิณ เป็นรองนายกมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ลอยตัวค่าเงินบาท สถาบันการเงินเจ๊งกราวรูด มีการนำไทยไปเป็นทาสเงินกู้ของไอเอ็มเอฟ โดยการออก พ.ร.ก.กู้เงินในยุคทักษิณนั้นมีวงเงินมากกว่าในยุคอภิสิทธิ์ที่เคยออก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกถึงเกือบเท่าตัว
เมื่อย้อนข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงปี 2545 ยุครัฐบาลทักษิณมียอดหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 55% และเมื่อนำสถิติหนี้สาธารณะช่วงสามปีสุดท้ายที่ พ.ต.ท.ทักษิณครองอำนาจคือปี 47-49 มาเทียบกับเกือบสามปีที่ อภิสิทธื์ เป็นนายกรัฐมนตรีจะพบความจริงที่น่าสนใจว่า คนที่ก่อหนี้ให้ประเทศคือ ทักษิณ ส่วนคนที่ทำให้หนี้ประเทศลดลงคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีรายละเอียดดังนี้
เทียบหนี้สาธารณะ ทักษิณ อภิสิทธิ์
ปี 2547 หนี้สาธารณะ 48.18%GDP ปี 2552 45.57%GDP ยุคทักษิณหนี้สูงกว่าอภิสิทธิ์ 2.61 %
ปี 2548 หนี้สาธารณะ 46.25%GDP ปี 2553 42.30%GDP ยุคทักษิณหนี้สูงกว่าอภิสิทธิ์ 3.95 %
ปี 2549 หนี้สาธารณะ 41.39%GDP ปี 2554 41.08%GDP ยุคทักษิณหนี้สูงกว่าอภิสิทธิ์ 0.31%
ที่น่าสนใจคือจากตัวเลขข้างต้นจะเห็นได้ว่าในขณะที่สามปีท้ายของทักษิณนั้นบริหารประเทศโดยไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจใด ๆ แต่กลับสร้างหนี้สาธารณะให้กับประเทศสูงกว่าในยุคอภิสิทธิ์ ที่ต้องเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤตทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ดีแต่กู้” นั้นกลับฟื้นเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยในวันที่พ้นจากตำแหน่งี่ 5 ส.ค.54 อัตราว่างงานอยู่ที่ 0.50 % ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 80.40 %เงินคงคลัง 4 แสนล้าน เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ลำดับที่ 12 ของโลก เก็บภาษีได้เกินเป้า 2 แสนล้าน มูลค่าการส่งออก 21,259 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่สำคัญคือเมื่อนำการบริหารประเทศตลอดกว่า 1 ปีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเปรียบเทียบในเรื่องการก่อหนี้ก็พบว่าสร้างหนี้ให้กับประเทศสูงกว่ายุคของอภิสิทธิ์ ไม่แตกต่างไปจากสมัยพี่ชาย ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้ประสบวิกฤตเศรษฐกิจใด ๆ นอกจากปัญหาการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไร้วินัยการเงินการคลังของรัฐบาลจนทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาหนี้ท่วมประเทศ ดังนี้
จากตัวเลขของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะรายงานสภาพหนี้โดยรวมของประเทศในปี 2555 ไว้ว่า สูงถึง 4.8 ล้านล้านบาท ซึ่งหากนำมาหารกับจำนวนประชากร 65 ล้านคน จะเท่ากับว่าคนไทยเป็นหนี้ 75,000 บาทต่อราย และหากรวมเงินกู้ที่รัฐบาลเตรี ยมออก พ.ร.บ.กู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท รวม พ.ร.ก.เงินกู้อีก 3.5 แสนล้านบาท บวกกับหนี้เดิม 4.8 ล้านล้านบาท (หนี้ปกติ) จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้สูงถึง 7.35 ล้านล้านบาท หากนำยอดดังกล่าวมาหารกับจำนวนประชากร 65 ล้านคน พบว่าการกู้เงินมหาศาลของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทำให้คนไทยเป็นหนี้เฉลี่ย 115,000 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นจาก 75,000 บาท ถึง 40,000 บาท ภายในเวลาไม่ถึงสองปีจากการบริหารประเทศของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
เทียบหนี้สาธารณะช่วงอภิสิทธิ์พ้นตำแหน่ง VS ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ
หนี้สาธารณะปี 2555 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ภายใต้การกุมบังเหียนของชินวัตรผู้น้องอยู่ที่ 43.99 % มากกว่าวันที่อภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2.91 %
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบการออกกฎหมายกู้เงินของสามรัฐบาลคือ ทักษิณ อภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์จะพบความจริงดังนี้
ทักษิณ ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 7.8 แสนล้าน
อภิสิทธิ์ ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน
ยิ่งลักษณ์ ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้าน
ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 5 หมื่นล้าน (กองทุนประกันภัย)
เตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้าน
รวมยิ่งลักษณ์ กู้เงิน 2.6 ล้านล้าน
สรุป ทักษิณกู้มากกว่าอภิสิทธิ์ 3.8 แสนล้านบาท
ยิ่งลักษณ์กู้มากกว่าอภิสิทธิ์ 2.2 ล้านล้านบาท
รวมสองพี่น้องตระกูลชินสร้างหนี้ประเทศจากการกู้เงิน 3.38 ล้านล้านบาท
พี่น้องตระกูลชิน “ดีแต่กู้” สร้างหนี้ท่วมประเทศ
/////
ที่มา https://www.facebook...&type=1