เสื้อแดงบุกเนชั่น
กนก รัตน์วงศ์สกุล
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก เฟซบุ๊ก วีรพัฒน์ ปริยวงศ์, เฟซบุ๊ก Sompop Ntv, เฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul
กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาทันที หลังจากที่ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล 1 ในพิธีกรของรายการข่าวข้น คนเนชั่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul เมื่อ วันที่ 23 มีนาคม 2556 ว่ามีชายเสื้อแดงบุกเดี่ยวขึ้นตึกเนชั่น เพื่อขอเข้าพบพิธีกรรายการข่าวข้น คนเนชั่น เนื่องจากไม่พอใจกล่าวหาว่าเสนอข่าวอย่างลำเอียง โดยข้อความของ กนก รัตน์วงศ์สกุล ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก มีใจความดังนี้
"ขอบคุณทุก ๆ คนนะครับ" ที่ห่วงใยและส่งกำลังใจมาให้กรณี "เสื้อแดงกร่าง" เมื่อคืนพอจัดรายการเสร็จก็ลงไปที่แลกบัตรชั้นล่าง หนุ่ม รปภ. บอกว่า "ผมไม่ได้แลกบัตรเค้าครับ เค้าบอกว่าจะมาหาพี่กนก ผมนึกว่าพี่รู้จักกัน!" โอวว..น้องครับ มันแต่งตัวพร้อมต่อยซะขนาดนั้น น้องให้มันเข้าตึกได้ไงโดยไม่แลกบัตร และผมพร้อมเป็นเพื่อนกับเสื้อทุกสี..ยกเว้นเสื้อแดง! ขนาดนักข่าว ผู้ประกาศข่าว หรือโปรดิวเซอร์ในเนชั่น ถ้าเป็นเสื้อแดง..ผมยังไม่คบค้าสมาคมด้วย รายของนาย "เก้า แฟร์เท็กส์" สะท้อนคนเสื้อแดงได้เป็นอย่างดี "กร่าง บ้าอำนาจ พร้อมใช้ความรุนแรง..ไปคุกคามคนอื่นได้เสมอ" ถ้าคิดว่าคนอื่นไม่ใช่พวกหรือพูดจากระทบกับแม่ของมันที่เป็นนายกฯ หรือพ่อที่เร่ร่อนเป็นปี ๆ ไม่เคยมีใครฝักใฝ่ความรุนแรงเท่าเสื้อแดง รวมถึงนายของนายเก้า ไม่ว่ามันจะมารออยู่ที่หน้าตึกหรือแค่ส่งลูกสมุนไประรานชาวบ้าน มันคือ "เสื้อแดงของแท้" คิด ว่าตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในซอย เป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เป็นเจ้าของตำบล อำเภอและจังหวัด นึกว่าตนเองเป็นเจ้าอาณาจักร นี่คือธาตุแท้ของเสื้อแดง..จะเป็นแดงเจ้าของห้าง เจ้าของค่ายมวย ใส่เสื้อสีกากี สีเขียวหรือสีนักการเมือง..มันกร่างระรานเหมือนกัน!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กนก โพสต์โพสต์บุ๊ก ได้ไม่นาน วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ถึงกรณีดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามฝากไปถึง กนก ดังนี้
คำถามถึง คุณกนก และ เนชั่น
หลังจากมีข่าวว่ามี ชายสวมเสื้อแดง(ที่เรียกกันว่าคุณเก้า แฟร์เท็กซ์) เข้าไปตามหา คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล สื่อชื่อดังถึงที่สถานีเนชั่น เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของคุณกนก นั้น
ล่าสุด คุณกนกได้ประกาศในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าว ความตอนหนึ่งว่า :
"...ผมพร้อมเป็นเพื่อนกับเสื้อทุกสี..ยกเว้นเสื้อแดง! ขนาดนักข่าว ผู้ประกาศข่าว หรือโปรดิวเซอร์ในเนชั่น ถ้าเป็นเสื้อแดง..ผมยังไม่คบค้าสมาคมด้วย..."
จากกรณีดังกล่าว ผมคิดว่าผู้ชมช่องเนชั่นน่าจะสงสัยว่า
1. ในแง่ที่ คุณกนก รับผิดชอบต่อความคิดตนเอง :
คุณกนก นิยาม คนเสื้อแดง ว่าอย่างไร ? หากกรณีนี้ คุณเก้า แฟร์เท็กซ์ เป็นคนเสื้อสีอื่น แต่กระทำต่อ คุณกนก เหมือนกันทุกประการ คุณกนก จะมีความเห็นที่ต่างไปอย่างไร? (สำหรับผม ใครที่ใส่เสื้อสีอะไร หากมารังควาญ คุณกนก หรือใครถึงที่ทำงาน ผมก็ต้องถือว่าแย่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม)
2. ในแง่ที่ คุณกนก รับผิดชอบต่อประชาชน :
การที่ คุณกนก เป็น ขุนพล ของสถานี ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรายงานหรือนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ คนเสื้อแดง ผมสงสัยเหลือเกินว่า คุณกนก จะทำหน้าที่สื่อมวลชน โดยรักษาความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณในการทำงานโดยไม่ยึดติดกับอคติได้มาก น้อยเพียงใด? ตำถามข้อนี้ยิ่งสำคัญเมื่อเราปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณกนก เป็นผู้มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อผู้รับชมข่าวสารมากคนหนึ่ง
3. ในแง่ที่ คุณกนก รับผิดชอบต่อ เพื่อนร่วมงาน :
ผมสงสัยว่า คุณกนก นำเรื่องการคบหาคนเสื้อแดงมาปะปนกับการทำงานร่วมกันกับหนักงานเนชั่นคนอื่น ที่เป็นเสื้อแดงหรือไม่ ? ผมเดาว่า คุณกนก คงมีอิทธิพลในการทำงานและเป็นที่เคารพในเนชั่นในระดับหนึ่ง และคงมีผู้ร่วมงานที่ทำงานในฐานะลูกน้องที่เคารพยำเกรง คุณกนก อยู่ด้วยไม่น้อย ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า คุณกนก จะให้ความเป็นธรรมกับ ลูกน้อง ที่เป็นเสื้อแดง (ไม่ว่าเขาจะเปิดเผยตัวหรือไม่ และคุณกนกจะมองออกเองหรือไม่) เท่ากับลูกน้องคนอื่น มากน้อยเพียงใด และ คุณกนก เคยทำให้ลูกน้องที่เป็นเสื้อแดง รู้สึกลำบากใจ ในการทำงานร่วมกับ คุณกนก หรือไม่? บรรยากาศการทำงานเช่นนี้ กระทบต่อความเป็นมืออาชีพของเนชั่นหรือไม่?
(ทั้งนี้ ผมไม่ได้มีเหตุใดที่จะต้องสงสัยว่า คุณกนก ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อเพื่อนร่วมงาน นอกไปจากความสงสัยทั่วไปที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังคำพูดของคุณกนกเอง)
4. คำถามต่อเนชั่น :
เนชั่น ต้องการเป็นสถานีข่าวที่เลือกข้างชัดเจนหรือไม่ ? หากเนชั่นต้องการเป็นสถานีข่าวที่เลือกข้างชัดเจน ก็ย่อมเป็นเสรีภาพของสื่อ แต่ขอให้แสดงต่อประชาชนให้ชัด ว่าสถานีมีจุดยืนหรืออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างไร (ซึ่งคงนิยามโดยสีไม่ได้)
แต่ถ้าเนชั่นต้องการรักษาภาพว่าตนไม่เลือกข้าง ผมสงสัยว่า ผู้บริหารเนชั่นมีนโยบายอย่างไร ต่อการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการวางตัวของนักข่าวระดับขุนพลของสถานี เช่นที่ คุณกนก แสดงออกในกรณีนี้? การที่เนชั่นมีรายการหนึ่งที่พิธีการประกาศตัวว่าไม่ชอบสีหนึ่ง กับอีกรายการหนึ่งที่พิธีกรคุยได้กับทุกสี นั้นเป็นรับประกันการไม่เลือกข้างที่เป็นมาตรฐานยี่ห้อเนชั่นแล้วหรือ? หรือประชาชนต้องเสี่ยงดวงเอาเอง ว่าจะเปิดไปเจอรายการอะไร?
เนชั่น เห็นด้วยกับ คอป. และนักวิชาการ หรือไม่ ว่าบทบาทของสื่อมวลชน เป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างและแก้ไขความขัดแย้ง?
และผมสงสัยว่าผู้บริหารเนชั่นเห็นด้วยหรือไม่ หากผู้ใดจะสรุปว่า ที่เนชั่นอยู่ได้ส่วนหลักก็เพราะมีนักข่าวที่ผู้ชมชื่นชอบ และเมื่อคุณกนกเป็นขุนพล ที่เป็นหน้าเป็นตาของสถานีความน่าเชื่อถือของคุณกนกย่อมเกี่ยวโยงกับ ความน่าเชื่อถือของเนชั่น และเนชั่นย่อมพึงรักษาความน่าเชื่อถือของคุณกนกในมาตรฐานเดียวกับที่จะรักษา มาตรฐานของสถานีเองใช่หรือไม่?
หากตอบว่าใช่ ผมคิดว่าเนชั่นก็น่าจะต้องตอบคำถาม ข้อ 1 -3 ให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน
ล่า สุด คุณสมภพ รัตนวลี ในฐานะบรรณาธิการบริหารเนชั่นแชนแนล ก็ได้แสดงความเห็นเพื่อเน้นย้ำในเรื่องการไม่ใช้ความรุนแรง การรักษาความปลอดภัยของพนักงานสถานี การเคารพความหลากหลายทางความคิด และการทำงานของสื่อที่เป็นมืออาชีพ พร้อมรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย โดยมีใจความที่คุณสมภพโพสต์ผ่าน เฟซบุ๊ก Sompop Ntv ดังนี้
จุดยืนของผม ในฐานะบรรณาธิการบริหารเนชั่นแชนแนล กรณี เก้า แฟร์เท็กซ์
1. เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่แตกต่าง ตามระบอบประชาธิปไตย และพร้อมรับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจกับผู้ชมที่คิดต่างกันไปตามแต่อุดมการณ์ของ แต่ละท่าน อย่างอารยะ
2. ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังทางร่างกาย รวมไปถึงทางวาจา ส่อเสียด หยาบคาย เยาะเย้ยถากถางผู้คิดต่างจากเรา และการแสดงท่าทีเหมือนจะคุกคาม
3. หากดูรายการของสถานีเนชั่นทั้งวัน จะเห็นว่ามีหลายรายการที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกคน ทุกชนชั้นได้แสดงความคิดเห็นต่อบ้านเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของภาษีร่วมกัน อาทิรายการตระกูลเก็บตก คมชัดลึก ลุยข่าวร้อน ข่าวข้น เช้าและค่ำ ฯลฯ
4. เนชั่นแชลแนล พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ชมทุกท่าน ผมยินดีรับฟังด้วยตัวเอง เท่าที่หน้าที่ของผมจะเอื้ออำนวย เพื่อให้สถานีเนชั่นแชลแนลเป็นสื่อกลางทางข่าวสารของทุกคน เป็นมืออาชีพได้จริงๆ ท่ามกลางความแตกต่างทางการเมืองของคนไทยในปัจจุบัน
5. สถานีเนชั่นแชนแนลต้องทำทุกทางเพื่อปกป้องบุคลากรของตนเอง "เพราะในองค์กรของสื่อมวลชนเองก็มีความเชื่อที่หลากหลายต่างกันในฐานะปัจเจก ชน" แต่บนพื้นฐานความเชื่อว่า "สังคมที่เจริญที่เราใฝ่หาร่วมกันนั้น ไม่มีความรุนแรงในความคิดเห็นที่แตกต่าง สังคมไทยจะก้าวเข้าสู่การทนฟัง และพิจารณาร่วมกันอย่างสันติ สุดท้ายผู้ชมจะตัดสินเองว่าควรเปิดดูสถานีช่องไหน ไม่ดูช่องไหน นั่นคือเสียงสวรรค์ครับ"
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 24 มีนาคม 2556
ที่มา http://fb.kapook.com...ight-83768.html
สงสัยว่าทำไมมันไม่ไปดูช่อง เอเชี้ยอัพเดทของมัน