Jump to content


Photo
- - - - -

จากใจคนทำบัญชีตัวเล็ก ๆ ถึง เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท


  • Please log in to reply
25 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 08:29

*
POPULAR

อะแฮ่ม ผมบอกก่อนว่า ผมเรียนจบแค่ ปวส เลยเป็นได้แค่

 

เสมียนบัญชี ตัวเล็ก ๆ หน้าที่ รวบรวม เอกสาร จากฝ่ายการเงิน

 

มาลงบัญชี และ ทำสรุป งบการเงิน ให้ หัวหน้า พิจารณา กันอีกที

 

บอกก่อนว่า ความเห็นต่อไปนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว ล้วน ๆ

 

ไม่เกี่ยวกับ หลักวิชาการ ใด ๆ ทั้งนั้น เนื่องจาก ผมเรียน เศรษฐศาสตร์

 

มาเพียงน้อยนิด และ ยังได้ B อีกด้วย ตอนเรียน

 

 

เอาล่ะ มาว่า กันเรื่องความเห็น ของการ กู้เงิน กันสักหน่อย

 

เริ่มด้วย การ ตั้งตัวอย่าง บริษัท ขึ้นมา อย่างเคย

 

บริษัท สุกิต ค้าไม้ เริ่มต้น บริษัทด้วย

 

สินทรัพย์

 

   เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ  1,250,000

 

   เงินฝากกระแสรายวัน  50,000

 

   อาคาร 3,500,000

 

หนี้สิน และ ทุน

 

   เงินกู้ยืมธนาคาร ระยะยาว  2,000,000

 

   ทุน (เงินลงทุนของเจ้าของ) 2,800,000

 

ผลประกอบกิจการปีแรก

 

   รายได้จากการขาย ไม้ 4,540,000

 

   รายได้อื่น 20,000

 

   ดอกเบี้ยรับ 20,000

 

   ต้นทุนขาย  3,500,000

 

   ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 300,000

 

   ดอกเบี้ยจ่าย 140,000

 

   กำไรสุทธิ ก่อนเสียภาษี 640,000

 

   กำไรหลังหักภาษี 30% 448,000

 

 

จะเห็นได้ว่า ผลกำไร สุทธิ นั้น ถือได้ว่า พออยู่ได้ เลี้ยงบริษัท และ เจ้าของได้

 

แต่ถ้า ปีต่อไป สุกิต หุ้นส่วนใหญ่ เกิดอยากขยายกิจการแบบทันทีทันใด ไม่รอ รวบรวมกำไร

 

เพื่อนำมาเป็น เงินทุน ที่ใช้เพิ่มทุน แต่หันไปหา เงินกู้ ธนาคารแทน แล้ว กู้แบบเกินตัวด้วย

 

ผลจะเป็นแบบนี้

 

 

สุกิต ตั้งเงินกู้ เพิ่มขึ้นอีก (สมมุติ ธนาคารหน้ามืดให้กู้ ความเป็นจริงคงไม่ได้) 10,000,000

 

สุกิต เอาเงินไปซื้อ ไม้ พื้น มาตุน ไปซื้อ อาคารเพิ่ม ไปซื้อ รถ ไว้บรรทุก จ้างพนักงานเพิ่ม (เพราะเพิ่มสาขา)

 

มาดูงบดุลกัน ก่อนเริ่มดำเนินการปีทีี่สอง หลังจากกู้แล้ว

 

สินทรัพย์

 

     เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ 500,000

 

     เงินฝากกระแสรายวัน 148,000

 

     อาคาร 7,000,000

 

     สินค้า 5,000,000

 

     รถบรรทุก 2,400,000

 

หนี้สิน

 

    เิงินกู้ธนาคาร ระยะยาว 11,800,000

 

    ทุน 3,248,000

 

ลองดูอัตราส่วน ระหว่าง หนี้สิน และ ทุน เทียบกับ ของเดิม นะครับ จะเห็นว่า ต่างกันมาก

 

สมมุติ ว่า เกิดค่าแรงเพิ่มขึ้น 300 บาท

 

สินค้าไม้ เกิดขายยากขึ้น เพราะค่าอาหารแพงขึ้น คนมีเงินจับจ่ายเรื่อง สินค้าคงทน ลดลง

 

มาดูผลประกอบการ

 

 

   รายได้จากการขายไม้ 7,200,000

 

   รายได้อื่น 50,000

 

   ดอกเบี้ยรับ 8,000

 

 

   ต้นทุนขายไม้ 4,400,000 (ถูกลง ด้วยค่าบรรทุก)

 

   ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ( แพงขึ้น เพราะจ้างพนักงานเพิ่ม บวกค่าเสื่อมราคาที่เพิ่ม) 1,500,000

 

   ดอกเบี้ยจ่าย 826,000

 

   กำไรสุทธิก่อนภาษี 532,000

 

   กำไรหลังหัก ภาษี 372,400

 

 

คือ ที่ให้ดูเนี่ย อยากบอกว่า การดำเนินกิจการใด ๆ ก็ตาม

 

หากมอง ในแง่ ที่ดี แน่นอน มองได้ น่ะว่า กิจการ น่าจะเจริญ รุดหน้า

 

ยิ่งถ้าลงทุน ในส่วนของ โครงสร้างเช่นนี้ มองดูเผิน ๆ ก็น่าจะดี

 

แต่ หากไม่คำนึง ถึง ผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา

 

ที่บริษัท ยังมีหนี้สิน อยู่ (อัตราส่วนที่มากกว่า ทุน)

 

หาก สมมุติ ว่า สุกิต ค้าไม้ เกิดมี ลูกค้ารายหนึ่ง ที่ล้มละลาย ขึ้นมา

 

จริงอยู่ การขาย เกิดขึ้นแล้ว รายได้เกิดขึ้น แต่เงินเก็บไม่ได้

 

คิดว่า สถานะการเงิน ของบริษัทจะเป็น เช่นไร

 

ในขณะที่หนี้ ก้อนโต ยังลด ลงไปได้ไม่เท่าไร

 

 

ก็อยากให้ คนใหญ่ คนโต ในรัฐบาล ช่วยพิจารณา ด้วยครับ


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#2 UncleSam

UncleSam

    เด็กชายชุดฟ้า ผู้น่ารัก

  • Members
  • PipPipPip
  • 738 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:23

 ไม่แน่นะฮะ คุณทรงธรรม อาจมีแนวร่วมกลุ่มใหม่ที่รู้ซึ้งถึงความยากลำบากกับการเป็นหนี้

 

 โดยเฉพาะ " พวกซื้อรถ โครงการรถคันแรก แต่ไม่มีปัญญาส่ง "


Edited by UncleSam, 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:24.


#3 แอบดูที่รูเดิม

แอบดูที่รูเดิม

    ขาประจำอำเช็ด!!!

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,025 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:29

เราไม่สนใจฮะ กู้มาแล้วก็ตัวใครตัวมันฮะ พอไม่ได้เป็น รัฐบาลแล้วเราก็ลอยตัว :D


ทำอาชีพยาม เงินเดือนน้อย ไม่ค่อยมีปัญหากะใคร

#4 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:34

คือถ้ารัฐบาลจะกรุณาชี้แจงให้ประชาชนฟังเหมือนที่คุณทรงธรรมทำ แล้วบอกออกมาดังๆ ว่าเราหาเงินมาใช้หนี้ได้แน่นอน แม้จะเกิดวิกฤตอะไรต่างๆนาๆ ก็ตามเพราะเราได้ทำการศึกษาข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบกันครบทุกด้านแล้ว คนไทยฟังแล้วคงจะอุ่นใจ แต่รัฐบาลเป็นแบบนี้ มันก็มีแต่หนาวใจ

#5 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:43

เหอๆๆ...พอดีไปเจอที่เขาวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้เข้า

เขาให้ชื่อว่า "เงิน 2.2 ล้านๆบาท มากแค่ไหน" ...

 

อ่านแล้ว เห็นภาพ ดูง่าย สีสดใส...

 

 เลขเด็ดเลขดังที่ว่าแน่ก็ต้องชิดซ้าย เพราะช่วงนี้ตัวเลขที่มาแรง และได้ยินกันบ่อยที่สุดตามหน้าสื่อก็คือ "2.2 ล้านล้าน" หรือหากเขียนเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็จะได้เป็น "2,200,000,000,000" อันเป็นตัวเลขเงินกู้ที่รัฐบาลต้องการนำมาลงทุนในอภิมหาโปรเจคท์ด้านการคมนาคมที่จะช่วยให้การเดินทาง และการขนส่งในประเทศไทยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในอนาคต

            อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 2,200,000,000,000 บาท ที่มีเลข 0 ถึง 11 ตัวนั้น แค่ฟังดูแล้วก็รู้ว่าเป็นมูลค่าที่มหาศาลทีเดียว แต่หากให้นึกภาพอาจจะยังนึกไม่ออกว่า มูลค่าเงินที่มากถึง 2,200,000,000,000 บาทนั้น เป็นจำนวนมากมายขนาดไหน ถ้าเช่นนั้นลองมากางเงิน 2.2 ล้านล้านบาทไปพร้อม ๆ กับกระปุกดอทคอมจะได้เห็นภาพชัดขึ้น

            ann-154.gif เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เท่ากับธนบัตรราคา 1,000 บาท จำนวน 2,200 ล้านใบ หากธนบัตร 1 ปึก มี 100 ใบ เงินจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ก็จะมีธนบัตร 1,000 บาท จำนวน 22 ล้านปึก

            ann-154.gif ธนบัตรราคา 1,000 บาท 1 ใบ มีขนาด 7.20x16.20 เซนติเมตร คิดเป็นพื้นที่ 116.64 ตารางเซนติเมตร หากนำธนบัตร 2,200 ล้านใบ มากางเรียงต่อกันจะมีพื้นที่เท่ากับ 25,660,800 ตารางเมตร หรือเท่ากับ 16,038 ไร่ เทียบได้กับสนามบินดอนเมือง 4 สนามบิน (สนามบินดอนเมืองมีพื้นที่ประมาณ 3,881 ไร่)

            ann-154.gif ธนบัตรราคา 1,000 บาท 1 ใบ มีความยาว 16.20 เซนติเมตร หากนำธนบัตร 1 ล้านใบ มาเรียงต่อกันในแนวยาวจะเท่ากับระยะทาง 162 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้านำธนบัตรจำนวน 2,200 ล้านใบ (มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท) มาเรียงต่อกัน จะมีความยาว 356,400 กิโลเมตร หรือคิดเป็นการเดินทางจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (เหนือสุดของประเทศไทย) ไปยังอำเภอเบตง จังหวัดยะลา (ใต้สุดของประเทศไทย) ที่มีระยะห่างประมาณ 1,620 กิโลเมตร ได้ถึง 220 เที่ยว

            ann-154.gif หากนำธนบัตรราคา 1,000 บาท จำนวน 2,200 ล้านใบ (มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท) มาเรียงต่อกันรอบโลก ที่มีความยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร จะสามารถพันรอบโลกได้เกือบ 9 รอบ

            ann-154.gif ธนบัตรราคา 1,000 บาท 1 ใบ มีน้ำหนักประมาณ 1.108 กรัม หากนำธนบัตร 2,200 ล้านใบมาชั่ง จะมีน้ำหนักเท่ากับ 2,437,600 กิโลกรัม หรือ 2,437.60 ตัน เทียบได้กับรถทัวร์ 2 ชั้น 40 ที่นั่ง (ที่มีน้ำหนักประมาณ 16 ตัน) จำนวน 152 คัน 

            เห็นปริมาณคร่าว ๆ ที่เทียบให้ดูกันชัด ๆ แบบนี้แล้ว คงพอจะจินตนาการออกแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าเงิน 2.2 ล้านล้านบาทนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาลขนาดไหน เราคนไทยทุกคนก็ได้แต่หวังว่า เงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกนำไปใช้พัฒนาประเทศอย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยไม่หายเข้ากลีบเมฆไปในกระเป๋าของใคร!

http://www.google.co...18&bih=664&bs=1


Edited by Suraphan07, 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:45.


#6 ดอกปีบ

ดอกปีบ

    ^-^นางสิงห์สีฟ้า^-^

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,681 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:44

ชื่นชมคุณทรงธรรมค่ะ

 

รู้สึกว่าตอนหลังๆนี่เริ่มเป็นปรมาจารย์แล้วนะคะ

 

concept, critique และ critical thinking ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ :)

 

images1.jpg


ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...


#7 G-GEAR53

G-GEAR53

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,263 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:46

น้ำท่วม...ก็ไปกู้เงินมา...ใช้ไปเท่าไหร่...ยังไม่เคยชี้แจง
จะกู้เงินก้อนใหญ่ซะขนาดนั้น....
แถลงผลงานก่อนดีกว่าไหม...

ว่าพวกมรึงทำเชี่ยไรบ้างว่ะ...นอกจากมาถลุงเงินภาษีประชาชน


...ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด ...ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว ...ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่ ...ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่ากับ"" ดินสุดท้าย ของเผ่าพันธุ์

#8 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:52

คุณทรงธรรม ไม่อยากให้ประเทศเจริญเหรอ เราเอาเงินมาทำรถไฟ  ทั่วประเทศ

อ้ายโต้ง  บอกเลยว่าจะทำเงินให้ประเทศ 100,000,000,000,000 เพราะฉะนั้นลงทุนแค่นี้คุ้มค่าแน่นอน

 

คุณรู้ไม่เท่าท่านโต้งหรอกท่านโต้งไม่เคยโกหกนะครับ



#9 G-GEAR53

G-GEAR53

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,263 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:55

คุณทรงธรรม ไม่อยากให้ประเทศเจริญเหรอ เราเอาเงินมาทำรถไฟ  ทั่วประเทศ

อ้ายโต้ง  บอกเลยว่าจะทำเงินให้ประเทศ 100,000,000,000,000 เพราะฉะนั้นลงทุนแค่นี้คุ้มค่าแน่นอน

 

คุณรู้ไม่เท่าท่านโต้งหรอกท่านโต้งไม่เคยโกหกนะครับ

:lol:  :lol:  ไอ้โต้ง..หลังลายน่ะหรือ


...ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด ...ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว ...ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่ ...ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่ากับ"" ดินสุดท้าย ของเผ่าพันธุ์

#10 redfrog53

redfrog53

    เกิดที่รัสเซีย มาโตที่ สรท.

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 25,221 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:08

เจ้านายรู้ คงปลื้มใจแน่ อนาคตแจ่มใส

1214_6812.jpg


Posted Image

#11 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:11

เขาวิเคราะห์ว่า...

 

"หนี้จริง 5.5 ล้านล้าน น่ะครับ"...

http://www.oknation.net/blog/nfedlion/2013/03/25/entry-1

 

ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง

ที่จีนก็มีตัวอย่าง....

หลังจีนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงสายยาวที่สุดในโลก ปักกิ่ง-กว่างโจว ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งตั้งคำถามว่า โครงการที่กำลังต่อขยายจะคุ้มทุนหรือไม่ เพราะต้นทุนก่อสร้างสูง แต่ผู้ใช้บริการน้อยเกินคาด  ฯลฯ

 

 

 

 

 



#12 อาบังคนเหนือ

อาบังคนเหนือ

    สมาชิกระดับรากหญ้า

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,535 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:15

ขนาดคุณทรงธรรม แกออกตัว ว่าแกจบแค่ ปวส เรียนเศรษฐศาสตร์มานิดหน่อย แกยังออกมาอธิบายได้เห็นภาพของการเปรียบเทียบ ว่าสิ่งที่ลงทุนไป

นั้นสิ่งไหนหรืออย่างไหนมันคุ้มค่ากว่ากัน หรือมีความเสี่ยงขนาดไหน ที่คุณทรงธรรมแกชี้แจงยังเป็นการดำเนินการค้าขายแบบตรงไปตรงมา กระผมดู

แล้วความเสี่ยงของการลงทุนยังมี คือความเสี่ยงที่ว่า หากคู่ค้าเกิดปัญหาผลต่อเนื่องย่อมเกืดต่อบริษัทที่แกยกตัวอย่าง แล้วรัฐบาลล่ะครับ คนคอยหักหัวคิวมีเพียบแล้วเงินที่กู้มาลงทุนจะเหลือไว้ลงทุนสักเท่าไร แล้วทางคนของรัฐบาลมีออกมากมายทำไมไม่ทำออกมาชี้แจงว่าจะใช้เงินหรือบรหารเงินเช่นไร หรือจะใช้วิธีใบ้แดรกเหมือนตอนชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าวมันขาดทุนไปเท่าไหร่แล้ว


"ดาบวิเศษแสนคมอยู่ในมือลิงย่อมไร้ประโยชน์_กลับกัน_ยอดฝีมือที่บรรลุแล้ว ใช้กิ่งไม้ไผ่ก็ฆ่าคนได้ "


#13 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:30

ผมเองสองจิตสองใจเรื่องการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูง ใจหนึ่งก็อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันสร้างความสะดวกและทางเลือกในการเดินทาง แต่อีกใจหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันก้าวกระโดดเกินไปหรือไม่? สองข้างทางที่รถไฟฟ้าความเร็วสูงผ่าน ผมยังเห็นคนจนๆเต็มไปหมด มันดูขัดแย้งกันเกินไป คิดดูแล้วผมรอได้นะ รอให้ประเทศเรายกระดับฐานะของประเทศให้ดีกว่านี้่ก่อน แล้วต่อยลงทุนสูงๆก็ได้ ผมเกรงว่าการก่อสร้างนี้ อย่างมากก็น่าจะแค่เสมอตัวในช่วงแรก ( น่าจะขาดทุนด้วยซ้ำถ้าตอนแรกทำแค่กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ) ยิ่งเห็นที่คุณทรงธรรม ทำบัญชีตัวอย่างให้ดู ผมยิ่งสงสัยว่า โครงการนี้เสียงเกินไปหรือไม่? สำหรับประเทศไทย


หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#14 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:38

ผมว่า ตัวอย่างท่าน จขกท ไม่ค่อยถูกครับ  ก็เหมือนที่ท่าน ออกตัวไว้ก่อน...  

ท่านมี สินทรัพย์ เป็น อาคาร 3 ล้าน + เงิน อีก 1.25 ล้าน...     อย่างมาก bank ก็ให้กู้ไม่เกิน 4 ล้าน..  

ท่านกู้มาแล้ว  2 ล้าน...  อย่างมากก็ได้อีก 3-4 ล้าน...        10 ล้าน มันเกินความจริงไป... เยอะเกิ๊น...

 

อีกอย่าง อันแรกท่าน ใช้ เงินประมาณ  7 ล้าน (อาคาร + เงินทุน + เงินกู้)  ขายได้ 4 ล้าน...

แต่ พอขยายตัว ท่าน ใช้เงิน อีก 10 ล้าน ขายได้ เพิ่มมาแค่ 2.7 ล้าน...   

 

ผมว่ามันมีที่ผิดนะครับ...    ถ้าทำได้แบบนี้ นอกจากไม่มีใครให้กู้แล้ว ยัง ไม่ควรกู้... ด้วย...

 

 

การลงทุน ทางโครงสร้าง...  ตีค่าเป็นตัวเิงินได้ยากครับ..   ว่ากันตามตรง จะไปจาก สำนักไหนศึกษาให้ดีก็ได้ เสียก็ได้... 

แล้วแต่ อยากได้ผลแบบไหน...   

 

มัน ต้องตั้งคำถามเดียวกับการสร้างบ้านครับ...

ตอนนี้เราใช้บ้าน ที่สร้างมาตั้งแต่ ร5 ซึ่งก็ใช้ได้ดีไม่มีที่ติ ตอนนั้นเราเป็น บ้านที่ ดีที่สุดในภูมิภาค ดีใกล้เคียงยุโรป..

ถามว่า ถ้าตอนนั้น เป็นตอนนี้ (ประชาธิปไตย)...    จะได้สร้างไหมครับ จะเจอค้านแบบที่เป็นอยู่ไหม    เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม...  แล้ว ท่าน

อยากให้สร้างหรือไม่ละ... 

 

ผ่านมาถึงตอนนี้  บ้านเรา ยังเป็น บ้านเดิม  ขณะที่ ทางยุโรปที่เราเคยไปเอามา เค้าไปไกลแล้ว...  เพื่อนบ้านที่ เคยมีบ้านแย่กว่าเรา

เค้าก็เริ่มขยับกันไปไกลกันแล้ว...      ถามว่า เราจะอยู่อย่างเดิมหรือ...    

 

การจะ คิดทำก็เรื่องนึง..

การจะ ทำอย่างไนก็อีกเืรื่อง..

ทำแล้ว จะรัปทานกันหรือไม่ ก็ อีกเรื่อง...

 

ดู หนองงูเห่าครับ...  ตอนนั้น เห็น ดราม่ากัน ขี้แตกขี้แตนว่า  เป็นหนอง น้ำท่วม รัยเวย์ร้าว โกงชาติ... 

แล้วไงครับ..   ถามจริงๆครับ นึกถึงตอนนี้ไม่มี  สนามบินใหม่ว่าเราจะ รับ นักท่องเที่ยว ขนาด ปัจจุบันได้หรือไม่... 

ขนาดตอนนี้ ยังแน่นเป็น ปลากระป๋องเลย...    ขนาดใช้ สองสนาม... 

 

โอลืมไป...  ที่พูดเนี่ย ไม่เคยไปนะครับ... 

:D


"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#15 idolation

idolation

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,996 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:50

ผมว่า ตัวอย่างท่าน จขกท ไม่ค่อยถูกครับ  ก็เหมือนที่ท่าน ออกตัวไว้ก่อน...  
ท่านมี สินทรัพย์ เป็น อาคาร 3 ล้าน + เงิน อีก 1.25 ล้าน...     อย่างมาก bank ก็ให้กู้ไม่เกิน 4 ล้าน..  
ท่านกู้มาแล้ว  2 ล้าน...  อย่างมากก็ได้อีก 3-4 ล้าน...        10 ล้าน มันเกินความจริงไป... เยอะเกิ๊น...
 
อีกอย่าง อันแรกท่าน ใช้ เงินประมาณ  7 ล้าน (อาคาร + เงินทุน + เงินกู้)  ขายได้ 4 ล้าน...
แต่ พอขยายตัว ท่าน ใช้เงิน อีก 10 ล้าน ขายได้ เพิ่มมาแค่ 2.7 ล้าน...   
 
ผมว่ามันมีที่ผิดนะครับ...    ถ้าทำได้แบบนี้ นอกจากไม่มีใครให้กู้แล้ว ยัง ไม่ควรกู้... ด้วย...
 
 
การลงทุน ทางโครงสร้าง...  ตีค่าเป็นตัวเิงินได้ยากครับ..   ว่ากันตามตรง จะไปจาก สำนักไหนศึกษาให้ดีก็ได้ เสียก็ได้... 
แล้วแต่ อยากได้ผลแบบไหน...   
 
มัน ต้องตั้งคำถามเดียวกับการสร้างบ้านครับ...
ตอนนี้เราใช้บ้าน ที่สร้างมาตั้งแต่ ร5 ซึ่งก็ใช้ได้ดีไม่มีที่ติ ตอนนั้นเราเป็น บ้านที่ ดีที่สุดในภูมิภาค ดีใกล้เคียงยุโรป..
ถามว่า ถ้าตอนนั้น เป็นตอนนี้ (ประชาธิปไตย)...    จะได้สร้างไหมครับ จะเจอค้านแบบที่เป็นอยู่ไหม    เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม...  แล้ว ท่าน
อยากให้สร้างหรือไม่ละ... 
 
ผ่านมาถึงตอนนี้  บ้านเรา ยังเป็น บ้านเดิม  ขณะที่ ทางยุโรปที่เราเคยไปเอามา เค้าไปไกลแล้ว...  เพื่อนบ้านที่ เคยมีบ้านแย่กว่าเรา
เค้าก็เริ่มขยับกันไปไกลกันแล้ว...      ถามว่า เราจะอยู่อย่างเดิมหรือ...    
 
การจะ คิดทำก็เรื่องนึง..
การจะ ทำอย่างไนก็อีกเืรื่อง..
ทำแล้ว จะรัปทานกันหรือไม่ ก็ อีกเรื่อง...
 
ดู หนองงูเห่าครับ...  ตอนนั้น เห็น ดราม่ากัน ขี้แตกขี้แตนว่า  เป็นหนอง น้ำท่วม รัยเวย์ร้าว โกงชาติ... 
แล้วไงครับ..   ถามจริงๆครับ นึกถึงตอนนี้ไม่มี  สนามบินใหม่ว่าเราจะ รับ นักท่องเที่ยว ขนาด ปัจจุบันได้หรือไม่... 
ขนาดตอนนี้ ยังแน่นเป็น ปลากระป๋องเลย...    ขนาดใช้ สองสนาม... 
 
โอลืมไป...  ที่พูดเนี่ย ไม่เคยไปนะครับ... 
:D

นักท่องเที่ยวมาสนามบินหนองงูเห่าเยอะขนาดไหนดู Air port link ก็ได้ครับ สถานนีมักกะสันแทบเหยียบกันตายเพื่อ check in:D
รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้าน ตระกูลชินวัตร

#16 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:00

ตามที่ คุณ hentai ว่า แหละครับ

 

ตัวอย่างที่ผม ให้ไป มัน เวอร์ ไป จริง ๆ

 

 

คือ ทีแรก ที่ส่งตัวเลขเงินกู้ เพิ่มขึ้น 5 เท่า ตัวแบบนี้

 

เพราะผมกะจะเทียบ กับเงินกู้ ที่รัฐบาล อภิสิทธิ กู้โดยออก พรก. 4 แสนล้าน

 

และ รัฐบาล ปูนา กู้โดยออก พรบ. 2.2 ล้านล้าน บาท

 

ผมลืม คิดไปว่า เงินตั้งต้น ผม มันไม่ได้ มีค่าสูง พอจะให้กู้ได้

 

อันนี้ ก็ยอมรับ ความผิดพลาด โดยไม่มีข้อโต้แย้ง

 

 

ส่วน กรณี ที่คุณ hentai บอกว่า ใช้เงิน 7 ล้าน ขายได้ 4 ล้าน

 

จริง ๆ มันคือ ใช้เงิน 4.8 ล้าน ขายได้ 4 ล้าน ครับ

 

เงินกู้ 2 ล้าน มันอยู่ใน เงิน 4.8 ล้าน แล้ว

 

 

แล้ว ต่อมา ใช้เงิน อีก 10 ล้าน บวก กำไร จากปีแรก อีก 4.48 แสน

 

มันน่าจะขายได้ ตามอัตราส่วน คือ

 

(10.448 + 4.8) X 4.5 / 4.8ใช่ไหมครับ ที่คุณ hentai คาดคิด

 

แต่จริง ๆ คือ ที่ผมบอก ว่า การลงทุน เป็นการลงทุน ทางโครงสร้าง

 

ดังนั้น จึงหมด ไปกับการตุน มากกว่า ทำให้เป็นรายได้ ได้ทั้งหมด

 

 

เช่น ผมบอกว่า ซื้อ อาคาร 3.5 ล้าน ซื้อ รถ 2.4 ล้าน ไม่สามารถ ทำเป็นรายได้ ในปีเดียว ได้ถึง 5.9 ล้าน

 

เพราะ อาคาร ตัดค่าเสื่อม 20 ปี รถ ตัดค่าเสื่อม 5 ปี

 

ถ้ามองเป็นรายได้ ก็ต้องหาร จำนวนปี ก่อนครับ

 

 

เช่นเดียวกับ สินค้า ที่ผมบอก ซื้อมาตุน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะขายหมด ได้ในปีเดียว

 

 

คือ ผมพยายาม เปรียบเทียบ กับการสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกว่าจะคุ้มทุน (ที่รวมดอกเบี้ยแล้ว)

 

ก็ต้องใช้เวลา 15-20 ปี เป็นอย่างน้อย นั่นละครับ

 

 

ส่วนที่ว่า ทำไม ผมให้เพิ่ม แค่ 2.7 ล้าน เพราะผมให้เงื่อนไข แล้วว่า

 

สร้างอาคาร (สาขา เพิ่ม) คือ มีร้านเพิ่ม จากเดิม 1 เป็น 2

 

 

ดังนั้น ยอดขาย ควรเป็น 4.5 X 2 คือ 9 ล้าน

 

แต่ผมให้แค่ 7.2 เพราะผม ให้เงื่อนไขว่า ปีนี้ ขายไม่ได้ เนื่องจาก นโยบาย 300 ของ ปูนา

 

ซึ่งจริง ๆ ยอดขาย จะมากหรือน้อย ไม่ได้ขึ้น กับอัตราส่วน แต่ขึ้น กับสถานการณ์ มากกว่าครับ

 

 

ขอบคุณ สำหรับความเห็นดี ๆ ครับ คุณ hentai


Edited by ทรงธรรม, 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:02.

ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#17 บุคคลทั่วไป

บุคคลทั่วไป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:00

ความจริงคือ รัฐบาลถังแตกครับ รถไฟฟ้าหรือเรื่องอื่นๆ เป็นแค่ข้ออ้าง


ความพึงพอใจของคนโง่ คือ หายนะ

#18 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:37

คือ จริง ๆ ผมมี ข้อสังเกต เพิ่มเติม จากการลงทุน

 

โครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มเติม ด้วยนะครับ

 

 

จากตัวอย่างที่บอกคือ สินทรัพย์ ที่เป็นลักษณะถาวร นั้น

 

แท้จริง มีการแบ่งค่าใช้จ่าย ออกมา ทุกปี นั่นคือ ค่าเสื่อมราคา นั่นเอง

 

หมายความว่า แม้ สินทรัพย์นั้น ดูเหมือน จะใช้การ ได้ตลอด

 

 

แต่จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ตลอด ย่อมมีวันเสื่อมลง ตามกาลเวลา

 

รางรถไฟฟ้า ความเร็วสูง ตัวรถจักร หรือ แม้แต่ อุปกรณ์ ควบคุม ก็ย่อม ล้วนมีอายุใช้งาน เช่นกัน

 

 

แรก ๆ ที่ใช้ การใช้งาน มันก็ดูราบรื่น แต่ต่อมา จะเริ่มมีจุด ที่ต้องซ่อม บำรุง

 

เนื่องจาก สภาพ ดินฟ้า อากาศ บ้านเมืองเรา

 

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ตลอด (ไม่ค่อยอยากคิดถึง น้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว อันนั้น อาจไกลตัว)

 

 

ทำให้ สินทรัพย์ ที่เรามี เสื่อมคุณภาพ ลงทีละน้อย

 

 

ประเด็นคือ ระหว่างที่มันเสื่อมถอย คือ ตัดค่าเสื่อม นั่นเอง

 

ค่าใช้จ่าย มันก็เกิดขึ้นตลอด พร้อมดอกเบี้ย นั่นล่ะ

 

ปัญหา คือ มันจะทำเงิน (รายได้ ) ให้กับเรา ได้คุ้มค่า หรือเปล่า

 

 

เหมือนกับ สนามบิน สุวรรณภูมิ ที่มีการลงทุน ไปมาก

 

ได้รับผลตอบแทน จากการเป็น ท่าอากาศยาน หลัก ของ อาเซียน

 

 

รัฐบาล ก็หวัง ว่า รถไฟความเร็วสูง ของเรา จะเป็น การเดินทางหลัก

 

ในอาเซียน แต่หาก ผลของมัน ไม่เป็นไปตามที่คาดคิด

 

 

เพราะประชากรใน อาเซียน เอง ที่เป็นส่วนใหญ่ นั้น มีฐานะค่อนข้างยากจน

 

ไม่เหมือน สนามบิน ที่รับนักเดินทางจากรอบโลก

 

 

ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า จะใช้ในการขนส่ง ได้คุ้มค่า

 

มีคนมาใช้บริการ มากอย่างที่ตั้งใจ หรือไม่

 

 

คุ้มค่า กับ ค่าเสื่อมราคา และ ดอกเบี้ย ที่เสียไป แค่ไหน

 

และหาก ค่อยเป็นค่อยไป ทำโดย อาศัย งบประมาณ ประจำปี

 

จะช่วยลดความเสี่ยง ในฐานะการเงิน ของประเทศ ได้ ดีกว่าไหม


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#19 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:48

ตามที่ คุณ hentai ว่า แหละครับ

 

ตัวอย่างที่ผม ให้ไป มัน เวอร์ ไป จริง ๆ

 

 

คือ ทีแรก ที่ส่งตัวเลขเงินกู้ เพิ่มขึ้น 5 เท่า ตัวแบบนี้

 

เพราะผมกะจะเทียบ กับเงินกู้ ที่รัฐบาล อภิสิทธิ กู้โดยออก พรก. 4 แสนล้าน

 

และ รัฐบาล ปูนา กู้โดยออก พรบ. 2.2 ล้านล้าน บาท

 

ผมลืม คิดไปว่า เงินตั้งต้น ผม มันไม่ได้ มีค่าสูง พอจะให้กู้ได้

 

อันนี้ ก็ยอมรับ ความผิดพลาด โดยไม่มีข้อโต้แย้ง

 

 

ส่วน กรณี ที่คุณ hentai บอกว่า ใช้เงิน 7 ล้าน ขายได้ 4 ล้าน

 

จริง ๆ มันคือ ใช้เงิน 4.8 ล้าน ขายได้ 4 ล้าน ครับ

 

เงินกู้ 2 ล้าน มันอยู่ใน เงิน 4.8 ล้าน แล้ว

 

 

แล้ว ต่อมา ใช้เงิน อีก 10 ล้าน บวก กำไร จากปีแรก อีก 4.48 แสน

 

มันน่าจะขายได้ ตามอัตราส่วน คือ

 

(10.448 + 4.8) X 4.5 / 4.8ใช่ไหมครับ ที่คุณ hentai คาดคิด

 

แต่จริง ๆ คือ ที่ผมบอก ว่า การลงทุน เป็นการลงทุน ทางโครงสร้าง

 

ดังนั้น จึงหมด ไปกับการตุน มากกว่า ทำให้เป็นรายได้ ได้ทั้งหมด

 

 

เช่น ผมบอกว่า ซื้อ อาคาร 3.5 ล้าน ซื้อ รถ 2.4 ล้าน ไม่สามารถ ทำเป็นรายได้ ในปีเดียว ได้ถึง 5.9 ล้าน

 

เพราะ อาคาร ตัดค่าเสื่อม 20 ปี รถ ตัดค่าเสื่อม 5 ปี

 

ถ้ามองเป็นรายได้ ก็ต้องหาร จำนวนปี ก่อนครับ

 

 

เช่นเดียวกับ สินค้า ที่ผมบอก ซื้อมาตุน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะขายหมด ได้ในปีเดียว

 

 

คือ ผมพยายาม เปรียบเทียบ กับการสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกว่าจะคุ้มทุน (ที่รวมดอกเบี้ยแล้ว)

 

ก็ต้องใช้เวลา 15-20 ปี เป็นอย่างน้อย นั่นละครับ

 

 

ส่วนที่ว่า ทำไม ผมให้เพิ่ม แค่ 2.7 ล้าน เพราะผมให้เงื่อนไข แล้วว่า

 

สร้างอาคาร (สาขา เพิ่ม) คือ มีร้านเพิ่ม จากเดิม 1 เป็น 2

 

 

ดังนั้น ยอดขาย ควรเป็น 4.5 X 2 คือ 9 ล้าน

 

แต่ผมให้แค่ 7.2 เพราะผม ให้เงื่อนไขว่า ปีนี้ ขายไม่ได้ เนื่องจาก นโยบาย 300 ของ ปูนา

 

ซึ่งจริง ๆ ยอดขาย จะมากหรือน้อย ไม่ได้ขึ้น กับอัตราส่วน แต่ขึ้น กับสถานการณ์ มากกว่าครับ

 

 

ขอบคุณ สำหรับความเห็นดี ๆ ครับ คุณ hentai

 

โอ เป็นแบบนี้เอง ..  เข้าใจแล้วครับ... 

:D


"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#20 bonnerr

bonnerr

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,158 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:16

อยากให้มีการคำนวณว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ จำนวน 2.2 ล้านล้านบาทนี้ จะต้องเสียดอกเบี้ยปีละเท่าใด และ เฉลี่ยออกมาเป็นวันๆละเท่าใด และออกเป็น ชั่วโมงๆ ละเท่าไหร่



#21 ชามู

ชามู

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,296 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:29

โอววว  อย่างนี้ พวกควายแดงจะรู้ไหมเนี่ย....

 

ผมกลัวจะเห็นความเคยชินของพวกเสพย์ติดประชานิยม เช่น

 

"จะกลัวไปทำไม... กู้ไปก่อน... ใช้หนี้ไม่ไหว ก็ให้รัฐบาลพักชำระหนี้ตัวเองดิ"

 

อิ อิ อิ


ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ ใจดี

#22 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:38

คือ จริง ๆ ผมมี ข้อสังเกต เพิ่มเติม จากการลงทุน

 

โครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มเติม ด้วยนะครับ

 

 

จากตัวอย่างที่บอกคือ สินทรัพย์ ที่เป็นลักษณะถาวร นั้น

 

แท้จริง มีการแบ่งค่าใช้จ่าย ออกมา ทุกปี นั่นคือ ค่าเสื่อมราคา นั่นเอง

 

หมายความว่า แม้ สินทรัพย์นั้น ดูเหมือน จะใช้การ ได้ตลอด

 

 

แต่จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ตลอด ย่อมมีวันเสื่อมลง ตามกาลเวลา

 

รางรถไฟฟ้า ความเร็วสูง ตัวรถจักร หรือ แม้แต่ อุปกรณ์ ควบคุม ก็ย่อม ล้วนมีอายุใช้งาน เช่นกัน

 

 

แรก ๆ ที่ใช้ การใช้งาน มันก็ดูราบรื่น แต่ต่อมา จะเริ่มมีจุด ที่ต้องซ่อม บำรุง

 

เนื่องจาก สภาพ ดินฟ้า อากาศ บ้านเมืองเรา

 

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ตลอด (ไม่ค่อยอยากคิดถึง น้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว อันนั้น อาจไกลตัว)

 

 

ทำให้ สินทรัพย์ ที่เรามี เสื่อมคุณภาพ ลงทีละน้อย

 

 

ประเด็นคือ ระหว่างที่มันเสื่อมถอย คือ ตัดค่าเสื่อม นั่นเอง

 

ค่าใช้จ่าย มันก็เกิดขึ้นตลอด พร้อมดอกเบี้ย นั่นล่ะ

 

ปัญหา คือ มันจะทำเงิน (รายได้ ) ให้กับเรา ได้คุ้มค่า หรือเปล่า

 

 

เหมือนกับ สนามบิน สุวรรณภูมิ ที่มีการลงทุน ไปมาก

 

ได้รับผลตอบแทน จากการเป็น ท่าอากาศยาน หลัก ของ อาเซียน

 

 

รัฐบาล ก็หวัง ว่า รถไฟความเร็วสูง ของเรา จะเป็น การเดินทางหลัก

 

ในอาเซียน แต่หาก ผลของมัน ไม่เป็นไปตามที่คาดคิด

 

 

เพราะประชากรใน อาเซียน เอง ที่เป็นส่วนใหญ่ นั้น มีฐานะค่อนข้างยากจน

 

ไม่เหมือน สนามบิน ที่รับนักเดินทางจากรอบโลก

 

 

ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า จะใช้ในการขนส่ง ได้คุ้มค่า

 

มีคนมาใช้บริการ มากอย่างที่ตั้งใจ หรือไม่

 

 

คุ้มค่า กับ ค่าเสื่อมราคา และ ดอกเบี้ย ที่เสียไป แค่ไหน

 

และหาก ค่อยเป็นค่อยไป ทำโดย อาศัย งบประมาณ ประจำปี

 

จะช่วยลดความเสี่ยง ในฐานะการเงิน ของประเทศ ได้ ดีกว่าไหม

 

ทุกอย่างมีความเสี่ยงครับ...    

ค้าไม้ก็เช่นกัน...  เกิดวันดีคืนดี รัฐบ้าจี้ ประกาศห้ามค้าไม้...   ก็ จบ..

เกิดวันดีคืนดี มีเจ้าใหม่มา เอาไม้ไหนไม่รู้มาค้า ถูกกว่าท่าน 30% ก็ ท่านก็ลำบาก  

 

กระทำเป็น พรบ ระยะยาว แทนใช้เงินงบประมาณ เพื่อ ลดความเสี่ยง  เป็นหลักประกันให้ ผู้เข้าร่วมโครงการเห็นว่า

เป็น โครงการระดับชาติ ประเทศนี้ เอาแน่... 

 

 

ถ้าเรามี การขนส่งระบบรางที่ดีอยู่แล้ว...   และถามว่าควรสร้างไหม... ผมอาจเห็นด้วยกับท่านที่ว่า  มันต้องดูว่าจะคุ้มไหม.

แต่นี้ เป็น การ อัพเกรด กับ ของที่ใช้มาตั้งแต่ ร5...     

 

ผมอย่างมากแย้งได้แค่

 

ควรเพิ่่มงบ แล้ว ทำให้ไปถึง สงขลา แทนที่จะ หยุดแค่ หัวหิน..

 

 

:D


"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#23 nnnn43

nnnn43

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,771 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:31

ดู หนองงูเห่าครับ...  ตอนนั้น เห็น ดราม่ากัน ขี้แตกขี้แตนว่า  เป็นหนอง น้ำท่วม รัยเวย์ร้าว โกงชาติ... 

แล้วไงครับ..   ถามจริงๆครับ นึกถึงตอนนี้ไม่มี  สนามบินใหม่ว่าเราจะ รับ นักท่องเที่ยว ขนาด ปัจจุบันได้หรือไม่... 

ขนาดตอนนี้ ยังแน่นเป็น ปลากระป๋องเลย...    ขนาดใช้ สองสนาม... 

 

โอลืมไป...  ที่พูดเนี่ย ไม่เคยไปนะครับ... 

:D

ผู้รับเหมางานประมูลก่อสร้างเก่งนะครับ :lol:

ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล พูดคนฉลาดหนี่งคำ พูดคนโง่ร้อยคำ

#24 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:31

อะแฮ่ม ผมบอกก่อนว่า ผมเรียนจบแค่ ปวส เลยเป็นได้แค่

 

เสมียนบัญชี ตัวเล็ก ๆ หน้าที่ รวบรวม เอกสาร จากฝ่ายการเงิน

 

มาลงบัญชี และ ทำสรุป งบการเงิน ให้ หัวหน้า พิจารณา กันอีกที

 

บอกก่อนว่า ความเห็นต่อไปนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว ล้วน ๆ

 

ไม่เกี่ยวกับ หลักวิชาการ ใด ๆ ทั้งนั้น เนื่องจาก ผมเรียน เศรษฐศาสตร์

 

มาเพียงน้อยนิด และ ยังได้ B อีกด้วย ตอนเรียน

 

 

เอาล่ะ มาว่า กันเรื่องความเห็น ของการ กู้เงิน กันสักหน่อย

 

เริ่มด้วย การ ตั้งตัวอย่าง บริษัท ขึ้นมา อย่างเคย

 

บริษัท สุกิต ค้าไม้ เริ่มต้น บริษัทด้วย

 

สินทรัพย์

 

   เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ  1,250,000

 

   เงินฝากกระแสรายวัน  50,000

 

   อาคาร 3,500,000

 

หนี้สิน และ ทุน

 

   เงินกู้ยืมธนาคาร ระยะยาว  2,000,000

 

   ทุน (เงินลงทุนของเจ้าของ) 2,800,000

 

ผลประกอบกิจการปีแรก

 

   รายได้จากการขาย ไม้ 4,540,000

 

   รายได้อื่น 20,000

 

   ดอกเบี้ยรับ 20,000

 

   ต้นทุนขาย  3,500,000

 

   ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 300,000

 

   ดอกเบี้ยจ่าย 140,000

 

   กำไรสุทธิ ก่อนเสียภาษี 640,000

 

   กำไรหลังหักภาษี 30% 448,000

 

 

จะเห็นได้ว่า ผลกำไร สุทธิ นั้น ถือได้ว่า พออยู่ได้ เลี้ยงบริษัท และ เจ้าของได้

 

แต่ถ้า ปีต่อไป สุกิต หุ้นส่วนใหญ่ เกิดอยากขยายกิจการแบบทันทีทันใด ไม่รอ รวบรวมกำไร

 

เพื่อนำมาเป็น เงินทุน ที่ใช้เพิ่มทุน แต่หันไปหา เงินกู้ ธนาคารแทน แล้ว กู้แบบเกินตัวด้วย

 

ผลจะเป็นแบบนี้

 

 

สุกิต ตั้งเงินกู้ เพิ่มขึ้นอีก (สมมุติ ธนาคารหน้ามืดให้กู้ ความเป็นจริงคงไม่ได้) 10,000,000

 

สุกิต เอาเงินไปซื้อ ไม้ พื้น มาตุน ไปซื้อ อาคารเพิ่ม ไปซื้อ รถ ไว้บรรทุก จ้างพนักงานเพิ่ม (เพราะเพิ่มสาขา)

 

มาดูงบดุลกัน ก่อนเริ่มดำเนินการปีทีี่สอง หลังจากกู้แล้ว

 

สินทรัพย์

 

     เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ 500,000

 

     เงินฝากกระแสรายวัน 148,000

 

     อาคาร 7,000,000

 

     สินค้า 5,000,000

 

     รถบรรทุก 2,400,000

 

หนี้สิน

 

    เิงินกู้ธนาคาร ระยะยาว 11,800,000

 

    ทุน 3,248,000

 

ลองดูอัตราส่วน ระหว่าง หนี้สิน และ ทุน เทียบกับ ของเดิม นะครับ จะเห็นว่า ต่างกันมาก

 

สมมุติ ว่า เกิดค่าแรงเพิ่มขึ้น 300 บาท

 

สินค้าไม้ เกิดขายยากขึ้น เพราะค่าอาหารแพงขึ้น คนมีเงินจับจ่ายเรื่อง สินค้าคงทน ลดลง

 

มาดูผลประกอบการ

 

 

   รายได้จากการขายไม้ 7,200,000

 

   รายได้อื่น 50,000

 

   ดอกเบี้ยรับ 8,000

 

 

   ต้นทุนขายไม้ 4,400,000 (ถูกลง ด้วยค่าบรรทุก)

 

   ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ( แพงขึ้น เพราะจ้างพนักงานเพิ่ม บวกค่าเสื่อมราคาที่เพิ่ม) 1,500,000

 

   ดอกเบี้ยจ่าย 826,000

 

   กำไรสุทธิก่อนภาษี 532,000

 

   กำไรหลังหัก ภาษี 372,400

 

 

คือ ที่ให้ดูเนี่ย อยากบอกว่า การดำเนินกิจการใด ๆ ก็ตาม

 

หากมอง ในแง่ ที่ดี แน่นอน มองได้ น่ะว่า กิจการ น่าจะเจริญ รุดหน้า

 

ยิ่งถ้าลงทุน ในส่วนของ โครงสร้างเช่นนี้ มองดูเผิน ๆ ก็น่าจะดี

 

แต่ หากไม่คำนึง ถึง ผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา

 

ที่บริษัท ยังมีหนี้สิน อยู่ (อัตราส่วนที่มากกว่า ทุน)

 

หาก สมมุติ ว่า สุกิต ค้าไม้ เกิดมี ลูกค้ารายหนึ่ง ที่ล้มละลาย ขึ้นมา

 

จริงอยู่ การขาย เกิดขึ้นแล้ว รายได้เกิดขึ้น แต่เงินเก็บไม่ได้

 

คิดว่า สถานะการเงิน ของบริษัทจะเป็น เช่นไร

 

ในขณะที่หนี้ ก้อนโต ยังลด ลงไปได้ไม่เท่าไร

 

 

ก็อยากให้ คนใหญ่ คนโต ในรัฐบาล ช่วยพิจารณา ด้วยครับ

 

 

ทั้งหลายทั้งปวงจบลงที่...

"กำไรแน่ๆ"

"ถ้าไม่ทำไทยจะล้าหลังเพื่อนบ้าน"

 

แล้วคำถามทุกอย่างก็จะถูกฆ่าตัดตอนทิ้งซะ :mellow:


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#25 tu249cm

tu249cm

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,495 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:33

สงสัยต้องให้โต้งมาเรียนบัญชี และ ทำสรุปงบการเงินกับคุณทรงธรรมซะแล้วจะได้ไม่โชว์โง่ออกมาอีก

“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”


#26 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:37

ผมเรียนถามคุณทรงธรรมครับ

 

การกู้เงินเยอะขนาดนั้นด้วยกระดาษขี้แจง 4 แผ่น

มันต้องมีการการันตีไหมว่า "ต้องมีวิธีทำไงที่ไม่ขาดทุน"

เพราะลูกหลานใช้หนี้ถึง 50 ปี  เป็นโครงการที่เสี่ยงมาก ถ้าขาดทุนขึ้นมามันจะทำไงกัน ในเมื่อรัฐบาลเปิดตูดหนีไปแล้ว

(คือเหมือนขนรถอย่างถูกกม.มาปล้นเงินอย่างหน้าด้าน เพื่อเอาไปเป็นทรัพย์ส่วนตัวสำหรับเลือกตั้งใหม่ แล้วทิ้งภาระให้ประชาชนใช้หนี้)


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน