อะแฮ่ม ผมบอกก่อนว่า ผมเรียนจบแค่ ปวส เลยเป็นได้แค่
เสมียนบัญชี ตัวเล็ก ๆ หน้าที่ รวบรวม เอกสาร จากฝ่ายการเงิน
มาลงบัญชี และ ทำสรุป งบการเงิน ให้ หัวหน้า พิจารณา กันอีกที
บอกก่อนว่า ความเห็นต่อไปนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว ล้วน ๆ
ไม่เกี่ยวกับ หลักวิชาการ ใด ๆ ทั้งนั้น เนื่องจาก ผมเรียน เศรษฐศาสตร์
มาเพียงน้อยนิด และ ยังได้ B อีกด้วย ตอนเรียน
เอาล่ะ มาว่า กันเรื่องความเห็น ของการ กู้เงิน กันสักหน่อย
เริ่มด้วย การ ตั้งตัวอย่าง บริษัท ขึ้นมา อย่างเคย
บริษัท สุกิต ค้าไม้ เริ่มต้น บริษัทด้วย
สินทรัพย์
เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ 1,250,000
เงินฝากกระแสรายวัน 50,000
อาคาร 3,500,000
หนี้สิน และ ทุน
เงินกู้ยืมธนาคาร ระยะยาว 2,000,000
ทุน (เงินลงทุนของเจ้าของ) 2,800,000
ผลประกอบกิจการปีแรก
รายได้จากการขาย ไม้ 4,540,000
รายได้อื่น 20,000
ดอกเบี้ยรับ 20,000
ต้นทุนขาย 3,500,000
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 300,000
ดอกเบี้ยจ่าย 140,000
กำไรสุทธิ ก่อนเสียภาษี 640,000
กำไรหลังหักภาษี 30% 448,000
จะเห็นได้ว่า ผลกำไร สุทธิ นั้น ถือได้ว่า พออยู่ได้ เลี้ยงบริษัท และ เจ้าของได้
แต่ถ้า ปีต่อไป สุกิต หุ้นส่วนใหญ่ เกิดอยากขยายกิจการแบบทันทีทันใด ไม่รอ รวบรวมกำไร
เพื่อนำมาเป็น เงินทุน ที่ใช้เพิ่มทุน แต่หันไปหา เงินกู้ ธนาคารแทน แล้ว กู้แบบเกินตัวด้วย
ผลจะเป็นแบบนี้
สุกิต ตั้งเงินกู้ เพิ่มขึ้นอีก (สมมุติ ธนาคารหน้ามืดให้กู้ ความเป็นจริงคงไม่ได้) 10,000,000
สุกิต เอาเงินไปซื้อ ไม้ พื้น มาตุน ไปซื้อ อาคารเพิ่ม ไปซื้อ รถ ไว้บรรทุก จ้างพนักงานเพิ่ม (เพราะเพิ่มสาขา)
มาดูงบดุลกัน ก่อนเริ่มดำเนินการปีทีี่สอง หลังจากกู้แล้ว
สินทรัพย์
เงินฝากธนาคาร ฝากประจำ 500,000
เงินฝากกระแสรายวัน 148,000
อาคาร 7,000,000
สินค้า 5,000,000
รถบรรทุก 2,400,000
หนี้สิน
เิงินกู้ธนาคาร ระยะยาว 11,800,000
ทุน 3,248,000
ลองดูอัตราส่วน ระหว่าง หนี้สิน และ ทุน เทียบกับ ของเดิม นะครับ จะเห็นว่า ต่างกันมาก
สมมุติ ว่า เกิดค่าแรงเพิ่มขึ้น 300 บาท
สินค้าไม้ เกิดขายยากขึ้น เพราะค่าอาหารแพงขึ้น คนมีเงินจับจ่ายเรื่อง สินค้าคงทน ลดลง
มาดูผลประกอบการ
รายได้จากการขายไม้ 7,200,000
รายได้อื่น 50,000
ดอกเบี้ยรับ 8,000
ต้นทุนขายไม้ 4,400,000 (ถูกลง ด้วยค่าบรรทุก)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ( แพงขึ้น เพราะจ้างพนักงานเพิ่ม บวกค่าเสื่อมราคาที่เพิ่ม) 1,500,000
ดอกเบี้ยจ่าย 826,000
กำไรสุทธิก่อนภาษี 532,000
กำไรหลังหัก ภาษี 372,400
คือ ที่ให้ดูเนี่ย อยากบอกว่า การดำเนินกิจการใด ๆ ก็ตาม
หากมอง ในแง่ ที่ดี แน่นอน มองได้ น่ะว่า กิจการ น่าจะเจริญ รุดหน้า
ยิ่งถ้าลงทุน ในส่วนของ โครงสร้างเช่นนี้ มองดูเผิน ๆ ก็น่าจะดี
แต่ หากไม่คำนึง ถึง ผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา
ที่บริษัท ยังมีหนี้สิน อยู่ (อัตราส่วนที่มากกว่า ทุน)
หาก สมมุติ ว่า สุกิต ค้าไม้ เกิดมี ลูกค้ารายหนึ่ง ที่ล้มละลาย ขึ้นมา
จริงอยู่ การขาย เกิดขึ้นแล้ว รายได้เกิดขึ้น แต่เงินเก็บไม่ได้
คิดว่า สถานะการเงิน ของบริษัทจะเป็น เช่นไร
ในขณะที่หนี้ ก้อนโต ยังลด ลงไปได้ไม่เท่าไร
ก็อยากให้ คนใหญ่ คนโต ในรัฐบาล ช่วยพิจารณา ด้วยครับ