วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ สำหรับประเทศไทยคงต้องเป็นวันที่จะถูกจารึกไว้ว่า "ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ" คู่กับคำพูดที่กล่าวว่า "ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม" ดูรูปที่ห้องกาแฟละกัน
เพราะแม่มะนาวไม่ได้ถ่ายมา โทรศัพท์โดนลูกสาวจัดการกำหนดพิกัดในจีพีเอส จะได้รู้ว่าแม่อยู่ตรงไหน เลยไม่กล้าใช้กลัวเวลาถ่ายรูปแล้วเผลอไปจิ้มโดนอะไรเข้า พิกัดหายเดี๋ยว
กลับบ้านจะโดนลูกดุ
กว่าจะออกจากบ้านได้ ก็ต้องหลังจากภารกิจหน้าที่ประจำบ้านเสียก่อน แล้วคุณหลวงโทรมาบอกว่าขอเคลียร์งานก่อนเดี๋ยวจะไปด้วย คงห่วงหญิงสูงวัย แถมเข่าไม่ค่อยดี
ยอมนั่งแมงกะไซด์จากแถวบ้านไปลงอนุสาวรืย์ หน้า ร.พ. ราชวิถี แวะซื้อข้าวเหนียวหมู ไว้เป็นเสบียง แอบไปเข้าห้องน้ำที่สถาบันโรคผิวหนังเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นไง
ส่วนใหญ่รอขบวนจากคุณสุเทพ เจ้าหน้าที่จาก ร.พ. ราชวิถีน่ารักมาก แจกน้ำขวด ยาพาราฯ แอมโมเนีย แม่มะนาวก็ขอบคุณและปฏิเสธ เพราะเตรียมมาหมดแล้ว รอเกือบสักพัก
ขบวนยังไม่มา เพราะก่อนออกจากบ้านฟังว่าขบวนมาถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้ว ยังมาไม่ถึง แต่ก็มีขบวนประชาชนผ่านไปเรื่อยๆ มองหน้ากัน ตามประสาวัยไม่รุ่นแต่ใจร้อน
เลยตัดสินใจเดินไปก่อน มองว่าถ้าขบวนใหญ่มาถึง คนคงเยอะมาก เบียดเสียดแน่นอน อาจมีทรุด เพราะฐานเข่าไม่ค่อยดี เลยไปเรื่อยๆกันเองดีกว่า ในเมื่อเราออกไปเพื่อสิ่งเดียวกัน
จุดหมายเดียวกัน เลยเดินตรงไปเรื่อย ผ่านถนนสุโขทัย มีบางบ้านที่อยู่ตรงข้ามวัง มายืนแจกน้ำหน้าบ้าน อืม.. เป็นภาพที่เราไม่ค่อยได้เห็นในกรุงเทพฯ นานแล้วนะ เจอผู้หญิงคนนึง
เดินมาคนเดียว อายุมากแล้ว แม่มะนาว ถามว่ามาจากไหน เธอบอกว่ามาจากดอนเมือง เราสองคนมองหน้ากัน นับถือจากใจจริงๆ สองคนเดินไปคุยกันไปว่า รบ. ไม่น่าอยู่แล้วนะ
คนออกมาขนาดนี้ แต่ใจเขาใจเรา พูดยาก อำนาจ เงินตรา
เดินมาจนถึงประตูที่เข้าวัง ทำเลดี มีที่ร่มสบาย เลยขอพักสักนิด กางเก้าอี้นั่ง แป๊บนึงมีตำรวจขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดสี่ ห้าคัน ข้างๆที่แม่มะนาวนั่ง ที่รถเขียนว่าโครงการในพระราชดำริ
โครงการนี้แม่มะนาวเห็นมานานแล้ว ยังมีอยู่อีกหรือ สักพัก แม่มะนาวเดินเอาท็อฟฟี่ผลไม้ไปแจก (ก็มีแค่เนี๊ย) แล้วก็เลยถามถึง ว่าโครงการณ์นี้ยังมีอยู่หรือคะ เขาบอกอย่างภูมิใจว่า
โครงการณ์นี้เป็นหนึ่งในโครงการณ์พระราชดำริ เราสองคนเลยทำ ปจว. ถามว่าแล้วเนี่ยเคยทำคลอดมากี่คนแล้วคะ คนนึงบอกว่า ห้าครับ แม่มะนาวก็ถามว่าแล้วต้องไปฝึกที่ไหน
เขาก็เล่าให้ฟัง คุณหลวงถามว่าแล้วโครงการณ์นี้ ได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้คนได้รู้ไหม ตำรวจบอกว่ามีแต่ทางต่างประเทศ มีคนนึงที่ได้ออกรายการ เพราะทำคลอดมาสามสิบแปดราย
เราก็คิดเบาๆในใจ เออ ดีนะ เมืองนอกเห็นคุณค่า แต่คนไทยมองข้าม หรือลีมเลือนไป แม่มะนาวก็ถามต่อว่า อยู่แต่บริเวณหน้าวังนี้หรือคะ หรือต้องเข้าไป ก็ได้คำตอบว่าอยู่แถวหน้าวังนี้
แหละครับ หายเหนื่อยแล้ว ก็ตัดสินใจเดินไปดูสถานการณ์ข้างหน้า ไหนๆก็ออกมาแล้วนี่ เลยออกปากลาตำรวจ ให้เขารู้สึกดีๆ แม้จะเป็นเพียงคนส่วนน้อย แต่ถ้าเขาทำดี เราก็ต้องให้
กำลังใจเขา เพราะฟังๆแล้ว ดูน้อยใจว่า ไม่ได้มีใครมองเห็น แม่มะนาว กะลังจะอ้าปากบอกว่าปิดทองหลังพระ แต่แว๊บนึงเปลี่ยนความคิด ไม่พูดดีกว่า เพราะจริงๆ ก็เข้าใจนะ ว่าบางที
อุดมการณ์มันก็กินไม่ได้ ใครๆ ก็อยากอยู่ดีกินดี เหตุนี้ มันถึงได้เกิด ประชาธิปไตยกินได้ จนทำให้เราต้องออกมาขับไล่ไง
เดินต่อไปจนถึงหน้ากองทัพภาคที่ ๑ พักอีกที หิว เลยเอาข้าวเหนียว หมูออกมาแบ่งกัน ดื่มน้ำ จนอิ่มพอสบายท้อง จะได้ไม่ต้องวิ่งหาห้องน้ำให้ลำบาก เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนยาก
สำหรับเรื่องแบบนี้ มองไปรอบๆ คนเดินไปมา เดินเข้า เดินออก ตลอดเส้นทางที่มา แล้วไงต่อละเนี่ย หันไปถามคนข้างๆ เป็นชาวการไฟฟ้านครหลวง (ดูจากเสื้อ) ทำไมมาคนเดียว
เขาบอกว่าเพื่อนๆ ไปข้างหน้าแล้ว ผมเดินไม่ไหว เพราะเข่าไม่ดี (พวกเดียวกันเลย) เลยถามต่อว่า แล้วตอนนี้รออะไร รอคุณสุเทพ อ้าวยังมาไม่ถึงหรือไร ถามใครก็ดูจะมีแต่คำตอบ
เหมือนกัน แล้วนี่อิฉันต้องรอแค่ไหน คือตัวเองเป็นแบบว่าให้มานั่งเฉยๆแบบยังไม่รู้เป้าหมายเนี่ย มันทรมานใจ เลยเก็บเก้าอี้ เดินเล่นแถวหน้าพระบรมรูปทรงม้า ไหว้สักการะท่าน
เลยตัดสินใจเดินยาวต่อไปจนถึงหอสมุดแห่งชาติ เผอิญมีรถเมล์ผ่านมา ก็ขึ้นเลย ลงศรีย่าน แวะทานก๋วยเตี๋ยว ต่อรถอีกมาลงอนุสาวรีย์ หันไปบอกคุณหลวงว่า
"กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เราคุ้นตา" (เมื่อเช้า) เดินต่อ ขึ้นรถเมล์ลงรถเมล์ เดินต่อขึ้นรถเมล์อีกทีเดินเข้าบ้าน เพราะรถแท๊กซี่ไม่มี เรียกตุ๊กตุ๊ก บอกสองร้อย โห... นี่แค่แบกเป้รุงรังเนี่ย
นึกว่ามาจากหลังเขาหรือไงฟระ ถึงบ้าน เด็กๆรอกันหน้าสลอน เลยเวลาหม่ำไปหน่อย วางข้าวของ แล้วรีบให้อาหาร เอาหมาเข้ากรง แล้วอาบน้ำเลย ได้ฟังคุณสุเทพพูดช่วงหลังแล้ว
แม่มะนาวเข้านอนเลย ก่อนนอนเอายามานวดฝ่าเท้าเสียหน่อย ใช้งานมากวันนี้ เกรงใจ เดี๋ยวเกิดงอนขึ้นมา พรุ่งนี้อาจเดินไม่ได้ อิอิ
ตื่นขึ้นมา สดชื่น ไม่มีอาการปวดขาเลย คงเป็นเพราะเวลาแม่มะนาวเดิน จะก้าวจังหวะสม่ำเสมอ ไม่เร่งจังหวะ ไปเรื่อยๆ จึงได้หลีกเลี่ยงที่จะไปพร้อมขบวนใหญ่ เพราะไหนคนจะมาก
และเราอาจต้องเดินเร่งจังหวะเพี่อให้ทันเขา แล้วเราก็จะไม่ไหว ท้ายสุดแค่อยากบอกว่า เรารู้จังหวะ รู้กำลัง พูดง่ายๆ คือรู้ตัวเราเอง จุดหมายปักไว้ข้างหน้า เราก็เดินไปตามกำลังเรา
จะช้าจะเร็ว ไม่สำคัญ เพราะเราไปเพื่อความดี ความถูกต้องนั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจทำกันในว้นที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ และมีอีกอย่างที่แม่มะนาวอยากให้ยังคงอยู่คือ ความมีน้ำจิต น้ำใจ
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน เหมือนภาพทั้งหลายที่หลายคนถ่ายรูปมาด้วยความประทับใจ อย่าเพียงแค่ให้มันอยู่ในอัลบั้ม เราต้องทำทุกวันค่ะ
Edited by lazylemon, 10 December 2013 - 15:10.