แนวทางปฏิบัติธรรม ที่นำมาลง นั้น หลวงพี่ได้กรุณาเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยนั้น ถือเป็นความกรุณายิ่ง ที่ท่านกล่าวว่า ธรรมะ ก็คือธรรมชาติ
ขณะที่คุณวัชรก็กล่าวไว้เช่นกันว่า "เมื่อได้ศึกษาธรรมะ สิ่งแรกที่พบ คือ ความธรรมดาของการดำเนินชีวิต... ความธรรมดาในความเป็นไปของชีวิต พระตถาคตกล่าวไว้หมดแล้ว
ตั้งแต่เกิดยันตายขอรับ"
ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า สามารถนำมาใช้ได้กับวิถีของเราที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน คนธรรมดา จริงๆ
อาหาร ต้องหาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย พระท่านฉันเพื่อร่างกายจะได้มีพลังงานที่จะปฏิบัติกิจของสงฆ์ ก็ต้องฉันอย่างพอเหมาะพอดี
เหมือนอย่างเราๆตอนสมัยทำงานก็ตามที่ว่าแหละ ทานมากไปก็ง่วง ทำให้ทำงานลำบากเพราะจะพลาดพลั้งเผลอเรอไม่ได้ ทานน้อยไปก็หิว ก็ไม่มีสมาธิทำงานอีก
ก็ต้องทานอย่างพอเหมาะพอดีเช่นกัน
ตอนเป็นเด็ก ที่บ้านแม่มะนาวจะไม่ตักข้าวจนพูนจาน ตักให้พอดีจาน ถ้าไม่พอตักใหม่ได้ แต่ต้องทานให้หมด ห้ามทานเหลือ
ย่าจะบอกว่ากินทิ้งกินขว้างไม่ได้ ถ้าข้าวหล่นลงพื้นต้องเก็บทิ้งให้เรียบร้อยไม่ใช้ไม้กวาด เดี๋ยวแม่พระโพสพจะโกรธ
แต่จริงๆแล้วแม่มะนาวกลัวย่าโกรธมากกว่าแหละ
ท่านสอนให้ดูตัวเอง ดูจิต ว่าแค่ไหนจึงจะพอเหมาะกับเราเอง ถ้ามาคิดอีกอย่างแม่มะนาวมองว่า ก็ความพอเพียง นั่นแหละ
กินให้พออิ่ม ใครมีเงินอยากทานของแพงก็ซื้อทานไป ไม่ใช่มีเงิน ทานกันสี่คน แต่อาหารสิบอย่างเต็มโต๊ะ ถ้าจะบอกว่าเผื่อบริวารในบ้านด้วยก็ไม่ว่ากัน ก็ไม่ได้ไปโกงใครเขามานี่นา ใช่ไหม ส่วนใครเงินน้อยหน่อยก็ตามสถานะของเงินในกระเป๋า ไม่ต้องไปกู้ยืมสินมาเพื่อกินแพงในมื้อนี้ แล้วไปนั่งกินมาม่ารสต่างๆตามชอบ ในวันที่เหลือ
ท่านสอนว่า ให้ดูตัวเองว่ากิน(ข้าว) จนอ้วนขึ้นทุกวันหรือเปล่า ทำให้นึกถึงภาพตอน Harry Porter เสกยัยป้าปากมาก กินตะกรุมตะกราม แบบไม่รู้จักพอ ให้อ้วนขึ้น อ้วนขึ้น
จนลอยหายไป หายไปในอากาศ
ยังไม่ถึงเวลาทานข้าวเลย แต่แม่มะนาวรู้สึกอยากกินซาละเปาไส้ถั่วดำขึ้นมาเสียอย่างนั้น เจ้านี้ทำอร่อยสุด ไส้เยอะมาก บางเจ้านึกว่ากินหมั่นโถว
แต่นึกไปนึกมาอย่าเลย เดี๋ยวถึงเวลาทานข้าวจริงๆ จะพาลกินไม่ลงเสียเปล่าๆ