อาโนเนะ
Posted 28 March 2013 - 19:42
ใครบังอาจว่า น้องเหี่ยวของตูได้ไง
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
Posted 28 March 2013 - 19:47
ค่อยยังชั่ว กระทู้นี้ มันไม่โผล่มา
ใครนะรึ โธ่ คุณก็รู้ว่าใคร
Posted 28 March 2013 - 19:54
นางยกในรูปกำลังดี๊ด๊า ดีอกดีใจจะได้กินผักความเลวสูงแย้ววุ๊ย ฮิ ฮิ ฮะ ฮะ เอิ๊กๆๆๆ575873_482732828458493_1382493972_n.jpg
นายกฯบอก ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงขนผัก... ผักจะได้ไม่เน่า...
หนึ่งในโครงการ 2.2 ล้านๆ ปชช.จ่ายกัน 50 ปี... เอามาขนผัก...???
Edited by tu249cm, 28 March 2013 - 19:58.
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”
Posted 28 March 2013 - 20:20
Posted 28 March 2013 - 20:22
ผักสดแลกกับหนี้เน่า 2 ล้านล้าน
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
Posted 28 March 2013 - 20:23
ขำก็ขำนะ
แต่ถ้าเป็นนิยายจีนคงต้องใช้คำว่า
หัวร่อไม่ออก ร้องไห้มิได้
ถ้าคณะตลกเอามาเล่นกรุคงขำกว่านี้ แต่นี้แม....ร่ง นายกของประเทศไทย กรุสมเพช ปนเศร้า
โอ้ว หลากหลายอารมณ์
หัวร่อไม่ออก ร้องไห้มิได้ จริง ๆ
Posted 28 March 2013 - 20:44
เราจะมีผักความเร็วสูง กินแล้วรึ!!
ถ้ากินแล้วเกิดความต้องการสูงจะทำอย่างไร???
Next Station Four Seasons
Posted 28 March 2013 - 20:53
งั้นเอาศพแช่มาในรถไฟความเร็วสูงก็ไม่เน่าแล้วซินะ แม่มมมมม เหตุผล
คุณต้องลงมือ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง "คานธี"
กฏของเสียงข้างมาก จะใช้กับเรื่องของมโนธรรมไม่ได้ "คานธี"
Posted 28 March 2013 - 21:56
ผักจะสดหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบขอรับ... แต่อิห่านรากนี่มัน เห็ดสด" จริงจริ๊ง....
Posted 29 March 2013 - 12:54
POPULAR
Posted 29 March 2013 - 13:24
สรุปเค้าจะกู้เพื่อมาสร้างรถไฟความเร็วสูงมาขนผัก ไม่ใช่เอามาโดยสารใช่ไหมครับ
เห้อออออออ
คนที่แพ้ ต้องดูแลตัวเอง
Posted 29 March 2013 - 13:37
"ปู"FBเซ็ง! ถูกเหน็บสร้างรถไฟความเร็วสูงกัน"ผักเน่า"
29 มี.ค.56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Yingluck Shinawatra ชี้แจง การออก พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท หลังจากที่นายกฯ ได้พูดถึงประโยชน์ของประเทศที่จะได้จากการกู้เงิน 2 ล้านล้านครั้งนี้ โดยเฉพาะการขนส่งผัก ผลไม้ที่รวดเร็วขึ้น ทำให้ผักไม่เน่าเสีย จนมีคนนำไปวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่า สร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อขนผัก ไม่ให้เน่าเสีย
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ...
ขอขยายความเข้าใจเพิ่มเติม เรื่องแนวคิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ในการนำประเด็นเรื่องการขนส่งสินค้าเกษตรทางรถไฟความเร็วสูง
การขนส่งสินค้าโดยรถไฟความเร็วสูงเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เศรษฐกิจเติบโตรอง รับอนาคตและความเจริญ นอกจากนั้นยังเป็นการต่อยอดเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพที่ดี สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูง และผู้บริโภคได้รับสินค้าสินค้าที่สดใหม่ ไม่เน่าเสีย ในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติในการส่งสินค้าเกษตรโดยใช้การขนส่งที่รวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การขนส่งดอกไม้ด้วยเครื่องบิน (ซึ่งประเทศไทยทำมานานแล้ว) และในยุโรปก็ได้พัฒนาโครงการ Euro Carex (ยูโร แคเร็กซ์) โดยใช้รถไฟความเร็วสูงสำหรับขนถ่ายสินค้าโดยเฉพาะ ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการวาดฝัน แต่เป็นจริงในหลายๆประเทศแล้ว และทำให้เกษตรกรสามารถส่งออกสินค้าเกษตรที่ต้องการมาตรฐานสูง ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ฯลฯ
รถไฟความเร็วสูงเป็นการเชื่อมโยงแหล่งการผลิตระดับท้องถิ่นภายในประเทศสู่ ภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าทางการเกษตรในการส่ง ถึงตลาดและผู้บริโภค ตลอดจนเพื่อให้ผู้โดยสารโดยเฉพาะคนในต่างจังหวัดประหยัดเวลาในการเดินทางมา ทำงานจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
ดิฉันเห็นว่า การนำคำพูดของดิฉันไปบิดเบือนเพื่อใช้เป็นประเด็นทางการเมือง เหนือประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นการดูถูกเกษตรกรที่ควรจะได้ลืมตาอ้าปากเสียที รถไฟความเร็วสูงจึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนไทยมีโอกาสอย่างเท่าเทียมและ ทั่วถึง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง
ที่มา
http://www.naewna.com/politic/46595
Edited by Andiond Thunder, 29 March 2013 - 13:37.
Posted 29 March 2013 - 13:37
เอา 2.2 ล้านๆ ไปเวนคืน ปตท ท่าจะดี กว่า
Posted 29 March 2013 - 13:50
Posted 29 March 2013 - 15:39
ผักจากกิโลละ 30 บาท เป็นกิโลละ 1000 บาทแน่ๆเพราะอีปูทำแพงทั้งแผ่นดิน
Posted 29 March 2013 - 15:53
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
Posted 29 March 2013 - 15:57
เค้ามีตู้ทำความเย็นโดยเฉพาะครับ เป็นโบกี้สำหรับส่งสินค้าที่เสียหายง่าน จำพวกผักผลไม้เมืองหนาว หรือดอกไม้สด..
ต้องให้ท่านนายกฯปู ปรึกษาท่านอดีตนายกฯสมชาย ... ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญตู้ทำความเย็น
Posted 29 March 2013 - 16:48
ตรูหล่ะเครียด กับการอ่านโพยและ"ลดต้นทุน"ด้วยการใช้รถไฟความเร็วสูง
Man-on-Mission > สันติภาพ
Another Way is Possible
Posted 29 March 2013 - 16:50
ด้วยความเคารพ ผมไม่ได้ยินว่า "ผักสดขึ้น" นะ
Posted 29 March 2013 - 16:58
ที่เค้าโพสกัน เค้าแทนคำว่า "สินค้าเกษตร" ที่หล่อนอ้างย่อรวมเป็นผัก เพื่อความเข้าใจง่ายๆน่ะขอรับ...
Posted 29 March 2013 - 22:20
ค่าขนส่งเท่าไหร่ละ
หรือจะให้ขนฟรี
Posted 29 March 2013 - 22:26
ผมว่าก่อนมีการอภิปรายคนไทยเข้าใจว่าการขนส่งทางรถไฟด้วยความเร็วสูงมีไว้สำหรับขนส่งผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นความคิดที่ถูก แต่พอมีการนำเรื่อง “ผักเน่า” มาพูดโดยเฉพาะออกจากปากผู้นำสูงสุด เลยเกิดเหตุการดาวกระจายทางด้านความคิด เอาล่ะซิพวกที่เชียร์ก็เห็นแสงสว่างแห่งธรรมในการขนส่งและกระจายสินค้า (Logistics) มองภาพของความเจริญที่จะก้าวกระโดดมาทับคนไทยทั้งประเทศรวมไปถึงทั้งภูมิภาคอาเซี่ยนทันที
ขนส่งผักด้วยความเร็วสูงได้...จริงหรือ?
ขออธิบายให้เข้าใจว่ายุโรปพัฒนาการขนส่งทางรางมาใช้อย่างแพร่หลายมานานแล้วเพื่อส่งสินค้าทางด้านพลังงานและเปโตรเคมี/สินค้าจากอุตสาหกรรมยานยนตร์/วัสดุก่อสร้าง/ไม้และกระดาษ/โลหะ/ตู้คอนเทเนอร์ และที่ขาดไม่ได้คือสินค้าทางการเกษตรและอาหาร แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ใช้โครงสร้างของรถไฟความเร็วสูง เขาใช้ขบวนรถไฟปกติบนรางทั่วไป ถ้าเราคิดว่าจะใช้ประโยชน์ทั้งสองอย่างจากโครงสร้างรถไฟความเร็วสูง เราคงจะต้องออกแบบขบวนรถไฟพิเศษขึ้นมาเพื่อขนส่งสินค้าด้วยความเร็วสูงและคงเป็นประเทศแรกในโลก ถึงแม้ว่าเราทำได้เราก็ไม่สามารถนำขบวนขนส่งผู้โดยสารมาใช้ร่วมกับการขนส่งสินค้ามาร่วมกันได้บนรางเดียวกัน เพราะการใช้งานต่างกัน 1.สถานีรถไฟที่ส่งคนอาจไม่ตรงกันกับสถานีขนส่งสินค้า 2.โครงสร้างสถานีแตกต่างกัน สำหรับขนส่งสินค้าต้องมีชานชะลาที่ยาวกว่า (370 เมตร) และกว้างกว่า เพราะขบวนรถจะยาวมาก 3.เวลาขึ้นลงของผู้โดยสารจะเร็วกว่าขนย้ายสินค้า...นี่คือเหตุผลเบื้องต้นของการไม่สามารถ “ขนผัก...ไม่ให้เน่า” ด้วยความเร็วสูงได้
ขนส่งสินค้าทางรางคืออนาคต...จริงหรือ?
ความคิดที่ว่าการขนส่งทางรางมีความสำคัญมากทางด้านประหยัดเวลา ต้นทุน พลังงาน และการลดปริมาณ CO2 เป็นความคิดที่เกิดขึ้นในยุโรปเมื่อหลายสิบปี มีการสนับสนุนนโยบายทางการเมืองอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางราง จนในระยะหลังพบว่าการขนส่งสินค้าทางรางไม่ได้ขยายตัวและลดลงด้วยซ้ำไปตั้งแต่ 1970 เป็นต้นมา ในปี ค.ศ. 2000 รัฐมนตรีคมนาคมฝรั่งเศสบอกว่าปริมาณสินค้าที่ขนส่งทางรางจะขยายตัว 100% ภายในปี 2010 แต่ในความเป็นจริงสินค้าขนส่งทางรางที่เคยมีปริมาณ 28.5 % ในปี 1985 กลับลดลงเหลือ 15.2% ในปี 2001 ในขณะที่ระบบขนส่งทางถนนมีสัดส่วน 83% ในปัจจุบัน โดยขยายตัว 50% จากปี 1998 – 2010 (มีรายงานในหัวข้อยุทธศาสตร์การขนส่งในทวีปยุโรป เป็นสมุดปกขาวออกมาในปี 2011 White paper 2011 - Roadmap to a Single European Transport Area - Towards a competitive and resource efficient transport system)
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะส่วนใหญ่การขนส่งสินค้าจะมีปริมาณไม่มากพอที่จะขนส่งทางราง และจะกระทำกันในระยะทางน้อยกว่า 300 กม. โดยอาศัยรถบรรทุก 6-10 ล้อ การขนส่งทางถนนทำได้ถึงที่หมายโดยตรง (ถึงตลาด โรงงาน หรือโกดัง) ในขณะที่การขนส่งสินค้าครั้งละมากๆในระยะทางไกลๆจะมีสัดส่วนที่น้อยกว่า และก็ต้องใช้รถบรรทุกเพื่อเคลื่อยย้ายต่ออีกอยู่ดีเพื่อนำส่งถึงที่หมาย ในยุคของการแข่งขันสูงเอกชนจำเป็นต้องลดระยะเวลาขนส่งสินค้าและต้องการความยือหยุ่นของระบบขนส่งซึ่งระบบทางรางไม่สามารถให้คำตอบได้
ขนส่งผู้โดยสารด้วยความเร็วสูงดีกว่าเครื่องบิน...จริงหรือ?
ความแตกต่างระหว่างรถไฟกับเครื่องบิน 1. โครงสร้างของระบบ เครื่องบินใช้อากาศไม่ต้องก่อสร้างหรือลงทุน รถไฟความเร็วสูงต้องใช้โครงสร้างใหม่ที่ยังไม่มีในเมืองไทย ต้องพึ่งการจ่ายไฟที่เสถียรมากๆ ไฟฟ้าห้ามตก ต้องมีสถานีจ่ายไฟฟ้าในระดับ 25000 โวลท์ทุกๆ 60 กม. ตลอดเส้นทาง ในขณะที่นโยบายทางด้านพลังงานของไทยยังไม่ชัดเจน ยังต้องพึ่งก๊าซจากพม่า และไฟฟ้าจากลาว 2. สถานีบริการ สายการบินต้นทุนต่ำไม่ต้องสร้างสนามบิน เขาใช้ที่ๆมีอยู่แล้ว แถมยังตัดบริการของสนามบินออกเพื่อลดต้นทุน รถไฟความเร็วสูงต้องใช้สถานีใหม่ที่ยังไม่มีในประเทศ 3. จำนวนเทียวโดยสาร ถ้าจะไปเชียงใหม่ มีเที่ยวบินทุกชั่วโมงตั้งแต่เช้ายันดึก รถไฟความเร็วสูงจะมีกี่เที่ยวต่อวัน 4. ราคาตั๋ว เรื่องนี้ยังไม่มีใตรกำหนดล่วงหน้า แต่คาดได้ว่าคงไม่ต่ำกว่าสายการบินโลว์คอสต์แน่นอน
ที่เขียนมายาวไม่ได้ปฏิเสธรถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่ต้องเข้าใจพื้นฐานของระบบก่อน ต้องเข้าใจขอบเขตของระบบด้วย (ไม่ใช่เอาไปขนสินค้าได้พร้อมๆกัน) ต้องเข้าใจโครงสร้างของระบบขนส่งโดยรวมในประเทศ ความต้องการที่เป็นจริงของประชาชน และบริษัทต่างๆที่ต้องแข่งขันสูงขึ้น ไม่ใช่ความต้องการของนักการเมืองหรือความต้องการของฐานเสียงที่เอนเอียงตามคำพูดของนักการเมือง
https://www.facebook...&type=1
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
Posted 30 March 2013 - 06:50
ตอนผมขึ้น Shinkansen ที่ญี่ปุ่น รถจอดประมาณ 5 นาทีเท่านั้นครับ เผลอๆน้อยกว่านั้นด้วย ถ้าจะขนส่งสินค้าจริงๆก็ต้องจากสถานีต้นทางไปยังปลายทางเท่านั้น ระหว่างทางทำไม่ได้เลย ส่งเอกสารหรือพัสดุอาจจะพอได้ สินค้าสำเร็จรูปบาอย่างที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เตรียมพร้อมขายคงไม่ยาก แต่เป็นพวกที่จะไปเป็นวัตถุดิบสำหรับแปรรุปอย่างผักสด นึกไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง
Posted 30 March 2013 - 13:56
สดขึ้นเเต่ราคาคงเเรงพอๆกับความเร็ว
Posted 30 March 2013 - 20:31
ก่อนที่จะเลยเถิดจากลิงค์ไปลึงค์
ผมขออ้างอิงลึงค์ เอ้ย ลิงค์ จากสำนักข่าวที่เป็นกลางที่สุดในสามโลกมาให้ครับ
http://www.matichon....1&subcatid=0100
ป.ล.
อีดิทแก้ไขหลายครั้ง เนื่องจากเพิ่มลึงค์
ยอมรับว่าผมฮาไปไม่เป็นเลยครับ
0 members, 0 guests, 0 anonymous users