'ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี' เปิดเอกสารแฉ ปตท.-ก.พลังงาน โกหกทุกเรื่อง !
#1
ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:10
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มที่ทำให้แรงกระเพื่อมจนกลายเป็นกระแสทวงคืน ปตท.ดังกล่าวนั้น เกิดจากบรรดานักวิชาการที่ร่วมกันออกมาแฉข้อเท้จจริงและเบื้องหน้าเบื้อง ทำให้ประชาชนเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูก 'ปล้นกลางแดด' ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ 'มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี' เลขานุการอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระ ที่เดินหน้าเปิดเอกสาร ดับเครื่องชนกับ ปตท. รวมถึงกระทรวงพลังงานที่ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ ปตท.ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
และครั้งนี้ 'มล.กรกสิวัฒน์' ได้ออกมาลากไส้ ปตท. และกระทรวงพลังงานอีกครั้ง เพื่อตอบคำถามว่า ไทยมีแหล่งพลังงานมหาศาลจริงหรือไม่ ทำไมคนไทยจึงใช้น้ำมันแพง และผลประโยชน์เหล่านี้ตกอยู่ที่ใคร ?
ตอนนี้กระแสที่แรงมากในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กคือทำไมราคาก๊าซและน้ำมันของประเทศไทย ถึงแพงกว่าต่างประเทศมาก ทั้งๆ ที่เราสามารถขุดก๊าซและน้ำมันจากอ่าวไทยได้
ตอนนี้มีคำถามกันมากว่าราคาน้ำมันและราคาก๊าซในประเทศไทยแพงเกินไปไหม แพง เกินจริงหรือเปล่า เราควรจะกลับไปดูข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าประเทศไทยมีน้ำมันดิบ มี ก๊าซธรรมชาติ จริงหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำมันดิบคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเรามี กระทรวง พลังงานก็พยายามปฏิเสธ บอกว่าไม่มี พอมีคนเอาข้อมูลออกมาเปิดเผย กระทรวงก็จำยอมต้องกับความจริงแต่ยังเม้มว่ามี แต่..น้อย ในที่สุดเพิ่งยอมรับว่ามีพอสมควร แต่....ยังไม่พอใช้ คือคำพูดของกระทรวงพลังงานเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความรู้ของคนในสังคม เมื่อเรารู้มากขึ้นเขาก็ยอมรับมากขึ้นว่ามีประเทศไทยมีน้ำมันจริง ก็คงมีอะไรอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังความ พยายามที่ไม่อยากให้คนไทยรับทราบเรื่องทรัพย์ของแผ่นดินชิ้นนี้ น่าคิดนะว่าประชาชนไทยเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซที่แท้จริงแต่คนไทยกลับจนลงเพราะต้องใช้น้ำมันในราคา นำเข้าซึ่งแพงมาก ส่วนคนที่ร่ำรวยกลับเป็นบริษัทน้ำมัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็พูดอยู่เสมอว่าใครบอกว่าไทยผลิตน้ำมันดิบได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มันไม่จริง...ต้องบอกอย่างนี้ครับ จากข้อมูลกระทรวงพลังงานเองชี้ชัดว่าเราสามารถขุดเจาะปิโตรเลียมรวมได้วันละ 1 ล้านบาร์เรลจริงครับ ซึ่งใน 1 ล้านบาร์เรลมาจากก๊าซธรรมชาติประมาณ 7 แสนบาร์เรล จริงๆ หน่วยของก๊าซเป็นลูกบาศก์ฟุตแต่ขอแปลงเป็นบาร์เรลเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นน้ำมันดิบประมาณ 1.5-1.6 แสนบาร์เรล และที่เหลือเป็นก๊าซโซลีนธรรมชาติ และคอนเดนเสท (ก๊าซธรรมชาติเหลว โดยเมื่ออยู่ใต้ดินจะมีสถานะเป็นก๊าซ แต่เมื่ออยู่บนดินจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว) ซึ่ง 2 ตัวนี้สำคัญมาก แต่คนไทยไม่รู้จัก กระทรวงพลังงาน ไม่เคยบอก รมว.พลังงานก็ไม่พูดถึง ซึ่ง 2 ตัวนี้ถ้าพูดภาษาชาวบ้านผมเรียกว่าหัวกะทิน้ำมันดิบเนื่องจากราคาแพงกว่าน้ำมันดิบมากเพราะมีคุณภาพ ใกล้เคียงกับเบนซินที่สุด ดังนั้นในอเมริกาจึงเรียกก๊าซตัวนี้ว่า ก๊าซโซลีนธรรมชาติ(Natural Gasoline) เพราะคำว่าก๊าซโซลีนนั้นในประเทศสหรัฐฯ คือน้ำมันเบนซิน ดังนั้นก๊าซโซลีน ธรรมชาติจึงเหมือนเบนซินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมันมักจะอยู่ในหลุมก๊าซ เวลาขุดก๊าซเขาบอกว่าหลุมก๊าซไม่มีน้ำมันดิบนั้นถูกต้อง แต่มันมีก๊าซโซลีนธรรมชาติและคอนเดนเสท พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหัวกะทิน้ำมันดิบนั่นเอง
ก๊าซโซลีนธรรมชาติกับคอนเดนเสท เขาเอาไปทำอะไร
สามารถนำไปผสมกับน้ำมันดิบและกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปได้เลยครับ แต่ไม่ได้ เรียกว่าน้ำมันดิบเท่านั้นเองเพราะมันมีองค์ประกอบใกล้เคียงกับเบนซิน โดยสิ่งที่จะได้จาก การกลั่นก๊าซโซลีนธรรมชาติและคอนเดนเสทคือ เบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่แพงทั้งหมดเลย น้ำมันเตาแทบจะไม่มี ดังนั้น ที่ราคาน้ำมันดิบมันถูกก็เพราะมันมีน้ำมันเตาปนอยู่เยอะ แปลว่าประเทศไทยมีของดี ของแพง แต่คนไทยอย่าหวังจะได้แอ้ม
นอกจากปริมาณก๊าซโซลีนธรรมชาติและคอนเดนเสทที่เขาไม่พยายามบอกเราแล้ว เขาก็จะยังมักจะไม่นับรวมแหล่งจีดีเอไทย-มาเลเซียด้วย ซึ่งแหล่งนี้ขุดเจาะได้ประมาณ 3 แสนบาร์เรลต่อปี เป็นของไทยครึ่งหนึ่งคือ 1.5 แสนบาร์เรลต่อปี แต่ผมเอามารวมด้วยเพราะเป็นทรัพยากรของประชาชน จึงกลายเป็นที่มาของปริมาณปิโตรเลียม 1 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ขุดได้จากแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นเวลากระทรวงพลังงานหรือปตท.พูดกับเรา ตัวเลขจึงขาดหายไปมากเนื่องจากตัดออกไปหลายอย่าง
กระทรวงพลังงานระบุว่าแหล่งน้ำมันของไทยมีขนาดเล็ก ขุดเจาะยาก ทำให้ปริมาณน้ำมันในไทยมีน้อย
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงต้องแปลว่าเราต้องมีแหล่งน้ำมันเล็กๆ ที่ว่าอยู่เป็นจำนวนมากมาย เพราะปัจจุบันเราขุดเจาะปริมาณปิโตรเลียมมากกว่าพม่า และบรูไน 3 เท่า แต่รัฐบาลไทยได้ส่วนแบ่งจากปิโตรเลียมน้อยที่สุดในอาเซียนด้วยเหตุผลว่าแหล่งน้ำมันของเราเป็นกระเปาะ เล็ก ผมก็เคยเรียนทางกระทรวงว่า แปลว่ากระเปาะเล็กของเราต้องมีหลายพันกระเปาะนะมันถึงได้ปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้มากถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่สำคัญด้วยเทคนิคการการขุดเจาะแบบหลุมแคบ ที่พัฒนาโดยยูโนแคล ทำให้ต้นทุนการขุดเจาะต่ำลงมากเหลือ เพียง 22 ล้านบาทต่อหลุมเท่านั้น(จากเอกสาร Slimhole development in the gulf of Thailand: Society of Petroleum Engineer) โดยในปี 2542 ประเทศไทยทำสถิติการขุดเจาะปิโตรเลียมได้เร็วที่สุดในโลกที่แหล่งฟูนานในอัตรา 5,145 ฟุตต่อวัน(เอกสารย้อนรอยปิโตรเลียมของบริษัทเชฟรอน) และจากรายงานผู้ถือหุ้นปี 2553-2554 ของบริษัทเฮส (Hess)ระบุเรื่องต้นทุนการขุดเจาะในเมืองไทยอยู่ที่ประมาณ 8-10 เหรียญต่อบาร์เรล หรือ 1.60-1.88 บาทต่อลิตรเท่านั้น สรุปว่าขุดน้ำมันเมืองไทยสัมปทานถูก ขุดง่าย ขุดไว และต้นทุน ต่ำ แต่คนไทยใช้น้ำมันแพงที่สุดในอาเซียน
แล้วพลังงาน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันนี่พอใช้ภายในประเทศไทยไหม
ทางราชการบอกว่าพลังงานที่ได้ภายในประเทศไม่พอใช้ แต่สิ่งที่พบคือตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากรระบุว่าเราส่งออกน้ำมันดิบทุกปี ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจ นะ ครับ เราบอกเราไม่พอใช้ แต่เรากลับส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่ง 4 ประเทศหลักที่นำเข้าน้ำมันดิบจากไทย อันดับ 1อเมริกา , อันดับ 2 จีน , อันดับ 3 เกาหลีใต้ และอันดับ 4 สิงคโปร์ โดยปี 2555 ที่ผ่านมามีมูลค่ามากถึง 51,000 ล้านบาท ซึ่งตอนแรกกระทรวงพลังงานก็อ้างว่าน้ำมันที่ส่งออกไปเป็นน้ำมันที่คุณภาพไม่ดี แต่อย่าลืมว่าประเทศที่ไทยส่งน้ำมันดิบไปขายล้วน แต่เป็นประเทศที่เจริญแล้ว ร่ำรวย และมีมาตรฐานในด้านคุณภาพชีวิตสูงกว่าไทย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ผมก็ขอถามทั้งกระทรวงพลังงานและ ปตท.ว่า ถ้าน้ำมันคุณภาพไม่ดี อเมริกาก็คงไม่ใช้เพราะเขามีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสูงมาก คุณภาพน้ำมันที่เขาใช้ก็สูงมาก ดังนั้นการอ้างว่าน้ำมันไทยคุณภาพไม่ดี ผมคิดว่าเป็นเหตุผลที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง
เขาบอกว่าน้ำมันของไทยมีสารปรอทอยู่เยอะ ผมก็บอกว่าปรอทเยอะมันมีในหลาย ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย เยอรมนี ปรอทในน้ำมันก็เยอะ เขาก็ส่งออกได้ เพราะแค่เอาปรอท ออกจากน้ำมันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ยาก ซึ่งตอนหลังกระทรวงก็เริ่มจนมุม ท่านก็เลยแก้ตัวว่า น้ำมันไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นไทย ผมก็เลยตั้งคำถามต่อว่าที่ผ่านมาเราส่งน้ำมันดิบไปอเมริกา ไปจีน เกาหลี สิงคโปร์ เขาก็เอาน้ำมันดิบไปกลั่นต่อแสดงว่าน้ำมันที่ขุดจากประเทศ ไทยนี่เหมาะกับโรงกลั่นของทุกประเทศเลย แต่ไม่เหมาะกับโรงกลั่นในประเทศไทย สิงคโปร์เขาก็กลั่นน้ำมันส่งออกทั่วโลก แต่เมืองไทยบอกกลั่นไม่ได้ ? ผมคิดว่าถ้าทรัพยากรตรงนี้ถูกขุดขึ้นมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงและมีการวางนโยบายพลังงานแบบเศรษฐกิจพอเพียง เรามีอะไรเราใช้อย่างนั้นไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากมายอย่างในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าก็จะมีคนขอมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันชนิดนี้ได้อยู่ดีเพราะมันเป็นของดี
มีข้อมูลออกมาว่าจริงๆ แล้วน้ำมันของไทยคุณภาพดีมาก
ใช่ครับ โดยเฉพาะน้ำมันในอ่าวไทย ซึ่งมาเลเซียเขาเรียกแหล่งน้ำมันตรงอ่าวไทยว่า แหล่งทาปิสซึ่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐตรังกานูไป 200 กิโลเมตรในอ่าวไทยเป็นน้ำมันที่คุณภาพดี ที่สุดในโลกเนื่องจากมีมลภาวะต่ำ จึงแพงที่สุดในโลกด้วย แพงกว่าน้ำมันที่เรียกว่าเบรนท์ ทะเลเหนือที่อังกฤษถึง 7 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตรวจสอบได้จากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น บลูมเบิร์ก สถาบันปิโตรเลียมออสเตรเลีย (Australia Institute of Petroleum) ซึ่งมันก็ตรงข้ามกับที่กระทรวงพลังงานพูดทั้งหมด และเป็นเรื่องที่น่ากังขา
เขายังบอกอีกว่าน้ำมันของไทยกลั่นแล้วได้เบนซินเยอะ แต่ไทยต้องการใช้ดีเซล ขณะที่จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ พบว่าในปี 2555 ประเทศไทยส่งออกน้ำมันดีเซลจำนวน กว่า 2 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดการส่งออกน้ำมันเบนซินมีเพียง 4 หมื่นล้านบาท ในเมื่อเราส่งออกน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซินหลายเท่าตัว ดังนั้นคำกล่าวอ้างว่ามีเบนซินล้นเกินจึงต้อง ส่งออกมันไม่ใช่ แต่ท่านตั้งใจผลิตทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซลเพื่อการส่งออกให้คนทั้งอาเซียน ที่สำคัญราคาที่ส่งออกยังถูกว่าราคาที่ขายคนไทยถึงลิตรละ 2 บาทโดยประมาณ เพราะเป็นราคาที่ถูกควบคุมโดยกลไกการแข่งขันจากโรงกลั่นสิงคโปร์
ทั้งนี้ประเทศที่ไทยส่งออกทั้งน้ำมันดีเซลและเบนซินให้สิงคโปร์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 มีมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ที่น่าสนใจอีกอย่างคือประเทศซาอุดิอาระเบียอยู่ในอันดับที่ 12 ในการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากไทย น่าตกใจไหม ? วันนี้น้ำมันดิบที่ขุดในประเทศไทย ส่งออกไปอเมริกา จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ แต่เรานำเข้าน้ำมันดิบเข้าจากตะวันออกกลาง กลั่น เสร็จส่งไปตะวันออกกลาง ที่สำคัญประเทศที่เราส่งน้ำมันออกไปนั้นราคาน้ำมันถูกกว่าราคา น้ำมันในบ้านเราแทบทั้งนั้น และเราก็ส่งออกในราคาที่ถูกกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายคน ไทย เพราะกลไกกึ่งผูกขาดโรงกลั่นในประเทศที่เป็นอยู่นั่นเอง
ที่ผ่านมา ปตท.และกระทรวงพลังงาน พยายามบอกว่าราคาน้ำมันบ้านเราแพง เพราะต้นทุน การผลิตสูง
ในเอกสารของ Society of Petroleum Engineer รวมทั้งเอกสารของเชฟรอน ก็ระบุตรงกันว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ขุดเจาะน้ำมันได้ในต้นทุนที่ต่ำ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Slim Hole ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้นทุนต่ำ ขุดเจาะได้เร็ว สามารถเข้าถึงทุกโซนที่มีน้ำมัน และ สามารถเอาน้ำมันขึ้นมาได้มากที่สุด ซึ่งสถิติการขุดเจาะที่เร็วที่สุดในโลกเกิดขึ้นในประเทศ ไทย ในปี 2542 โดยบริษัทเชฟรอน โดยใช้เวลาขุดเจาะแค่ 46 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่ถึง 2 วันเลย ทั้งนี้ในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว การขุดเจาะแต่ละจุดจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน มีค่าใช้จ่าย 5 ล้านเหรียญ หรือเท่ากับ 150 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเทคนิคก้าวหน้าขึ้น ใช้เวลาแค่ 6 วัน เป็นค่าใช้จ่ายแค่ 20 ล้านบาท แต่กระทรวงพลังงานพูดคนละเรื่องเลย
นอกจากนั้นยังมีข้อมูลต้นทุนของบริษัทเฮส ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของนิวยอร์ก มาขุด เจาะน้ำมันในภาคอีสานบ้านเรา ซึ่งเฮสรายงานว่า ต้นทุนการขุดเจาะน้ำมันดิบนั้นประมาณ 8-10 เหรียญต่อบาร์เรล อยากรู้ว่าต้นทุนต่อบาร์เรลเป็นกี่บาท ก็เอา 10 เหรียญคูณด้วย 30 บาท ก็เท่ากับ 300บาทต่อบาร์เรล ซึ่ง 1 บาร์เรลเท่ากับ 159ลิตร เพราะฉะนั้นต้นทุนขุดเจาะน้ำมันดิบก็ตกลิตรละ 1.88บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่ามีต้นทุนต่ำมาก ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปเขามาขายเราที่ลิตรละเกือบ 50 บาท ถามว่ามันเป็นธรรมหรือไม่ ถ้าดูตัวเลขของอเมริกาซึ่งเป็นประเทศค่าครองชีพสูงมาก น้ำมันสำเร็จรูปของเขาราคาแค่ลิตรละ 25-29 บาทเท่านั้น
ปัญหาของไทยขณะนี้คือการผูกขาดด้านพลังงาน
คือปัจจุบันเราปล่อยให้ ปตท. สามารถเข้าไปถือหุ้นในทุกโรงกลั่น เหลือเอสโซ่เพียงรายเดียวที่ ปตท.ไม่ได้เข้าไปถือหุ้น ซึ่งทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน และการเข้าไปถือหุ้นของ ปตท.ในเกือบทุกโรงกลั่นนั้นทำให้ราคาน้ำมันที่ออกมาจากโรงกลั่นทุกแห่งนั้นเป็นราคาที่คุยกันไว้แล้ว ส่วนเอสโซ่มีกำลังการกลั่นเพียง 13% คงไม่สามารถจะต่อกรกับ ปตท.ได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้อย่าถามหากลไกตลาดในธุกิจพลังงานไทยเพราะมันไม่มีอยู่จริง!
หลายๆ ประเทศมีกฎหมายและระเบียบที่ป้องกันไม่ให้บริษัทต่างๆ เข้าไปกอบโกยทรัพยากรด้านพลังงานอย่างไม่เป็นธรรม
ใช่ครับ อย่างกฎหมายปิโตรเลียมของอินโดนีเซียดีกว่าเรามาก กฎหมายอินโดนีเซียระบุไว้เลยว่าน้ำมันที่บริษัทพลังงานขุดเจาะในประเทศอินโดนีเซียจะต้องมาใช้ในประเทศอินโดนีเซียให้เพียงพอเสียก่อนจึงส่งออกได้ แต่เมืองไทยใช้พอไม่พอ ขุดขึ้นมาก็ส่งออกเลย เพราะคิดว่าทรัพย์สินนี้ไม่ใช่ของประชาชน ทั้งที่กระทรวงพลังงานอยู่ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของชาติ ผมเรียกว่าผู้จัดการมรดกก็แล้วกัน ส่วนประชาชนคือเจ้าของมรดก กระทรวงพลังงานก็พยามยามบอกว่าไม่มีมรดกเหลือแต่ท่านเอามรดกไปให้คนอื่น มรดกเหล่านั้นถูกส่งออกไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา ในอินโดนีเซียนี่เมื่อบริษัทพลังงานเอาอุปกรณ์เข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแท่นขุดเจาะหรืออะไร อุปกรณ์เหล่านี้ตกเป็นของประเทศทันที แล้วก็ให้เอกชนเอาน้ำมันส่วนหนึ่งไปเพราะถือว่าแท่นขุดเจาะเป็นของหลวงแล้ว รัฐก็ผ่อนคืน เอกชนด้วยปริมาณปิโตรเลียมจำนวนหนึ่งเพราะถึงจะให้สัมปทานไปแล้วเขาก็ไม่ได้มองว่าน้ำมันเป็นของเอกชนนะ ปิโตรเลียมที่ยังไม่ได้ขุดก็ยังเป็นของรัฐ เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็ยังเป็น ของรัฐอยู่ จนรัฐบาลเขาเก็บค่าภาคหลวง ส่วนแบ่งกำไรและภาษีเรียบร้อย ส่วนที่เหลือจึงเป็นของเอกชน ผิดกับประเทศไทยเอาอุปกรณ์มาตั้งก็ลดภาษีให้หมด นำเข้าฟรีหมด แต่อุปกรณ์พวกนี้เป็นของบริษัทเอกชน ใครจะเข้าไปในเขตแท่นขุดเจาะไม่ได้การตรวจสอบจากภาคประชาชนจึงทำได้ยาก
นอกจากนั้น ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการขุดน้ำมันของไทยที่ส่งให้กับรัฐนั้นถือว่า ต่ำ ที่สุดในอาเซียน 10 ประเทศ ทั้งที่เราผลิตได้เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ผลิตได้มากได้เป็น 3 เท่าของประเทศพม่า ผลิตได้ 3 เท่าของบรูไนทั้งก๊าซและน้ำมันดิบ แต่เราได้ผลประโยชน์ต่ำ กว่าทั้ง 2 ประเทศ เหมือนกับเรามีต้นมะม่วงที่บ้าน แต่เราไม่มีบันไดที่จะปีนขึ้นไปเก็บ เราก็อนุญาตให้คนที่มีบันไดปีนขึ้นไปเก็บ อย่างพม่า มีมะม่วง 100 ลูก คนมาช่วยเก็บได้ส่วนแบ่งไปยังไม่ถึง 20 ลูกเลย ผลประโยชนส่วนใหญ่จึงตกกับประเทศเพราะเขาเป็นเจ้าของทรัพยากรอันมีค่า แต่ประเทศไทยให้คนอื่นมาเก็บไปเกือบหมดต้น แล้วเราไม่พอกินจึงต้องไปซื้อมาเพิ่ม
จุดหนึ่งที่เป็นช่องให้คนอื่นมาล้วงทรัพยากรของเราก็คือผู้ที่เกี่ยวข้องปล่อยให้กฎหมายล้าสมัย ปัจจุบันเรายังใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 อยู่เลย ซึ่งในปี 2514นี่ราคาน้ำมันยังไม่ถึงลิตรละบาทเลย ตอนนั้นน้ำมันดิบราคาแค่บาร์เรลละ 1 เหรียญ ซึ่ง 1 บาร์เรลมี 159 ลิตร ราคามันถูกมาก ซึ่งเมื่อราคามันถูก ผลประโยชน์ตอบแทนเข้าประเทศน้อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้ราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 100 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาขึ้นไป 100 เท่า แต่ท่านไม่แก้ไขกฎหมาย เพียงแค่กระทรวงพลังงานนิ่งเฉยปล่อยให้กฎหมายล้าสมัยประเทศชาติก็เสียประโยชน์แล้ว ในปี 2514 เราเก็บค่าภาคหลวงจากการทำปิโตรเลียม 12.5% ของมูลค่าปิโตรเลียม และเก็บภาษี 50% ขณะที่ประเทศอื่นก็มีค่าภาคหลวงและเก็บภาษีในลักษณะเดียวกับไทย แต่เขาจะมีส่วนแบ่งกำไรหรือส่วนแบ่งผลผลิตอีกต่อหนึ่งด้วย อย่างพม่าจะมีส่วนแบ่งกำไรอีก 80% ก่อนที่จะหักภาษี สมมุติขุดน้ำมันได้ 100 บาท เขาเอาเข้ารัฐไปเลย 10 บาทก่อน จากนั้นเขาจะดูว่ามีกำไรเท่าไหร่ เอาไปอีก 80% แล้วเหลือเท่าไหร่เอามาเสียภาษีอีก 30% ขณะที่ประเทศไทยไม่มีส่วนแบ่งกำไรหรือส่วนผลผลิตอะไรจากปิโตรเลียมเลย
ทราบว่าหลังจากที่หม่อมนำข้อมูลด้านพลังงานที่ปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆ มาเปิดเผย ข้อมูลบนเว็บไซต์ของหน่วยราชการบางแห่งก็หายไป
ครับ ผมก็ห่วงว่าพูดไปข้อมูลในเว็บไซต์ของหน่วยราชการจะโดนลบเพราะที่ผ่านมาหลังจากที่เราเอาข้อมูลมาเปิดเผย ข้อมูลบนเว็บไซต์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ก็ถูกเปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อมูลหายไปจำนวนหนึ่ง ผมในฐานะเลขานุการอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา ก็คงต้องมีการทวงถาม เพราะขณะที่กรรมาธิการเราตรวจสอบเรื่องนี้ข้อมูลก็หายไปบางส่วนซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพิรุธบางอย่าง
ต้องเรียนว่าผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่านนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หรือ ปตท.ผมเพียงแต่เอาข้อมูลมากางให้ท่านดูว่าสิ่งที่ท่านกล่าวอ้างมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งในและต่างประเทศที่ปรากฏ ผมต้องใช้คำว่ากระทรวงกล่าวอ้างเพราะที่ผ่านมากระทรวงไม่เคยแสดงเอกสารหลักฐานอะไรเลย แต่ผมมีเอกสารมาแสดงทุกครั้ง ตอนนี้เราว่ากันด้วยข้อมูล ซึ่งท่านเถียงกับข้อมูลนะครับ ไม่ได้เถียงกับผม ท่านไม่ได้ขัดแย้งกับผม แต่ขัดแย้งกับข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร เอกสารรายงานต่อผู้ถือหุ้นของผู้รับสัมปทาน และเอกสารอื่นๆ อีกมาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มันสามารถตรวจสอบได้นะครับ แล้วผมเองก็ไม่สบายใจกับเงินภาษีที่ผมเสียไปเพื่อจ่ายเป็นงบประมาณของกระทรวงพลังงาน เพราะข้อมูลที่ท่านให้ผมไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้ผมและคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา สงสัยว่าท่านมีความประสงค์ใดต่อการให้ข้อมูลเช่นนี้กับประชาชน ผมว่าเมื่อความจริงปรากฏประเทศไทยคงต้องปฏิรูปกระทรวงพลังงานขนานใหญ่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ดูแลมรดกล้ำค่าของแผ่นดินซึ่งก็ทรัพยากรน้ำมันดิบและก๊าซ ธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน
http://www.manager.c...D=9560000038431
#3
ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:04
แบบนี้คงจะเรียกว่า "รวยกระจุก จนกระจาย" ได้สินะครับ...!!!
- กรกช and สิงห์สนามซ้อม like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#4
ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:05
#5
ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:35
'ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี' นึกว่าใคร เพื่อนสนิท โกตี๋ นี่เอง เห็นไปพูดที่สถานีบ่อยๆ
เผื่อบางท่าน นึกหน้าไอ้ตี๋ ไม่ออก
- phoebus likes this
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#7
ตอบ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:17
เนื่องจากมีข้อมูลที่ต้องอธิบายยาว จะขอแบ่งเนื้อหาตอบโต้กระทรวงพลังงานเป็น 3ตอน เพื่อให้เพื่อนมิตรกันง่ายๆ ดังนี้
1) ประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันดิบวันละ 855,000 บาร์เรล เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของทั้งประเทศ
2) เหตุผลที่ต้องส่งออกน้ำมันดิบเพราะคุณภาพดีเกิน กลั่นแล้วได้เบนซินเยอะ และ น้ำมันดิบของไทยไม่เหมาะกับโรงกลั่นไทย
3) แหล่งกำเนิดปิโตรเลียมไทยมีขนาดเล็ก ขุดเจาะยาก ต้นทุนสูง
ตอนที่1
กระทรวงพลังงานระบุว่า " ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองเพียงวันละ 145,000บาร์เรล
ขอโต้แย้งข้อมูลของกระทรวงพลังงาน ดังนี้
สิ่งที่สามารถนำมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูป ไม่ใช่แค่น้ำมันดิบอย่างที่กระทรวงพลังงาน และปตท. พยายามให้ประชาชนเข้าใจ
คอนเดนเซท และ ก๊าซโซลีนธรรมชาติ ก็มีองค์ประกอบทางเคมีใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน
จำนวนปิโตรเลียมที่ว่ามีอยู่ 1,000,000 บาร์เรล ที่กระทรวงพลังงานออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงนั้น
1) ก๊าซธรรมชาติ 700,000 บาร์เรล/วัน
2) น้ำมันดิบ, คอนเดนเซท และก๊าซโซลีนธรรมชาติ ปิโตรเลียมทั้ง3ชนิดที่ผลิตได้ในประเทศ
ในขณะที่คนไทยใช้น้ำมันสำเร็จรูปทั้งน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลวันละ 73 ล้านลิตร ซึ่งเป็นอัตราคงที่มา8ปีแล้ว
ถ้าเทียบน้ำมันสำเร็จรูปที่เราใช้กลับไปเป็น บาร์เรล ก็ใช้ 159 มาหาร 73 ล้านลิตร
เมื่อเรามีน้ำมันดิบ,คอนเดนเซทและก๊าซโซลีนธรรมชาติที่สามารถนำมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปได้ประมาณ 270,000 - 300,000 บาร์เรล
แต่การที่กระทรวงพลังงานพยายามป่าวประกาศ โดยใช้ภาษีของเราทุกคนว่า
ถ้าไปดูการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปทั้งดีเซลและเบนซินของไทย จะเห็นได้ว่าเรามีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นทุกปี และทุกประเทศในอาเซียนยกเว้นบรูไน
น้ำมันดีเซล มูลค่าการส่งออกในปี 2555 คือ 220,017.53 ล้านบาท
น้ำมันเบนซิน มูลค่าส่งออกในปี 2555 คือ 41,473.05 ล้านบาท
น้ำมันดิบมูลค่าส่งออกในปี 2555 คือ 51,337.44 ล้านบาท
กระทรวงพลังงานจึงไม่ควรให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเรามีการนำเข้าน้ำมันมาใช้สำหรับประชาชนทั้งประเทศในปริมาณมากถึงวันละ 855,000 บาร์เรล
#8
ตอบ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:22
'ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี' นึกว่าใคร เพื่อนสนิท โกตี๋ นี่เอง เห็นไปพูดที่สถานีบ่อยๆ
แล้วมีความเห็นว่าไงบ้างครับ เกี่ยวกับ ปตท. ที่เค้าพูดถึง
#9
ตอบ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:26
ผมเห็นด้วยกับหม่อมนะครับว่า กระทรวงพลังงานไม่เคยเอาข้อมูลมาตอบคำถามประชาชนเลย
ก็ดูจากที่ พวกเหี้ยนั่นส่งมา ดีเบต กับกลุ่ม สว.รสนา แต่ละตัว ( ขอใช้สรรพนาม แบบนี้นะครับ - เพราะมันยอมขายวิญญาณ เพื่อชำเราสมบัติของชาติ) สิครับ..!!!
โดนคำถามไปแต่ละดอก ไม่ตอบเลี่ยงไปทางอื่น ก็เงียบเป็น " ส า ก กะ เ บื อ ".....เพราะมัน "จุก" กับ คำถาม ที่โดนถามไปหน่ะครับ ( พอดีมีโอกาสได้ดูพอดี )..
ป.ล. กระทรวงพลังงาน มีนักวิชาการมากมาย แต่ไม่มีปัญญาหาคนที่มีความรู้มากกว่านี้มาตอบคำถามเหรอครับ หรือว่า ปัญญาที่มีโดนซื้อด้วยเงินไปหมดแล้วครับ
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#10
ตอบ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:35
ผมเห็นแล้วสมเพชความโง่ของพรรคแมงสาปที่ ปชปขายชาติยกดินแดนให้เขมรพาไทยขึ้นศาลโลกเพราะไอ้สุเทพต้องการมีผลประโยชน์ทางพลังงานและที่ ปชปไม่ทวง ปตทก้แบบนี้ละ
ผมเบื่อพวกแมงสาป ถ้ายังโง่ดักดานกับ ปชปก็แพ้ตลอดกาลเถอะ
- เพื่อนร่วมชาติ likes this
#11
ตอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:28
ลิเกเรื่องท่อก๊าชไทย-พม่า จนด้วยหลักฐานความจริง
#12
ตอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:51
ตอกย้ำไปอีกที บ่อน้ำมันปัตตานี ใหญ่ขนาดไหน หรือว่า ที่เกิดระเบิดกันเกือบจะรายวัน เพราะสิ่งนี้ ขอให้พิจารณาตัดสินใจเอาเอง
แค่ตรรกะง่ายๆ นะ น้ำมัน เกิดจากซากพืชซากสัตว์ตายทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี และบ้านเราขุดพบ ซากไดโนเสาร์จำนวนมาก
ก็ย่อมเป็นแหล่งน้ำมันดีๆ นี้เอง จบข่าว
- กรกช likes this
#13
ตอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:54
1) คุณภาพของน้ำมันดิบที่เรียกว่า Light Crude นั้นคือน้ำมันเกรดดีที่สุด มีกำมะถันต่ำ... กลั่นแล้วได้เบนซินเยอะ ที่อ้างว่าไม่เป็นที่ต้องการของโรงกลั่นนั้น บริษัทไทยออยส์กลับระบุในรายงานของบริษัทว่าต้องการซื้อน้ำมันดิบในไทยเพราะค่าใช้จ่ายต่ำกว่า ช่วยให้ลดต้นทุนได้
2) เหตุผลที่แท้จริงที่ส่งออกน้ำมันดิบคือส่วนแบ่งสัมปทานในประเทศไทยต่ำสุด ทำให้น้ำมันดิบของไทยมีต้นทุนต่ำ แต่คุณภาพดีที่สุด มีราคาแพงสุด เมื่อส่งออกย่อมทำกำไรให้บริษัทได้มากกว่า
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เราส่งออกน้ำมันดิบเป็นอันดับหนึ่ง แสดงว่าของดีคนไทยไม่ได้ใช้ค่ะ ต้องคนอเมริกันจึงจะมีสิทธิใช้
3) เราขายน้ำมันดิบเกรดดี ที่มีกำมะถันต่ำ เมื่อกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปก็จะเป็นน้ำมันสำเร็จรูปที่มีกำมะถันต่ำโดยไม่ต้องมีต้นทุนในการกำจัดกำมะถัน
4) ส่งออกของดีแล้วนำเข้านำเข้าน้ำมันเกรดต่ำจากตะวันออกกลาง ที่มีกำมะถันสูงมากลั่น และกำหนดมาตรฐานโรงกลั่นเป็นยูโร4 ซึ่งมีต้นทุนสูง แล้วผลักต้นทุนค่ากำจัดกำมะถันไว้ในราคาน้ำมันให้ผู้บริโภครับไป ต้นทุนค่ากำจัดกำมะถันไม่มีราคาอ้างอิง เป็นช่องทางบวกเพิ่มราคาได้ตามพอใจ
5) ที่อ้างว่าคุณภาพน้ำมันดิบของเราไม่เหมาะสม เพราะกลั่นแล้วได้เบนซินเยอะ แต่เราต้องการใช้ดีเซลมากกว่านั้น ต้องถือว่าเป็นนโยบายสาธารณะที่ไม่เป็นไปตามหลักเหตุและผล และหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่ควรใช้ทรัพยากรภายในประเทศก่อน เมื่อน้ำมันดิบในบ้านเรากลั่นแล้วได้เบนซินมาก ก็ควรใช้เบนซินมากกว่าดีเซล แต่กลายเป็นส่งเสริมให้ใช้ดีเซลที่มีต้นทุนสูงในราคาต่ำ แล้วต้องเอากองทุนน้ำมันมาชดเชย
6) ที่อ้างว่าเราต้องการใช้ดีเซลมากกว่าเบนซิน แต่ปรากฎว่ามีการส่งออกน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน 5.4 เท่าในปี2555 แท้จริงแล้ว ความต้องการกลั่นน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซินเป็นความต้องการทางธุรกิจของโรงกลั่นเอง ใช่หรือไม่?
7) ที่อ้างว่าน้ำมันดิบไทยมีสารเจือปนที่ไม่เหมาะกับโรงกลั่น ถ้าหมายถึงสารปรอท ก็ต้องบอกว่าสารปรอทมีอยู่ในน้ำมันดิบจากทุกแหล่ง ถ้ามีปัญหามากจริง สหรัฐคงไม่โง่มาซื้อน้ำมันดิบจากไทย
การกำจัดสารปรอทในน้ำมันง่ายกว่าการกำจัดกำมะถันในเนื้อน้ำมัน และมีต้นทุนต่ำกว่า
สามารถกล่าวได้ว่านโยบายสาธารณะด้านพลังงานของประเทศไทย ถูกออกแบบบนฐานการสร้างกำไรของบริษัทเป็นหลักมากกว่าพิจารณาจากฐานทรัพยากรที่ประเทศมี
8) ยิ่งกว่านั้นน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นได้ในประเทศ เวลาขายคนไทย ขายในราคานำเข้าจากสิงคโปร์ส่วนส่งออกจะมีราคาถูกกว่าขายคนไทย
นักวิชาอิสระคนหนึ่งของปตท.กล่าวว่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของเราต้องขายถูกกว่าที่ขายให้คนในประเทศ
แสดงว่าคนไทยต้องช่วยชดเชยให้คนทั้งอาเซียน รวมถึงคนนอกอาเซียน ที่มีอเมริกา และเกาหลีใต้เพื่อให้เขาได้ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปราคาถูก โดยคนไทยแบกรับราคาแพงไว้เอง !?!
หรือกล่าวให้ถูกต้องคือคนไทยต้องแบกโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไว้บนหลังของเรา เพื่อข้ออ้างความมั่นคงทางพลังงาน ใช่หรือไม่?
แล้วจะมีโรงกลั่นน้ำมันเพื่อทดแทนการนำเข้าไปเพื่ออะไร??
คำแก้ตัวของกระทรวงพลังงานที่ลงโฆษณาใน นสพ.หลายฉบับโดยใช้เงินภาษีของเรา เพื่อพูดโกหกอย่างไม่ละอายแก่ใจ คงคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้พอที่จะโต้แย้งคำโฆษณาชวนเชื่อของตนกระมัง?
#14
ตอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:14
จากเหตุผลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในข้อที่ 1 ในความเห็นก่อนหน้าของกระทรวงพลังงานที่ว่า
น้ำมันดิบบางส่วนกลั่นแล้วได้เบนซินสูง เราจึงส่งออก เพราะบ้านเราใช้ดีเซลเป็นหลัก
แต่จากข้อมูลของกรมขนส่งทางบก รถทุกชนิดที่ใช้เบนซินมีจำนวน 22 ล้านคัน ใช้ดีเซล 8 ล้านคัน
อย่างนี้เบนซินไม่สำคัญตรงไหน ?และเมื่อเราไม่พอใช้แล้วส่งออกทำไม ?????
อะไรไม่ว่า ข้อมูลจากกระทรวงพานิชย์ เราส่งออกดีเซลมากกว่าเบนซิน !!!!
รัฐบาลสารเลวโกหกหลอกลวงคนไทย เพื่อสูบเลือดเนื้อคนไทย
แต่ขนาดเขาโกหกกันขนาดนี้ ข้อมูลหลักฐานโกหกคาตา แต่ฝ่ายค้านก็ไม่เคยเข้ามาแตะหรือดำเนินการอะไรกับเรื่องนี้เลย
คุณๆกองเชียร์นักการเมือง เคยถามตัวเองกันบ้างไหมว่า
คุณสนับสนุน ปกป้องเขาไปเพื่ออะไร ?????
- RaRa likes this
#15
ตอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 15:05
ตอกย้ำไปอีกที บ่อน้ำมันปัตตานี ใหญ่ขนาดไหน หรือว่า ที่เกิดระเบิดกันเกือบจะรายวัน เพราะสิ่งนี้ ขอให้พิจารณาตัดสินใจเอาเอง
แค่ตรรกะง่ายๆ นะ น้ำมัน เกิดจากซากพืชซากสัตว์ตายทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี และบ้านเราขุดพบ ซากไดโนเสาร์จำนวนมาก
ก็ย่อมเป็นแหล่งน้ำมันดีๆ นี้เอง จบข่าว
จุดนี้เป็นแหล่งที่มีน้ำมัน "ทาปิซ" มากที่สุดของไทย ( และอาจจะเป็นอันดับต้นๆ ของโลก )
น้ำมัน "ทาปิซ" ถือว่าเป็นน้ำมัน เกรด A+ ที่ดีที่สุดในโลก และมีอยู่ในประเทศไทยด้วย
แต่มีไอ้ตัวขายชาติกลุ่มนึง และ มีสื่อที่คอยบิดเบือนความจริงอีกกลุ่มนึง และที่สำคัญ "ปตท." ไม่เคยให้ข้อมูล
ที่เป็นความจริงกับ ปชช. เจ้าของประเทศเลย .....สิ่งที่ ปตท. ทำเป็นประจำคือ "เจียดเศษเงิน" มาทำการ
ปิดปากสื่อ ( มาในรูปของการโฆษณา ) - ปิดปากผู้บริหารองค์กรฯ - ปิดปากนักการเมือง สุดท้ายก็..."เงียบ" ไปเอง !!!
คงอีกนานแหล่ะครับ ที่ ปชช. จะสนใจเรื่องที่มัน "ใกล้ตัว" มากๆ แบบนี้ แต่ ดันไปคิดว่า เป็นเรื่อง "ไกลตัว" แบบนี้ครับ...
จากเหตุผลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในข้อที่ 1 ในความเห็นก่อนหน้าของกระทรวงพลังงานที่ว่า
น้ำมันดิบบางส่วนกลั่นแล้วได้เบนซินสูง เราจึงส่งออก เพราะบ้านเราใช้ดีเซลเป็นหลัก
แต่จากข้อมูลของกรมขนส่งทางบก รถทุกชนิดที่ใช้เบนซินมีจำนวน 22 ล้านคัน ใช้ดีเซล 8 ล้านคัน
อย่างนี้เบนซินไม่สำคัญตรงไหน ?และเมื่อเราไม่พอใช้แล้วส่งออกทำไม ?????
อะไรไม่ว่า ข้อมูลจากกระทรวงพานิชย์ เราส่งออกดีเซลมากกว่าเบนซิน !!!!
รัฐบาลสารเลวโกหกหลอกลวงคนไทย เพื่อสูบเลือดเนื้อคนไทย
แต่ขนาดเขาโกหกกันขนาดนี้ ข้อมูลหลักฐานโกหกคาตา แต่ฝ่ายค้านก็ไม่เคยเข้ามาแตะหรือดำเนินการอะไรกับเรื่องนี้เลย
คุณๆกองเชียร์นักการเมือง เคยถามตัวเองกันบ้างไหมว่า
คุณสนับสนุน ปกป้องเขาไปเพื่ออะไร ?????
ผู้บริหารของ ปตท. พร้อมใจกันสร้างข่าวบิดเบือน และ โกหก ปชช. เกี่ยวกับ เรื่องนี้มานานมากแล้ว
พอมีคนที่เริ่มจะรู้ทันมีการเคลื่อนไหว ปตท. ก็จะใช้วิธี ประชาสัมพันธ์ ให้คนรู้สึกถึง "วิกฤตพลังงาน"
ซึ่งมันเป็นเรื่อง "แหกตา" ที่เอาไว้ใช้ "ข่มขู่ทางอ้อม" ให้ ปชช. รู้สึก "กลัว" ในเรื่องการใช้พลังงาน
แต่ทำไมถึงไม่ปลูกฝัง ให้เกิดความรู้สึก "หวงแหน" พลังงานแทนหล่ะครับ..."กลัว กับ หวงแหน" ไม่เหมือนกันนะครับ !!!
ขอบคุณ จขกท. นะครับ ที่เอาเรื่องแบบนี้มาช่วยกันเผยแพร่ และตอกย้ำ ทำให้เกิดมีความ "สำนึก รักบ้านเกิด" กันบ้าง...
- กรกช likes this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#16
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:26
มีการตั้งเพจจากฝ่ายสนับสนุน ปตท. มาให้ข้อมูลหักล้างกับข้อมูลจากฝ่ายทวงคืน ปตท.
แต่ความบริสุทธิ์ใจจากเพจนี้ไม่มี มีการอ้างสถาบันด้วย เลวจริง
https://www.facebook...&type=1
Edited by กรกช, 5 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:28.
- RaRa likes this
#17
ตอบ 11 เมษายน พ.ศ. 2556 - 15:16
1.วัตถุประสงค์ของผมคือ เพื่อให้ทรัพย์ของแผ่นดินซึ่งก็คือทรัพย์ของประชาชน เกิดประโยชน์ต่อคนไทยและสร้างความสุขที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง มิใช่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนไทยอย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้น เป้าหมายของเราอยู่ที่ปฏิรูปทรัพยากรไม่ใช่การเมือง
2.เพื่อนๆที่อยู่ในเพจ จะมีทุกสี เราจะให้ความเคารพอุดมการณ์ทางการเมืองของทุกฝ่าย รักใครชอบใครไม่ว่ากัน แต่เรื่องพลังงานเรามีสีเดียว คือสีธงชาติเท่านั้น เพราะ " ไม่ว่าจะเหลือง หรือแดงก็เติมน้ำมันแพงเท่ากัน " ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือครับ
3.ผมมักเจอคำถามว่าแล้วเอาไงต่อ ต้องเรียนว่าจากการเดินสายทั่วประเทศ เห็นว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยจึงยังไม่พร้อม ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือให้คนที่รู้แล้วช่วยกันปลุกคนที่ยังไม่ตื่นหรือยังไม่เข้าใจ หากเคลื่อนไปตอนนี้คนไทยจะตีกันเองเพราะกลุ่มผลประโยชน์พลังงานคอยยุแหย่ เรื่องนี้ต้องให้พี่น้องทั้งชาติเดินไปพร้อมกันแล้วจะสำเร็จครับ
อยากเห็นประเทศไทยดีต้องสร้างด้วยมือเราเองครับ
กรกสิวัฒน์
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน