อย่างแรกนะครับ... เราต้องมาตกลงกันก่อนว่า ความยุติธรรมทางภาษี คืออะไร...
เพราะ ถ้านิยามท่าน กัย นิยามผม ไม่เหมือนกัน... เราก็พูดกันคนละเรื่องถูกไหมครับ...
อย่างที่สอง แยกความเป็นจริงทางปฎิบัติ กับสิ่งที่อยากจะเป็นหรือ ควรจะเป็น ทาง theory ออกจากกัน...
เอาอย่างแรกก่อน.. ภาษีทางตรง ง่ายสุด income tax
ผมมีรายได้ 100 บาท ควรเสียภาษีเงินได้ เท่ากับ ท่านทีรายได้ 1 ล้านบาทหรือไม่...
ผมมีรายได้ 100 บาท ควรเสียภาษีเงินอัตราเดียว กับท่านทีรายได้ 1 ล้านบาทหรือไม่...
ผมมีรายได้ 100 บาท ควรเสียภาษีเงินอัตราน้อยกว่า กับท่านทีรายได้ 1 ล้านบาทหรือไม่...
ผมมีรายได้ 100 ล้านบาท ควรเสียภาษีเงินอัตราน้อยกว่า กับท่านทีรายได้ 1000 ล้านบาทหรือไม่...
อันไหน ยุติธรรมครับ... ถ้าหาได้เราก็ไปต่อ... ถ้าไม่ก็ต้องหยุด...
ภาษีทางอ้อม.. ตัวทีเป็นปัญหา VAT
ผมมีรายได้ 100 บาท กับ ท่าน ล้านบาท กินเลย์ คนละถุง เสีย VAT 1.31 บาทเท่ากัน...
ผมมีรายได้ 100 บาท กับ ท่าน ล้านบาท กินเลย์ ท่านกินสองถุง เสีย VAT เป็น สองเท่าของผม...
อันไหน ไม่ยุติธรรมครับ...
แล้ว ทำไมต้องสนใจด้วยว่า ท่านมีรายได้เยอะ กินเลย์ ควรจะจ่ายแพงกว่าผมละครับ
ทั้งๆที่ ท่าน จ่ายภาษีรายได้แพงกว่าผมอยู่แล้ว...
VAT ยุติธรรมเพราะ ทุกคนโดนด้วย อัตราที่ เท่ากัน... และ หนีไม่ได้..
ภาษีเงินได้ ไม่ยุติธรรม เพราะ ... บางคนไม่โดน... บางคนโดนอัตราต่ำ... บางคนโดนอัตราสูง...
และ หนีได้..
ข้อนี้ ผมเห็นต่าง กับ คุณ hentai นะครับ
จริงอยู่ คนเราใช้อะไร ก็ควร ต้องจ่ายภาษีเท่านั้น
และ ก็จริงอีก ที่คนรวย มีรายได้เยอะ ก็จ่าย ภาษี บุคคลธรรมดา
หรือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กรณีเป็นเจ้าของ กิจการ) ไปแล้ว
แต่ ความเป็นจริง ประเทศ ไทย ไม่ได้เป็นอย่าง เยอรมัน หรือ อังกฤษ
ที่คนตกงาน ยังได้รับ เงินช่วยเหลือ เล็ก ๆ น้อย ๆ
พอประทังชีวิต ให้อยู่รอด ไปได้
ดังที่ สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก มิดฟิลด์ พรสวรรค์ ของ บาเยิร์น มิวนิค
เคยตำหนิ คนตกงาน ของประเทศ ว่า หากินกับ ภาษีที่สูงลิบ จากรายได้ค่าจ้าง ของเขา
ทั้งที่ มารู้ว่า ภายหลัง แฟน บาเยิร์น ส่วนใหญ่ ที่เข้ามาดู ก็คนตกงาน พวกนี้ (นอกเรื่องไปหน่อย)
แต่กับ ประเทศไทย ไม่เหมือนกันครับ
คนตกงาน คนที่ช่วยตัวเอง ไม่ได้ ต้องกิน ต้องใช้ ต้องรักษา ความเจ็บป่วย
แต่ ไม่ได้รับการสนับสนุน จากรัฐบาล
ไม่ทราบคุณ hentai เคยได้ยิน เรื่องการขอรับบริจาค อุปกรณ์ ช่วยให้อาหาร กับเด็ก ที่ผิดปกติ ไหมครับ
อุปกรณ์ พวกนั้น แพงมาก ซึ่งรัฐบาล ไม่สามารถให้การสนับสนุน ของพวกนี้ ได้
และ ของพวกนี้เอง ก็มี VAT (ไม่ได้รับการยกเว้น เพราะไม่ใช่ บริการทางการแพทย์ เป็นอุปกรณ์)
ผมอ่านจากตรงนี้ ไม่เห็น ว่าได้รับยกเว้น
http://www.rd.go.th/...ish/7052.0.html
เช่นเดียวกับ อุปกรณ์ ที่คนชรา คนพิการ ต้องใช้ หลายอย่าง ก็ไม่ได้รับการยกเว้น VAT
ทั้งที่ ของพวกนี้ เขาเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้ และ " ไม่ได้รับการสนับสนุน จากรัฐบาล "
อย่าว่า แต่ของเหล่านี้ ที่ต้องขอรับบริจาค เลย
อาหาร ที่ต้อง กินเข้าไปในแต่ละมื้อ ส่วนประกอบ หลายอย่าง ก็ไม่ได้รับ การยกเว้น VAT
เช่น เครื่องปรุง อาหาร เป็นต้น
ครั้นจะหวัง จากผู้บริจาค อย่างเดียว ก็ใช่ว่า จะได้ครบถ้วน
ดังนั้น ก็เป็นภาระ ของ ญาติ พี่น้อง ต้องจัดหา ซึ่ง ต้องยอมรับว่า หลายคน เอง ก็ไม่ใช่ ฐานะดี
การเพิ่ม VAT สัก เปอร์เซนต์ จึงเป็นการเพิ่มภาระ
เพราะรู้กันว่า VAT คิดตาม การเพิ่มของมูลค่า ในแต่ละขั้นตอน ของการผลิต หรือ ให้บริการ
ดังนั้น การจะทำอะไร โดยคิดว่า ยุติธรรมดีแล้ว
บางครั้ง ก็ไม่ได้ ยุติธรรม จริง ๆ ถ้าคิดถึงว่า
แต่ละคน ก็ได้รับ สิ่งประทาน มาจาก สวรรค์ ไม่เท่ากัน แต่ต้น (ร่างกาย และ สติปัญญา)