คอลัมน์ : เศรษฐกิจ / วิเคราะห์เศรษฐกิจ

หลังรัฐบาลได้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ด้วยการจำกัดจำเขี่ยข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วกลับมาล้มโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด???
หลังรัฐบาลได้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ด้วยการจำกัดจำเขี่ยข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วกลับมาล้มโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจงใจเปลี่ยนหลักเกณฑ์เพื่อพยามหาทางออกให้กับความล้มเหลว และเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดที่สูงถึงตันละ 1.5 หมื่นบาท หลังจากที่ได้คะแนนเสียงจนได้รับเลือกตั้งมาแล้ว ซึ่งการปรับเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชาวนาที่ปลูกข้าวไปแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้จำนวนมาก
เมื่อวานนี้สำนักข่าวทีนิวส์ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนายประสิทธิ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนา ซึ่งชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจกับชาวนาอย่างแท้จริง โดยนายกสมาคมชาวนาระบุว่า ช่วงหาเสียงรัฐบาลได้มีการเรียกตัวแทนชาวนามาพูดคุยถึงการทำโครงการรับจำนำข้าว ที่จะให้ราคาสูงถึงตันละ 1.5 หมื่นบาท แต่เมื่อได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้ว กลับไม่มีการพูดคุยกับชาวนาก่อนจะมีปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์จำกัดพันธุ์ข้าว
นายประสิทธิ ระบุว่า ปัจจุบันมีชาวนาที่ปลูกข้าวซึ่งไม่สามารถนำมาเข้าโครงการรับจำนำข้าวได้ในรอบสองที่เพิ่งประกาศหลักเกณฑ์ใหม่นี้จำนวนมาก โดยที่ภาระต่างๆที่ชาวนาใช้จ่ายในการปลูกข้าวยังไม่มีผู้รับผิดชอบ แม้กระทั้งข้าวที่อายุต่ำกว่า 110 วัน ซึ่งขณะนี้ฝากไว้ที่โรงสี ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหลังจากนี้
ทั้งนี้ข้าวเหล่านี้ รัฐบาลอ้างว่าเป็นข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ในจำนวนพันธ์ข้าวเหล่านั้นบางพันธ์เป็นข้าวพื้นเมืองของไทย ทำให้มีเกิดข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลตั้งเงื่อนไงกีดกันไม่ให้เข้าพื้นเมืองเข้าโครงการรับจำนำ จะเป็นการกีดกันการพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่มีความเหมาะสมกับบางพื้นที่เพราะสามารถทนโรค ทนต่อสภาพภูมิอากาศตามพื้นที่ที่เหมาะสม การกีดกันพันธ์พื้นเมือง เท่ากับส่งเสริมพันธุ์ข้าวที่มีการพัฒนาพันธุ์ของกลุ่มทุนการเกษตร ซึ่งพันธุ์ข้าวเหล่านี้ มีต้นทุนค่อนข้างสูงเพราะต้องใช้ปุ๋ยและยา หรือสารเคมีจำนวนมาก การดำเนินการอาจเอื้อต่อ ทุนการเกษตรรายใหญ่เป็นต้น
สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลกำลังล้มเลิกโครงการรับจำนำทุกเม็ด พยายามกีดกัน จำกัดชาวนาไม่ให้รับประโยชน์จากโครงการ แต่ในส่วนข้าวที่รับจำนำข้าวไปแล้ว ซึ่งการระบายข้าว ซึ่งเป็นถือกลไกสำคัญของระบบการเงินที่ใช้ในการหมุนเวียนโครงการรับจำนำข้าว ยังคงคลุมเครือมาโดยตลอด จนขณะนี้รัฐบาลยังไม่เคยแสดงข้อมูลที่แท้จริงออกมาว่ามีการดำเนินการอย่างไร และที่สำคัญรัฐบาล มีการยืนยันวงเงินที่จะใช้ในโครงการรับจำนำข้าวไว้เพียง 5 แสนล้านบาท ฉะนั้นภาระการหาเงินมาหมุนเวียนในโครงการจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องขายข้าวเพื่อนำเงินกลับมาหมุนเวียนในโครงการให้ได้ ควบคู่กับ การลดปริมาณข้าวที่จะเข้าโครงการลงควบคู่กันไป
ดังนั้นประเด็นที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เคยโยนหินถามทางไว้เพื่อจะลดวงเงิน 15,000 บาทลงสำหรับข้าวขาวเหลือ 13,000 บาท แต่ภายหลังต้องกลับลำ เพราะกระแสคัดค้านเพียงชั่วข้ามคืน อาจไม่ใช่ประเด็นที่หายไปจากความคิดรัฐบาล เพราะหากมีตั้งเงื่อนไขบีบชาวนาให้ลดจำนวนลงได้แล้ว การลดราคาจำนำลงก็อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง อยู่ที่ว่า รัฐบาลจะหยิบขึ้นมาใช้เมื่อไรเท่านั้น ...คงต้องจับตาดูกันต่อไป
http://www.tnews.co....tml/news/54441/
- 31 มีนาคม 2556 เวลา 13:48 น. |
- เปิดอ่าน 5,292 |
ความคิดเห็น 14
- ประเด็น: จำนำข้าว
ครม.อนุมัติวงเงิน 1.05 แสนล้านบาทรับจำนำข้าวครั้งที่ 2 พร้อมห้ามข้าวอายุน้อยกว่า 110 วัน 18 สายพันธุ์เข้าร่วมโครงการ
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่อาคารราชนครินทร์ ชั้น 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้มีมติอนุมัติกรอบวงเงินและแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 2ตามมติ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในวงเงิน 105,000 ล้านบาท เพื่อรับจำนำข้าวจำนวน 7 ล้านตัน
ทั้งนี้วงเงินดังกล่าวจะมาจาก 2 แหล่ง ได้แก่ 1.วงเงินที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2555 ที่อนุมัติให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/56 ที่ยังคงเหลืออยู่ และ เงินที่ได้จากระบายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ตั้งแต่ปีการผลิต 2554/55
นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบไม่รับจำนำข้าวเปลือกที่มีอายุน้อยกว่า 110 วัน ที่มีคุณภาพต่ำเข้าร่วมโครงการ และพันธุ์ข้าว 18 สายพันธุ์ตามที่กรมการข้าวประกาศเอาไว้ รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางมาตรการที่จะกำกับดูแลไม่ให้เกษตรกรมีการสวมสิทธิ และนำข้าวที่ไม่ได้รับการรับรองมาเข้าร่วมโครงการ
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 2 ณ ความชื้นไม่เกิน 15% มีรายละเอียด ดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 (42 กรัม) ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว (42 กรัม) ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดสั้น (40 กรัม) ตันละ 15,000 บาท
ทั้งนี้ ราคารับจำนำข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ให้ปรับเพิ่ม – ลด ตามจำนวนกรัมในอัตรากรัมละ 200 บาท และราคารับจำนำข้าวเปลือกเหนียว ให้ปรับเพิ่ม – ลด ตามจำนวนกรัม โดยเมล็ดยาวในอัตรากรัมละ 160 บาท และเมล็ดสั้นในอัตรากรัมละ 150 บาท ระยะเวลา รับจำนำ 1 ก.พ. – 15 ก.ย. 2556 ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือนนับถัดจากเดือนที่รับจำนำ