เมื่อสักครู่นี้ทักแม่บ้านที่เพิ่งกลับมาทำงานหลังจากลาหยุดพาลูกชายไปหาหมอ แกก็เล่าอย่างคับแค้นใจจากเสียงของแกที่ดูสั่นๆ ลูกชายเป็นปอดติดเชื้อค่ะ หมดไปสองหมื่นกว่า
เดิมทีแกส่งตัวลูกชายที่โรงพยาบาลเอกชน ก่อน แต่แกสู้ค่ารักษาพยาบาลไม่ไหว ขอใบส่งตัวไปโรงพยาบาล สิทธิ์บัตรทอง ไปถึงทางหมอก็บอกเป็นไข้ ทั้งๆที่ใบส่งตัวจาก รพ เอกชน มีฟิล์มเอ๊กซเรย์ ยืนยัน แต่ยังให้ยาพารา จนแม่บ้านเห็นลูกทรมาน จนบอกกับพยาบาลว่าขอใบส่งตัวคืนทั้งหมดจะกลับไปรพ.เดิม พวกพยาบาลหน้าเสีย บอกว่ารอหมอก่อน แต่แม่บ้านไม่ยอม กลับไปถึงที่รพเดิม ขอห้องราคาถูกกว่าคราแรกที่ให้มา(คือตอนแรกนั้น ตารางค่าห้องมีแต่วีไอพี )เมื่อได้ห้อง หมอก็ให้ยาพยุงอาการ วันหนึ่งก่อน หมอขอคุยกับแม่บ้านเรื่องค่ารักษา แม่บ้านบอกว่ามีงบแค่ห้าหมื่นบาท คล้อยหลังแม่บ้าน หมอก็ทยอยให้ยา ต่างๆ จนอาการดีขึ้น (เพิ่งรู้ว่าต้องถามก่อนเรื่องเงินก่อนจะรักษา)
แม่บ้านเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือนเริ่มต้นที่ค่าแรง วันละ 300
ส่วนตัวลูกชายเพิ่งเรียนจบและฝึกงานได้แค่ 3 วัน ใช้สิทธิ์ 30
เล่าให้ฟังกันเฉยๆ เพราะกุ้งก็ฟังเขามาอีกทีหนึ่งเหมือนกัน และขออนุญาตที่ไม่เอ่ยชื่อโรงพยาบาล และอักษรย่อ
300 ? 30 ?
#1
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:29
#2
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:34
อย่าไปโทษ หมอ กับ พยาบาล เลย กุ้ง
ก็เค้า ได้งบ มา แค่นั้น อะ
จะให้เค้า ควัก ส่วนตัว ออก ก็ไม่ไหว
เรื่องแบบนี้ เอกชน เค้า ดูแล เต็มที่ อยู่แล้ว อะ (ถ้าจ่ายไหวนะ)
แม่บ้านคิดถูกแล้ว ที่ไปรักษา เสียแต่ เนิ่น ๆ ไม่งั้น แพงกว่านี้ แน่
เห็นใจ แม่บ้าน อะ แต่ช่วยไม่ได้ จริง ๆ
สปสช เค้าเคยบอกแล้ว ว่า ถ้า โรงพยาบาล มีคนมาใช้สิทธิ
บัตรทอง กันเยอะ ก็ต้องเฉลี่ยค่ารักษา กันไป
ถ้าใคร ป่วยหนัก เค้าจะใช้วิธี รักษา แบบ เลี่ยง ๆ อย่างนี้ แหละ
ทำใจ ปลง ก็รัฐบาล มันให้งบมาเท่านี้ อะ
(มัวแต่ไปสนใจ ลงทุน หาตังค์ เข้ากระเป๋า ตัวเอง อยู่ อะ)
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
#4
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:35
อย่าไปโทษ หมอ กับ พยาบาล เลย กุ้ง
ก็เค้า ได้งบ มา แค่นั้น อะ
จะให้เค้า ควัก ส่วนตัว ออก ก็ไม่ไหว
เรื่องแบบนี้ เอกชน เค้า ดูแล เต็มที่ อยู่แล้ว อะ (ถ้าจ่ายไหวนะ)
แม่บ้านคิดถูกแล้ว ที่ไปรักษา เสียแต่ เนิ่น ๆ ไม่งั้น แพงกว่านี้ แน่
เห็นใจ แม่บ้าน อะ แต่ช่วยไม่ได้ จริง ๆ
สปสช เค้าเคยบอกแล้ว ว่า ถ้า โรงพยาบาล มีคนมาใช้สิทธิ
บัตรทอง กันเยอะ ก็ต้องเฉลี่ยค่ารักษา กันไป
ถ้าใคร ป่วยหนัก เค้าจะใช้วิธี รักษา แบบ เลี่ยง ๆ อย่างนี้ แหละ
ทำใจ ปลง ก็รัฐบาล มันให้งบมาเท่านี้ อะ
(มัวแต่ไปสนใจ ลงทุน หาตังค์ เข้ากระเป๋า ตัวเอง อยู่ อะ)
เล่าให้ฟังเจยๆ ยังไม่ได้ด่าหมอ
Edited by koong, 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:37.
#6
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:38
อย่าไปโทษ หมอ กับ พยาบาล เลย กุ้ง
ก็เค้า ได้งบ มา แค่นั้น อะ
จะให้เค้า ควัก ส่วนตัว ออก ก็ไม่ไหว
เรื่องแบบนี้ เอกชน เค้า ดูแล เต็มที่ อยู่แล้ว อะ (ถ้าจ่ายไหวนะ)
แม่บ้านคิดถูกแล้ว ที่ไปรักษา เสียแต่ เนิ่น ๆ ไม่งั้น แพงกว่านี้ แน่
เห็นใจ แม่บ้าน อะ แต่ช่วยไม่ได้ จริง ๆ
สปสช เค้าเคยบอกแล้ว ว่า ถ้า โรงพยาบาล มีคนมาใช้สิทธิ
บัตรทอง กันเยอะ ก็ต้องเฉลี่ยค่ารักษา กันไป
ถ้าใคร ป่วยหนัก เค้าจะใช้วิธี รักษา แบบ เลี่ยง ๆ อย่างนี้ แหละ
ทำใจ ปลง ก็รัฐบาล มันให้งบมาเท่านี้ อะ
(มัวแต่ไปสนใจ ลงทุน หาตังค์ เข้ากระเป๋า ตัวเอง อยู่ อะ)
เล่าให้ฟังเจยๆ ยังไม่ได้ด่าหมอ ฟังแล้วมันก็จุกอ่ะ เฮ้อออออออออออออออ
#7
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:48
สมัยเรียน ผมเคยโดนรถชนจนสลบ
กระเป๋าตังค์หาย ไม่มีอะไรยืนยันว่าผมเป้นใคร
รถร่วมกตัญญูพาผมไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต
แขนผมหักและเลือดคั่งอยู่บริเวณหัวไหล่
การรักษาแบบชั่ว (ช้า) คราว จากบุรุษพยาบาลที่ไม่ทราบอาการอะไรของผม
จนเพื่อนมหาลัย ตามตัวผมเจอ จึงติดต่อญาติให้มารับไปส่งต่อโรงพยาบาลรัฐอีกแห่งไกล้ๆ
จึงรู้ว่า มีเลือดคั่งและเป็นอันตรายมาก อาจถึงต้องเสียแขนไปเลย
เพียงเพราะผมเป็น “นายไม่ทราบชื่อ”
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#9
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:07
เคยมีคนให้ความเห็นว่า เป็นเมื่อก่อนดีกว่า
เพราะจะมีคนบริจาคสำหรับคนยากจน แต่พอรัฐบาล
บอกว่าจะรักษาฟรี (30 บาท) ก็ไม่มีคนบริจาคอีกเลย
ใครพอจะรู้เรื่องนี้บ้างครับ
เมื่อก่อนเขาเรียกกันว่า "ผู้ป่วยอนาถา"
#10
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:11
สนับสนุน 500 บาท รากหญ้าจะได้มีเงินรักษาพยาบาล
หมอ ถ้าทนไม่ได้ลาออกไป เรียนเก่งแล้วเรียนหมอ แต่ไม่มีจริยธรรม
--- ผมประชดนะ
If you try hard enough, you can be whatever you want to be.
#11
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:14
ร.พ.เอกชน = ธุรกิจ
ร.พ.รัฐ = ทางเลือกบังคับสำหรับ ประกันสังคม / 30 บาท / บัตรทอง ทุกระดับได้รับการรักษาและยาในบัญชีหลักอย่างเท่าเทียม ถึงแม้หมออยากจ่ายยาที่ดีซึ่งอยู่นอกบัญชีให้ผู้ป่วยแต่ใครจะกล้าเซ็นต์ให้ ถ้าเซ็นต์ไปแล้วต้องมีปัญหาภายหลัง
ร.พ.รัฐ ถ้าใช้ต้นทุนการรักษาสูงมากก็ส่อแววแย่ เพราะรายรับน้อย
ผู้ป่วยอยากได้รับการรักษาที่ดี อยากได้ยาที่ดี ก็ต้องไปโรงพยาบาลเอกชน
บุคลากรทางการแพทย์อยากได้ค่าตอบแทนที่ดี ต้องลาออกไปโรงพยาบาลเอกชน
P4P เพิ่มภาระและลดรายรับให้แพทย์ ก็เหมือนกับบีบให้หมอออกไปอยู่เอกชนอย่างกลายๆ
เอกชนยิ้ม ไม่ต้องลงทุนผลิตแพทย์เอง รัฐเป็นคนช่วยบีบทางอ้อมให้ออกจากภาครัฐมาอยู่ในคอกเอกชน เพื่อรองรับโครงการ Medical Hub โดยเอกชนไม่ต้องลงทุนมากในเรื่องบุคลากร เพราะทุกอย่างไปชาร์จเอาที่ผู้ป่วย
^
^
^
ก่อนจะมีโครงการ 30 บาท โรงพยาบาลรัฐจะมีบุคลากรที่เรียกว่านักสังคมสงเคราะห์ ที่คอยรับเรื่องเป็นตัวกลางดูแลคัดกรองให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ หรือที่เรียกว่าอนาถา ใครขัดสนก็ขอรับความช่วยเหลือได้ แต่หลังๆ มาบทบาทหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากมีโครงการ 30 บาท หรือบัตรทอง
What is a rebel? - A man who says NO! _ Albert Camus
#13
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:40
ร.พ.เอกชน = ธุรกิจ
ร.พ.รัฐ = ทางเลือกบังคับสำหรับ ประกันสังคม / 30 บาท / บัตรทอง ทุกระดับได้รับการรักษาและยาในบัญชีหลักอย่างเท่าเทียม ถึงแม้หมออยากจ่ายยาที่ดีซึ่งอยู่นอกบัญชีให้ผู้ป่วยแต่ใครจะกล้าเซ็นต์ให้ ถ้าเซ็นต์ไปแล้วต้องมีปัญหาภายหลัง
ร.พ.รัฐ ถ้าใช้ต้นทุนการรักษาสูงมากก็ส่อแววแย่ เพราะรายรับน้อย
ผู้ป่วยอยากได้รับการรักษาที่ดี อยากได้ยาที่ดี ก็ต้องไปโรงพยาบาลเอกชน
บุคลากรทางการแพทย์อยากได้ค่าตอบแทนที่ดี ต้องลาออกไปโรงพยาบาลเอกชน
P4P เพิ่มภาระและลดรายรับให้แพทย์ ก็เหมือนกับบีบให้หมอออกไปอยู่เอกชนอย่างกลายๆ
เอกชนยิ้ม ไม่ต้องลงทุนผลิตแพทย์เอง รัฐเป็นคนช่วยบีบทางอ้อมให้ออกจากภาครัฐมาอยู่ในคอกเอกชน เพื่อรองรับโครงการ Medical Hub โดยเอกชนไม่ต้องลงทุนมากในเรื่องบุคลากร เพราะทุกอย่างไปชาร์จเอาที่ผู้ป่วย
^
^
^
ก่อนจะมีโครงการ 30 บาท โรงพยาบาลรัฐจะมีบุคลากรที่เรียกว่านักสังคมสงเคราะห์ ที่คอยรับเรื่องเป็นตัวกลางดูแลคัดกรองให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ หรือที่เรียกว่าอนาถา ใครขัดสนก็ขอรับความช่วยเหลือได้ แต่หลังๆ มาบทบาทหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากมีโครงการ 30 บาท หรือบัตรทอง
กุ้งหลุดถามแม่บ้านไปค่ะ เพราะเมื่อก่อนตามโรงพยาบาลจะมีเจ้าหน้าที่เวลาทราบว่าเราไม่ค่อยมีเงิน(ตอนเด้กๆจำได้ลางๆว่าแม่พาไปที่ห้องๆ หนึ่ง ที่ไม่ใช่หมอ เค้าจะคุยอะไรกับแม่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ต้องเสียเงินค่าหมอ มันก็นานโข) แม่บ้านก็งงๆ กุ้งก็เอ๊ เราเข้าใจไรผิดหรือเปล่าหว่า
#14
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:40
ร.พ.เอกชน = ธุรกิจ
ร.พ.รัฐ = ทางเลือกบังคับสำหรับ ประกันสังคม / 30 บาท / บัตรทอง ทุกระดับได้รับการรักษาและยาในบัญชีหลักอย่างเท่าเทียม ถึงแม้หมออยากจ่ายยาที่ดีซึ่งอยู่นอกบัญชีให้ผู้ป่วยแต่ใครจะกล้าเซ็นต์ให้ ถ้าเซ็นต์ไปแล้วต้องมีปัญหาภายหลัง
ร.พ.รัฐ ถ้าใช้ต้นทุนการรักษาสูงมากก็ส่อแววแย่ เพราะรายรับน้อย
ผู้ป่วยอยากได้รับการรักษาที่ดี อยากได้ยาที่ดี ก็ต้องไปโรงพยาบาลเอกชน
บุคลากรทางการแพทย์อยากได้ค่าตอบแทนที่ดี ต้องลาออกไปโรงพยาบาลเอกชน
P4P เพิ่มภาระและลดรายรับให้แพทย์ ก็เหมือนกับบีบให้หมอออกไปอยู่เอกชนอย่างกลายๆ
เอกชนยิ้ม ไม่ต้องลงทุนผลิตแพทย์เอง รัฐเป็นคนช่วยบีบทางอ้อมให้ออกจากภาครัฐมาอยู่ในคอกเอกชน เพื่อรองรับโครงการ Medical Hub โดยเอกชนไม่ต้องลงทุนมากในเรื่องบุคลากร เพราะทุกอย่างไปชาร์จเอาที่ผู้ป่วย
^
^
^
ก่อนจะมีโครงการ 30 บาท โรงพยาบาลรัฐจะมีบุคลากรที่เรียกว่านักสังคมสงเคราะห์ ที่คอยรับเรื่องเป็นตัวกลางดูแลคัดกรองให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ หรือที่เรียกว่าอนาถา ใครขัดสนก็ขอรับความช่วยเหลือได้ แต่หลังๆ มาบทบาทหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากมีโครงการ 30 บาท หรือบัตรทอง
รัฐบาลที่รากหญ้าเป็นด้านหลักเลือกเข้ามา
คือรัฐบาลที่เป็นตัวแทนทุนนิยมเพื่อพวกพ้องกระทำการทุกอย่าง (เบื้องต้นบอกจะจัดการใน 7 เดือน)
เพื่อบีบให้แพทย์ออกจากโรงพยาบาลรัฐหนีค่าแรงที่ต่ำมากไปสู่ระบอบทุนของพวกมัน
รากหญ้าตายอย่างเดียวเพราะอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรจะแย่ลง
แพทย์ที่ยังคงเสียสละอยู่ต่อไม่สามารถทำงานแบบเครื่องจักรได้ ประสิทธิภาพจะลดลง
แต่ทำไงได้ พวกคุณเลือกรัฐบาลนี้มาเอง
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#15
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:45
จ่ายประกันสังคมปีละหลายพัน เกือบหมื่น รักษาให้ยังกับว่าไปขอรักษาฟรีซะอย่างนั้น
รู้สึกว่า หลังๆ นี้ดีกว่าเมื่อช่วงเข้าทำงานใหม่ๆ ค่ะ ก็หลายปีแหละ
ครั้งแรกที่ใช้สิทธิ์ ปวดหัวแทบตาย เราก็ทนกินยาพาราที่บ้านจนเย็นก้ยังไม่ทุเลา กัดฟันไปหาหมอ หมอให้พารามากิน
ช่วงหลังๆ คออักเสบ ค่ะ ระคายคอ ไอออกมาเป็นเลือด ตกใจมาก ตอนเย็นไปคลีนิค หมอก็ให้ยามา แต่หมอก้ไม่ได้บอกให้พัก
ตอนเช้าไปทำงาน ก็คันคอ แล้วไอออกมาเป็นเลือดอีก ก้เลยตัดใจไปรพ ประกันสังคม หมอก็บอกว่าคออักเสบ(อีกแหละ) เลยบอกหมอขอเอกวเรย์ปอดเหอะ หมอก้ให้นะ
ปล.โรงพยาบาลประกันสังที่แห่งเดียวกัน
#16
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:56
แต่ถึงกระนั้น ผมยังเคยได้รับเสียงตอบรับดีๆ จากคนอีกฝ่ายนึง
ทั้งๆที่ตัวเขาก็เป็นแค่ยาม หมายถึงไม่ใครใหญ่โตอะไร คนนั้นเสื้อแดง ก็เลยยิ่งปลื้ม
ส่วนเพื่อนสลิ่ม สายอมาตย์ บุพการีเป็นมะเร็ง ก็ได้ 30 บาท จนลมหายใจสุดท้ายชองชีวิต - ไม่เคยโจมตีนโยบายนี้ แต่ก็เกลียดทักษิณอยู่ดี
ก็เล่าให้ฟังเฉยๆน่ะครับ ผมว่า ควรยกระดับมาตรฐานของรพ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือรัฐ ให้บริการทุกคนโดยเท่าเทียม
พนักงาน รพ หลายคน คงนึกว่า ผู้ป่วย 30 บาท มารักษาฟรีๆ รพ เสียค่าใช้จ่ายให้ แต่จริงๆ เป็นรัฐตะหาก
เหมือนๆ กระเป๋ารถเมล์ ที่ไม่ชอบรับ พระหรือคนพิการ
เพราะเขานึกว่าพวกนี้ขึ้นฟรี แต่จริงๆรัฐจ่ายให้ *แต่เขาอาจจะไม่ได้ส่วนแบ่ง เพราะเคยได้ยินว่า เขาได้ส่วนแบ่งจากค่าตั๋วด้วย
เดาครับ
ปล. รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^
Edited by เคนอิจิ-นามิ, 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:58.
- หงส์แดง likes this
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
#17
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:05
ใช่ค่ะ เมื่อปีที่แล้วลูกสาวไข้ขึ้นสูงมาก เป็นตอนตีสาม
เราไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรให้กินยาไข้ก็ไม่ลด พาโปโรงบาลตอนเช้า ตามสิทธิบัตรทอง
หมอบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ให้ยาพาราเด็ก มา 2 ขวด
ตอนจะพาลูกกลับบ้านมาที่รถแล้วลูกสาวชัก เราหัวใจจะวาย วิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
พอตรวจแบบจริง ๆ จรัง ๆ เจาะเลือดไปตรวจ เค้าบอกว่าเป็นไข้หวัดจากเชื้อไวรัส
สุดท้ายได้นอนโรงพยาบาล 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ค่ารักษาพยาบาลไม่เสีย
เสียแต่ค่าห้องพิเศษ
ยาที่ให้เหมมือนเดิมคือ พารา และฉีดยาเข้าเส้นเลือด
ยาพารากินไม่ลดจริง ๆ พอดีกับเพื่อนของพี่ที่ทำงานเป็นหมอ
เค้าเลยแนะนำให้เราไปซื้อยามาเอง แล้วเอายาตัวนั้นให้ลูกกิน ส่วนพาราให้ทิ้งไป
แต่ที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนั้นต่อ เพราะต้องฉีดยา และไม่มีใครสะดวกเฝ้าลูกให้ ต้องสลับกับแฟนคนละครึ่งวัน
ต้องไปเคียร์งานที่ทำงาน เพราะหัวหน้าไม่ให้ลาทั้งอาทิตย์ ให้แค่ลาครึ่งวัน ทั้งอาทิตย์แทน
#18
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:11
ใช่ค่ะ เมื่อปีที่แล้วลูกสาวไข้ขึ้นสูงมาก เป็นตอนตีสาม
เราไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรให้กินยาไข้ก็ไม่ลด พาโปโรงบาลตอนเช้า ตามสิทธิบัตรทอง
หมอบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ให้ยาพาราเด็ก มา 2 ขวด
ตอนจะพาลูกกลับบ้านมาที่รถแล้วลูกสาวชัก เราหัวใจจะวาย วิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
พอตรวจแบบจริง ๆ จรัง ๆ เจาะเลือดไปตรวจ เค้าบอกว่าเป็นไข้หวัดจากเชื้อไวรัส
สุดท้ายได้นอนโรงพยาบาล 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ค่ารักษาพยาบาลไม่เสีย
เสียแต่ค่าห้องพิเศษ
ยาที่ให้เหมมือนเดิมคือ พารา และฉีดยาเข้าเส้นเลือด
ยาพารากินไม่ลดจริง ๆ พอดีกับเพื่อนของพี่ที่ทำงานเป็นหมอ
เค้าเลยแนะนำให้เราไปซื้อยามาเอง แล้วเอายาตัวนั้นให้ลูกกิน ส่วนพาราให้ทิ้งไป
แต่ที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนั้นต่อ เพราะต้องฉีดยา และไม่มีใครสะดวกเฝ้าลูกให้ ต้องสลับกับแฟนคนละครึ่งวัน
ต้องไปเคียร์งานที่ทำงาน เพราะหัวหน้าไม่ให้ลาทั้งอาทิตย์ ให้แค่ลาครึ่งวัน ทั้งอาทิตย์แทน
ปกติผมจะพาลูกเข้าเอกชนตลอดครับ ขอเสริมนิดนึง
จากประสบการณ์ตรงนะครับ ถ้าลูกกินพาราแล้วไข้ไม่ลด หมอเค้าจะให้ยาอีกตัวนึงเค้าบอกว่าเป็นยาลดไข้สูง ผมเลยถามว่าเป็นยาอะไร หมอบอกว่าแอสไพริน แต่ตัวนี้กินต้องระวังครับ
#21
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:27
สืบเนื่องจากการประชุมวิชาการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล (Prince Mahidol Awards Conference) ที่มีประเทศต่างๆมาประชุม 40 ประเทศ และมูลนิธิร็อคกี้เฟลเล่อร์ ได้ตกลงที่จะให้เงินสนับสนุน เพื่อให้ประเทศไทย ดำเนินการสร้างศูนย์ความร่วมมือกับกลุ่มประเทศต่างๆ ในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้กับประชาชน(1) โดยที่คิดว่าประเทศไทยเป็นต้นแบบที่ดีในการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยที่ประชาชนได้รับการรักษาที่จำเป็น และงบประมาณไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายจนเป็นภาระในระยะยาว
นับว่าการประชุมนี้ ประเทศไทยได้ทำให้หลายประเทศเข้าใจผิดว่าไทยประสบความสำเร็จในการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จนถึงกับจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ของต่างประเทศ ก็นับว่าประเทศไทยได้รับชื่อเสียงและความชื่นชมในระดับหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีปัญหาอีกมากมายที่จะต้องแก้ไขในระบบหลักประกันสุขภาพของไทยดังนี้
1.งบประมาณไม่เพียงพอต่อการจัดบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน
2. มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนเชื่อเกินจริง ว่าจะได้รับการรักษาทุกโรค แต่ความจริงแล้วมีการจำกัดเรื่องการใช้ยาและการรักษาหลายอย่าง ซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพประชาชน เช่นการล้างไตทางหน้าท้อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคและเป็นสาเหตุให้ตายเนื่องจากการติดเชื้อ การกำหนดยาขั้นต่ำในการรักษามะเร็ง ทำให้รักษาไม่หาย
3. สปสช.แบ่งเงินงบประมาณไปทำโครงการรักษาโรคเองโดยที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสปสช.ทำให้ประชาชนที่ป่วยจากอาการอื่นนอกเหนือโครงการนี้ต้องเสียประโยชน์ในการที่จะได้รับการรักษาการเจ็บป่วยตามมาตรฐาน
4.สปสช.จ่ายเงินให้โรงพยาบาลน้อยกว่างบประมาณที่รัฐบาลกำหนด ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์จากงบประมาณที่น้อยกว่างบประมาณจริงที่ควรได้รับ
5.สปสช.อ้างว่า เป็นผู้เจรจาซื้อยาและเครื่องมือแพทย์ในจำนวนมากจะช่วยให้ราคาถูกลง แต่ของราคาถูกบางอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน เช่น สเต็นท์ ที่ซื้อมาป็นจำนวนมาก หรือของราคาถูกบางอย่างก็อาจะกลายเป็นผลเสียแก่ผู้ป่วย เช่นเล็นส์แก้วตาเทียมที่อ้างว่าซื้อถูกๆ และเนื่องจากเล็นส์มีราคาถูกจึงเป็นผลเสียต่อผู้ป่วยคือใช้ไปเพียง 4-5 ปี ก็ต้องมาผ่าตัดเปลี่ยนเล็นส์ใหม่ ในขณะที่เล็นส์คุณภาพดีมีมาตรฐานราคาอาจแพงกว่า แต่ใช้ได้ตลอดไป ไม่ต้องมาผ่าตัดเปลี่ยนใหม่ ประชาชนไม่ต้องลำบากมาผ่าตัดหลายครั้ง เป็นผลเสียต่อประชาชน
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
ประธานสหันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์
และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.)
29 ม.ค. 55
- sudsud likes this
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#22
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:53
ปัจจุบันเข้ารพ.เอกชน เหมือนกับเข้าไปหาโจรให้ปล้น
เข้ารพ.รัฐเหมือนเข้าโรงฆ่าสัตว์(มีบ้างที่ดีแต่หายาก)
ประสพการณ์ตรงของผมเองไปรพ.เอกชน(ได้ลด15%แล้วนะ)
***แมลงเข้าหู ค่าส่องไฟเขี่ยดู(สรุปแมลงไม่อยู่แล้ว)+ค่ายา 3000หรือ4000กว่าบาทจำไม่ได้แต่ประมาณนี้(ได้ยามาถุงโต)
***โดนเหล็กประมาณเข็มแทง เป็นหนอง ให้หมอผ่าให้แผลผ่าประมาณครึ่งซม.ค่าผ่า+ค่ามีด+ค่ายา+ฯลฯเกือบ 6000บาท
***โรคกรดไหลย้อน ค่าตรวจ+ค่ายาเดือนละเกือบหมื่น ต้องกินติดต่อกันจนกว่าจะหาย
- หงส์แดง likes this
#23
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:58
ปัจจุบันเข้ารพ.เอกชน เหมือนกับเข้าไปหาโจรให้ปล้น
เข้ารพ.รัฐเหมือนเข้าโรงฆ่าสัตว์(มีบ้างที่ดีแต่หายาก)
ประสพการณ์ตรงของผมเองไปรพ.เอกชน(ได้ลด15%แล้วนะ)
***แมลงเข้าหู ค่าส่องไฟเขี่ยดู(สรุปแมลงไม่อยู่แล้ว)+ค่ายา 3000หรือ4000กว่าบาทจำไม่ได้แต่ประมาณนี้(ได้ยามาถุงโต)
***โดนเหล็กประมาณเข็มแทง เป็นหนอง ให้หมอผ่าให้แผลผ่าประมาณครึ่งซม.ค่าผ่า+ค่ามีด+ค่ายา+ฯลฯเกือบ 6000บาท
***โรคกรดไหลย้อน ค่าตรวจ+ค่ายาเดือนละเกือบหมื่น ต้องกินติดต่อกันจนกว่าจะหาย
เจอมาเหมือนกันครับ
ท้องเสีย 4000
หนูท่อกัด 30000
กล้ามเนี้อฉีก 2800
ผ่าไส้เลื่่อน เกือบแสน
แต่ทุกรายการประกันจ่ายครับ มหาโหดจริงๆ
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#24
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 23:04
ปัจจุบันเข้ารพ.เอกชน เหมือนกับเข้าไปหาโจรให้ปล้น
เข้ารพ.รัฐเหมือนเข้าโรงฆ่าสัตว์(มีบ้างที่ดีแต่หายาก)
ประสพการณ์ตรงของผมเองไปรพ.เอกชน(ได้ลด15%แล้วนะ)
***แมลงเข้าหู ค่าส่องไฟเขี่ยดู(สรุปแมลงไม่อยู่แล้ว)+ค่ายา 3000หรือ4000กว่าบาทจำไม่ได้แต่ประมาณนี้(ได้ยามาถุงโต)
***โดนเหล็กประมาณเข็มแทง เป็นหนอง ให้หมอผ่าให้แผลผ่าประมาณครึ่งซม.ค่าผ่า+ค่ามีด+ค่ายา+ฯลฯเกือบ 6000บาท
***โรคกรดไหลย้อน ค่าตรวจ+ค่ายาเดือนละเกือบหมื่น ต้องกินติดต่อกันจนกว่าจะหาย
เจอมาเหมือนกันครับ
ท้องเสีย 4000
หนูท่อกัด 30000
กล้ามเนี้อฉีก 2800
ผ่าไส้เลื่่อน เกือบแสน
แต่ทุกรายการประกันจ่ายครับ มหาโหดจริงๆ
เรื่องนี้ใครจะช่วยเราได้ เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหน ไม่เห็นจะสนใจ
#25
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 23:12
พ่อเราเสียชีวิตก็เพราะเป็น "นายไม่ทราบชื่อ" เช่นกันค่ะ เพราะนอนเสียบน้ำเกลืออยู่ รพ.ทั้งวัน จนนายไม่ทราบชื่อสภาพร่างกายไม่ไหวอีกไม่กี่วันก็เสียชีวิตสมัยเรียน ผมเคยโดนรถชนจนสลบ
กระเป๋าตังค์หาย ไม่มีอะไรยืนยันว่าผมเป้นใคร
รถร่วมกตัญญูพาผมไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต
แขนผมหักและเลือดคั่งอยู่บริเวณหัวไหล่
การรักษาแบบชั่ว (ช้า) คราว จากบุรุษพยาบาลที่ไม่ทราบอาการอะไรของผม
จนเพื่อนมหาลัย ตามตัวผมเจอ จึงติดต่อญาติให้มารับไปส่งต่อโรงพยาบาลรัฐอีกแห่งไกล้ๆ
จึงรู้ว่า มีเลือดคั่งและเป็นอันตรายมาก อาจถึงต้องเสียแขนไปเลย
เพียงเพราะผมเป็น “นายไม่ทราบชื่อ”
- tonythebest likes this
#26
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 23:18
พ่อเราเสียชีวิตก็เพราะเป็น "นายไม่ทราบชื่อ" เช่นกันค่ะ เพราะนอนเสียบน้ำเกลืออยู่ รพ.ทั้งวัน จนนายไม่ทราบชื่อสภาพร่างกายไม่ไหวอีกไม่กี่วันก็เสียชีวิตสมัยเรียน ผมเคยโดนรถชนจนสลบ
กระเป๋าตังค์หาย ไม่มีอะไรยืนยันว่าผมเป้นใคร
รถร่วมกตัญญูพาผมไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต
แขนผมหักและเลือดคั่งอยู่บริเวณหัวไหล่
การรักษาแบบชั่ว (ช้า) คราว จากบุรุษพยาบาลที่ไม่ทราบอาการอะไรของผม
จนเพื่อนมหาลัย ตามตัวผมเจอ จึงติดต่อญาติให้มารับไปส่งต่อโรงพยาบาลรัฐอีกแห่งไกล้ๆ
จึงรู้ว่า มีเลือดคั่งและเป็นอันตรายมาก อาจถึงต้องเสียแขนไปเลย
เพียงเพราะผมเป็น “นายไม่ทราบชื่อ”
น่าเศร้านะครับ ที่การรักษา แม้อยู่ในภาวะจวนเจียนแก่ชีวิต
แต่ก็ต้องมีหลักประกันเสียก่อนที่จะกลายเป็นการรักษาฟรี
- เมรีสีน้ำเงิน and sudsud like this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#27
ตอบ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 - 23:21
ใช่ค่ะ เมื่อปีที่แล้วลูกสาวไข้ขึ้นสูงมาก เป็นตอนตีสาม
เราไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรให้กินยาไข้ก็ไม่ลด พาโปโรงบาลตอนเช้า ตามสิทธิบัตรทอง
หมอบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ให้ยาพาราเด็ก มา 2 ขวด
ตอนจะพาลูกกลับบ้านมาที่รถแล้วลูกสาวชัก เราหัวใจจะวาย วิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
พอตรวจแบบจริง ๆ จรัง ๆ เจาะเลือดไปตรวจ เค้าบอกว่าเป็นไข้หวัดจากเชื้อไวรัส
สุดท้ายได้นอนโรงพยาบาล 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ค่ารักษาพยาบาลไม่เสีย
เสียแต่ค่าห้องพิเศษ
ยาที่ให้เหมมือนเดิมคือ พารา และฉีดยาเข้าเส้นเลือด
ยาพารากินไม่ลดจริง ๆ พอดีกับเพื่อนของพี่ที่ทำงานเป็นหมอ
เค้าเลยแนะนำให้เราไปซื้อยามาเอง แล้วเอายาตัวนั้นให้ลูกกิน ส่วนพาราให้ทิ้งไป
แต่ที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนั้นต่อ เพราะต้องฉีดยา และไม่มีใครสะดวกเฝ้าลูกให้ ต้องสลับกับแฟนคนละครึ่งวัน
ต้องไปเคียร์งานที่ทำงาน เพราะหัวหน้าไม่ให้ลาทั้งอาทิตย์ ให้แค่ลาครึ่งวัน ทั้งอาทิตย์แทน
ปกติผมจะพาลูกเข้าเอกชนตลอดครับ ขอเสริมนิดนึง
จากประสบการณ์ตรงนะครับ ถ้าลูกกินพาราแล้วไข้ไม่ลด หมอเค้าจะให้ยาอีกตัวนึงเค้าบอกว่าเป็นยาลดไข้สูง ผมเลยถามว่าเป็นยาอะไร หมอบอกว่าแอสไพริน แต่ตัวนี้กินต้องระวังครับ
หมอที่มีคุณธรรม มักไม่ทำคลีนิกเพราะคนไข้ไม่ค่อยเข้าใช้บริการ การรักษาก็จะใช้ยาตามลำดับจากยาสามัญก่อนถ้าไม่หายก็จะเพิ่มระดับขึ้น แต่ไม่เป็นที่ถูกใจของคนไข้ ถ้าเข้าคลีนิคหรือโรงพยาบาลเอกชน เขาก็จะใช้ยาแรง บางคลีนิคหมอฉีดยาให้เข็มเดียวโรคแทบจะหายคาเข็ม คนไข้ก็นิยม แต่หารู้ไม่ว่าถ้าเป็นโรคด้วยอาการเดิมต้องใช้ยาแรงขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น อย่างที่โรงพยาบาลที่บ้านมีหมอคนหนึ่งเปิดคลีนิค ถนนแถวคลีนิคแกรถจอดยาวเหยียด ในคลีนิคชาวบ้านนั่งเต็มตลอด วันหนึ่งๆ แกรับหลายหมื่นครับ แต่เวลาไปทำงานที่โรงพยาบาลทั้งหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ หรือพ่อบ้าน แม่บ้าน แม้แต่ยาม กลับไม่มีใครชอบแก ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่มีจรรยาบรรณ ยาที่แกใช้แต่ละตัวแรงๆ ทั้งนั้น ค่ารักษาแต่ละคนก็หลักพันเป็นส่วนใหญ่แถมยังไม่บ่นว่าแพง แต่พอมารักษาที่ รพ.สต. รักษาฟรี หรือรพ.ชุมชน แค่ 30 บาท บ่นแล้วบ่นอีก ความจริงยาพาราเซตามอล ของรพ.ชุมชนกับคลีนิค มันก็ตัวเดียวกัน เพียงแต่จะให้ 200 หรือ 500 มิลลิกรัมเท่านั้น
ความจริงหมอ พยาบาล โรงพยาบาลเอกชน ส่วนใหญ่ก็ใช้บริการของหมอจากโรงพยาบาลศูนย์ ออกเวรจากโรงพยาบาลศูนย์ก็มาทำพิเศษ รพ.เอกชน เพียงแต่ รพ.เอกชนเขาเน้นการบริการที่ดีกว่า เพราะคนไข้มีน้อยกว่าทำให้บริการได้ใกล้ชิดและทั่วถึงกว่า การวินิจฉัยโรคก็มีเวลามากกว่าทำให้การรักษาได้ถูกกับโรค ซึ่งต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ คนไข้แน่นตลอดถ้าจะให้เวลากับคนไข้มากคนอื่นก็จะรอนาน บางแห่งถึงกับเดินขบวนไล่หมอหนี จนป่านนี้ยังไม่มีหมอไปประจำโรงพยาบาลแห่งนั้นเลย ชาวบ้านต้องถ่อสังขารไปโรงพยาบาลอีกอำเภอ ยิ่ง P4P ก็ยิ่งจะทำให้ชาวบ้านลำบากหนักขึ้น จากการขาดขวัญและกำลังใจในการทำงาน จนต้องลาออกและย้ายตัวเองไปอยู่รพ.เอกชน
#28
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:03
ใช่ค่ะ เมื่อปีที่แล้วลูกสาวไข้ขึ้นสูงมาก เป็นตอนตีสาม
เราไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรให้กินยาไข้ก็ไม่ลด พาโปโรงบาลตอนเช้า ตามสิทธิบัตรทอง
หมอบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ให้ยาพาราเด็ก มา 2 ขวด
ตอนจะพาลูกกลับบ้านมาที่รถแล้วลูกสาวชัก เราหัวใจจะวาย วิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
พอตรวจแบบจริง ๆ จรัง ๆ เจาะเลือดไปตรวจ เค้าบอกว่าเป็นไข้หวัดจากเชื้อไวรัส
สุดท้ายได้นอนโรงพยาบาล 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ค่ารักษาพยาบาลไม่เสีย
เสียแต่ค่าห้องพิเศษ
ยาที่ให้เหมมือนเดิมคือ พารา และฉีดยาเข้าเส้นเลือด
ยาพารากินไม่ลดจริง ๆ พอดีกับเพื่อนของพี่ที่ทำงานเป็นหมอ
เค้าเลยแนะนำให้เราไปซื้อยามาเอง แล้วเอายาตัวนั้นให้ลูกกิน ส่วนพาราให้ทิ้งไป
แต่ที่ต้องอยู่โรงพยาบาลนั้นต่อ เพราะต้องฉีดยา และไม่มีใครสะดวกเฝ้าลูกให้ ต้องสลับกับแฟนคนละครึ่งวัน
ต้องไปเคียร์งานที่ทำงาน เพราะหัวหน้าไม่ให้ลาทั้งอาทิตย์ ให้แค่ลาครึ่งวัน ทั้งอาทิตย์แทน
ปกติผมจะพาลูกเข้าเอกชนตลอดครับ ขอเสริมนิดนึง
จากประสบการณ์ตรงนะครับ ถ้าลูกกินพาราแล้วไข้ไม่ลด หมอเค้าจะให้ยาอีกตัวนึงเค้าบอกว่าเป็นยาลดไข้สูง ผมเลยถามว่าเป็นยาอะไร หมอบอกว่าแอสไพริน แต่ตัวนี้กินต้องระวังครับ
ลูกสาวกินตระกูน บูเฟ้นค่ะ
ส่วนเรื่องโรงพยาบาลของเอกชน ต้องฝันค้างค่ะ
จะเข้าเซ็นคารอส ก็แพงไป พี่ชายเคยเข้ามาแล้วนอนแค่ 4-5 วัน หมดไปแสนกว่าบาท
สู้ไม่ไหวค่ะ ช่วงปีที่แล้ว โดนค่าซ่อมบ้านตอนน้ำท่วมไปด้วย เงินสำรองไม่มีค่ะ
#29
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:10
ประกันสังคม ค่อนข้างดีเลยนะครับเดี๋ยวนี้
#30
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:40
Edited by galaxy, 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:41.
#31
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 21:13
เห็นใจเลยนะคะ คนที่รายได้น้อย พอเจ็บป่วยทีก็ลำบากค่ะ เพราะประกงประกันก็ไม่มี แต่ รพ.เอกชนเดี๋ยวนี้ฟันแพงมากๆ
เรื่องระบบการดูแลรักษาคิดว่าเป็นเหมือนกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าประเทศไหน ขอนอกเรื่องหน่อย เมืองไทยยังพอถูไถ แต่ที่เมกานี่เรียกว่ารักษาทีนึง สามารถทำให้ยากจน จนกลายร่างจากอำมาตย์เป็นพวกรากหญ้าไปเลยในพริบตาค่ะ เพื่อนสนิทตอนไปเรียนที่เมกา ปวดท้องอย่างหนักจนทนไม่ไหว เข้ารพไป ปรากฏว่าซีสในช่องท้องแตกโดยไม่รู้ตัว ต้องผ่าตัดเอาออก นอน รพ. ประมาณ 3 คืน แม่เจ้าบิลค่ารักษาพยาบาลมา คิดเป็นเงินไทยสองล้านกว่าบาท ดีที่ทางมหาวิทยาลัยบังคับให้ซื้อประกันสุขภาพไว้ ไม่งั้นต้องหยุดเรียนกลับไทยเพราะหมดตัว
#32
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2556 - 21:24
ช่วงนี้โรงพยาบาลรัฐบาลหลายโรงติดตัวแดงจนหมอต้องรักษาตามมีตามเกิดแล้วครับ
สมัยก่อนยังรักษาดีนะครับ แต่เดี๋ยวนี้กากลงเยอะ
/人= ‿‿ =.u人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน