วิบากกรรม'นายกฯยิ่งลักษณ์'ยังไม่สิ้น : ขยายปมร้อน โดยโอภาส บุญล้อม
แต่เรื่องใหญ่สุดที่อาจทำให้ "ยิ่งลักษณ์" ตกจากเก้าอี้นายกฯ ได้ ก็คือ กรณีที่สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ร้อง กกต.กทม.ให้สอบนายกฯ ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคเพื่อไทย แม้ว่า นายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะหลุดบ่วงเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินฯ กรณีให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด จำนวน 30 ล้านบาท โดย ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่มีพฤติการณ์ปกปิดหรือแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ
แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางนับจากนี้ไปจะไร้ซึ่งขวากหนาม เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ "นายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้" ถูกร้องไปยังองค์กรอิสระต่างๆ ทั้ง ป.ป.ช., กกต. และผู้ตรวจการแผ่นดิน...
แต่เรื่องใหญ่สุดที่อาจทำให้ "ยิ่งลักษณ์" ตกจากเก้าอี้นายกฯ ได้ ก็คือ กรณีที่สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ร้อง กกต.กทม.ให้สอบนายกฯ ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 "สุริยะใส" ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ "พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา" ประธาน กกต.กทม กล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีกับพวก ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ หลายครั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีเนื้อหาการปราศรัยที่เป็นการจูงใจ ชูนโยบายต่างๆ ที่เป็นภาระหน้าที่โดยตรงของนายกฯ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นการหวังผลเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย การกระทำของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึงถือได้ว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดย "สุริยะใส" ได้ถอดเทปเสียงคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีในสถานที่ต่างๆ ยื่นต่อ กกต.กทม.เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย
ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา "กกต.กทม." มีมติเป็นเอกฉันท์รับเรื่องร้องเรียนของ "สุริยะใส" ไว้พิจารณา และขณะนี้ กกต.กทม. ได้ส่งเรื่องไปยัง กกต.กลาง ต่อมา กกต.กลาง ได้มอบให้อนุกรรมการของ กกต.สอบสวนอยู่
"พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา" ประธานกกต.กทม.ในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า หากเรื่องที่ "สุริยะใส" ร้องเรียนเข้าข่ายมาตรา 60 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ที่บัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร ก็จะมีโทษตามมาตรา 118 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว คือ จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี นั่นหมายความว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะพ้นตำแหน่งนายกฯ ไปด้วย
ขณะที่ "แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" (กกต.) เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมานายกฯ มักจะอ้างว่าการไปช่วยหาเสียงให้ พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นการกระทำนอกเวลาราชการ จึงไม่เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ แต่ในความเห็นของตนกฎหมายฉบับนี้จะดูที่เนื้อหาในการปราศรัยหาเสียงว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
"มาตรา 57 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ บัญญัติว่า เมื่อมีการประกาศให้มีการเลือกตั้งในกรณีอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระการดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น...(1) จัดทำให้ เสนอให้สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และผู้ฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 118 คือ จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี ซึ่งตอนนี้ กกต. ได้ติดต่อไปยังสถานีโทรทัศน์ต่างๆ เพื่อขอเทปเต็มการปราศรัยของนายกฯ ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ ตามสถานที่ต่างๆ ว่ามีตรงไหนเข้าข่ายมาตรา 57 (1) หรือไม่"
นอกจากเรื่องไปช่วย "พงศพัศ" หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ยังมีอีกหลายเรื่องที่กำลังเผชิญ อาทิ มานิจ สุขสมจิตร อดีต ส.ส.ร.50 และคณะ ทำหนังสือกล่าวโทษต่อ ป.ป.ช. โดยกล่าวหาว่านายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ มีมติให้กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย, ส.ส.ฝ่ายค้าน ร้องต่อ ป.ปช. กล่าวหาว่า นายกฯ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ป.ป.ช. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง
และเรื่องที่ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และ รมว.กลาโหม จากการที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอน โดยกล่าวหาว่า นายกฯ และ รมว.กลาโหม แทรกแซงการโยกย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกลาโหม ไปช่วยราชการที่สำนักปลัดกลาโหม, ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.กล่าวหาว่ามีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนี้ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน
รวมทั้งเรื่องที่ "สมศักดิ์ โกศัยสุข" หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหาว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เพิกถอนพาสปอร์ตของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งขณะนี้ นายกฯ ขอขยายเวลาชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบถึงขั้นถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่งได้หรือไม่
สิ่งเหล่านี้คือ "ชนักปักหลัง" ที่ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ต้องสอบผ่านไปให้ได้หากต้องการอยู่จนครบวาระ 4 ปี...
คดีไล่บี้"นายกฯยิ่งลักษณ์"
- "สุริยะใส กตะศิลา" ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ร้องเรียนต่อ กกต. กล่าวหาว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยปราศรัยหาเสียงให้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของอนุกรรมการ กกต.
- "มานิจ สุขสมจิตร" อดีต ส.ส.ร.50 และคณะ ทำหนังสือกล่าวโทษต่อ ป.ป.ช. กล่าวหาว่านายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ มีมติให้กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- "ส.ส.ฝ่ายค้าน" ร้องต่อ ป.ป.ช. กล่าวหาว่า นายกฯ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ป.ป.ช. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง
- "ป.ป.ช." ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายกฯ และ รมว.กลาโหม จากการที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนโดยกล่าวหาว่า นายกฯ และ รมว.กลาโหม แทรกแซงโยกย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกลาโหม ไปช่วยราชการที่สำนักปลัดกลาโหม
- "ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์" ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กล่าวหาว่า มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนี้ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน
- "สมศักดิ์ โกศัยสุข" หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหาว่า นายกฯ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เพิกถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนี้ นายกฯ ขอขยายเวลาชี้แจงต่อผู้ตรวจการฯ
http://www.komchadlu...ยังไม่สิ้น.html
อีกกี่ปีชาติหนอ "กรรม" จึงจะเห็นผล...
