ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคทุกสมัยยึดมั่นในหลักการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนจะมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอและเหมาะสมในระยะยาว แม้ว่าประเทศเราจะสามารถผลิตพลังงานได้บางส่วน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งหมด ทำให้ต้องมีการนำเข้าพลังงานสุทธิในสัดส่วนประมาณ 55-60% ของปริมาณการใช้ทั้งหมดในแต่ละปี
ด้วยเหตุนี้ปตท กับรัฐบาลไทยจึงต้องมีการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุดควบคู่ไปกับการแสวงหาพลังงานแหล่งใหม่ๆ เพิ่มเติมทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันว่าเราจะได้มีพลังงานเหลือให้ลูกหลานใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ขาดแคลน และเพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ในการดำเนินโครงการด้านพลังงานขนาดใหญ่ๆ แต่ละครั้ง ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่จะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงต่อสาธารณชนให้ทราบทุกครั้ง สำหรับการให้สัมปทานปิโตรเลียมในบ้านเรานั้น มี พ.ร.บ. ปิโตรเลียมเป็นกฎหมายที่ระบุขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ รวมทั้งกำหนดหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นรูปแบบที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกใช้กันอยู่
ที่สำคัญประเทศที่มีการนำเข้าพลังงานเป็นหลัก (Net Importer) ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินนโยบายพลังงาน โดยหลักเดียวกับประเทศไทยแทบทั้งสิ้น เนื่องจากพลังงานของโลกนับวันมีแต่จะหมดไปและจะเป็นภาระของลูกหลานในอนาคต หากคนรุ่นนี้ใช้พลังงานให้หมดไปโดยขาดความรับผิดชอบก็จะบอกได้เลยว่าไม่ต้องโทษปตท กับรัฐบาลไทยหรอกจงโทษตัวเราเองที่ไม่รู้จักการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าคงจะดีกว่า
ที่มา : http://www.xn--72caab2fl6azbbby8lpav6ezjxc.com/