อ อ ม เ งิ น เ พื่ อ ช า ติ
#1
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:34
ทักษิณ พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และการเลือกตั้ง คือส่วนผสมที่ลงตัวของ ...
ประชาธิปไตยแบบทรราช
#2
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:20
ถ้าอยากจะออมเป็นผมผมไม่ซื้อ เพราะดอกเบี้ยที่ได้ต่ำเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ
ผมพึ่งเห็นโฆษณาขายสลากของออมสิน(มั้ง) มีแจกทองเพื่อจูงใจให้ซื้อ. ธกส.ก็โฆษณาแจกของเหมือนกัน ท่าทางเงินนกำลังตึงมือ!!!
#3
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:52
หากว่ารัฐบาลต้องการเงิน สองล้านล้านบาท เพื่อมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ โดยไม่ต้องกู้ ก็สามารถทำได้โดยเปิดขายพันธบัตรให้กับประชาชน ในอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ (สมมติให้ 3.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี) จ่ายดอกเบี้ยทุกปีโดยที่ประชาชนสามารถซื้อได้ง่าย ๆ ไม่ต้องล็อบบี้ ไม่ต้องกันโควต้า เพียงมีบัญชีธนาคาร มีบัตร ATM ก็กดโอนเงินซื้อได้ทันทีโดยที่จำกัดวงเงินให้ซื้อได้ไม่เกินท่านละ 1 ล้านบาท (เพื่อป้องกันคนรวยกวาดซื้อหมดเหมือนตอนขายรัฐวิสาหกิจบางแห่ง)ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินเฟ้อ ย่อมจูงใจให้ประชาชนที่มีเงินฝาก เข้ามาซื้อพันธบัตรจนครบสองล้านล้านบาทได้อย่างแน่นอนรัฐบาลก็จะมีเงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้โดยไม่ต้องออกกู้เงินต่างประเทศเลยแม้แต่บาทเดียว (แต่มากู้ประชาชนแทน)แล้วมันต่างกันตรงใหน ? ยังไงก็เป็นหนี้เหมือนกัน ผมว่าต่างนะครับเพราะแทนที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารต่างประเทศสู้จ่ายดอกเบี้ยให้ประชาชนในประเทศดีกว่า เพราะดอกเบี้ยที่จ่ายให้ประชาชนไป ประชาชนก็เอาเงินนั้นไปบริโภคไปใช้จ่ายอยู่ในประเทศ เงินก็หมุนเวียนอยู่ระบบ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นไปอีก เมื่อมีการใช้จ่ายบริโภค รัฐบาลก็ได้ภาษี VAT มากขึ้นอีกทางอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออมเงินให้กับประชาชนอีกด้วย แถมไม่ใช่การออมธรรมดา ๆ แต่เป็นการออมเงินแล้วยังพัฒนาประเทศได้อีก(และการที่รัฐกู้เงินประชาชนจะช่วยลดการคอรัปชั่นด้วยอีกทางนึงเพราะเป็นเงินที่กู้ประชาชนมา ประชาชนจะรู้สึกหวงแหนเงินมากกว่าภาครัฐจะถูกประชาชนตรวจสอบและจับตาดูการใช้เงินกู้อย่างเคร่งครัดงานนี้ใครโกงแล้วถูกจับได้คิดว่าโดนสังคมเล่นงานหนักแน่)
แบบนี้ ก็อดได้ค่านายหน้า จากการกู้เงิน ซิ
#4
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:07
#5
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:30
ถ้าเงื่อนไขดีสุดๆจริงๆ คิดว่าจะตกถึงมือประชาชนหรือคะ คนชั่วที่มีอำนาจก็เก็บไว้กินเอง แต่นี่มันยังไม่รู้เลยว่าจะคืนทุนชาติไหนเลยแบ่งความเสี่ยงตกถึงมือประชาชน
มันจะทำให้เราคิดก่อนพูดได้ดีขึ้น เมื่อเชื่อว่าคำพูดที่ออกไปเหล่านั้นคือคำที่เราจะได้ยินเองในอนาคต
และถ้าเราจะทำดีได้มากขึ้น เมื่อเชื่อว่าเราจะได้เจอสิ่งดีๆในอนาคต
แม้ว่าวันนี้เราจะยังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไรแต่อย่างน้อยทำให้เราผ่านวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น
#6
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:39
ออมเงินเพื่อชาติ ไม่ค่อยเจอ
อมเงินเพื่อชาติ นี่เจอบ่อย
- Moon, อมพระมาพูด, อู๋ ฮานามิ and 5 others like this
#7
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 14:53
คงต้องดูก่อนครับว่าเงินออมในประเทศมีเท่าไหร่
แล้วถ้ารัฐดูดออกไปอีก 2.2ล้านล้านบาท จะเหลือในตลาดอีกเท่าไหร่ หลังจากนั้นเอกชนหรือชาวบ้านจะหากู้อีกได้ไหม
แต่ที่แน่ที่สุด ดอกเบี้ยในประเทศจะโดนกระตุกให้สูงขึ้น
คนที่ถือพันธบัตรรอบๆแรกที่ดอกเบี้ย 3.5 % (สมมติ) จะเสียผลประโยชน์ เพราะรอบหลังดอกเบี้ยจะแพงขึ้น
#8
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 16:44
หากว่ารัฐบาลต้องการเงิน สองล้านล้านบาท เพื่อมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ โดยไม่ต้องกู้ ก็สามารถทำได้โดยเปิดขายพันธบัตรให้กับประชาชน ในอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ (สมมติให้ 3.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี) จ่ายดอกเบี้ยทุกปีโดยที่ประชาชนสามารถซื้อได้ง่าย ๆ ไม่ต้องล็อบบี้ ไม่ต้องกันโควต้า เพียงมีบัญชีธนาคาร มีบัตร ATM ก็กดโอนเงินซื้อได้ทันทีโดยที่จำกัดวงเงินให้ซื้อได้ไม่เกินท่านละ 1 ล้านบาท (เพื่อป้องกันคนรวยกวาดซื้อหมดเหมือนตอนขายรัฐวิสาหกิจบางแห่ง)ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินเฟ้อ ย่อมจูงใจให้ประชาชนที่มีเงินฝาก เข้ามาซื้อพันธบัตรจนครบสองล้านล้านบาทได้อย่างแน่นอนรัฐบาลก็จะมีเงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้โดยไม่ต้องออกกู้เงินต่างประเทศเลยแม้แต่บาทเดียว (แต่มากู้ประชาชนแทน)แล้วมันต่างกันตรงใหน ? ยังไงก็เป็นหนี้เหมือนกัน ผมว่าต่างนะครับเพราะแทนที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารต่างประเทศสู้จ่ายดอกเบี้ยให้ประชาชนในประเทศดีกว่า เพราะดอกเบี้ยที่จ่ายให้ประชาชนไป ประชาชนก็เอาเงินนั้นไปบริโภคไปใช้จ่ายอยู่ในประเทศ เงินก็หมุนเวียนอยู่ระบบ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นไปอีก เมื่อมีการใช้จ่ายบริโภค รัฐบาลก็ได้ภาษี VAT มากขึ้นอีกทางอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออมเงินให้กับประชาชนอีกด้วย แถมไม่ใช่การออมธรรมดา ๆ แต่เป็นการออมเงินแล้วยังพัฒนาประเทศได้อีก(และการที่รัฐกู้เงินประชาชนจะช่วยลดการคอรัปชั่นด้วยอีกทางนึงเพราะเป็นเงินที่กู้ประชาชนมา ประชาชนจะรู้สึกหวงแหนเงินมากกว่าภาครัฐจะถูกประชาชนตรวจสอบและจับตาดูการใช้เงินกู้อย่างเคร่งครัดงานนี้ใครโกงแล้วถูกจับได้คิดว่าโดนสังคมเล่นงานหนักแน่)
แบบนี้ ก็อดได้ค่านายหน้า จากการกู้เงิน ซิ
เห็นว่าวงเงิน 1 ล้านอาจต่ำไป น่าจะอยู่ที่ 3-5ล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยควรดูตลาด ปรับทุกปีตามสภาพ แบบนี้คิดว่าประชาชนได้ประโยชน์ รัฐบาลก็เรียกเก็บภาษีดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลน่าจะไม่เลือกวิธีนี้ เพราะไม่อยากใช้วิธีตั้งงบประมาณ มันโกงกินยาก สู้ออก พรบ.เงินกู้ กินได้หลายขั้นตอน ตั้งแต่ตอนกู้ไปจนถึงการวางแผนโครงการ การเปิดประมูล การจ่ายเงินงวด อย่างน้อยๆ ทุกขั้นตอนที่ว่านี้คงไม่ต่ำกว่า 30-50เปอร์เซนต์ของวงเงินกู้ พี่ชั่วกับน้องโง่มันกะจะกินประเทศไทย ถ้าประชาชนยังไม่เห็นถึงความหายนะของโครงการนี้ ก็รอรับความวินาศได้ ส่วนประชาควายเสื้อแดง เราคงไม่มีความหวังว่าจะคิดได้ เพราะคงคิดว่าให้มันจนเหมือนๆกันให้หมดก็ดี เป็นประชาธิปไตยดี
กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ
#10
ตอบ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:24
คงต้องดูก่อนครับว่าเงินออมในประเทศมีเท่าไหร่
แล้วถ้ารัฐดูดออกไปอีก 2.2ล้านล้านบาท จะเหลือในตลาดอีกเท่าไหร่ หลังจากนั้นเอกชนหรือชาวบ้านจะหากู้อีกได้ไหม
แต่ที่แน่ที่สุด ดอกเบี้ยในประเทศจะโดนกระตุกให้สูงขึ้น
คนที่ถือพันธบัตรรอบๆแรกที่ดอกเบี้ย 3.5 % (สมมติ) จะเสียผลประโยชน์ เพราะรอบหลังดอกเบี้ยจะแพงขึ้น
เงินไม่ได้หายไปจากระบบนะครับ เพราะไม่ได้เอาเงินไปกองไว้เฉย ๆ
แต่เอาไปสร้างสาธารณูปโภค เกิดการจัดซื้อ - จ้างงาน และอื่น ๆ เงินหมุนสะพัดในระบบมากกว่าด้วยซ้ำครับ
ทักษิณ พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และการเลือกตั้ง คือส่วนผสมที่ลงตัวของ ...
ประชาธิปไตยแบบทรราช
#11
ตอบ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:10
ตอนนี้เค้่าก็พยายามทำกันอยู่นะ เห็น ธกส กะ ออมสิน วิ่งขอเงินฝากกันให้ขาขวิด
#12
ตอบ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 - 14:48
คงต้องดูก่อนครับว่าเงินออมในประเทศมีเท่าไหร่
แล้วถ้ารัฐดูดออกไปอีก 2.2ล้านล้านบาท จะเหลือในตลาดอีกเท่าไหร่ หลังจากนั้นเอกชนหรือชาวบ้านจะหากู้อีกได้ไหม
แต่ที่แน่ที่สุด ดอกเบี้ยในประเทศจะโดนกระตุกให้สูงขึ้น
คนที่ถือพันธบัตรรอบๆแรกที่ดอกเบี้ย 3.5 % (สมมติ) จะเสียผลประโยชน์ เพราะรอบหลังดอกเบี้ยจะแพงขึ้น
เงินไม่ได้หายไปจากระบบนะครับ เพราะไม่ได้เอาเงินไปกองไว้เฉย ๆ
แต่เอาไปสร้างสาธารณูปโภค เกิดการจัดซื้อ - จ้างงาน และอื่น ๆ เงินหมุนสะพัดในระบบมากกว่าด้วยซ้ำครับ
เงินหายจากระบบส่วนหนึ่ง แต่เป็นปนิมาณเท่าไหร่ ต้องดูรายละเอียดครับ
เพราะ ต้องเอาเงินไปซื้อวัตถุดิบ เครื่องจักรกลและอื่นๆจาก ตปท ส่วนดอกเบี้ยที่จ่ายมาวนประเทศเป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ
#13
ตอบ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:13
http://www2.bot.or.t...D=7&language=TH
จาก ธปท. ปริมาณเงินฝากตอนนี้มีประมาณ 13 ล้านล้านบาท
โดยเงินฝากประจำมีปริมาณประมาณครึ่งหนึ่งคือประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท
การจะระดมทุนจากพันธบัตรอย่างเดียวให้ถึง 2 ล้านล้านจึงไม่น่าจะง่าย เว้นแต่ว่าให้ดอกเบี้ยสูงจริงๆ
แต่ก็จะมีข้อดีคือคนที่มีรายได้ ที่เป็นคนที่เสียภาษีจริงๆ ก็จะมีโอกาสที่จะได้ดอกเบี้ยคืนมา
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#14
ตอบ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:30
ถ้าจำกัด 1ล้านบาทต่อคน ก็ต้องการคนมาซื้อ 2.2ล้านคนสินะ
คนที่เสียภาษีเพื่อหล่อเลี้ยงประเทศไทยและมีกำลังซื้อคนละ 1 ล้านบาท มีถึง 2.4 ล้านคนนะครับ ปริ่มๆ เลยทีเดียว (ถ้าซื้อคนละ 1 ล้าน ก็ยังมีอีกตั้ง 2 แสนคนที่ยังไม่ได้ซื้อ)
ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน