เคลียร์วัดปทุมฯพบอาวุธอื้อ รวบเมียขวัญชัย-ศอฉ.ตั้งหน่วยเคลื่อที่เร็ว
เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่วัดปทุมฯ หลังผู้ชุมนุมทยอยพื้นที่ พบในรถยนต์ซุกอาวุธ-ปืน เพียบ ขณะที่ "เมียขวัญชัย"ดอดเอารถคืนเจออายัดตัว หลังพบในรถมีอาวุธ ปัดสวะไม่ใช่เจ้าของอ้างเอามาใช้ก่อนชุมนุม 4 วัน พร้อมรวบ 2 การ์ดนปช. ซุกกุฏิพระหน้าเหมือนคนร้ายในภาพสเก็ตซ์บึ้มบ้านบรรหาร-ป่วนจุฬา
วันที่ 21 พ.ค. ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าเคลียร์พื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งบริเวณวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 1 กองร้อย ได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่ในวัดปทุมฯ โดยมีการตรวจสอบรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในวัน ซึ่งมีจำนวนหลายสิบคัน ทั้งนี้ พบอาวุณในรถยนต์หลายคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ และยังได้มีการจับกุมการ์ดนปช.3 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้การ์ดนปช.ช่วยค้นหาอาวุธ รวมทั้งงบหาอาวุธในสระของวัด ซึ่งพบกระสุนปืนเอ็ม 60 ขนาด 7.6 มม. ซึ่งเป็นกระสุนเครื่องสาย จำนวน 4 สาย ๆ ละ 100 นัด รวมแล้วมี 400 นัด แต่ยังไม่พบเครื่องยิง โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาต่อ เจ้าหน้าที่ยังให้การ์ดลงไปในบ่อของวัด งมพบลูกปืนกลจำนวนมากด้วย
อีกด้านหนึ่ง นางอาภรณ์ สารคาม ภรรยาของนายขวัญชัย ไพรนา ได้เดินทางเข้ามารับรถคืน ซึ่งเป็นรถเบนซ์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถออกไป เนื่องจากพบอาวุธในรถของนายขวัญชัย ทั้งนี้ นางอาภรณ์ระบุว่า ก่อนที่นายขวัญชัญจะมอบตัวได้มอบกุญแจไว้ให้และให้มาเอารถ ซึ่งยืนยันว่า รถที่ใช้เพิ่งเอามาใช้ก่อนการชุมนุมได้ 4 วัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่เช็กข้อมูลการจดทะเบียน รวมทั้งการเสียภาษีพบอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จึงได้อายัดตัวนางอาภรณ์เอาไว้สอบปากคำก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบภายในวัดเจ้าหน้าที่ยังได้จับกุมการณ์นปช. 2 ราย ชื่อนาย อุทัย โสดาพงศ์ และนายสมพงศ์ บังชม ซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในกูฏิของพระในวัด โดยหนึ่งในพบว่านายสมพงศ์เป็นบุคคงที่มีหน้าตาคล้ายกับบุคคลในภาพสเก็ตซ์ของทางตำรวจที่เข้าไปโยนระเบิดที่หน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา รวมทั้งที่นำกำลังบุกโรงพยาบาลจุฬาฯด้วย จึงได้มีการนำตัวเพื่อไปสอบปากคำอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในรถยนต์คันหนึ่งที่อยู่ในวัด พบเครื่องเพชรและเครืองทอง จิวเวอร์รี่อยู่จำนวนหนึ่ง โดยเจ้าของร้านสยามจิวเวอร์รี่ บริเวณสยามได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ และยืนยันว่าเป็นเจ้าของเนื่องจากมีสัญลักษณ์ของร้านอยู่
เวลา 11.00 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร. 11 รอ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอฉ. ร่วมแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ
นายปณิธาน กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมเมื่อคืนที่ผ่านมาสถานการณ์ได้คลี่คลายอาจจะมีการเหตุการณ์เกิดขึ้นบ้างในพื้นที่ ซึ่งศอฉ.จะรายงานให้ทราบต่อไป แต่ในภาพรวมการก่อความไม่สงบ การวางเพลิง การคุกคามประชาชน ได้ลดลง และถือว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาในพื้นที่และแก่ไข้สถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา ศอฉ. ได้มีการประชุมกัน โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับผู้นำเหล่าทัพ เพื่อวางมาตรการเพิ่มเติมในการคลี่คลายสถานการณ์ โดย
1. ศอฉ.ได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมา ประกอบไปด้วย กองกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารและ ตำรวจ พร้อมกับเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยของกทม.เพือที่จะเข้าไปดูแลพื้นที่ในเขต กทม.โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดูแลให้ความมั่นใจดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความไม่สงบหรือก่อการร้าย การวินาศกรรมต่างๆ และเยียวยาปัญหาในเบื้องต้น และตั้งสายตรวจร่วม ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย โดยจะเริ่มปฏิบัติการทันทีในวันนี้ เพื่อเป็นปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อคืนพื้นที่สู่สภาพปกติโดยเร็ว
2. ศอฉ.ได้มีการอนุมัติให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบาจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยศูนย์นี้จะตั้งอยู่ที่ ศอฉ. และเปิดทำการเวลา 15.00 น. เพื่อเปิดให้มีการลงทะเบียนรับเรื่องราวร้องทุกข์ถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงาน เพื่อรับเรื่องฟื้นฟูเยียวยา ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่
ในส่วนของการปฏิบัติการจะมีการแถลงให้ประชาชนทราบในวันที่ 22 พ.ค. ถึงการปฏิบัติการในพื้นต่างๆ เรื่องการดำเนินคดี อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยึดมาจากพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมสงสัยว่ามีการซ่องสุมอาวุธหรือไม่ จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยจะชี้แจงให้คนไทยและต่างประเทศเทศได้รับทราบต่อไป
นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าแนวทางในการดำเนินการจากนี้ไปมี 3 เรื่อง คือ
1. เรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเฉพาะกิจแล้ว รัฐบาลจะฟื้นฟูปรับสภาพของสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องกฎหมาย เรื่องการดำเนินคดี โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยทุกฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
2.การชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ประชาชนทราบในข้อเท็จจริงๆต่างๆ โดยนายกฯจะพบปะกับประชาชนต่อไป
3.รัฐบาลจะเข้าสู่แผนการดำเนินการทางเมือง โดยมีแผนปรองดองอยู่แล้ว
พ.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า
1. ทางศอฉ. ได้เสนอรัฐบาลว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ อาจมีหลายเรื่องที่กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ดังนั้น จะมีการผ่อนคลายข้อกำหนดบางประการให้เกิดความเหมาะสมขึ้น
2.เรื่องการตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดในพื้นที่ราชประสงค์ โดยมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้สามารถเข้าตรวจพื้นที่ในพื้นที่พื้นราบได้สมบูรณ์แล้ว เหลือแต่ อาคารที่สูงอีก 10 แห่ง ได้แก่ ตึก ภปร. (ภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ) โรงแรมราชดำริ รีเจนท์ เฮาส์ อาคารนันทวัน ตึกเซนต์ รีจีส ดิ แอดเดรส โฟร์ซีซัน ราชดำริ เซ็นเตอร์พอยท์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ (ภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ) และ โรงแรมเอราวัณ โดยคาดว่าสามารถดำเนินการตรวจสอบเสร็จภายในเวลา 15.00 น.และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ กทม. ในเวลา 18.00 น.ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการตรวจสอบพื้นที่ต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยเน้นการเรื่องตั้งจุดตรวจต่างๆ เพื่อให้ความปลอดภัยกับประชาชนอีกระยะหนึ่ง
3. จะมีการยกเลิกมาตรการการจำกัดการบริการสาธารณะในพื้นที่ โดยภายในวันนี้ระบบไฟฟ้า ประปา ทุกชนิด ระบบขนส่งอื่นๆ ทั้ง รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ จะเปิดบริการอย่างเต็มระบบภายในวันนี้
---------------
สงบ สันติ แต่เอา "วัด" เป็นคลังอาวุธ