( แก้ไขนะคะ .......ไม่ได้ถูกอุ้มแต่ถูกมอด จัดกระทู้ใหม่)
คุณ puggi quoted ถามเราว่า ไม่แน่ใจว่าวลี ท่านประธานไม่แข็ง นั้น ท่านประธานคือใคร
เราจึงไปสืบค้นมา พบว่า คุณรังสิมากล่าวกับ รองประธาน สุชาติ ตันเจริญ
ขออภัยที่จำผิดว่าเป็นคุณชัย ชิดชอบ
เลยได้อ่านบทความเรื่องของเจ๊โอ๋ แม่กลอง ที่เคยลงในโอเคเนชั่น เมื่อปี 50
จึงขอมาแบ่งปันกัน ณ ที่นี้ด้วย
http://www.oknation....t.php?id=180530
"ท่านประธานค่ะ ท่านประธานไม่แข็งค่ะ" เป็นคำลุกขึ้นประท้วง บรรยากาศของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้งส่วนมากแล้วค่อนข้างจะเครียด เมื่อมีการประท้วงกันบ่อยครั้ง จนมี น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.เขตจ.สมุทรสงคราม เขต ๑ พรรคประชาธิปัตย์ หรือที่ชาวบ้านจะเรียก"หมอโอ๋" ได้ลุกขึ้นประท้วงประธาน(สุชาติ ตันเจริญ)ในที่ประชุมสภาฯ แล้วถามออกมาอย่างมั่นใจว่างานนี้เรียกว่าเธอเกิดแบบเต็มๆ
เพียงประโยคนี้เองที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับส.ส.หนุ่ม แต่ตัวเธอเองไม่ได้คิดว่าการพูดในวันนั้นจะทำให้คนรู้จักมากมายขนาดนี้ ขนาดไปยังสนามบินดอนเมืองแอร์โฮสเตส ได้ดูหนังสือเดินทางก็จำได้ว่า เป็นคนที่พูดประโยคท่านประธานไม่แข็ง วันนี้รังสิมาได้อธิบายว่า การพูดครั้งนั้นไม่ได้ลามก เพียงแต่ว่าภาษาจ.สมุทรสงครามจะพูดสั้นๆ ประโยคท่านประธานไม่แข็ง จริงๆ มันก็คือ ท่านประธานไม่มีความเข้มแข็งนั่นเอง
นอกจากนี้แล้วชาวบ้านในจังหวัดสมุทรครามยังมอบฉายา "เจ้าแม่มือเพลิง" ให้ ส.ส.รังสิมา อีกด้วย พร้อมกับเล่าที่มาของฉายานี้ให้ฟังว่า เมื่อชีวิตหันเข้ามาสู่วงการเมืองอย่างเต็มตัว และยิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. สิ่งที่ตามมาและมิอาจปฏิเสธได้นั้นก็คือ งานบุญ โดยเฉพาะต้องไปร่วมงานศพทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งต้องไปร่วมงานเผาศพมากถึง ๓๓ ราย จึงเป็นที่รู้กันว่างานศพจังหวัดสมุทรสงครามจะไปไม่เคยขาด เมื่อได้ไปร่วมงานศพบ่อยครั้งทำให้เข้าใจสัจจะธรรมชีวิตที่ว่าคนเราจะให้รวยมากเท่าไร เมื่อตายก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
"หลายปีก่อนเมืองสมุทรสงครามเป็นเมืองคนดุมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลมือปืน" นี่คือเหตุผลที่ทำให้ ส.ส.รังสิมาตัดสินใจลงสมัครผู้แทน โดยมีความตั้งใจว่า เมื่อได้รับเลือดกตั้งแล้วจะได้เข้าไปปราบคนโกงงบประมาณประชาชน ปราบกลุ่มที่มีอิทธิพล ทันทีที่ลงเล่นการซึ่งมีเรื่องต้องขุดคุยและไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน เป็นเหตุให้มีการสั่งมือปืนมายิงหวังให้ตายมาหลายครั้ง แต่ก็เฉียดตายมาอย่างหวุดหวิด
ส.ส.รังสิมา เล่าต่อว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งต้องเดินทางไปงานศพชาวบ้าน ระหว่างขับรถกระบะขึ้นสะพานข้ามคลองที่มีการสร้างสูงชันเพื่อให้เรือวิ่งผ่านได้ ด้วยความไม่คุ้นกับเส้นทางทำให้ไม่สามารถเร่งเครื่องส่งรถขึ้นสะพานได้ พยายามอยู่ ๕-๖ ครั้ง ก็ไม่ขึ้นสักที พอจะขึ้นถึงกลางสะพานเครื่องยนต์ก็ทำท่าจะดับ ในใจก็คิดอยู่ว่าขืนขับต่อไปเครื่องอาจไปดับกลางทาง ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับบ้านยอมเสียไปหนึ่งงาน
เมื่อกลับถึงบ้านน้องชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ถามว่า "ไม่ไปงานหรือ" ก็ตอบว่า "ไม่ไป เพราะเครื่องยนต์มันมีปัญหา" น้องเขาก็บอกว่า "ไหนขอลอง" พอติดเขาก็บอกว่า "ไม่มีอะไรผิดปกติเอาเป็นว่าขอยืมรถขับไปทำธุระกับน้องอีกคน"
หลังจากน้องชายขับรถออกจากบ้านไม่นานนัก แม่ของเขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า น้องชายคนนี้ถูกลอบยิงอาการปางตายในรถกระบะคันนั้น แต่ก็ไม่มีใครเสียชีวิตถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง
ส่วนเหตุการณ์เฉียดตายอีกครั้งเมื่อรถตีลังกา ๔ ตลบบนถนนพระราม ๒ ซึ่งเกิดขึ้นหลังเสร็จจากการประชุมพรรควันอังคาร จากนั้นก็เนทางกลับไปเป็นประธานงานเผาศพในพื้นที่ ก็ขับรถโดยใช้ความเร็วมากกลัวไม่ทันงาน ระหว่างขับไปเรื่อยๆ ก็จะมาเจอกรวยยางจราจรกั้นไว้ริมทางให้กับเจ้าหน้าที่ดายหญ้าข้างทาง ด้วยความเบาของกรวยจราจรทำให้มันเคลื่อนออกมาอยู่กลางถนน ทันใดนั้นรถที่นำหน้าอยู่ก็หักหลบกรวยอันนี้ ตามความเข้าใจคิดว่าเป็นการหักหลบรถที่ชนท้ายกัน
ดังนั้นเมื่อรถคันหน้ามีการหักหลบทำให้ต้องหักตาม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่รถสิบล้อวิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็ว ทำให้รถประจันหน้ากับสิบล้อจึงหักลำทันที ส่งผลให้รถเสียหลักควบคุมไม่ได้ ขณะที่เกิดเหตุนั้นยังสติอยู่ โดยเห็นว่ารถมันลอยแล้วก็หมุนๆ ภายในรถก็จะมีหมอเต๋า(ยง ทรงสุวรรณ) เป็นคนที่ต้องคอยรับลูกปืนแทนก็นั่งมาด้วย ก็เลยร้องว่าหมอเต๋าระวังๆ จับให้แน่นๆ รถก็ลอยข้ามฝังไปนอนหงายอยู่บนถนนพระราม ๒ ขาเข้า สภาพรถในวันนั้นพังยุบไปทั้งคันแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
"รอดตายมาได้ต้องดูด้วยว่า เราขับรถแข็งหรือเปล่า มีสติแค่ไหน ความรู้สึกจริงๆ ก็คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมันมีจริง ถ้าเราทำดีคงไม่ตายหรอก มีคนเอาดวงไปให้หมอดูดวงดูให้ ต่างก็บอกว่าดวงที่ไม่ตายโหง เพราะขนาดไปหาหลวงพ่อคูณสมัยที่สอบตก ส.ส.ก็ได้เดินทางไปจ.ชัยภูมิเพื่อไปดูสุริยปราคา เส้นทางต้องผ่านวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด ก็เลยเข้าไปกราบหลวงพ่อคูณ ตอนแรกไม่ได้กราบเพราะว่าท่านเพิ่งออกจากโรงพยาบาล จังหวะนั้นเองหลวงพ่อคูณก็เรียกให้เข้ามากราบ แล้วให้ไปเปลี่ยนพระมา หลังจากท่านจารให้ก็บอกว่ากูว่ามึงไม่ตายโหง มึงจะได้เป็นส.ส.แล้วก็ได้เป็นจริงๆ" ส.ส.รังสิมากล่าวถึงคำพูดอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อคูณ
ส.ส.รังสิมา บอกด้วยว่า แม้ใครจะบอกว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน คนทำชั่วได้ดีมีถมไป เป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เห็นชัดเจนว่า คนที่เคยปองร้ายคิดไม่ดีกับตัวเองต้องมีอันเป็นไป ส่วนใหญ่เสียชีวิตคนที่มีอิทธิพลทั้งหมดจะถูกยิงตาย ดังนั้น ตามความเข้าใจคิดว่าความดีเท่านั้นที่ยังอยู่บนผืนแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้เอง ทุกวันนี้ไม่กลัวตาย คนเราเกิดมาแล้วได้ถูกลิขิตว่าถึงเวลาตายก็ต้องตายไม่มีใครหนีความตายได้พ้น แต่วันนี้ก่อนตายขอทำความดีเพื่อแผ่นดิน
"ทุกวันนี้ทำงานการเมืองให้กับชาวบ้าน ก็ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยไปโกงไปกินแผ่นดิน ทุกแห่งที่ไปปราศรัยหรือไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอว่า ลูกจะไม่โกงกินแผ่นดิน เพียงแต่ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลใจให้ชาวบ้านเลือกเข้ามาทำงานให้กับชาวบ้าน เพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญ และพรที่ย้ำเสมอว่า หากใครคิดร้ายของให้ตัวเองแคล้วคลาด ขอให้คนชั่วแพ้ภัยแห่งความดีของเรา" ส.ส.รังสิมากล่าวทิ้งท้าย
"จังหวะนั้นเองหลวงพ่อคูณก็เรียกให้เข้ามากราบ แล้วให้ไปเปลี่ยนพระมา หลังจากท่านจารให้ก็บอกว่ากูว่ามึงไม่ตายโหง มึงจะได้เป็นส.ส.แล้วก็ได้เป็นจริงๆ"
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง/ภาพ พีระรัตน์ ธรรมจง
Edited by asawinee, 11 December 2011 - 20:08.