เปิดปูมร่างนิรโทษฯ7คดีใหญ่พ้นผิด
หาก "ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ...." ซึ่งเสนอโดย "วรชัย เหมะ" ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยและคณะ ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ได้มีมติให้เลื่อนขึ้นมาเป็นวาระแรกเพื่อพิจารณาในสมัยประชุมหน้าเดือนสิงหาคมนี้ สามารถผ่านออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ในวันใด นอกจากผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีการเมืองจะพ้นผิดแล้วก็อาจทำให้ "บุคคลที่ถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งรวมถึงคดีมาตรา 112" ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 พ้นผิดอีกด้วย
ร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 7 มาตรา แม้ผู้เสนอร่างจะให้เหตุผลว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้แก่คนทุกสี ทุกกลุ่ม แต่จะไม่รวมถึงการกระทำของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่มาตรา 3 และมาตรา 4 ก็ยังเป็นข้อถกเถียงในรายละเอียดเป็นเหมือนนิติกรรมอำพราง
เพราะว่าในร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้บัญญัติให้การกระทำของบุคคล 2 ประเภท ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป คือ 1.กระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งน่าจะครอบคลุมถึง "การกระทำที่เข้าข่ายกระทำผิดในคดีอาญา" และ 2.บุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองแต่การกระทำนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณา ซึ่งน่าจะครอบคลุมถึง "การกระทำที่เข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 112"
หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่ามีอย่างน้อย 7 คดีใหญ่ ที่ "จำเลย" จะได้รับการ "นิรโทษกรรม" ดังนี้
1.คดี น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
"น.ส.ดารณี" หรือ ดา ตอร์ปิโด ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุก 15 ปี ในข้อหาดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สืบเนื่องจาก น.ส.ดารณี ได้ปราศรัยที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2551 มีข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และขณะนี้ "น.ส.ดารณี" ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
2.คดีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ ออฟทักษิณ หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
"นายสมยศ" ถูกอัยการฟ้องในข้อหาดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีตีพิมพ์บทความของผู้ใช้นามปากกาว่า "จิตร พลจันทร์" ลงในนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2553
ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาว่า บทความที่ตีพิมพ์มีเจตนาแสดงความดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง จำคุก 10 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีที่ "นายสมยศ" หมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ.ที่ศาลจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปี ขณะนี้ "นายสมยศ" ถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
3.คดีนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
สำหรับ "นายสุรชัย" ถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดย 3 คดีแรกเป็นการปราศรัยบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เหตุเกิดในช่วงปี 2551-2553 และหลังจากนั้นยังมาถูกฟ้องอีก 2 คดี รวมจำคุก 5 คดี เป็นเวลา 12 ปี 6 เดือน และขณะนี้ "นายสุรชัย" ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
4.คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยกลุ่มคนเสื้อแดงถูกฟ้องต่อศาลว่า ได้ร่วมกันเผาเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ของศาลากลางจังหวัดอุดรธานีและเทศบาลนครอุดรธานี มีความเสียหายรวม 203 ล้านบาท
ต่อมาศาลจังหวัดอุดรธานีได้พิพากษาให้จำคุกจำเลย 5 คน ข้อหาวางเพลิงสถานที่ราชการ โดยจำคุก 22 ปี 6 เดือน 1 คน, จำคุก 20 ปี 6 เดือน 3 คน (เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน), จำคุก 11 ปี 3 เดือน 1 คน และจำคุกจำเลย 4 คน ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ โดยจำคุก 4 ปี 6 เดือน 1 คน, จำคุก 2 ปี 6 เดือน 3 คน ซึ่งจำเลยคดีเผาศาลากลางได้รับการประกันตัวไปแล้ว
5.คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีเหตุเกิด 19 พฤษภาคม 2553 ต่อมาศาลจังหวัดอุบลราชธานีพิพากษาลงโทษกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวน 4 คน ในข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหายกว่า 92 ล้านบาท จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน
6.คดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และสถานีโทรทัศน์ NBT ขอนแก่น
คดีกลุ่มคนเสื้อแดงเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (NBT) เหตุเกิด 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งความเสียหายของศาลากลางจังหวัดขอนแก่น จำนวน 135 ล้านบาท ส่วนความเสียหายของ "เอ็นบีที" จำนวน 225 ล้านบาท
สำหรับคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น จับกุมจำเลยได้แล้ว 3 คน และอัยการยื่นฟ้องต่อศาลข้อหาบุกรุก, ตระเตรียมการเพื่อวางเพลิง, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปและจะฟ้องเพิ่มอีก 39 คนซึ่งอยู่ระหว่างติดตามตัว ทำให้คดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นค่อนข้างล่าช้า ยังอยู่ในชั้นไต่สวน ส่วนคดีเผาสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น จับกุมจำเลยได้ 1 คน ถูกฟ้องข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ และผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศาลจังหวัดขอนแก่นตัดสินจำคุก 2 ปี จำเลยได้ประกันตัว
7.คดีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
ศาลจังหวัดมุกดาหารตัดสินจำคุกกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวน 13 คน คนละ 20 ปี ในข้อหาวางเพลิงเผาสาธารณสมบัติของแผ่นดินและบุกรุกสถานที่ราชการในคดีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งสร้างความเสียหาย จำนวน 85 ล้านบาท เหตุเกิด 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งจำเลยทั้ง 13 คนได้รับการประกันตัวไป
... เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว... ต่อไปก็คงขึ้นอยู่กับสังคมว่าจะยอมรับได้หรือเปล่า...
เปิด 2 มาตรา นิติกรรมอำพรางนิรโทษกรรม
มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว
มาตรา 4 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 วรรคหนึ่ง ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวน หรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวผู้นั้น
(หมายเหตุ : เปิดปูมร่างนิรโทษกรรมฉบับ'วรชัย เหมะ' 7 คดีใหญ่พ้นผิด : ขยายปมร้อน โดยโอภาส บุญล้อม)
http://www.komchadlu...ml#.UXSTL6I0xr1
เห็นเยี่ยงนี้แล้วรัดบานที่แล้วแม่มน่าเบื่อกว่าเยอะเลยขอรับ มีแต่ชั่งใข่, หนีทหาร, ตั้งรัดบานในค่ายทหาร, ไทยเข้มแข็ง, MOU43, น้ำมันปาล์ม... วนๆๆอยู่เนี่ยแหละ...
ไหนจะสู้รัดบานนี้ได้... มีเรื่องชั่วๆ เลวๆ ใหม่ๆ ให้มาลุ้นกัน... "แม่มจะทำเห้ไรกันฟะวันนี้"... ได้ทู๊กกกกกกกวันๆๆๆ แทบไม่ซ้ำหน้าซ้ำตัว วนเวียน เวียนเทียนให้ไม่ซ้ำซาก จำเจ... ช่างเป็นการตลาดนรกเมินจั นไรจริงจริ๊งขอรับ...