ส่วนกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก หรือ เอ็มโอยู ปี 2551 ที่ทำในสมัยนพดล ปัทมะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งทางฝั่งกัมพูชายกมาเป็นหลักฐานซึ่งส่งผลเสียและเป็นการขายชาตินั้น นายวีรชัย กล่าวว่า ฝั่งกัมพูชาได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อสู้ในศาลโลก ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงในถ้อยแถลงกลับไปแล้วว่า แถลงการร่วมของคุณนพดลที่ให้กัมพูชาทะเบียนปราสาทพระวิหารให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท เป็นไปตามเส้นเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2505 ไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่อย่างใด
http://www.matichon....atid=&subcatid=
แมลงสาปเงิบ
หากคุณติดตามประเด็นเรื่องนี้อย่างจริงจัง จะรู้ว่า
สิ่งที่ นพดล ออกมาแก้ตัวเสมอ คือ การนำพื้นที่ 4.6 ตร.ม. ร่วมขึ้นทะเบียนพร้อมกับ กัมพูชา ที่ขอขึ้นทะเบียนตัวปราสาท
โดยบอกว่าเป็นการปกป้องพื้นที่ของไทย เมื่อกัมพูชา ขึ้นทะเบียนตัวปราสาท ไทยขอขึ้นทะเบียนพื้นที่โดยรอบด้วย จริงเท็จประการใดไม่รู้ รู้แต่นี่เป็นคำแก้ตัวของนพดล
และถ้าคุณได้ชมการถ่ายทอดสดการแถลงต่อศาลโลก คุณย่อมรู้ว่า
รมต.ต่างประเทศ กัมพูชา ได้พูดว่า การขอขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหาร ต่อ ยูเนสโก้ นั้น ได้แนบแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไปด้วย
และการแถลงการร่วมกับ นพดล ซึ่งเป็น รมต. ต่างประเทศ ของไทย ขณะนั้น นายนพดล มิได้โต้แย้งเรื่องแผนที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
จริงเท็จประการใดไม่รู้
แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ เมื่อกัมพูชาได้อ้างว่า นายนพดล รมต.ต่างประเทศของไทย ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา ที่กล่าวอ้าง
ด้วยความเป็นคนไทย เป็นทนายไทย เป็นทูตไทย และกำลังสู้คดีกับกัมพูชาต่อศาลโลก
ก็ย่อมต้องปฏิเสธอยู่แล้วว่า ไทยไม่ได้ยอมรับแผนที่นั้นเด็ดขาด ย่อมต้องบอกว่า นายนพดลนั้น ยอมรับแค่ตัวปราสาท ไม่ได้ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา
ซึ่งรวมพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตร.กม. ไปด้วยแต่อย่างใด
แน่นอนด้วยความเป็นคนไทย การสู้คดีต้องยืนยันอย่างเดียวเลยว่า นายนพดล ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในฐานะ รมต. ต่างประเทศ ขณะนั้น
เพราะถ้าคนไทยไปบอกว่า นายนพดล ยอมรับแผนที่กัมพูชา ในการแถลงการร่วมแล้ว ไทยมิต้องแพ้คดีกับศาลโลก เลยหรือ
โปรดติดตามโดยรอบคอบ........