24 เม.ย.56 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับราคาข้าวเปลือกและราคาข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ราคาข้าวทั้ง 2 ชนิดมีความผิดปกติเนื่องจากราคาใกล้เคียงกัน โดยปกติรัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกเกวียนละ 15,000 บาท ถ้าสีเป็นข้าวสารต้นทุนจะประมาณ 23,000 บาท แต่เมื่อไปดูราคาข้าวย้อนหลัง 1 ปีมีความผันแปรในช่วง 1 - 2 เดือนล่าสุดจนน่าตกใจ คือมีนาคมและเมษายนที่ราคาข้าวสารตกลงอย่างรวดเร็วทำให้ในปัจจุบันราคาข้าวสารอยู่ที่ตันละประมาณ 15,000 บาทเศษ ซึ่งในส่วนนี้เป็นราคาปลายทางแล้ว แต่ถ้าคิดว่ารัฐบาลขายจากต้นทางอาจจะขายเพียงแต่ 8,000 บาท เท่ากับรัฐบาลน่าจะขาดทุนถึง 15,000 บาทต่อตัน เป็นสิ่งสะท้อนว่าข้าวที่รัฐบาลเร่งระบายมีการขายในราคาถูกมาก เพื่อเอาเงินมาโปะในโครงการรับจำนำข้าว สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง และเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นด้วย และตนเชื่อว่าในปีหน้ารัฐบาลจะไม่มีเงินจ่ายในโครงการนี้ เนื่องจากหมุนเงินไม่ทันเพราะไม่สามารถระบายข้าวออกนอกประเทศได้ เนื่องจากประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็งและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งยังกดราคาขายลงทำให้ราคาต่ำกว่าไทยถึงเกือบ 200 เหรียญสหรัฐฯ ด้วย
นายแพทย์วรงค์ แถลงต่อว่า ข้าวที่รัฐบาลรับจำนำไว้ไม่ได้ส่งออกไปนอกประเทศเพราะตัวเลขการส่งออกข้าวในเดือนเมษายนติดลบ 30% ดังนั้นข้าวที่รัฐบาลระบายออกมาจึงวนเวียนอยู่ในประเทศ และมีข้าวค้างส่งเข้าโกดังของรัฐบาลยังสูงถึง 2.34 ล้านตัน ซึ่งเชื่อข้าวที่ค้างในโกดังน่าจะมีกระบวนการสวมสิทธิชาวนาเพื่อเข้าสู่โครงการรับจำนำอีกรอบ เพราะเดิมมีการระบุว่าจะมีข้าวนาปีมีจำนวนทั้งหมด 15 ล้านตัน แต่ที่นำมาจำนำจริงในเดือนมีนาคมประมาณ 13 ล้านตัน ซึ่งในช่วงนี้ข้าวนาปีจะต้องหมดไปแล้วแต่กลับมีข่าวว่ายังมีนาปีค้างอยู่ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำส่วนต่างสองล้านตันนั้นมาสวมสิทธิชาวนา ในขณะที่ข้าวนาปรังเดิมบอกว่ามีปัญหาภัยแล้งจะมีผลผลิตแค่ 7 ล้านตัน แต่ตอนนี้บอกว่าจะมีผลผลิตเพิ่ม 9 ล้านตัน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสวมสิทธิในส่วนตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นายแพทย์วรงค์ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนเมษายนนี้ ที่ให้อำนาจการตรวจมาตรฐานสินค้า ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อการส่งออก เป็นของสำนักงานมาตรฐานสินค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่เพียงผู้เดียว แทนที่จะเป็นการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เนื่องจากจะทำให้การตรวจสอบตัวเลขการส่งออกข้าวออกนอกประเทศทำได้ยากขึ้น เพราะตัวเลขจะอยู่ที่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่รัฐบาลก็ปิดบังในเรื่องนี้มาโดยตลอด นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะมีปัญหาเรื่องมาตรฐานข้าวด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีข้าวของคนใกล้ชิดรัฐบาลที่ไม่ผ่านการตรวจมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าวของสภาหอการค้าฯ แต่มีผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์โทรศัพท์มาขอให้ผ่าน โดยทางสภาหอการค้าฯขอให้ทำหนังสือมาเป็นลายลักษณ์อักษรจึงให้ผ่านไป ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระทรวงพาณิชย์รวบอำนาจในส่วนนี้ไปดำเนินการเอง
ที่มา http://www.naewna.com/politic/49461
Edited by ดอกปีบ, 24 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:51.