เช ยังโชว์โง่ไม่เลิก
คอยแต่จะโยนขี้พวกตัวเองให้คนอื่นตลอด
แล้ว รบ. ไหนไปสนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนก่อนหล่ะ ที่ประชุมครั้งที่ 31 มันออกมาว่าไงหล่ะ
บอกว่าให้อ่านมาก่อน เอาความรู้มาคุยกันได้ไหม
1 . ตรงไหนของข้อสงวนสิทธิ์นี้ที่ระบุจำนวนปีครับ
2. เราขอสงวนสิทธิ์ต่อศาลโลก หรือว่าต่อองการสหประชาชาติครับ ตอบผมหน่อย
รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราถนาจะตั้งข้อ สงวน อย่างชัดเจนเพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่ประเทศไทยมีหรือพึงมีในอนาคตในการ เรียกคืนปราสาทพระวิหาร โดยใช้วิถีทางที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่มีอยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต
ตอบ
1. ถ้าอ้างประโยคนี้ เท่ากับ ยึดแนวทาง "โดยใช้วิถีทางที่ชอบด้วยกฎหมาย" ผมตอบว่า กฏหมายศาลโลกมีกำหนดให้แค่ 10 ปี
และตอบเสริมว่า ถ้าอนาคตมันไม่มีกฏหมายใหม่มาเข้าทางไทย ภายใน 10 ปี ไทยจะทำยังไง
2. อันนี้ไม่รู้ คุณลองอธิบายข้อมูลหและหลักฐานมาหน่อย ว่าควรจะเป็นยังไงแน่ อยากรู้เหมือนกัน
มาไล่ถามเพื่อจะเอาชนะหรือจะเอาเท่ห์ๆ หรือมีอะไรมาแลกเปลี่ยนเป็นทางออกที่น่าทึ่ง รอติดตาม
ตกลงนี่แต๋มไม่ได้อ่านที่ผมอุตสาห์เอามาแปะให้อ่านเลยใช่ไหม ... ยังดื้อตาใสไปศาลโลกอีกเอ้า ...
นี่ตั้งใจจะเป็น โจรขายชาติ กันจริงๆจังๆ ใช่ไหมเนี่ย โอเค งั้นเอานี่ไปดู นี่เป็นข้อสงวนสิทธิของไทย ที่ทั่วโลกรับรู้ ผ่านทางองค์การสหประชาชาติ สมัยที่ พณฯอู่ถั่น เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ
กรุงเทพ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2505 (ค.ศ.1962)
เรียน ฯพณฯ อูถั่น
รักษาการเลขาธิการสหประชาชน นิวยอร์ค
ข้าพเจ้าขออ้างคดีปราสาทพระวิหารซึ่งกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว ได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อ วันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) และศาลฯได้พิพากษาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505)ยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหาร
ในคำแถลงเป็นทางการเมืองวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ไทยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฯ โดยให้เหตผล รัฐบาลไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวขัดอย่างชัดแจ้งต่อบทบัญญัติ แห่งสนธิสัญญา ค.ศ.1904 และค.ศ.1907 ในข้อที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตลอดจนขัดต่อหลักกฎหมายและหลักความยุติธรรม ถึงกระนั้นก็ตามในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะปฎิบัติ ตามพันธกรณีแห่งคำพิพากษาตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ภายใต้ข้อ94 ของกฎบัตสหประชาชาติ
ข้าพเจ้าขอแจ้งให้ท่านทราบด้วยว่า การตัดสินใจปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีปราสาทพระ วิหารนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราถนาจะตั้งข้อ สงวน อย่างชัดเจนเพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่ประเทศไทยมีหรือพึงมีในอนาคตในการ เรียกคืนปราสาทพระวิหาร โดยใช้วิถีทางที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่มีอยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต และขอยืนยันการคัดค้านคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งวินิจฉัยให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
ข้าพเจ้าจึงขอเรียนมาเพื่อทราบพร้อมทั้งขอให้ท่านส่งหนังสือเวียนฉบับนี้ไป ยังประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติทุกประเทศ
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ถนัด คอมันต์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งประเทศไทย
http://www.naewna.co.../columnist/4865
ตามคำประกาศสงวนสิทธิ์นี้ เราไม่ยอมรับการตัดสินของศาลโลก แต่เพีือความเรียบร้อย เรายอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือตัวปราสาท โดยมีข้อสงวนสิทธิ์ว่าเราจะมาทวงคืนปราสาทในอณาคต อันนี้เราประกาศต่อสหประชาชาติและแจกจ่ายเป็นสำเนาไปทุกประเทศ อันเป็นเหตุให้กัมพูชาไม่สามารถขึ้นทะเบียนปราสาทเป็นมรดกได้แต่เพียงฝ่าย เดียวได้ เพราะมันติดขัดกับข้อสงวนสิทธิ์ของเราที่ประกาศใว้กับสหประชาชาติ
การไปออกแถลงการร่วมฯของไอ้เหล่ขายชาติ สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนฯแต่เพียงฝ่ายเดียว คือการทำลายข้อสงวนสิทธิ์นี้ของสยามครับ
Edited by เช neverdie, 26 April 2013 - 23:56.