เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปศาลอาญาในคดีที่เป็นโจทย์ร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ร่วมฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และพวกในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งในการตั้งข้อหาร่วมกับก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนนัดแรกเพื่อที่จะพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ โดยนายธาริตได้ประสานงานเพื่อขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่ายังไม่มีทนายความ เนื่องจากอยู่ระหว่างส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาข้อเท็จจริงและต้องการให้อัยการทำหน้าที่เป็นทนายความให้นายธาริตในคดีนี้ ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นเดือนก.ค.ต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การใช้สิทธิฟ้องร้องนายธาริต เป็นการใช้สิทธิตามกฏหมาย ไม่ใช่การข่มขู่ตามที่นายธาริต กล่าวหา เพราะมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาที่รองรับว่าตนและนายสุเทพถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องขอความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกคนควรปฏิบัติ ดีกว่าแนวทางใช้การข่มขู่ คุกคาม แบล็กเมล์หรือใช้มวลชนกดดัน หากนายธาริตจเห็นว่าตนใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ก็สามารถดำเนินการฟ้องศาลได้ด้วยเช่นเดียวกัน และอยากให้นายธาริตพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาลด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะกรรมการพิจารณาถอนฟ้องแกนนำเสื้อแดงในคดีก่อการร้ายตามข้อรัยกร้องของนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะขั้นตอนคดีอยู่ในชั้นศาลเป็นหน้าที่ของอัยการที่จะพิจารณา แต่คนเสื้อแดงก็ได้ไปยื่นเรื่องนี้ต่ออัยการด้วย ทั้งนี้อยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไป เพราะแกนนำคนเสื้อแดงก็สามารถไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อยู่แล้ว จึงอยากเตือนให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องระมัดระวัง เพราะหากทำอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ส่วนกรณีที่มีการอ้างคำพิพากษาของศาลแพ่งว่าไม่ได้เป็นการก่อการร้ายนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงเอามาใช้เป็นฐานในคดีอาญาไม่ได้ เพราะเป็นคนละส่วนกันและความจริงคำพิพากษาศาลแพ่งก็มีหลายกรณีที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า บ้านเมืองที่สงบกระบวนการยุติธรรมจะต้องเดินหน้าได้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม ไม่เช่นนั้น สังคมก็จะไม่มีกฏ กติกา ขาดความยุติธรรม ไม่สามารถยุติปัญหาได้เพราะหากใช้มวลชนข่มขู่คุกคาม กดดันเจ้าหน้าที่และศาลไม่เคารพกติกา เหมือนกับสังคมไม่มีกติกา ทุกคนก็จะเดือดร้อน จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยรักษาระบบของบ้านเมืองใช้กระบวนการยุติธรรมยุติปัญหา หากเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่ผลักดันทั้งกรณีการนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงการกดดันศาลรัฐธรรมนูญโดยการปฏิเสธอำนาจศาลว่า ต้องไปถามนายกฯและพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมจึงต้องการให้สังคมไปสู่การเผชิญหน้า ซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลในที่สุด เพราะหากฝ่ายตุลาการไม่สามารถทำหน้าที่ได้ รัฐบาลขุดนี้ก็จะเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะมีหน้าที่บริหารประเทศต้องลดความขัดแย้งแต่กลับมาสร้างความขัดแย้งเสียเอง ด้วยการพยายามเปลี่ยนดุยอำนาจของระบบ โดยมีเป้าหมายทุบระบบเดิมเพื่อสร้างระบบใหม่ในการรวบอำนาจ จึงขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะสุดท้ายจะเกิดความขัดแย้งรุนแรง หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะให้บ้านจเมืองมีความสงบก็ควรหยุดได้แล้ว
Edited by ดอกปีบ, 29 เมษายน พ.ศ. 2556 - 20:49.