ทำไม สวิส ถึงไม่เป็นสมาชิก สหประชาชาติ ครับ?
#1
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 - 08:23
http://th.wikipedia....ศสวิตเซอร์แลนด์
#2
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 - 16:46
เท่าที่จำได้ สวิส ถือว่าตัวเองเป็นประเทศเป็นกลางครับ ส่วนตอนสงครามโลก มิได้อยู่ฝ่ายไหน เป็นกลางเหมือนเดิม
#3
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 - 23:21
เป็นคำถามที่ผมเคยอยากรู้มากครับ ก็อ่านๆ มาบ้าง ขอสรุปกันแบบหางอึ่งว่า ที่จริงตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น สวิตเองก็พร้อมที่จะรบ เพราะตกในสภาวะสงครามที่ยากจะเลี่ยงได้ ฝ่ายเยอรมัน นาซี ก็มีใจที่จะยึดสวิตเพราะเห็นความมั่งคั่งในประเทศ อีกอย่างถ้าบุกสวิตได้ ก็จะตีฝรั่งเศสทางพรมแดนที่ติดกันได้ ถ้าดูรอบๆ ประเทศที่ติดกลับสวิสตอนนั้น มีด้านเดียวที่เป็นฝ่ายพันธมิตร นอกนั้นอักษะรุมกินโต๊ะหมด แล้วช่วงนั่นฝรั่งเศสเองก็จ้างทหารสวิสไปคุมชายแดน เนื่องจากเชื่อมั่นในความอดทน แต่ความพยายามของฝ่ายนาซีก็ไม่สามารถบุกเข้าชัยภูมิที่ดีของสวิตได้ เพราะมีการซุ่มยิงจากทางช่องเขา เรียกว่าแหล่งหลบซ่อนเยอะมาก ประชาชนเองก็เคยประท้วงให้เข้าสงครามนะครับ เพราะทนไม่ได้ที่นาซีทำ ศก ตกต่ำ แล้วคนเขาเพราะยึดมั่นใจประชาธิปไตย (ของจริง ไม่เทียม) มาก ซึ่งน่าแปลกใจที่ว่า แม้ประเทศจะมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา ศาสนาแต่ทุกคนปลงใจที่จะปกป้องสวิต และพร้อมจะเข้ารบ แล้วทางรัฐบาลก็เอาตัวรอดเก่ง พยายามเจรจาวางตัวเป็นกลางว่า กูไม่เกี่ยวจะเอากูเข้าไปทำไม แถมฝรั่งเศสเองก็ (แหล) โอบไว้เป็นลูกรัก เพราะเป็นปราการด่านสำคัญ โดยในสงครามโลกครั้งแรกก็จบประมาณว่ามีการเจรจาหลายครั้งเรื่องเขตแดนการรบ (ผมไม่รู้ว่าภาษาทหารเขาเรียกว่าอะไรนะครับ คงเป็นพวกสนธิสัญญา) สุดท้ายก็ตกลงเป็นว่าให้สวิตเป็นเขตกลางที่ไม่เข้าทำสงคราม แล้วสวิตก็เรียกกองกำลังทหารมาทำไร่ไถนา เพื่อลดความเป็นปรปักษ์ลง แต่ในช่วงนั้นสวิตเองก็ประสบปัญหาเรื่องการหลบหนีของฝ่ายนาซีและฝ่ายไตรภาคี ที่มาสุมหัวกันวางแผนรบบ้าง หนีบ้าง มารุมเรานักการเมืองให้สนับสนุนการรบบ้าง แต่คนส่วนมากก็พยายามขับไล่ตลอด แถมมีการตั้งแคมเปญด่าไตรภาคีเรื่องสงครามแบบไม่กลัวหน้าพรหมอินทร์ ตรงนี้คงแสดงถึงความเข้มแข็งกล้าตายของเขาได้เป็นอย่างดี
พอมาครั้งที่ 2 หนักกว่าเก่า เพราะครั้งนี้โดนรุกรานตามชายแดนตามนโยบายนาซีเจ้าเก่า แล้วก็มีไส้ศึกในประเทศที่ต้องการรวบสวิตให้เป็นนาซีด้วย ยิ่งเห็นว่าตอนนั้น ศก. ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันตกต่ำมาก เพราะฮิตเล่อร์เอาเงิน 2.2 ล้านๆ เฮ้ย ไม่ใช่ ไม่ทราบจำนวนไปซื้ออาวุธฆ่าคน ทางเขาก็ฉลาดสร้างเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่เยอรมันปฏิเสธไม่ได้ เกี่ยวกับเรื่องการขายทองคำและการซื้อขายสินค้าที่เยอรมันก็เลี่ยงไม่ได้สำหรับใช้รบใช้เลี้ยงปากท้องตนเอง (ไม่ใช่ประชาชนแน่ๆ ) แถมตอนนั้นสวิตเองก็ใช่จะค้าขายสะดวกโยธิน เพราะทางฝ่ายพันธมิตรก็กดดันห้ามทำการค้ากับนาซี แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ เพราะประมาณตอนนั้น ศก. ดิ่งเหวสุดๆ ถังแตกแหกกระเชิง มีแต่สวิสนี่แหละที่มีเงินเก็บไว้เยอะ ใครๆ ก็เลยเอาทองมาขายแลกเอาเงินสวิตทั้งนั้น (จำไม่ผิดว่าช่วงนั้นเงินที่มีค่าที่สุดในยุโรปที่สามารถทการค้าขายและใช้จ่ายได้คือ Swiss Franc เพราะเงินอื่นหมดความหมายทางการค้า) ช่วงนั้นทางสวิตเองก็แอ๊บเพิ่มกำลังทหารอย่างรวดเร็วหลายแสนนะครับ (คิดว่าคงเป็นความสมัครใจของคนประเทศเขาจริงๆ ) แต่แล้วพระเจ้าคุ้มครองครับ ทางสวิตมีการวางแผนรบบนเทือกเขา คิดดูนะครับว่า ไปตั้งรับเขากันบนเทือกเขาขาวๆ โพลน หรือมีป่าสนปกคลุม เครื่องบินฝ่ายนาซีจะเสล่อบินเข้าไปบุก อาจจะชนผาตายก็ใช่เหตุ คือยังไงก็โดนยิงตายห่าน สุดท้ายสรุปก็ยอมประกาศแบบไม่เต็มใจว่าให้เป็นกลาง แต่ก็พยายามรุกรานเพราะชาวยิวหนีไปหลบในนั้นเยอะมาก
แถมช่วงนั้นสวิตเองก็มีปัญหากับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งสหรัฐฯ เรื่่องยิงเครื่องบินตก คือจะบอกกว่าสวิตไม่ทำสงครามเลยก็ไม่ใช่นะครับ ตอนแรกผมคิดว่ามันจะรอดได้ไงวะ ไม่มีการใช้กำลังทหารเลยหรอ แต่ที่จริงเค้าดูแลตัวเอง โดนเยอรมันมาถล่มก็โกรธสิครับ ก็ยิงคืน แต่เยอรมันก็จ้องจะล่อพ่อ ยิงใส่พวกพวกพันธมิตรมันก็จะล่อแม่ แถมมีครั้งนึงประกาศนโยบายความอดทนเป็น 0 (เราน่าจะมีบ้างนะครับ 555) ใครหน้าไหนมาข้ามหัวกู กูจะยิงไส้แตก ปรากฏว่าช่วงนั้นสับสน ผมคิดว่าเครื่องบินมันคงทาสีคล้ายๆ กัน 55 เครื่องบินมะกันโดยสอยในเขตชายแดนสวิต แล้วมะกันก็เสือกไปสอยของสวิตกลับ ทางสวิตก็บอกว่ากูบอกแล้วอย่ามาบินผ่าน กูไม่รู้ของใครจริงๆ ไม่ได้ยิงด้วยมั้ง มะกันก็บอกว่ากูแค่บินผ่าน ถึงขนาดในครองเกรสมีการประนามว่าสวิตเป็นพวกที่เห็นใจเยอรมัน กูยอมไม่ได้ละ (อร๊าย ดูความร้ายกาจของมะกัน หวังฮุบทองเปล่าไม่รู้ 55) แต่นายพลไรมะกันคนนึง ชื่อไรจำไม่ได้ออกมาปกป้องว่า เครื่องบินบ้านกูโดยสอยเพราะเยอรมันเองจ้า สภาอย่าแถ...สรุปประวัติศาสตร์มันก็บันทึกไปตามว่าเยอรมันสอย ความตึงเครียดก็เบาลง แต่พอหลังจากนั้นอเมริกันออกมาขอโทษว่ายิงผิดทำนองนั้น อ่าว ไหนเป็นงั้น (ร้ายกาจ)
อันนี้แค่อึ่งๆ นะครับ มันมีประเด็นลึกๆ เยอะมากทางการเมือง การปกครอง ซึ่งยังอ่านไม่ไหวและยังไม่จบเพราะมันเป็น eng นะครับ ขอให้กูรูเข้ามาช่วยๆ กันนะครับ ผมเองก็อยากรู้เยอะ เพราะมันน่าทึ่งครับว่า เขารอดมาได้อย่างไร แผนการเขาล้ำลึกมาก สมที่เขาเฐานะทางการศึกษาและความรู้ของประชากรก็อันดับต้นๆ โดยเฉพาะการปลูกฝังการรักชาติเค้าแจ่มมากครับ ประวัติในช่วงที่เลวที่สุด ก็ยังมีเรื่องที่น่าสนใจและที่ดีสุด ถ้ารับเรื่องดีมาปรับใช้ก็จะเกิดประโยชน์ แต่รับเรื่องเลวๆ มาใช้โดยไต่ตรองก็ดักดาน
- คุณนายนอกบ้าน, หงส์แดง, Alone and 4 others like this
Savoir…
Savoir parler…
Savoir parler pour ne rien dire…
#5
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:02
มันมาก Thank you!
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
#6
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 02:12
ผมชอบนโยบายป้องกันประเทศของสวิสที่มันคล้ายๆของอิสราเอล ตรงที่ผู้หญิง-ผู้ชาย อายุตั้ง 18 - 48 ปีทุกคนต้องเป็นทหาร และทุกคนต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร ปีละ 3 เดือน ทุกคน สลับสับเปลียนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ แถมคนสวิสยังกระตือรือร้นที่จะเป็นทหารกันทุกคนเื่อได้เรียนรู้เทคโนโลยีการรบสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาไปทุกวัน ส่วนรัฐก็ได้ปลูกฝังค่านิยมรักชาติให้กับพลเมืองทุกคนทั้งปี
แต่แบบนี้ถ้ามาเป็นที่เมืองไทย พวกลูกท่านหลานเธอ อาเสี่ยเจ้าของบริษัทคงได้หนีทหารกันกระเจิง
- nastyfunky likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#7
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 06:52
แถมพกปืนอาวุธสงครามเดินกันได้ทั่วประเทศด้วยน่ะ 555ผมชอบนโยบายป้องกันประเทศของสวิสที่มันคล้ายๆของอิสราเอล ตรงที่ผู้หญิง-ผู้ชาย อายุตั้ง 18 - 48 ปีทุกคนต้องเป็นทหาร และทุกคนต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร ปีละ 3 เดือน ทุกคน สลับสับเปลียนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ แถมคนสวิสยังกระตือรือร้นที่จะเป็นทหารกันทุกคนเื่อได้เรียนรู้เทคโนโลยีการรบสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาไปทุกวัน ส่วนรัฐก็ได้ปลูกฝังค่านิยมรักชาติให้กับพลเมืองทุกคนทั้งปี
แต่แบบนี้ถ้ามาเป็นที่เมืองไทย พวกลูกท่านหลานเธอ อาเสี่ยเจ้าของบริษัทคงได้หนีทหารกันกระเจิง
- nastyfunky likes this
#8
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:00
แถมพกปืนอาวุธสงครามเดินกันได้ทั่วประเทศด้วยน่ะ 555ผมชอบนโยบายป้องกันประเทศของสวิสที่มันคล้ายๆของอิสราเอล ตรงที่ผู้หญิง-ผู้ชาย อายุตั้ง 18 - 48 ปีทุกคนต้องเป็นทหาร และทุกคนต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร ปีละ 3 เดือน ทุกคน สลับสับเปลียนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ แถมคนสวิสยังกระตือรือร้นที่จะเป็นทหารกันทุกคนเื่อได้เรียนรู้เทคโนโลยีการรบสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาไปทุกวัน ส่วนรัฐก็ได้ปลูกฝังค่านิยมรักชาติให้กับพลเมืองทุกคนทั้งปี
แต่แบบนี้ถ้ามาเป็นที่เมืองไทย พวกลูกท่านหลานเธอ อาเสี่ยเจ้าของบริษัทคงได้หนีทหารกันกระเจิง
แต่ปัญหาอาชญากรเขาต่ำนะ สวนทางกับบ้านเรา ห้ามพกปืนแต่ยิงไส้แตกทุกวันนะคับ หุๆๆๆๆ
- Tohchida and Lucas Leiva Benitez Rodger like this
#9
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:32
โหหห ท่านเล่าได้สนุกมาก
อย่าปล่อยกระทู้นี้ตกนะครับ ติดตามอยู่
#10
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 11:37
แถมพกปืนอาวุธสงครามเดินกันได้ทั่วประเทศด้วยน่ะ 555ผมชอบนโยบายป้องกันประเทศของสวิสที่มันคล้ายๆของอิสราเอล ตรงที่ผู้หญิง-ผู้ชาย อายุตั้ง 18 - 48 ปีทุกคนต้องเป็นทหาร และทุกคนต้องเข้ารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร ปีละ 3 เดือน ทุกคน สลับสับเปลียนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ แถมคนสวิสยังกระตือรือร้นที่จะเป็นทหารกันทุกคนเื่อได้เรียนรู้เทคโนโลยีการรบสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาไปทุกวัน ส่วนรัฐก็ได้ปลูกฝังค่านิยมรักชาติให้กับพลเมืองทุกคนทั้งปี
แต่แบบนี้ถ้ามาเป็นที่เมืองไทย พวกลูกท่านหลานเธอ อาเสี่ยเจ้าของบริษัทคงได้หนีทหารกันกระเจิง
แต่ปัญหาอาชญากรเขาต่ำนะ สวนทางกับบ้านเรา ห้ามพกปืนแต่ยิงไส้แตกทุกวันนะคับ หุๆๆๆๆ
เหมือนกับว่า กฏหมายห้ามคนทำชั่วไม่ได้ แต่ปืนตัดตอนคนทำชั่วได้ คิดว่าอย่างนั้นครับ
อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.
"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน