...มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่ รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อ จำกัดความเป็นประชาธิปไตย...
ผมไม่ได้ ยกคำพูดนี้ เพื่อ จะตีแผ่ หรือ กล่าวถึง รัฐธรรมนูญ ปี 2550 นะครับ
เพราะ รายละเอียด มันเยอะ เกินกว่า จะพูดได้ หรือ แม้แต่ มีเวลาอ่าน จนหมด (ผมเคยอ่านไม่กี่ หัวข้อ เท่านั้น)
แต่ผม อยากแสดงความเห็น เกี่ยวกับ ประชาธิปไตย ในความหมาย
ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบกัน แบบภาษาชาวบ้าน นะครับ
แล้วเดี๋ยว ผม จะถามคำถาม
ตัวผม มองประชาธิปไตย แบบซื่อ ๆ เลย คือ
มันเป็น เหมือน คำที่แสดงถึง เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน
หนึ่งคน ย่อม มีสิทธิ 1 สิทธิ รวยจน ไม่สำคัญ
ตำแหน่งอะไร ยศ อะไร ก็ไม่สำคัญ ขอเพียง เป็น ประชาชน โดยถูกต้องตามกฏหมาย
ประเทศนี้ ก็ให้สิทธิ ที่จะทำอะไร โดยไม่ไปก้าวล่วง สิทธิ ของผู้อื่น
ผู้คน สามารถ ประกอบ อาชีพ อะไร ก็ได้
ตราบที่ อาชีพนั้น ไม่ผิดกฏหมาย
และ สามารถ แสดงความเห็น ใด ๆ ก็ได้
ตราบที่ ความเห็นนั้น ไม่ผิดกฏหมาย
ก็ พูดกันแบบชาวบ้าน ถ้าไม่ได้ ทำอะไรผิด
คิดร้าย กับใคร เรามีสิทธิ ทำอะไร ก็ได้ เลือกได้
ดำเนินชีวิต ได้ ตามปกติสุข
สามารถ เลือกตัวแทน เป็นปากเป็นเสียง แทนเราได้
เลือก คนที่จะมาปกครอง แบ่งปัน บรรเทา ความเดือดร้อน
ให้เรา โดยทั่วกัน ไม่แบ่ง ชั้นวรรณะ หรือ ญาติ มิตร เพื่อนฝูง
เอาละ มาถึง คำถาม
ทักษิณ เป็น ประชาธิปไตย หรือไม่
ถ้าเป็น เหตุใด ทักษิณ จึง มีความพยายาม ที่จะ หลีกเลี่ยง " กลไก ตามกฏหมาย "
ซึ่งเป็นครรลอง ที่ถูกต้อง ตาม รัฐธรรมนูญ ปี " 2540 "
เหตุใด จึงเลือกใช้วิธี " เพิ่มเสียงใน สภา ให้มากที่สุด "
เหตุใด จึงเลือกวิธี " คุมเสียง ในสภาสูง ให้มากที่สุด "
เหตุใด จึงเลือกวิธี " จำกัด สิทธิ การแสดงออก ของผู้เห็นต่าง "
เหตุใด จึงใช้วิธี " แก้กฏหมาย เพื่อประโยชน์ ในการทำธุรกรรม ของธุรกิจ " เช่น การขยายสัดส่วน การถือหุ้นของต่างชาติ ในธุรกิจโทรคมนาคม
จาก 25% เป็น 50% เพื่อการขายหุ้น ชินคอร์ป
ถ้าถาม คนที่เป็นชาวบ้าน ทั่วไป การพยายาม มีสิทธิ กระทำการ
หรือ จำกัด สิทธิ ฝั่งตรงข้าม ไม่ให้ใช้สิทธิ คัดค้าน
หรือ ถ้า สามารถ แสดงออกได้ แต่ ก็ไม่สามารถ หยุดยั้ง การกระทำ
ที่ เอื้อ ประโยชน์ ให้ตนเอง และ พวกพ้อง
ชาวบ้าน ตาดำ ๆ มองว่า นี่เป็น การใช้ อิทธิพล อย่างหนึ่ง
ถ้า การแสดงออก ซึ่งเหตุผล ชี้ผิด ชี้ถูก ไม่สามารถ
ทำอะไร ได้มากไปกว่า พูด ออกไป แต่ ไม่มี ผลกระทบ ใด ๆ
เกิดขึ้น มากไปกว่า แค่ได้พูด
เพราะ อำนาจในการตัดสินใจ ในเรื่องใด ๆ อยู่ที่การครองเสียง ข้างมาก
ถามว่า ถ้า มีการตกลง แบ่งปัน กันซึ่งผลประโยชน์ ที่ลงตัว
กันในกลุ่ม ผู้แทน แล้ว ใช้ เล่ห์เหลี่ยม
ในการ แสดงผลงาน (present) ซึ่งบางครั้ง ก็ไม่ใช่ผลงาน ตนเอง
ตบตา ประชาชน หมู่มาก
การกระทำใด ๆ ก็มักจะผ่าน ลุล่วงไปได้
ซึ่งถ้า มองถึง ผลของมัน ดี ๆ จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่
ผลที่ควรเกิด ซึ่งเป็นประโยชน์ ต่อคนส่วนใหญ่
เราเรียก สิ่งนี้ ว่า " ประชาธิปไตย แต่เปลือก " ได้หรือเปล่า
เพราะ โดยเนื้อแท้ แล้ว การให้สิทธิ ต่อผู้เห็นต่าง มีแค่ผิว ๆ เท่านั้น
แล้วถ้า จะมองว่า การทำรัฐประหาร คือ การทำให้ ประเทศ ถอยหลังเข้าคลอง
มาดูตัวเลข ทางเศรษฐกิจ ของ ช่วง ที่ สุรยุทธ เป็น นายก กันหน่อย ดีไหม
เงินทุนสำรอง ระหว่างประเทศ 22 ก.ย. 2549 61.8 พันล้าน usd
21 ธ.ค.2549 85.5 พันล้าน usd
http://www.bot.or.th.../Keycom2007.pdf
หนี้ สาธารณะ ธ.ค.2549 (ย้อนได้แค่นี้) 3,162,063.57 บาท
ธ.ค.2550 3,183,775.60 ล้านบาท
http://www.pdmo.go.t...ata.php?m=money
เป็นไงครับ ผลงาน ไม่เลว เลยใช่ไหม เงินทุนสำรอง มากขึ้น อย่างเป็นเปอร์เซนต์ ที่สูง
แต่หนี้ กลับเพิ่ม ในเปอร์เซนต์ ที่ต่ำ
พอ จะบอกได้ว่า ประเทศ ถอยหลัง ได้ไหมครับ
คืออยากบอกว่า ประเทศ มันจะถอยหลัง จริง ๆ ล่ะครับ
ถ้าประชาชน ยังยึดติด อยู่ที่เปลือก แต่ไม่ดู เนื้อใน
ดูเจตนา ของทักษิณ เอาเอง เถอะครับ
เปล่าประโยชน์ จะไปเถียงเรื่อง การเอาชนะ ในการเลือกตั้ง
มีกลยุทธ์ อยู่ ร้อยแปด พันเก้า วิธี ที่นักเลือกตั้ง จะใช้ เพื่อการเอาชนะ อยู่แล้ว
แต่สำคัญคือ ตอนมาปกครอง ได้ให้ ความเท่าเทียม
เหมาะควร กับสิทธิ ตามประชาธิปไตย แก่บุคคล ทุกผู้ทุกนาม ได้ เท่าเทียมกัน หรือไม่